“ไม่ต้องห่วงหรอก"ฉันเอ่ยปากพลางตบบ่าไอ้นุ่นเพื่อให้มันคลายความกังวลใจเรื่องที่ฉันอยู่มหาลัยจนจะปีสี่แล้วยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเค้าสักที "ถ้าหาใครไม่ได้ กูก็จะเอามึงนี่ล่ะ"
“หลบหน่อยค่ะ” น้ำเสียงของหญิงสาวผู้มาใหม่ดังเพียงกระซิบหากแต่กลับทำให้ทุกคนที่กำลังยืนต่อคิวซื้อตั๋วหนังแหวกกลางออกเป็นสองส่วนเผยให้เห็นร่างสูงราวร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรของบุคคลผู้มีรูปหน้าเรียวไข่ ผิวขาวเนียนละเอียดสะอาดอ้าน เอวบางร่างเล็ก เรือนผมสีน้ำตาลทองยาวเลยบ่าลงมาหนึ่งคืบ ไฮไลท์ปลายสีแดงสดเพิ่มความเก๋ไก๋เสริมให้ดูมีเสน่ห์ ทุกอย่างดูดีไปหมดยกเว้น... นัยน์ตาเรียวรีที่กรีดอายไลน์เนอร์สีดำสนิทลากเฉียงขึ้นด้านบนสี่สิบห้าองศา เสริมให้นัยน์ตาดุจนทุกคนต้องลอบกลืนน้ำลายดังอึก
นั่นล่ะ ฉันเอง ‘นัท’ ผู้หญิงที่โคตรจะธรรมดาแต่หน้าตาท้าตบทุกสิ่งมีชีวิตที่อยู่รอบด้าน
เดินผ่านหมา... หมาเห่า
เดินผ่านแมว... แมวกางเล็บ
เดินผ่านหน้าเด็ก... เด็กร้องไห้
แต่คนประเภทเดียวกันมักดึงดูดกันและกันคล้ายแม่เหล็ก เพราะถัดไปอีกสิบเซนติเมตรด้านขวา คือสปีชีส์เผ่าพันธุ์ประหลาดเช่นฉัน เขาคือ ‘ไอ้นุ่น’ เพื่อนคนสนิทที่ชอบตีใบหน้าเฉยชาตลอดเวลาแถมยังหน้าตาผิดจารีตประเพณีและศีลธรรมอันดีของประเทศนี้เอามากๆ คิ้วคมเข้มรับกับเรือนขนตาแพยาว จมูกโด่ง สันกรามชัด ส่วนสูงราวร้อยแปดสิบกว่าเซนติเมตร สีผิวไม่จัดว่าขาว แต่ก็ไม่ได้ดำ ออกไปทางโทนเหลืองซะมากกว่าแต่ที่สะดุดตาจนต้องหยุดมองคงหนีไม่พ้นรอยสักลายอะไรก็ไม่รู้ที่อยู่บนลำคอด้านขวา
ช่วงเวลาประมาณบ่ายสาม ผู้คนกำลังขวักไขว่ เด็กนิสิตนักศึกษามากมายวิ่งวุ่นจนตาลาย ไอ้นุ่นอยู่ในชุดธรรมดากะโหลกกะลา เสื้อยืดสีขาวสะอาดกับกางเกงยีนส์ขาดๆ และผ้าใบหนึ่งคู่ ส่วนฉันอยู่ในชุดนิสิต เสื้อสีขาวพอดีตัวกับกระโปรงทรงเอเข้ารูป แต่งหน้าเบาๆ ด้วยการทาลิปสติกสีชมพูนู้ด ปัดแก้มสีกุหลาบ เพิ่มความหวานขึ้นหนึ่งระดับ แต่เมื่อดูจากปฏิกิริยาคนรอบข้างแล้ว ไม่ว่าฉันจะแต่งหน้าหวานแค่ไหน ก็ไม่มีอะไรช่วยให้ดีขึ้น ยิ่งฉันเดินกับไอ้นุ่น ยิ่งดูเหมือนแก๊งอันธพาลปี 2499 หนักเข้าไปอีก
“ดูหนังเรื่องไรดี” มันว่าพลางใช้ปลายนิ้วสะกิดชายเสื้อฉันนิดๆ แล้วพยักเพยิดไปบนจอมอนิเตอร์ที่แสดงรอบฉายเต็มไปหมด มันแอบตวัดสายตาไปยังผู้หญิงร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหลังอย่างเกรงใจ เธอรวบผมมัดตึง สวมเสื้อสีขาวสะอาดกับกระโปรงยาวเลยเข่ามาหนึ่งคืบ บุคลิกภาพเรียบร้อย อ่อนช้อยเหมือนนางในวรรณคดี คิ้วเข้ม หน้าคมแถมยังยิ้มสวย สเป็คไอ้นุ่นสุดๆ
ไอ้นุ่นชอบผู้หญิงหน้าคมผสมหวาน และมีความกุลสตรีอยู่เต็มพิกัด กระโปรงต้องเลยเข่าอย่างน้อยหนึ่งคืบ ถึงข้อเท้าเลยยิ่งดี กิริยามารยาทต้องเรียบร้อยเหมือนผ้าที่พับไว้ ร้อยมาลัยทำอาหารเก่งงานบ้าน พูดจาไพเราะเสนาะหู มีหางเสียงคะขา ซึ่งตรงข้ามกับฉันทุกประการ
ฉันหน้าดุ แถมความกุลสตรีมีต่ำเตี้ยเรี่ยดินจนเกือบติดลบ กระโปรงเหนือเข่ามาหนึ่งคืบ กิริยามารยาทขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ เรื่องงานบ้านฉันไม่เคยแตะ คำพูดคำจาดีกว่าหมานิดนึง ฉันเป็นผู้หญิงที่ตรงกับทุกลักษณะที่มันเกลียด
แต่ฉันก็ไม่สนใจ บทคนมันจะใช่ มันก็ใช่ มันไม่มีเหตุผลมากมายหรอก
“ชอบเหรอ?” ฉันยักคิ้วอย่างรู้ทัน มันยิ้มก่อนจะไหวไหล่ราวกับปฏิเสธแต่ใบหน้าดันขึ้นสีแดงระเรื่อเอียงอาย
“จะขอเบอร์ให้รึไง?” มันถามย้อนก่อนที่ฉันจะส่งเสียงเฮอะดังในลำคอพลางสอดสายตาพิจารณาผู้หญิงที่มันจับจ้องอยู่แวบนึง เหมือนเธอจะรู้ว่าถูกพวกเราจับจ้องอยู่เลยหลบสายตาและทำท่ากลัวๆ
ดูจากปฏิกิริยาผู้หญิงคนนั้น มันจีบไม่ติดแน่ๆ แค่เดินเข้าไปคุยแล้วเค้าไม่วิ่งหนีก็บุญแล้ว
“เปล่า ถามเฉยๆ” ฉันตัดบทแสดงทีท่าเรียบเฉย ทำให้มันเบ้หน้าไม่ชอบใจนัก ซึ่งฉันก็ไม่ได้สน ฉันโสด มันก็ต้องโสดด้วย จะทิ้งฉันไปมีแฟนได้ยังไง ต้องอยู่บนคานไปด้วยกันสิถึงจะเรียกว่าเพื่อนแท้
“คนนี้ไม่ผ่าน นมเล็กไป” ฉันตวัดสายตาไปสำรวจอีกทีพร้อมกับให้เหตุผลที่โคตรจะไร้สาระด้วยใบหน้านิ่งๆ ไอ้นุ่นชะงักกับคำกล่าวของฉันก่อนจะดีดนิ้วเข้ากลางหน้าผากฉันดังป๊อก!
“พูดจาน่าเกลียด เป็นสาวเป็นแส้”
“แล้วจะให้พูดยังไง” ฉันย่นคิ้วไม่พอใจ ฉันเป็นคนพูดขวานผ่าซาก ซ้ำยังหุนหันพลันแล่นเลยยากที่จะควบคุมหูรูดปากตัวเองได้ สายตาฉันเห็นเป็นยังไง ก็พูดไปตามนั้น
“เป็นซะอย่างนี้จะมีแฟนกับเค้าปะเนี่ย?” ไอ้นุ่นกระแหนะกระแหนแถมกำลังเหมาผู้ชายทั้งประเทศว่าชอบผู้หญิงสเป็คเดียวกับมัน แถมอย่างมันก็อยู่ในสถานะที่ไม่ต่างจากฉันนักหรอก!
ฉันกลอกตาแล้วเงียบไปครู่นึงเพื่อคิดอะไรบางอย่าง
ฉันโสด+ มันโสด = เราคงต้องเป็นแฟนกัน
“โรคนี้ รักษาได้อยู่สามวิธีนะ ใช้ยา ผ่าตัดและ... ท้อง” คำตอบของคุณหมอทำให้หญิงสาวเงียบไปอึดใจก่อนจะตอบกลับด้วยสีหน้าราบเรียบ “งั้นวิธีสุดท้ายแล้วกันค่ะ...รบกวนคุณหมอด้วยนะคะ"
"ตบแล้วทำไม จะจูบแบบในละครไง?"ฉันหัวเราะเมื่อแกล้งตบตรงรอยช้ำที่ผิวแก้มของเพื่อนสนิทเพื่อยั่วประสาทมันเล่นๆ ไอ้เตย์ชักสีหน้าไม่พอใจ"ตบจูบมันน้อยไปนะเวย์..." มันยกยิ้ม "ระดับพี่เตย์ต้องตบตับ!!!"
เพราะฉันดันไปสาดน้ำมันพรายใส่ผิดคน จากหนุ่มหล่อเนิร์ดกลายเป็นไอ้บ้าหน้าเลือดที่น่ากลัวสุดๆ ฉันหาข้ออ้างให้เขาหายไป หากแต่เขาชี้ปลายมีดมาเข้าที่หน้าฉัน "มาเป็นแฟนฉัน ไม่งั้นตาย" กลัวแล้ว ;-;
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย