/0/4944/coverbig.jpg?v=886e3535c9142e97fc11313b013e3664)
เหม่อมองท้องฟ้าคืนนี้ผ่านทางดวงจันทร์ แล้วคุณอาจพบว่ามีใครบางคนทอดมองคุณผ่านทางดวงจันทราจากที่ไกลแสนไกล… นิทานจันทรา หนังสือเล่มเก่าคร่ำคร่าที่ ‘ภูวน’ หยิบยืมมาจากเพื่อนสนิท นำพาซึ่งสิ่งอัศจรรย์ ความฝันวิปริตและอาการแปลกๆ มาสู่ตัวเขา เมื่อเจ้าแห่งนครจันทรา นครซึ่งแอบซ่อนอยู่ในมิติแห่งกาลเวลา พยายามทำทุกอย่างเพื่อนำเขากลับไปเป็นชายา? ‘พิมรา’ หญิงสาวผิวคล้ำผู้เกิดวันราหู(พุธกลางคืน) ในคืนจันทรคลาส(ราหูอมจันทร์) จะยื่นมือเข้ามาขัดขวางและช่วยให้เขาหลุดพ้นจากอำนาจแห่งเจ้านครจันทราได้หรือไม่?
บทที่1
ถ้าเปรียบพระองค์เป็นดวงตะวัน ส่วนตัวข้าเป็นจันทรา
ในยามที่ทรงหลับใหล ข้ากลับต้องลืมตาตื่น
ในยามที่ทรงแสงแห่งทิวากร แสงแห่งรัตติกาลกลับปลิดปลิวจากไป
แล้วเหตุไฉนถึงเปรียบเปรยเช่นนี้
ขอทรงเป็นดวงจันทรา ข้าขอเป็นดาราพร่างพราย
ไม่ว่าคืนไหน ราตรีไม่ขาดจันทร์ ข้านั้นไม่ขาดพระองค์
บทกวีแว่วหวานดังสอดประสานเสียงหรีดหริ่งเรไร บทเพลงเห่กล่อมของมวลมนุษยชาติในยามราตรี เหมือนจะย้ำเตือนให้คนที่กำลังฝันหวาน หวานยิ่งขึ้น เมื่อถ้อยคำเหล่านี้พรั่งพรูออกมาจากปากสวยได้รูปที่ลอยอยู่เหนือเปลือกปากหยักสวยร้อนผะผ่าวของชายหนุ่ม แล้วประทับลงมาช้าๆ ละเลียดความนุ่มนวลและอ่อนโยนสลับกับการบดคลึงหนักหน่วงและผ่อนกลับมาดูดดื่มเนิ่นนาน จนเสียงครวญครางอย่างรัญจวนใจเล็ดลอดออกมาจากปากคู่สวย…
ปึก!
หนังสือเล่มหนาที่หน้าปกเขียนว่า ‘นิทานจันทรา’ ตกลงข้างเตียงส่งผลให้ภูวนลืมตาขึ้นแล้วควานมือลงไปหยิบมันขึ้นมา จากนั้นก็โยนลงบนที่นอนข้างตัวอย่างไม่สนใจไยดี ก่อนเอื้อมมือไปปิดสวิตช์ไฟหัวเตียงและหลับลงอีกครั้ง
…แก้มสากของชายหนุ่มถูกไล้อย่างแผ่วเบาไล่ขึ้นไปจนถึงคิ้วเข้ม วกลงมาที่สันจมูกโด่งสวย และหยุดวนไปเวียนมาแนบริมฝีปากที่เผยอรับ
“..อืม” เสียงครางออกมาจากปากหยักอีกครั้ง ก่อนไขว่คว้ามือซนมากระชับไว้แน่นและหลับลงอย่างง่วงงุน…
สาววัยทำงานร่างระหงในชุดลำลองสบายๆ นั่งไขว่ห้างจิบกาแฟละเลียดกลิ่นหอมกรุ่นตรงริมระเบียงห้องพักชั้นสี่สิบสอง เมื่อเป็นเช้าวันหยุดที่ไม่ต้องฝ่าการจราจรที่จอแจติดขัดไปทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน พิมรา เลือกที่จะนั่งรับแสงแดดอ่อนยามเช้าเพื่อเพิ่มวิตามินบำรุงผิวสีน้ำผึ้งดูสะอาดสะอ้านของตนเอง
เสียงเปิดประตูจากห้องนอนที่ระเบียงต่อกัน พร้อมเจ้าของห้องเยี่ยมหน้าคมคายมาทักทายด้วยรอยยิ้มที่เห็นจนชินตา
“สวัสดีตอนเช้าครับ คุณพิม”
หญิงสาวหันไปมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนสะบัดหน้าพรืด มองเมินไม่รับไมตรีทั้งวาจาและแววตา
“อ้าว งอนอะไรแต่เช้าเชียวคุณพิม” ภูวนร้องประท้วงอย่างแปลกใจในท่าทีของสาวร่วมห้อง
พิมราเหลียวสายตาและใบหน้าตูมมาทางชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของดวงตาสีอ่อน ที่คอยส่งยิ้มให้เป็นประจำทุกวันจนเธอชินตาอีกครั้ง ก่อนชักกลับอย่างเร็วจนกลายเป็นกิริยาค้อนควักอีกรอบจนภูวนต้องยกมือเกาศีรษะที่มีทรงผมยาวระต้นคอดูรุงรังและยุ่งเหยิงมากขึ้นเมื่อตื่นมายังไม่พานพบหวี
“ถ้าไม่บอกว่าไม่พอใจผมเรื่องอะไร ผมปีนข้ามราวเหล็กนี่ไปนะ คุณพิม” เขาไม่พูดเปล่าแต่กำลังยกตัวขึ้นจากพื้นพร้อมเหวี่ยงตัวข้ามราวเหล็กที่กั้นแบ่งแยกระเบียงกว้างออกเป็นสองส่วนทันที
“ทำบ้าๆ อีกแล้วนะ นายภู-วน” เสียงแหวอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเก็บถ้วยกาแฟเดินเข้าไปส่วนในของห้อง เมื่อรับรู้ว่าชายหนุ่มเดินตามมาติดๆ หญิงสาวชะงักเท้าหันกลับไปตวาดแว้ด
“อย่าเข้ามานะ!”
ภูวนหยุดกึกยกมือทำท่ายอมสิโรราบเพราะรู้ดีว่าก้าวข้ามธรณีประตูนี่ไปก็เข้าถึงห้องนอนหญิงสาวทีเดียว พร้อมส่งสายตาเชื่อมประกอบคำพูด
“ครับผมไม่เข้าก็ได้ แต่คุณต้องบอกก่อนว่างอนอะไรแต่เช้าเลย”
“ไม่ได้งอน” คนปากแข็งสะบัดเสียงตอบปฏิเสธแม้กิริยาท่าทางจะบ่งชัด ก่อนจะเลื่อนบานประตูกระจกเข้าชิดและล็อกแน่นหนาพร้อมรูดม่านสีฉูดฉาดบาดตาปิดบังการมองเห็นจากภายนอกของชายหนุ่มอีกชั้นหนึ่ง
“อ้าว! เปิดประตูมาคุยกันก่อนสิคุณ” ภูวนได้แต่เคาะและตะโกนโหวกเหวกอยู่หน้าบานประตูตรงระเบียงนั่นเอง แต่ไม่มีทีท่าว่าสาวเจ้าของห้องจะกลับมาเปิดรับเขาแต่อย่างใด เขาผ่อนลมหายใจยาวยืดออกจากปากและจมูกโด่งก่อนหมุนกลับไปยังห้องของตนในทางเดิมที่ก้าวข้ามมา
ห้องนอนขนาดพอดียังไม่ได้จัดเก็บ ผ้าห่มยังไม่ได้พับผ้าปูที่นอนรุ่ยร่ายยับย่นดุจผ่านสมรภูมิกรำศึกหนักมากกว่าการนอนหลับธรรมดา ภูวนเดินมาดึงผ้าห่มหมายจะพับเก็บให้เรียบร้อย พลันสะดุดตากับหนังสือเล่มหนาหน้าปกด่างดำบอกถึงความเก่าคร่ำคร่า หนังสือเล่มนี้เขาได้มาจากลังหนังสือเก่าๆ ที่เก็บไว้ในห้องเก็บของบ้านเพื่อนสนิทซึ่งเขาอ่านค้างไว้เมื่อคืน ชายหนุ่มล้มเลิกความตั้งใจที่จะพับผ้าห่มเปลี่ยนเป็นการทิ้งตัวลงนอนพิงหัวเตียงหยิบหนังสือเล่มนั้นมาเปิดอ่านอีกครั้ง
…ดวงตาสีอ่อนปิดปรือลงรอรับสัมผัสแผ่วที่เปลือกตาบาง ก่อนความรู้สึกถึงรสสัมผัสนั้นจะเลื่อนลงมาที่ปลายจมูกโด่งและหยุดนิ่งที่ริมฝีปากหยักได้รูป ประทับนิ่งนานดูดดื่มผสานปลายนิ้วที่ไล่ระไปทั่วกายหนุ่มภายใต้อาภรณ์เบาบาง จนเจ้าตัวต้องส่งเสียงครางอย่างพึงพอใจ…
ต็อด! ต็อด! ต็อด!
แม้ไม่มีแผ่นดิน หากแต่เรายังไม่สิ้นลมหายใจ ถึงสิ้นชาติหากแต่รักของเรามิได้สิ้นลง บราลี เป็นบอดี้การ์ดมือใหม่ ที่ทำงานพลาดจนถูกไล่ออกจากงาน ในวันเดียวกันนั้น บ้านของเธอก็ถูกไฟไหม้ แม่ถูกไฟคลอกบาดเจ็บ พ่อตกใจจนโรคหัวใจกำเริบ ต้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก เมื่อเธอจะหันไปพึ่งแฟนหนุ่มที่รักกันมาหลายปี กลับพบเขากำลังคลุกวงในกับผู้ชายอีกคน!! เมื่อชีวิตมันบัดซบขนาดนี้ เธอจึงคิดฆ่าตัวตาย ... และทำจริง!! แต่ไม่ตาย มีคนมาช่วยไว้ ... พอรอดตายก็มีคนยื่นข้อเสนอแปลกประหลาด ... ให้เธอไปเป็นบอดี้การ์ดให้เจ้านาย แลกกับเงินมหาศาล และกว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร บราลีกับเพื่อนร่วมงานอีกสองคน ก็ได้ข้ามเวลาย้อนอดีตไปซะแล้ว
เมื่อความรักที่มีมากเหลือล้น ไวกูณฐ์นั้นอยากแต่งงานเสียทันทีที่เดินทางกลับมาจากเรียนต่อ หากแต่ จิรัฐิติกาลกลับกลัวการใช้ชีวิตคู่จึงปฏิเสธไป แต่เพราะอุบัติเหตุที่บังเกิดขึ้นทำให้ไวกูณฐ์ตาบอด จิรัฐิติกาลจึงตัดสินใจแต่งงานกับเขาในทันทีเพื่อเป็นการรับผิดชอบ เพราะการแต่งงานที่ไม่พร้อมทำให้อุปสรรคแห่งรักนั้นมีมาให้พิสูจน์หัวใจกันเนืองๆ
เจ้าฟ้าหญิงจิรัฐิติกาลในคราบชายหนุ่มดูจะเกษมสำราญเป็นอันมากเมื่อได้ออกมาท่องโลกกว้าง แม้จะไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่บ้างที่มี 'ผู้คุม' เป็นไวกูณฐ์ ชายหนุ่มอ่อนแอ เจ้าหนอนหนังสือใส่แว่นลูกชายองครักษ์คนสนิทของพระบิดา แต่ถ้าไม่ยินยอมร่วมทางไปกับเขา เจ้าพ่อก็คงไม่ปล่อยออกจากกรงทอง เธอจำใจร่วมทางและสร้างความยุ่งยากเป็นภาระใหญ่หลวงให้เขา แต่ในคราเดียวกันความใกล้ชิด ความใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกพิเศษเกิดขึ้นในใจ แต่จะทำอย่างไร เมื่อเธอฝังใจว่าเขาไม่ใช่ "ชายจริง" นิยายภาคต่อของ ลิขิตรักบัลลังก์หัวใจ
เมื่อต้องเสียแผ่นดินจากการช่วงชิงของพระเจ้าอา ทรรศินากัลยามาส เจ้าฟ้าหญิงรัชทายาทแห่งมธุรรัฐจำต้องเสด็จหนีจากแผ่นดินเกิด แฝงกายเข้าไปในสิงขรรัฐ จากที่คิดจะปลอมตัวเป็นนางกำนัล กลับตกกระไดพลอยโจนถวายตัวเป็นสนมของเจ้าหลวงรัฐสิงห์สีหนาทในนามลูกของศัตรู!? รอจนถึงวันทวงบัลลังก์คืน กล้วยไม้ป่าแรกแย้มเพิ่งผลิรับฤดูฝน เจ้าหลวงเอื้อมไปหมายจะเด็ด ก็ถูกพระหัตถ์เล็กๆ ตีเผียะลงบนหลังมือ "ดอกไม้จะสวยงามที่สุดเมื่ออยู่กับต้นเพคะ" ดำรัสขึงขัง "แต่พี่จะเก็บให้เธอ" รับสั่งกลับอ่อนโยน "ท่าจะเด็ดดอกไม้แรกแย้มเสียจนเคย" เจ้าฟ้าหญิงประชดตรงๆ เจ้าหลวงยกพระหัตถ์ในท่าสาบาน "สาบาน ต่อไปพี่จะไม่เด็ดดอกไม้ ไม่ว่าดอกไหน จะรอดอกฟ้าตรงหน้านี้ดอกเดียวเท่านั้น"
เมื่อซากีน่าน้องสาวอันเป็นที่รักถูกฆ่าข่มขืน หลักฐานในมือคือแผ่นเงินฉลุลวดลายสวยงาม ซาห์ราจำได้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของของสิ่งนี้ การตามล้างแค้นจึงเกิดขึ้น ชีคฮาซัน บินญาบิร อัล บุสตานีย์ กลายเป็นเหยื่อความแค้นที่เขาไม่ได้ก่อ ถูกหล่อนทรมานต่างๆ นานาและต้องสูญเสียเมียสาวในคืนวันแต่งงานจากน้ำมือซาห์รา แต่เมื่อความจริงปรากฏว่าใครเป็นฆาตกรที่แท้จริง ซาห์ราจะชดใช้สิ่งที่ทำลงไปให้แก่เขาด้วยชีวิต ตามกฏชีวิตแลกชีวิต แต่ชีคฮาซันกลับต้องการให้หลอนชดใช้ด้วย หัวใจ
เมื่อธิดาองค์น้อยเริ่มเติบโต ชีคกาเบรียนที่อยากให้ลูกรู้จักภาษาของแม่บังเกิดเกล้า จึงมองหาครูสอนภาษาชาวไทย แต่กลับได้ทโมนไพรไปแทน นางสาวกฤติกา หรือแม่ดาวลูกไก่ นอกจากสอนภาษาไทยให้ธิดาองค์น้อยของชีคแล้ว ยังสอนปีนต้นไม้กลายเป็นลิงเป็นค่าง จนพระนมของชีคเอือมระอา ทว่าท่าทางแก่นกะโหลกของดาวลูกไก่กลับจับใจต้องตาชีคกาเบรียนจนกลายเป็นความรัก แต่ปัญหาสงครามแบ่งแยกดินแดนในประเทศยังไม่สงบ เมื่อดาวลูกไก่ถูกจับตัวไปเพื่อต่อรอง แม้พระองค์ไม่อาจยกแผ่นดินเพื่อแลกกับผู้หญิงที่รักได้ แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจเหมือนครั้งที่เสียสนมคนอื่นไป ทรงลอบออกจากวังเพื่อไปช่วยหญิงอันเป็นที่รักด้วยตนเอง
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก