เมื่อหนูเหมียวดันเอ่ยคำทักทายคุณบิ๊กว่า ‘บิ๊กสมชื่อเชียวนะ’ แค่นั้นคุณบิ๊กก็ร้อนสิคะ ก็เหมียวน่ะเป็นสาวใช้เรือนร่างอวบอึ๋มน่ากระแทกกระทั้นแบบนั้น ใครจะอดใจได้ล่ะ คุณบิ๊กก็ไม่เอาไว้เหมือนกันค่ะ แต่สุดท้ายแล้ว ใครกันล่ะที่จะเยี่ยมยอดกว่ากัน ในเมื่อ คุณบิ๊กได้แต่เอ่ยชมหนูเหมียวว่าเป็น ‘สาวใช้คนเก่ง’ ที่มีลีลาชั้นเชิงทั้งเพลงลิ้นเพลงดอกไม้จนคุณบิ๊กต้องเสียน้ำไปเยอะ
ผมชื่อ ‘บิ๊ก’ ครับ ช่วงเรียนมหาลัยปี 4 ผมเรียนหนักมาก บางครั้งต้องทำรายงานกับเพื่อนๆ จนดึกดื่น ทำให้ผมกลับบ้านบ้างไม่กลับบ้าง แม้ว่ารถเมล์จะหมดประมาณเที่ยงคืน แต่ผมก็สู้ระยะเวลาเดินทางไม่ไหวครับ บางคืนผมเลยต้องอาศัยนอนตามบ้านเพื่อน
สุดท้ายแม่ก็เลยฝากให้ผมไปอยู่ที่บ้านลุงแถวมีนบุรีน่ะครับ จะได้เดินทางได้สะดวกหน่อย ประกอบกับลุงผมต้องไปดูงานที่ต่างจังหวัดนาน 1 เดือน นั่นก็เท่ากับว่าผมจะได้ช่วยลุงดูแลบ้านไปด้วยเลย
ลุงผมเป็นพ่อหม้ายเมียตายครับ แต่แกไม่ได้แต่งงานใหม่ แม่ว่าแกครองตัวเป็นโสดเพราะรักเมียมาก อีกอย่างระยะเวลาทำใจที่เมียตาย ทำให้แกทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการทำงาน แกจึงติดที่จะใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง อีกทั้งยามที่แกต้องไปดูงานที่ต่างจังหวัด บ้างก็ 1 เดือน และมีบ้างที่หลายเดือน ทำให้แกอยากใช้ชีวิตให้คุ้มค่ามากที่สุด หากมีเมียใหม่แกก็คงจะทำงานไม่ได้เต็มที่
“คิดซะว่าเป็นบ้านของตัวเองนะบิ๊ก มีอะไรขาดเหลือก็บอกเหมียวเขา”
“ครับลุง เดินทางปลอดภัยนะครับ สวัสดีครับ”
ผมกดตัดสายโทรศัพท์ ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมองบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้สีฟ้าหม่นตรงหน้า จากแผนที่ที่แม่ให้มา บ้านเลขที่ และคำยืนยันจากลุงที่คุยโทรศัพท์กันเมื่อครู่ก็ยืนยันได้ว่าผมมาถูกบ้านแล้ว
ใช่ครับ ผมเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก ผมก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไปล่ะครับ เวลาแม่ชวนไปบ้านญาติ ผมไม่อยากไปหรอก อ้างว่าติดเรียน ติดทำรายงานมั่ง แค่นี้แม่ก็ไม่บังคับผมแล้ว และวันแรกที่ผมย้ายมาอยู่บ้านลุง ก็เป็นวันที่ลุงเดินทางไปดูงานพอดีครับ ผมก็เลยไม่ได้เจอลุง ได้แต่คุยโทรศัพท์กันเมื่อสักครู่เท่านั้น
ติ๊งหน่อง... ติ๊งหน่อง...
ผมกดออดหน้าบ้านได้สักพักหนึ่ง แต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตูให้ครับ ทั้งที่ลุงบอกว่าเด็กทำงานบ้านที่ชื่อว่า ‘เหมียว’ เธออยู่ในบ้าน แต่เธอกลับไม่ออกมาเปิดประตูให้ผมครับ หรือว่าเธอจะไม่อยู่ ผมคิดก่อนจะเดินตรงไปยังประตูเล็กที่อยู่ด้านข้าง มองลอดเข้าไปก็เห็นว่าลงกลอนไว้ นั่นก็แปลว่าเธอจะต้องอยู่ข้างในแน่ แต่ทำไมเธอไม่ออกมาเปิดประตูให้ผมล่ะครับ
ผมเริ่มหงุดหงิดแล้วล่ะ เพราะตั้งแต่เช้าก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง กะว่าจะรีบมาให้ทันเจอลุง ก่อนที่ลุงจะออกจากบ้าน แต่ก็ไม่ทัน
ความหงุดหงิดทำให้ผมถือวิสาสะหาทางเข้าไปด้านในด้วยตัวเอง ผมเปิดกระเป๋าเป้ หยิบเอาไม้บรรทัดฟุตเหล็กอันจิ๋วออกมา แล้วปฏิบัติการสะเดาะกุญแจของผมก็ดำเนินไปอย่างง่ายดาย ไม่ต่างจากขุนแผนสะเดาะกุญแจเข้าไปลักพานางวันทองเลยครับ ก็อย่างที่ผมบอกไปแล้ว ผมน่ะกลับบ้านดึกประจำ ไอ้เรื่องสะเดาะกุญแจเข้าบ้านนี่งานถนัดของผมเลย
แค่แป๊บเดียวผมก็ขนกระเป๋าสัมภาระใบเขื่อง 2 ใบ เข้ามาด้านในรั้วบ้านได้สำเร็จ แต่ถึงตอนนี้สาวใช้ที่ชื่อว่าเหมียวก็ยังไม่โผล่หน้าออกมาครับ
ผมส่ายหัวด้วยความขัดใจ เพราะโมโหแทนลุงที่ดันจ้างสาวใช้แบบนี้มาดูแลบ้าน ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมลุงถึงไว้ใจให้เหมียวดูแลบ้าน เพราะถ้าผมเป็นโจร สาวเหมียวคงถูกฆ่าหมกท่อส้วมไปแล้วล่ะ
ผมเดินลัดเลาะไปตามแนวรั้วของบ้านที่น่าจะนำทางไปสู่ด้านหลังของตัวบ้าน เพราะประตูด้านหน้านั้นล็อคเอาไว้ และเสียงตะหลิวกระทบกับกะทะ บวกกับกลิ่นหอมของอาหารจานผัดที่โชยมาก็ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าที่สาวเหมียวไม่ไปเปิดประตูให้ผมนั้นเพราะว่าเธอกำลังทำกับข้าวอยู่นี่เอง
แต่ถึงอย่างนั้นก็คงต้องตำหนิกันหน่อยที่ทำเพลินจนไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงกริ่ง ทั้งๆ ที่เสียงนั้นควรจะดังไปทุกจุดในตัวบ้านสิ
ผมเดินตามกลิ่นและเสียงจนมาถึงลานโล่งด้านหลังของตัวบ้าน ซึ่งน่าจะใช้เป็นที่ซักล้าง เพราะเห็นมีอุปกรณ์ซักผ้า คือ เครื่องซักผ้า กะละมัง และแปรง พิงผนังบ้านอยู่ ทว่าสิ่งที่ทำให้ผมชะงักเท้าที่จะก้าวเดินต่อไปก็คือ
‘ชุดชั้นในสตรี’
แม่นครับ ชุดชั้นในสตรีที่ภาษาบ้านๆ เราเรียกกันว่า ‘เสื้อใน, ยกทรง, กางเกงใน หรือ กางเกงลิง’ นั่นแหละครับ ที่ทำให้ผมสะดุดกึก ก็จะไม่ใช่สะดุดได้ยังไง เพราะทั้งหมดนั่นตากเรียงกันเป็นแนวอยู่บนราวที่ต่อง่ายๆ จากท่อพีวีซี
ขนาด สี และแบบต่างๆ ราวกับกวักมือเรียกผมเข้าใกล้ โดยเฉพาะตัวที่เป็นลูกไม้สีแดงสดนั่น ทั้งเสื้อในและกางเกงใน ทำให้ผมเดินเข้าหาราวกับละเมอ รู้ตัวอีกที จมูกและปากของผมก็อยู่ชิดติดเนื้อผ้า
‘อา... หอม’
ผมเผลอตัวดมกางเกงชั้นในของใครก็ไม่รู้ครับ แต่... ผมว่าผมรู้แล้วล่ะ เมื่อเสียงฮึมฮัมเพลงร่วมสมัยดังแว่วมา
ผมสูดความหอมจากเนื้อผ้าหอมกรุ่นด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่มนั้นอีกครั้ง ก่อนจะเดินลัดเลาะไปสู่ทิศทางของห้องครัว เพราะผมยังได้ยินเสียงตะหลิวกับกะทะกระทบกันอยู่ไม่หยุด และสิ่งที่เห็นก็ทำให้ผม ‘แข็ง’
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"