เมื่อผิดหวังจากความรักกะทันหัน นวลฉวี ร่ำเมรัยรสหวาน ฟังเพลงของคนอกหัก และสีสันของผับที่เร้าใจ เธอก็ลุกเต้นละติน ด้วยความคึกคะนองสนุกสนาน พร้อมคำประกาศ "คืนนี้ฉันฟรี ใครก็ได้ถึงตัวฉันคนเแรก เราจะไปด้วยกัน" รงค์ หนุ่มสุดหล่อเนี๊ยบ มาทันประกาศของเธอ มีหรือที่เขาจะปล่อยโอกาสผ่านไป เขากระโจนขึ้นไปถึงตัวเธอก่อนใคร และชายหนุ่มกับหญิงสาวในราตรีอันยาวนาน สุดแสนปั่นป่วน เพื่อจะถึงรุ่งอรุณของวันใหม่ และเธอพบว่าเธอไม่ได้เหมือนเมื่อวันวานอีกต่อไป โลกถล่มทลาย... เธอจะต้องเป็นจ้าสาวของเขาหรือ... ข้อเสนอของเขา "มาเป็นเจ้าสาวของผมเถิดนะ นวลฉวี ชั่วคราว...ก็ยังดีกว่าชั่วคืนไม่ใช่หรือ"
นวลฉวีเงยหน้าขึ้นจากงานเอกสารตรงหน้าเมื่อมีเงาผ่านทาบมาบนแผ่นพาร์ติชั่นที่กั้นอยู่ตรงหน้าเธอ...มันสูงประมาณระดับอกของคนยืนและเธอได้เห็นพนักงานทำงานร่วมแผนก
เธอไม่เรียกคนคนนี้ด้วยคำว่าเพื่อน
แค่คนทำงานด้วยกัน
และรับรู้ว่านี่คงจะเป็นเรื่องจุกจิกกวนใจแต่เช้าของวันแรกของสัปดาห์
เธอไม่ได้อยู่ออฟฟิศเลยในช่วงเดือนที่ผ่านมา ต้องติดตามเพ็ญพิมพ์ไปทำงานเก็บข้อมูลในพื้นที่ กลับเข้ามาในออฟฟิศก็ไม่ถึงวัน และวันนี้เธอเข้ามาแต่เช้า วันนี้จะได้นั่งทำงานทั้งวัน ทั้งสัปดาห์ยังไม่มีกำหนดการเดินทาง
เธอจะต้องทำรายงานเสนอให้ท่านประธานผู้ยังไม่ปรากฏตัว ยังเป็นบุคคลลึกลับ พูดกันว่าท่านประธานไม่อยากมารับงาน เขาจึงไม่ออกมาปรากฏตัว เขาบ่ายเบี่ยงและเรียกหาข้อมูลของงานจนกว่าเขาจะพอใจและอยากจะทำงาน
เพราะฉะนั้นรายงานของเธอจะต้องกระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจสูงสุดให้ได้
แต่ตอนนี้ เธอคิดว่าการเริ่มต้นวันเริ่มแย่เพราะเพื่อนร่วมงานคนนี้
ดาราราย...
สาวสวยที่สุด เปรี้ยวสุด ร้ายสุด เชื่อมั่นสุดในตัวเองอย่างครบรสของแผนก...
มีคนพูดเสมอว่าดารารายนั้นสวยแบบนางร้ายที่หลุดจากจอละครทีวีออกมามีตัวตนอยู่จริง
ดารารายคนงามที่ งามแต่รูป ไม่งามใจ
รอยยิ้มบนหน้าดารารายตอนนี้ดูมากมาย และเหมือนมีรอยยิ้มเยาะอยู่ด้วยจางๆ
แต่เพราะเห็นกันมานาน ไม่ใช่ได้เห็นกันแค่ที่นี่ เพราะที่จริงดารารายเพิ่งจะเข้ามาทำงานไม่เกินหกเดือน ไม่อยากประหลาดใจอีก เธอเลยมองข้าม
เรื่องเธอกับดารารายรู้จักกันมาก่อนนี้ เธอไม่เคยพูด จะพูดไปไย ดารารายเองเป็นคนประกาศตั้งแต่แรกเข้ามาทำงานที่นี่ด้วยการมีเส้นสายฝากเข้ามา
...อย่าบอกใครว่าเราเคยเรียนหนังสือมาด้วยกันนะ นวล
ถึงไม่ได้โดนกำชับเช่นนั้น ดารารายคิดได้อย่างไรกันว่าเธออยากจะบอกคนอื่นๆ ถึงความสัมพันธ์ดังว่านั้น
ไม่น่าจะบอก เพราะบอกไปก็น่าอาย...เพื่อนแบบดารารายมีไปก็ใช่จะดี ไม่น่าเอามาอวด แม้แต่ในความสัมพันธ์ที่ต้องใส่ไว้ในโลกไซเบอร์ที่เป็นโลกเสมือน เธอยังไม่เคยคิดจะใส่
เพื่อนหรือ...ไม่เคยอยากคิดว่าดารารายคือเพื่อน แม้จะเรียนด้วยกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม ตอนมอหนึ่งถึงมอสามเรียนห้องเดียวกัน แต่นวลฉวีได้ประจักษ์ความร้ายกาจของดารารายตั้งแต่หล่อนยังอายุสิบต้นๆ เท่านั้น
แต่ทุกอย่างก็เป็นการแข่งขันกันแบบเด็กๆ ไม่มีการคิดมากอะไร นวลฉวีเป็นคนที่ไม่มีการแข่งขัน ไม่ทะเยอทะยานมาแต่ไหนแต่ไร เธอถูกสอนให้รู้จักเพียงพอเรียบง่าย คนในบ้านยังพูดกันเลยว่ายากนักจะผลักดันเธอให้ไปตะกายฟ้าคว้าดาวหากเธอไม่อยากได้เอง
การแข่งขันมาสูงมากตอนเรียนมอปลาย เมื่อต้องอยู่ห้องเรียนเดียวกัน ดารารายทำตัวเป็นอริกับเธอมากกว่าจะเป็นเพื่อน ไม่ได้แข่งเรื่องการเรียนอย่างเดียว แต่แข่งเรื่องกิจกรรม การเป็นเชียร์ลีดเดอร์
ที่จริงดารารายลงแข่งแต่นวลฉวีถอนตัว
และดารารายเรียกนวลฉวีว่า ‘นังขี้แพ้’ พร้อมกับเอ่ยเย้ยหยันไปทั่วว่าเพราะนวลฉวีสวยสู้หล่อนไม่ได้ เก่งสู้หล่อนไม่ได้ หารู้ไม่ว่าหากความสวยที่จะต้องได้มาด้วยการแก่งแย่งแข่งขันใดๆ นวลฉวีตั้งปณิธานเอาไว้แล้วว่าเธอจะไม่ทำเป็นอันขาด
เธอไม่ขอแก่งแย่งแข่งขันใดๆ เพื่อให้ได้มาในทุกเรื่อง
และอีกเรื่องที่ดารารายได้ขอเอาไว้วันที่เดินเหน้าเข้ามาทำงานที่นี่
...และเธอห้ามบอกใครด้วยว่าเราเป็นญาติกัน...
เรื่องนี้สาบานได้กับวัดทั่วประเทศ นวลฉวีคิดตลอดมา เธอไม่อยากให้ดารารายเป็นญาติของเธอเลย
เธอเคยถามแม่...
...เขามาเป็นญาติของเราได้อย่างไร และอย่างที่เขาเข้ามากับแม่ของเขานั่นเรียกว่าเป็นญาติหรือ...
แม่โมโหมากกับคำอ้างตัวเช่นนั้นของดาราราย คำว่าญาติ และเธอถึงได้รู้ว่าลุงเขยของเธอทรยศต่อป้าด้วยการมีเมียน้อยและรับเลี้ยงดู
ดารารายคือลูกติดมากับเมียผู้หญิงคนนั้น มาเสพสุขกับสมบัติของครอบครัวป้า ที่ไม่ใช่สมบัติของลุง...ลุงเขยร่ำรวยเพราะสมบัติของป้า
และสุดท้ายป้าก็ทนไม่ได้ ป้าขอหย่า แม่ของดารารายจึงได้รู้ว่าผู้ชายที่นางคิดว่ามั่งคั่งร่ำรวยนั้น ที่แท้เขาไม่ได้มีอะไรมากมายดังที่นางเข้าใจแม้แต่น้อย นอกจากทรัพย์สินเศษๆ ที่เมียหยิบยื่นให้เหมือนให้ทานทิ้งไว้ดูแลนางกับลูก แต่นางก็ตามมาด่าทอประจานป้าของนวลฉวีสาดเสียเทเสีย ทั้งที่นางมาทีหลังและอยู่ในฐานะเมียน้อย แต่นางก็ไม่ได้ละเว้น สิ่งที่นางทำนั้นเลวร้ายจนป้าต้องเรียกตำรวจมายุติเรื่องและบอกกับลุงว่าหากยังไม่คุมกันให้ดี แม้แต่บ้านที่ได้ให้อยู่กันฟรีๆ ก็จะเรียกคืน นั่นแหละถึงได้เงียบกันไป
ถ้าชีวิตเติบโตขึ้นมาด้วยความเจ็บแค้น วันนี้เขาก็เต็มไปด้วยความแค้นในทุกอณูของชีวิต ภายใต้ท่าทีสงบ นิ่งเงียบ และแข็งกร้าวประดุจหินผาของ "ศิลา"... แต่ภายในใจเขานั้น กลับระอุคุกรุ่นไปด้วยไฟแค้นที่รอวันชำระสะสาง! อสูรตนนี้ ผ่านวันเวลาแห่งความเคียดแค้นชิงชัง และพร้อมที่จะเริงไฟแล้ว...และสำหรับเธอ "มินตา"...สาวน้อยผู้อ่อนเยาว์ต่อโลกแห่งความเคียดแค้นชิงชัง ไฟแห่งอสูรครั้งนี้ มันน่าหวาดผวาสำหรับเธอแค่ไหน เพราะมันเป็นไฟแค้น ที่หลอมรวมมากับไฟแห่งปรารถนา...
(นิยายทำละคร เกมเสน่หา) เพราะเย่อหยิ่ง ถือตัว และเหยียดทุกคนที่ต่ำต้อยกว่า จึงทำให้ใครๆ ก็มองว่าเธอ "ร้ายกาจ" แต่ทว่า...นั่นเพราะเธอร้ายกาจจริงๆ หรือเพราะเธอสร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา เพียงเพราะเธอกำลังเผชิญกับปัญหาบ้านแตก! และความรัก ความเป็นหนึ่งในครอบครัวถูกแย่งชิงจาก "เขา" ผู้เป็น "คนนอก" ครอบครัว เพราะเขาได้รับความไว้วางใจและเชื่อมั่นจากครอบครัวของเธอมากกว่าเธอเสียอีก เธอจึงเกลียดเขาอย่างมากมาย และต้องกดเขาไว้ให้เป็นเพียง "เด็กในบ้าน" อย่าให้เขาเข้ามาชุบมือเปิบ ฮุบทุกอย่างในบ้านของเธอ และเมื่อเธอค้นพบว่า เขาหลงรักเธอ และหมายปองดอกฟ้าอย่างเธอ เธอจึงวางแผนขุดหลุมล่อ วาง บ่วงเสน่หา เพียงเพื่อให้เขาพบกับความผิดหวังและทุกข์ทรมาน โดยที่ไม่รู้เลยว่า เธอเองต่างหาก...ที่จะตกอยู่ในบ่วงเสน่หาที่วางไว้เอง!
กี่ครั้งกี่หน ก็แพ้ก็พ่าย ผู้ชายไม่เคยซื่อสัตย์ ชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศ รูปโฉม กะรัต เทพทัต ไม่อาจนำมาทระนงได้ กี่คราที่ต้องแก้มือใหม่ ถูกตราหน้า ประณามว่าสามผัว มิหนำซ้ำหนสุดท้าย เมื่อเขาตายจากไปมิได้จบกันแค่นั้น แต่ สายน้ำผึ้ง เพื่อนสนิท คบกันมา 12 ปี กลับกลายเป็นเพื่อนสนิท คิดคด อุ้มท้องเยาะเย้ยว่าเป็นเมียหลวง ส่วนเธอคือเมียน้อย กะรัต ผู้แสนฉลาดเลิศล้ำ เฝ้าตรวจสอบปัญหาชีวิตแล้วพลันคิดได้ เธอไม่เคยจับผู้ชายคนไหน ตีตรา ขึ้นทะเบียน เป็นสามีถูกต้องตามกฎหมาย ครานี้ เห็นทีจะต้องให้ถูกต้องครบถ้วนกระบวนความ พิศุทธิ์ หนุ่มผู้ดี ผู้เกิดมาเป็นอภิชาตบุตรเกินหน้าพ่อแม่ เธอพบว่าเขาเหมาะสมยิ่งอนิจจา... กะรัต เธอมองข้ามสิ่งสำคัญของการครองเรือน เธอลืมความรักแล้วเธอจะรู้ว่าหนนี้ ผู้ชายหรือเธอกันแน่ที่ผิด การตีตราด้วยทะเบียน มันเป็นยันต์ป้องกันชีวิตคู่แตกร้าวได้หรือไม่
จากเด็กหญิงเล็กๆ ที่ได้รับการปลุกปั้นขึ้นมาเป็นนักร้องเสียงทองสุดสวยแห่งยุค พิจิกา โลดแล่นไปตามจังหวะเสียงเพลงจนถึงจุดสุดยอดในชีวิต และเส้นทางนั้นก็ไม่ได้งดงามเสมอไปเมื่อ สุวิชา ชายหนุ่มรูปงามก้าวผ่านมา เขาไม่ได้เป็นเทพบุตรสำหรับเธอ แต่เป็นมารร้ายที่ทำให้เธอตระหนกตกใจสุดขีด เขาทำให้จังหวะเพลงชีวิตของเธอผิดเพี้ยนไป กว่าเธอจะรู้ว่ามารร้ายมีหัวใจรักมั่นคง...ก็เกือบจะสายเกินไป
ชาวัน หนุ่มหล่อ รวย เอาแต่ใจตัวเอง และไม่เคยสนใจความรู้สึกของใครมาก่อน ต้องจำยอมรับผิดชอบ รุ้งทอง หญิงสาวที่ความจำเสื่อมเพราะเขาเป็นต้นเหตุ ชาวันรับสมอ้างเป็นสามีของรุ้งทอง ด้วยเหตุนี้รุ้งทองจึงถือสิทธิ์ว่าเป็น “เมีย” โดยที่ชาวันเองไม่มีทางขัดขืน เพราะหัวใจเขาไปอยู่ในมือของเธอ หัวใจของอสูรตัวแสบ...นามชาวัน ฉายา “ชาละวัน” ไอ้เข้ตัวเอ้ ยอมสยบในอุ้งมือของสาวน้อย รุ้งทอง อย่างหมดลาย
โชคชะตาพัดพา ศรา เข้ามาในเส้นทางชีวิตของเกสร หนุ่มดิบเถื่อนจากป่าดง มาเจอสาวสวยเปรี้ยวจี๊ด สาวมองหนุ่มเป็น อสูร ตัวร้าย และเขาก็เต้นระบำรอบตัวเธอ คนสองคนถูกเหวี่ยงเข้าไปในเส้นทางของการแต่งงาน จาก บังเอิญ เป็น ผูกพัน เมื่อต่างมีปม และปูมหลังครอบครัวที่แหว่งวิ่น พวกเขาเริ่มเห็นใจกันเข้าใจกันพร้อมจะสร้างครอบครัวใหม่ เกสร จับมือ ศรา เริ่มร่ายระบำรำฟ้อน ไปด้วยกัน อสูรตัวนั้นก็เป็นได้เพียง อสูรในหัวใจเกสร...ที่ทำให้ครอบครัวเติมเต็ม
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"