การแต่งงานดั่งความฝันยามค่ำคืน ตะวันสาดแสงแรงกล้าภาพทุกอย่าง แจ่มชัด เหลือเพียงหยดน้ำตาจากคำลวง .......... "ไม่นอนฉันจะปิดไฟ ถ้ายังไงเธอไปนอนห้องเดิมสิ คืนนี้ไม่ต้องรอฉันกดเธอใต้ร่างอีกหรอกนะ ฉันไม่มีอารมณ์" ดุจฝันยังเอาหมอนปิดหน้า เธอไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้วแต่ไม่อยากออกไปนอกห้อง เด็กในบ้านจะนำเรื่องนี้ไปถึงหูแม่เลี้ยงสร้อยฟ้า ท่านจะซักถามโน่นนี่ สามีนั้นกลับคิดอกุศลว่าเธอรอให้เขาทำเรื่องอย่างว่า "ฉันไม่ไปไหนที่นี่ห้องฉัน" "คุณปิดไฟได้เลยค่ะฝันไม่รบกวน คิดว่าฝันไม่อยู่ในห้องเหมือนทุกคืนสิคะส่วนเรื่องอื่นฝันไม่ต้องการซะหน่อย" "อย่างเธอหรือไม่ต้องการวันทั้งวันคงแต่งตัวรอผัวกลับบ้าน" รวีพงษ์ยิ้มเยาะ "ไฟฉันปิดแน่" ดุจฝันรับรู้ความมืดที่โอบล้อมรอบตัวหยิบหมอนออกจากใบหน้า ในห้องมืดสนิท เวลาที่หมุนช้าๆนับจากนี้จะมีเพียงเธอนั่งถางตาเพราะนอนไม่หลับ หลายคืนที่เธอไม่ได้พักผ่อน คืนนี้อีกสักคืนจะเป็นไรไป
ดุจฝัน ธีระกร นั่งมองแผลเป็นบริเวณริมแก้มซ้ายใกล้ใบหูที่เป็นแนวยาวราวหนึ่งนิ้วซึ่งมันดูน่าเกลียด นัยน์ตาสีเทาหม่นหลบการมองใช้ผมสีดำสนิทราวเส้นไหมซึ่งยาวกว่าสามสิบนิ้วมาปกปิดไว้ จากนั้นกวาดตามองเครื่องสำอางราคาแพงที่แม่เลี้ยงสร้อยฟ้าซื้อมาฝาก และหยิบโลชั่นบำรุงผิวมาเทใส่มือเล็กลูบไล้ทาอ้อยอิ่งที่แขน หน้าตาไม่ได้สวยงามหมดจด ให้มีกลิ่นหอมบ้างก็คงดี สามีจะได้ไม่ทำหน้าตาเย็นชาใส่เธอนัก หวนคิดถึงใบหน้าสามีเมื่อทาโลชั่น ถ้าลดสายตาเย็นชาลงบ้าง นัยน์ตาสีถ่านคงชวนให้น่ามองยิ่งนัก
จังหวะนั้นประตูห้องเปิดออก เรือนร่างบอบบางขยับตัว รู้สึกอึดอัดแต่ยังนั่งอยู่ที่เดิม
“ทำไมยังไม่นอน บอกกี่ครั้งไม่ต้องมานั่งทาน้ำหอมยั่วผัว ถ้าฉัน ‘อยาก’ มีน้ำหอมหรือไม่มีเธอต้องสนองให้ฉัน แม่ฉันเลี้ยงเธอมาเพื่อให้ฉันระบายความใคร่ ยังไงฉันก็ต้องใช้ให้คุ้มค่า”
ขวดโลชั่นกลิ่นดอกไม้ถูกวางลงเบาๆ ดวงตาเริ่มมีน้ำตาแวววาว หัวใจเมื่อไหร่จะด้านชา มันเนิ่นนานที่ต้องเจอแบบนี้ ทำไมยังทนเจ็บอยู่ ร่างสูงใหญ่มายืนใกล้ตรงหน้าต้องทำใจให้เย็นเหมือนไม่รู้สึกอะไร
“คุณกินอะไรมาหรือยังคะ”
“ทำไมไม่สะทกสะท้านเลย ฉันพูดกับผนังห้องเหรอเนี่ย”
“ว่าไงคะกินมาหรือยัง”
คนโดนถามมีเสียงจิจ๊ะไม่พอใจ ดุจฝันแสดงความรู้สึกห่วงใยให้เขารับรู้ สักวันเขาคงเห็นใจ มองเมียอย่างเธอ ในสายตาบ้าง ไม่ต้องมาเยาะเย้ย ประชดประชันก็ร่ำไป
“ฝันเป็นห่วงจริงๆ นะคะ ไม่เคยเห็นคุณกินข้าวด้วยกันเลย”
“คิดไม่ได้อีกหรือ ฉันกินไม่ลง และบอกไว้เลยเอาใจแม่ฉันก็พอ ฉันไม่ได้ต้องการอะไรแบบนี้ หลีกไปหน่อย”
เขามองดูชุดนอนที่เธอสวมใส่ ดุจฝันก้มหน้า เรื่องที่เขาประชดประชันทุกถ้อยคำต้องทำหูทวนลม คนไม่มีที่ไปอย่างเธอต้องทนแบบนี้ หน้าชื่นอกตรม
“ดูเสื้อผ้าเธอสิ ฉันว่าจะไม่พูดเรื่องนี้แต่เก็บปากไว้ไม่ได้จริงๆ”
“มีอะไรคะ เสือ้ผ้าฝันมีอะไรหรือ ”
“แต่งตัวด้วยชุดสวยๆ นั่งสบายๆ ทั้งวันนะ อยู่ในไร่จะแต่งสวยไปทำไมนักหนา ยั่วคนงานก็ไม่ได้ ที่นี่มีแต่คนงานผู้หญิง”
เมื่อก่อนเธอไม่เคยแต่งตัวแบบนี้ เคยเห็นรูปถ่ายที่อยู่ในห้องนอนเดิม ดุจฝันจับเนื้อผ้าของชุดนอนตรงชายเสื้อ ตอบตะกุกตะกัก
“แม่เลี้ยงซื้อมาไม่ใส่ก็เสียดายค่ะ… ของดีๆ ทั้งนั้น ถ้าคุณไม่ชอบฝันจะไม่ใส่อีกแล้ว”
“ อย่างอื่นเธอยังเอามาได้เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ ใส่ไปก็แล้วกัน แม่จะมาว่าฉันอีก เบื่อจะฟัง”
สามีไม่เคยตามใจเธอ ทำทุกอย่างเพราะแม่เลี้ยงสั่ง การพูดคุยของทั้งสองจึงมีน้อยมาก เรื่องที่อยากพูดอยากถาม ได้แต่เก็บไว้ในหัวใจ ซึ่งนานวันก็เจียนจะทนไม่ได้ บางครั้งอยากหาที่โล่งๆ ตะโกนเรื่องราวที่อึดอึด ถามว่าเธอเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่ เคยทำผิดกับคนที่นี่มากน้อยแค่ไหน ทำไมทุกวันต้องโดนเหน็บโดนประชดประชัน
ร่างสูงกำลังจะเดินไปห้องน้ำ ดุจฝันก้มมองแหวนแต่งงานซึ่งเป็นเพรชเม็ดโต เธอเป็นเมียผู้ชายตรงหน้า ทว่าความสงสัยเรื่องการแต่งงานยังดังก้องในหัว ทำไมเขามาแต่งงานกัน เพราะหลายเดือนที่อยู่ด้วยกัน สัมผัสได้มากขึ้นทุกวันคืน ไม่มีคำว่ารักกับชีวิตคู่ที่ได้เริ่มต้น ซ้ำอาจเกลียด ถามเสียอย่าให้คาใจคงดี อยู่แบบนี้รังแต่จะอึดอัด หญิงสาวใช้มือขวากุมแหวนแต่งงานที่นิ้วนางข้างซ้ายแน่น สูดลมหายใจลึกๆ
“คุณ พ่อเลี้ยงคะ ฝันถามได้ไหมทำไมคุณยอมแต่งงานกับฝันละคะ ยิ่งอยู่กันนานวันฝันรู้ว่าคุณเกลียดฝัน เราไม่รักกัน หรือฝันคิดมากไป”
ใจบางๆ สั่น กลัวคำตอบแต่ความจริงก็คือความจริง เธอจะหลบหนีมันไปได้นานแค่ไหน
สายตาคมเข้มข้นเหมือนมีโทสะ คิ้วดกหนาสีดำเลิกขึ้นน้อยๆ วงหน้าหล่อเหลากำลังจะกลายเป็นซาตาน เจ็บที่ต้องเห็นมันร่ำไปแต่ต้องทนมอง ทนเจ็บและนิ่งฟัง แม้ในใจไม่ชินกับเรื่องนี้ น้ำตาก็ไม่เคยหยุดไหลเมื่อต้องทนอยู่แบบนี้ทุกวัน
“ทำไมเพิ่งมาถาม ฉันคิดว่าเธอไม่มีหัวคิดเรื่องนี้เสียอีก คิดว่าใช้ชีวิตชิลๆ กับความสุขสบายจนชิน มองข้ามเรื่องพวกนี้ เธอมันพวกทำทุกอย่างได้เพื่อความสุขสบายของตนเองเท่านั้น”
“ทำไมคุณพูดแบบนี้คะ ฝันแค่ไม่กล้าพอ ตอนนี้ฝันทำใจไว้แล้ว มีอะไรก็บอกฝันมาเถอะ ถ้าคุณต้องฝืนทน เราจะฝืนทำไม ฝันเองก็คิดมาก นอนไม่หลับนะคะ เราไม่เคยมีคำว่า ครอบครัว ฮือๆๆ ฝันเหนื่อยแล้ว เหนื่อยท่าทีเย็นชาของคุณ เหนื่อยที่ต้องคิดว่าคุณคิดถึงแต่คนอื่น ไม่มีเมียคนนี้ในหัวใจสักนิด ”
น้ำตาแห่งความคับแค้นใจออกมาจากดวงตาเศร้าสร้อย มือเล็กป้ายเช็ดให้ออกจากแก้มนวลแต่เช็ดเท่าไหร่ก็ยังคงไหลบ่า สามีเบือนหน้าหนีเธอรั้งแขนล่ำสันไว้ เขามีคำตอบจะเดินนี้แบบนี้ไม่ได้
“อย่าเดินหนีสิคะคุณ มาพูดกับฝัน วันนี้ฝันกล้าถาม วันนี้คุณรู้ว่าฝันไม่ได้มองข้ามเรื่องนี้ คุณควรจะเคลียร์นะคะ ได้โปรดให้คำตอบฝัน”
“ทำไมต้องเป็นฉันที่ต้องเคลียร์มัน ที่ต้องมาอธิบายคนอย่างเธอ ทำไม …หยุดพูดมาก หลีกไปเดี๋ยวนี้!”
มือใหญ่สะบัดสุดแรง ดุจฝันสะอื้น “ฮือๆๆๆ คุณใจร้ายที่สุด ทำไมใจร้ายกับฝัน ฝันดีกับคุณมาตลอด ดูแลทุกอย่างเท่าที่เมียคนหนึ่งจะทำให้สามีได้ ไม่เคยขัดใจ เราแต่งงานกันแล้ว ฝันเป็นเมียคุณ ถึงอย่างไรได้ชื่อว่าเมีย”
“หยุดฟูมฟาย ไม่ว่าคำตอบเป็นยังไงถ้าความจำเธอดีเมื่อไหร่ก็รู้เอง ตอนนี้อยู่ไปเถอะ ที่นี่คือวิมานสำหรับเธอไม่ใช่หรือ วิมานที่เธออยากเป็นเจ้าของ”
เขาเดินจากไปทิ้งคำพูดประชดประชันเช่นเคย ดุจฝันเอื้อมมือหวังคว้าแขนแต่ร่างใหญ่ว่องไว หายเข้าห้องน้ำ ดุจฝันสะอื้น รู้สึกปวดหัว เธอต้องการอากาศที่ปลอดโปร่ง หญิงสาวเลือกเดินไปที่ระเบียงห้อง…อีกนานเท่าไหร่เธอจะจำเรื่องในอดีตได้ ไม่อยากอยู่อย่างนี้อีกแล้ว
อทิตยาคือหญิงสาวที่นายพลภัทรอุปการะไว้ตั้งแต่อายุสิบขวบ เธอรัก เคารพนายพลเหมือนพ่อแต่กลัวคุณหญิง ภรรยานายพลมาก ดังนั้นเมื่อโตเป็นสาวเธอก็ไม่กล้าเข้าใกล้นายพลอีก จนกระทั่งภัทรกร ลูกชายคนโตของนายพลเข้ามาแทรกซึมให้หัวใจที่ว้าเหว่อบอุ่นขึ้น เธอหลงรักเขาอย่างห้ามใจไม่ได้ เธอยอมเป็นคนในความลับ เพื่อรอวันที่จะได้ทะเบียนสมรสจากเขา แต่แล้ววันหนึ่งคนรักเขากลับมา เขาไม่รีรอที่จะมอบเงินให้เธอ ตัดสัมพันธ์ที่เธอหวงแหนลง แล้วเธอจะพูดอะไรได้ นอกจากทำตามที่เขาต้องการ ทว่าเมื่อรู้ว่าตั้งท้องเธอก็เปลี่ยนใจ อยากให้ภัทรกรรู้เรื่องลูก แต่เขากลับคิดว่าเธอโกหกเพราะคิดจะจับเขา หญิงสาวเสียใจมาก เธอยอมไปจากบ้านดลจิตรตามที่คุณหญิงสั่ง เพราะที่นี่ไม่มีใครช่วยเธอได้ นายพลเธอก็ไม่อยากให้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเธอ
กัญญายอมมาเป็นผู้หญิงของรอน กวี อลอนโซแทนน้องเพื่อใช้หนี้ให้พ่อ แม้เธอจะต้องทิ้งรักแรกแต่ก็ไม่สามารถหลีกหนีได้ ทว่าวันหนึ่งกลับเจอว่าน้องสาวและคนรักเก่ากำลังคบหาจะแต่งงานกัน เธอได้รับรู้ที่ผ่านมาไม่มีใครสนใจถึงความเสียสละของเธอแม้แต่น้อย กัญญารู้สึกโดดเดี่ยว เสียใจเป็นที่สุด และในเวลานั้นรอนก็กำลังจะแต่งงาน ยุติความสัมพันธ์กับเธอ ซ้ำจะยกเธอให้ลูกน้องเขา เธอไม่มีค่ากับใครเลยหรือ?
เขาทิ้งเธอไว้ไปในวันฝนพร่ำเพื่อไปหาคนรักที่รอคอยมาเนิ่นนาน ความฝันที่จะได้เคียงคู่พลันมลายลง เธอเป็นแค่คนผ่านทาง เธอจะไม่ร้องไห้ แต่ทำไม น้ำตาไหลไม่หยุดแบบนี้เล่า ------------------------ เพราะยินยอมพร้อมใจเป็นเด็กเลี้ยงของหมอดลทัช เมื่อเขาจะจากไป โดยที่ไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ชลรัมภาจำต้องยอมรับความทุกข์ ความปวดร้าวให้ได้ ทว่าเมื่อต้องเจอหน้าเขาอยู่ร่ำไป เพราะเธอคือเพื่อนรักน้องสาวเขา เธอจะทำตัวเช่นไรดี ให้เขาไม่สมเพช ไม่เห็นน้ำตาที่ไม่มีค่าของเธอ
เพราะอนาคตของน้องสาว เพราะแม่ พลอยหวาน สาวสมองขี้เลื่อยจึงต้องมารับกรรมที่ไม่ได้ก่อ คีตะคราม เขาหล่อ แต่เขาร้าย แต่ไม่ปราณีเธอ แม้เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ วันที่หลานชายเขาฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล เธอรู้ว่าตนเองท้อง ทว่าพ่อของลูก คนใจร้ายคนนั้นไม่ยอมรับฟัง เขายังต้องการให้เธอไปให้ไกลตาหลานชายของเขา แต่กลับไปบ้าน สักวันคนบ้านนั้นอาจจะรู้เรื่องน้องสาว ที่ไม่เคยเหลียวแลพี่สาวอย่างเธอ ดังนั้นเธอต้องไปหางาน หาเงินเอาข้างหน้า คลอดลูกเมื่อไหร่ จะเอามาให้พ่อเขาก็แล้วกัน ไม่โกรธแม่ใช่ไหมลูก? เธอน้ำตาไหล เธอหวังลูกจะตอบกลับเป็นประโยคเดียวกับคำถามของเธอ
เรื่องราวของอัญชลียาผู้ซึ่งยึดมั่นในความผูกพัน จนกลายเป็นความรัก แม้รู้ว่าคุณอคินของเรามีให้แค่เงินและสัมพันธ์ทางกายเธอก็ยังไม่เปลี่ยนใจจากเขา จนกระทั่งวันที่ต้องลาจากมาถึง เพราะคนรักที่เขาสัญญาจะแต่งงานด้วยกลับมาจากเมืองนอก ความผูกพันของเธอก็ดูไร้ค่าจนน่าสมเพชตนเอง และเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมายทำให้ความรักกลายเป็นความแค้น เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามกันในเล่มนะคะ ------ “ฉันไปนะอันอัน อย่าลืมฝากคีย์การ์ดไว้ที่เคาน์เตอร์นะ” “อะไรกันแค่คีย์การ์ด ฉันจะเอาไปทำไม” อันอัน เช็ดหน้าเดินไปหาเสื้อผ้า ดึงของใช้ตนเองออกมา” “เธอจะโมโหทำไม เอ๊ะ! หรือว่าคิดไม่ทำตามสัญญา อย่าเชียวนะ นั่นๆ ดึงไปให้หมดเลยเสื้อผ้าพวกนั้น” เขายืนมอง ปากก็พูดไล่อีกครั้ง หญิงสาวหันไปมองเขา “เลือดเย็นกับฉันจังเลยนะอคิน ทั้งที่เมื่อคืนปากบอกว่าชอบฉัน” อดไม่ได้จะตัดพ้อ แต่เขาคงฟังเป็นถ้อยคำน่ารำคาญ เพราะหันหลังหนีไปอีกครั้ง หยิบกุญแจรถขึ้น “เวลาเข้าด้ายเข้าเข็ม กำลังมันส์จะให้พูดว่าเกลียดหรือไง เธอเองก็ชอบนี่น่า พอๆ อย่าหาเรื่อง นั่นเช็คนะ ดูแลตัวเองด้วย” อย่างน้อยยังมีน้ำใจ แม้จะออกมาเพราะเธอคาดคั้น อัญชลียาหันมองเช็ค ใจแห้งเหี่ยวเดินเข้าไปแต่งตัว พร้อมกับเจ้าของห้องหรูเดินห่างไป เสียงประตูปิดลง หญิงสาวผู้ไม่เคยแสดงความอ่อนแอ นั่งลงปาดน้ำตา ขอบคุณทุกการสนับสนุนค่ะ ทรายสีรุ้ง
เขารักคนอื่น กำลังจะแต่งงานกัน ในค่ำคืนหนึ่งเธอกลายเป็นของเขาด้วยความงงๆ อยากบอกเขาให้รับผิดชอบ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร แต่คนที่เขาจะแต่งงานเป็นคนที่เธอรัก เคารพ อารยายอมตัดใจ แม้อุ้มท้องและโดนพ่อด่าทอ ทุบตี ว่าแย่งของคนอื่นเธอก็ไม่อาจโต้แย้ง ---------------------- “อย่าเพิ่งไป” มือใหญ่คว้ามือเธอไว้ อารยาสะบัด “จะกลับแล้ว ถ้าคุยเรื่องไร้สาระ” “การที่เรานอนกันดุเดือดคืนนั้น เธอพูดว่าไร้สาระเหรอ ฉันคงจะคิดผิดเสียแล้ว ว่าเธอไร้เดียงสา” ดวงตาคมโตหันไปถลึงตา “พูดอะไรเงียบไปเลยนะ” โยธินหัวเราะขื่น “แสดงท่าทีแบบนี้ ยอมรับแล้วสินะ” อารยากำหมัดแน่น มองซ้ายขวา ที่นี่คงให้เธอตะโกนให้หายแค้นใจได้ “ยอมรับแล้วไง คุณก็ไม่สามารถทำอะไรให้ฉันกลับมาเป็นคนเดิม พอๆ เลิกพูดเรื่องนี้ อย่ามายุ่งกับฉันอีก!” ไม่คิดจะกลายเป็นคำพูดนี้ที่ปิดการสนทนา เธอแหงนมองท้องฟ้า ห้ามน้ำตาไม่ให้ไหล ไม่มีอะไรดีขึ้น จะร้องไห้ไปทำไม “เธอหวังอะไรล่ะ น่าจะรู้ฉันจะแต่งกับพี่สาวเธอเท่านั้น” อารยากำหมัดแน่น พลั่ก! “โอ้ย!” โยธินกุมจมูก สบถเสียงดัง “เธอเป็นบ้าอะไร เจ็บนะ” “ให้คุณมีสติและคิดบ้าง ตั้งแต่เกิดเรื่อง ฉันเคยอ้อนวอนอะไรคุณบ้าง ฉะนั้นอย่ามาตัดสินว่าฉันคิดหรือไม่คิดอะไร เข้าใจไหม” โยธินอึ้งไปแต่ไม่ยอมแพ้ “ผู้หญิงเก็บกด อยากลองจะว่างั้น แล้วทำไมไม่บอกกันดีๆ ล่ะ แอบลอบเข้าไปมันคงเร้าใจใช่ไหม ก็แน่ล่ะ หุ่นผมมันคงน่ากิน” อารยายกมือจะซัดอีกครั้งแต่กลับโดนรวบที่เอว ก่อนใบหน้าบึ้งตึงจะก้มลงมาบดจูบปากเธอ หญิงสาวพยายามกระทืบเท้าเขาและดิ้น คนบ้านี่ ทำอะไรอีก
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ