เมื่อขอบฟ้าที่กว้างใหญ่ ขอบแดนที่อยู่ไกลคนละฟากฝั่งของโลก แต่กลับเหมือนมีแรงดูดให้คนที่อยู่แสนไกลนั้นต้องมาเจอกัน ดรูฟ บราฮิม อาร์นาฟ การ์ซานฟาร์- ชายในฝันของสาว ๆ ที่ใคร ๆ ก็หมายตาจ้องจะเอา! แต่ด้วยนิสัยที่นิ่งเรียบ พูดน้อย และเย็นชาดุจน้ำที่ไหลลงมาจากเทือกเขาสูง จึงยากที่ใครจะได้เข้าหา และหากต้องตาใครจริง ๆ หญิงคนนั้นเขาต้องได้ครอบครองแม้จะต้องทำด้วยวิธีใดก็ตามเพื่อให้ได้มา แม้วิธีนั้นจะต่ำช้าก็ตาม นิสัยนี้ที่ได้มาทุกกระเบียดนิ้วจากบิดาของเขา ประโยคที่เขาชอบพูดเสนอตัวเอง "มีดีแค่เอว นอกนั้นเลวหมดเลย" ซีน เดือนเมษา - หญิงสาวที่ทำให้โลกทั้งใบนั้นดูสดใส คนที่เป็นเหมือนรอยยิ้มให้ใครหลายคน ความมีเสน่ห์ที่ใครได้อยู่ใกล้เป็นต้องหลงใหล แค่เพียงเห็นรอยยิ้มแรกของเธอ จนหญิงสาวด้วยกันนั้นต้องอิจฉาทั้งรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและมันสมองที่อัดแน่นด้วยความเฉลียวฉลาด และจุดเด่นอีกหนึ่งอย่างของเธอนั้นคือ พูดมาก!
"พ่อคะ แม่คะ น้องซีนไปเรียนแล้วนะ" เสียงแหลมสดใส ร้องดังมาแต่ไกลจากบนบ้านชั้นสอง
"เบา ๆ ลูก" ผู้เป็นพ่อร้องทักขึ้นเมื่อลูกสาวสุดที่รัก ทั้งหวงทั้งแหนปานดวงใจนั้นวิ่งลงบันไดอย่างไม่นึกกลัวเกิดอันตราย
"ฟอด หื้ม...อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณพ่อสุดหล่อ" เด็กสาววัยยี่สิบ วิ่งลงบันไดแล้วโฉบกอดผู้เป็นพ่ออย่างที่เคยทำประจำ แม้เวลาจะผ่านไปกว่าสิบสี่ปีแต่ก็ยังมีความหล่อและยังดูดี แถมยังหวงลูกสาวที่แสนจะพูดมากคนนี้ จนผู้ชายไม่กล้าเข้าหา วิ่งป่าราบหากผู้เป็นพ่อนั้นเห็น
"น้องซีนหนูโตเป็นสาวแล้วนะลูก...ยังจะออเซาะคุณพ่ออีก" คุณแม่หนูดาที่เดินมาจากห้องครัวพร้อมแก้วนมของลูกสาวและแก้วกาแฟของสามีเอ่ยทัก แม้การกระทำเช่นนี้เธอจะเห็นประจำ แต่ตอนนี้ลูกสาวคนโตนั้นไม่ใช่เด็กเหมือนแต่ก่อนแล้ว
"โธ่ คุณแม่ขาก็น้องซีนรักคุณพ่อ รักมาก ๆๆๆๆ เลยค่ะ จุ๊บ ๆๆ" เด็กสาวที่ช่างพูดประจบและจุ๊บลงแก้มผู้เป็นพ่อซ้ำๆ
"ช่างพูดจริงลูกสาวพ่อ" คุณพ่อแซมลูบหัวและโอบกอดลูกสาวที่แสนรัก หอมลงกลางหัวอย่างรักใคร่ กอดกันกลมท่ามกลางสายตาคุณแม่หนูดาที่ยืนเบะปากและอมยิ้มกับภาพที่เห็น ทั้งหมั่นไส้สามีและลูกสาวที่ช่างออเซาะ
"ช่างพูดหรือพูดมากค่ะพี่แซม" คุณแม่หนูดาเอ่ยแซวลูกสาว
((ฮ่าฮ่าฮ่า))
"พูดมากครับแม่" แซนน้องชายที่แสนจะกวนประสาทได้ทุกครั้ง และชอบแกล้งพี่สาวได้ทุกครา เดินลงบันไดมาพร้อมพูดแทรกบทสนทนาที่ได้ยิน ความน่ารัก การหยอกล้อ พูดแซว ที่พี่น้องคู่นี้มีมันคือเสน่ห์ แม้จะขัดแย้งและกัดกัน แต่เมื่ออยู่ข้างนอกแซนจะปกป้องพี่สาวเท่าชีวิต เสมือนผู้ปกป้องพี่สาวให้ปลอดภัยแม้ตัวเองจะต้องเจ็บตัว
"หุบปากไปเลยแซน" เมื่อโตขึ้นการเรียกขานและสรรพนามย่อมเปลี่ยนไป พี่สาวที่กำลังกกกอดผู้เป็นพ่อทำหน้ายู่เง้างอนเมื่อน้องชายนั้นแกล้ง
"พอแล้วทั้งสองคน ไปเรียนได้แล้วลูกเดี๋ยวสาย" และผู้เป็นแม่ก็มักจะเป็นคนสงบศึกฝีปากพี่กับน้องทุกครา
"ค่ะ/ครับ" สองพี่น้องตอบรับพร้อมกัน แล้วยกมือไหว้พ่อแซมและแม่หนูดาก่อนจะเดินออกจากบ้านเพื่อทำหน้าที่ของแต่ละคน
อีกฟากฝั่งคนละประเทศ
ศาลาริมน้ำในสวนดอกไม้ ที่มีบรรยากาศสวยงามเพราะถูกตกแต่งด้วยไม้ดอกนานาพรรณ นิตยสารการศึกษา แหล่งรวมสถาบันการศึกษามากมาย ถูกเปิดทีละหน้า ทีละหน้า อย่างช้า ๆ สายตาคมดุที่ถอดแบบมาจากบิดา แต่เค้าโครงใบหน้านั้นได้มาซึ่งเสมือนมารดายิ่งกว่าฝาแฝด จ้องมองและอ่านประวัติของสถานศึกษาระดับปริญญาตรีอย่างให้ความสนใจ เพราะตอนนี้ชายหนุ่มวัยสิบเก้าปีต้องเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยแล้ว
"ดรูฟ ของแม่กำลังทำอะไรเอ่ย" เสียงของหญิงวัยกลางคนเอ่ยถาม พร้อมวางมือลงบนไหล่กว้างของบุตรชาย ที่กำลังเติบใหญ่ขึ้นทุกวัน
"ท่านแม่" เด็กหนุ่มเงยหน้ามองพร้อมเอ่ยเรียกแผ่วเบา "ลูกกำลังดูว่าจะเรียนต่อที่ไหนดี" เขาบอกถึงสิ่งที่กำลังกระทำให้มารดารับทราบ
"แล้วได้หรือยัง" ผู้เป็นแม่เดินมานั่งตรงข้ามแล้วเอ่ยถามขึ้น เพราะเรื่องสถานศึกษาแม้ผู้เป็นพ่อคิดวางแผนไว้แล้ว แต่ก็ย่อมรอบุตรชายนั้นตัดสินใจเพราะเขาจะไม่บังคับ
"ลูกมีที่อยากไปแต่ไม่รู้ท่านพ่อจะอนุญาตไหม?" เด็กหนุ่มพูดขึ้นและเอ่ยถึงผู้เป็นบิดา
"ที่ไหนล่ะ ที่ลูกชายของแม่อยากไป"
"ประเทศไทยครับ"
"หืม..."
"ลูกอยากไปเรียนต่อที่นี่" เด็กหนุ่มยื่นนิตยสารให้ผู้เป็นแม่ดู ประเทศไทยบ้านเกิดเมืองนอนที่เธอนั้นจากมานาน ตั้งแต่แต่งงานกับ เชคฮ บราฮิม และยังไม่มีโอกาสได้กลับไปสักครั้ง เมื่อครั้งล่าสุดที่ไปก็เมื่อบุตรชายนั้นอายุได้ห้าขวบ เพื่อจัดการต่อเติมและซ่อมแซมกับบ้านเพียงหลังเดียวที่ม่านฟ้านั้นมีเป็นสมบัติชิ้นเดียวของยายที่ทิ้งไว้ให้เธอ
"ได้ไหมครับท่านแม่" เด็กหนุ่มเอ่ยถามอีกครั้ง
"แล้วดรูฟคิดว่าจะไปอยู่ได้ไหมล่ะลูก"
"ลูกคิดว่าไม่น่ามีปัญหา เรื่องภาษาไทยลูกก็พูดได้เพราะท่านแม่ก็สอนประจำ" เด็กหนุ่มเน้นย้ำอย่างมั่นใจ
"แต่แม่เป็นห่วงและคงจะคิดถึงดรูฟมากแน่ ๆ" มือของแม่ยื่นจับมือบุตรชายมั่นพร้อมสายตาที่อาทรเมื่อนึกถึงความที่ต้องห่างไกลกัน
"ลูกโตแล้ว ท่านแม่อย่าห่วงเลยครับ" บุตรชายเพียงคนเดียวที่ไม่เคยห่างกาย เดินเข้ามากอดผู้เป็นแม่จากทางด้านหลัง นิสัยและพฤติกรรมที่เขานั้นแสดงออกกับคนในครอบครัว แตกต่างคนละขั้วกับการแสดงตัวกับคนนอก....เมื่อหลุดจากพื้นที่อาศัยพฤติกรรมและคำพูดจะเปลี่ยนไปทันทีอย่างกับคนละคน
"สองแม่ลูกกำลังคุยอะไรกัน ดูเครียดเชียว" เชคฮ บราฮิม ที่ได้ขึ้นเป็นผู้นำรัฐแห่งชาร์จาห์ เดินมายังศาลาเมื่อเห็นภรรยาและบุตรชายกำลังนั่งคุยกันอย่างออกรส
"ท่านพ่อครับลูกมีอะไรจะขอ" เด็กหนุ่มไม่รีรอหรือแสดงความกระอักกระอ่วนกับการที่จะร้องขอในสิ่งที่ต้องการ
"อะไรล่ะ" ผู้เป็นพ่อย้อนถาม และเดินมานั่งขนาบข้างภรรยาที่พ่วงตำแหน่งเชคฮคาแห่งรัฐชาร์จาห์
"ลูกอยากไปเรียนต่อที่ประเทศไทยบ้านเกิดของท่านแม่" เด็กหนุ่มบอกถึงสิ่งที่ต้องการ
"....ทำไม" ผู้เป็นพ่อเงียบชั่วครู่และเอ่ยถามเพียงสั้น ๆ
"อยากไป" บุตรชายก็เช่นกันไม่รู้จะประหยัดคำพูดไปถึงไหนเมื่อพูดกับผู้เป็นพ่อ
"ถ้าแม่ของลูกเห็นควร...พ่อก็ไม่ห้าม" ผู้เป็นพ่อมองหน้าภรรยาก่อนจะตอบบุตรชาย สายตาที่มองลึกเข้าไปในดวงตากลมสีนิลของภรรยา ท่านผู้นำรัฐอย่างเขาที่แสนจะรู้ใจภรรยาเป็นที่สุดมีหรือจะเดาไม่ออกว่าเธอคิดอะไร...เพราะสายตาที่มองเขานั้นมันคือการขอร้องให้ตามใจ
"ท่านแม่ครับ" เด็กหนุ่มเอ่ยเรียกด้วยความดีใจ จากตอนแรกที่คิดไว้ว่าบิดาต้องไม่ยอมเป็นแน่
"จัดการเรื่องบ้านที่เมืองไทยให้ลูกด้วยนะคะท่านผู้นำรัฐ" เชคฮคาม่านฟ้าหันไปพูดกับสามีด้วยรอยยิ้ม
"ได้สิ จะให้ราชิตจัดการให้"
"ขอบคุณครับท่านพ่อ ท่านแม่" เด็กหนุ่มแทรกกลางระหว่างบิดาและมารดาโอบกอดคนทั้งสองด้วยความดีใจ สิ่งที่หวังนั้นไม่ถูกคัดค้าน เมืองไทยที่เขานั้นอยากไปแต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปอีกเลยตั้งแต่อายุห้าขวบ...และตั้งมั่นว่าหากโตขึ้นและวุฒิภาวะตนนั้นมีมากพอเขาจะกลับไปอีกครั้ง
เขาทำให้หัวใจของผมเต้นแรง ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเห็น จนอยากเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา แต่ว่าเราสองคนดันแตกต่างกันคนละขั้ว ความรู้สึกดี ๆ ที่ผมมีให้จะเปลี่ยนแปลงทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ไหมนะ?
แม้จะดูเดียงสาสดใส แต่ใครจะรู้ว่าเธอนั้นแอบซ่อน ความเร่าร้อนไว้ในกาย ใจแข็งนักระวังเจออ้อนรักของ 'น้องอันดา' แล้วใจจะละลาย
เพราะเงื่อนไขบ้า ๆ ไร้เหตุผล ทำให้ผู้หญิงใสซื่ออย่าง เรนิตา ต้องตกเป็นเหยื่อของผู้ชายร้ายกาจ
คำว่าหน้าที่มันฝังลึกอยู่ในหัวสมอง อีกทั้งฐานะที่แตกต่างจนไม่อาจเอื้อมมือถึง ทำให้เขาต้องกล้ำกลืนฝืนความรู้สึกที่มีต่อ 'จัสทีน่า' เอาไว้ ทำได้เพียงเฝ้ามองดูเธอใกล้ ๆ เท่านั้น และสุดท้ายเขาต้องจากไป ทิ้งไว้เพียงความทรงจำอันเจ็บร้าว เธอไม่ได้ฟังแม้กระทั่งคำลาจาก 'ฮะมีส' สร้างความทุกข์ทรมานให้แก่เธอจนเกือบสิ้นลมหายใจสุดท้าย...
แค้น ที่ฝังใจทำให้เธอต้องถูกจองจำ และรับผลกรรมทั้งที่ไม่ได้เป็นคนเริ่ม! ***** "ก็แค่เชลยไร้ค่าคนหนึ่งเท่านั้น" "แต่ฉันก็มีหัวใจนะคะ...ฉันมีความรู้สึกและเจ็บปวดเป็น" "เป็นเช่นรึ? ฮึ! ความรู้สึกของเธอไม่ได้มีผลสำหรับเรา.,." "หยาบช้าสิ้นดี!" "เทียบเท่าไม่ได้กับสิ่งคาว ๆ ที่พ่อเธอทำ" "พวกแกมันระยำ!" "เราทำได้มากกว่าจุดไฟเผาทั้งเป็นอีก.,.หรือเธออยากจะลอง" จอมโจรทรนงผู้คนขนานนามถึงความโหดร้าย เหี้ยมโหด ชายโฉดที่พรากพรหมจรรย์ของเธอ 'จัสซีเนีย' เธอเสียความสาวให้เขา 'จาห์มาล์' ผู้ชายป่าเถื่อนในแถบทะเลทราย สถานที่กบดานอันแสนไกล ที่ไม่มีใครอยากเข้าไปใกล้ ภายใต้ชายคาของกรงขัง หัวใจดวงน้อยของจัสซีเนียถูกย่ำยีด้วยแรงราคะของความเคียดแค้น ตัวแทนแรงอาฆาตที่เธอไม่ได้กระทำ แต่ต้องรับผลกรรมแทนผู้เป็นพี่อย่างจำยอม.....ด้วยฝีมือของราชาโจร!
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"