เมื่อชะตาเล่นตลกกับหัวใจที่บอบซ้ำของ “เพลินวาน” เธอต้องทิ้งความฝันหอบหิ้วหัวใจที่แตกร้าวบินถลากลับมาซบแผ่นดินเกิด และเขาก็ก้าวเข้ามาปั่นป่วนหัวใจจนเธอตั้งแต่ออกนอกประเทศ “ภูริช” ผู้ชายกวนประสาทสุดแสนจุ้นจ้านและลูกค้าสุดเรื่องมาก เพลินวานไม่คาดฝันว่าคนที่เธอเกลียดจะมาเป็นนายของเธอ แค่นั้นยังไม่พอ...โชคชะตายังเล่นตลกไม่จบสิ้น เมื่อเธอตื่นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงกับเขาในสภาพเปลือยเปล่า เขากลายเป็นสามีสุดบังเอิญของเธอชั่วข้ามคืน เรื่องราวอลวนปั่นป่วนเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ความแข็งแรงของหัวใจ จะต้านทานความปั่นป่วน ซาบซ่าน น่ารักน่าหยิก แต่ทว่าแฝงด้วยความอบอุ่นของเขาได้นานเท่าไหร่กัน “ถ้าคุณคิดว่าการแต่งงานจะทำให้ผมยอมคุณทุกอย่าง คุณคิดผิด” “หมายความว่ายังไง” เพลินวานเงยหน้าถามทันที “เมีย...เขาทำหน้าที่อะไรบ้างล่ะ”
“เธอไม่ได้กำลังสูญเสียเพลินวาน แต่เธอกำลังจะได้ความรักคืนต่างหาก รักของเธอรออยู่ที่จุดหมายปลายทาง ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายที่อยู่เบื้องหลัง” ประโยคแผ่วเบาหลุดออกจากปากของคนกำลังคิดทบทวนถึงเหตุการณ์วนไปซ้ำมาไม่สิ้นสุด หลายประโยคหลุดออกมาจากปากของเธออย่างไม่รู้ตัว
หญิงสาวผินหน้ามองออกนอกหน้าต่างนกยักษ์ลำใหญ่ แม้เธอจะนั่งชิดฝั่งทางเดินและจะต้องมองผ่านอีกหลายที่นั่ง แต่ก็คงยังมองเห็นเมฆสีขาวเลื่อนลอยห่างออกไปสลับกับท้องฟ้าสีครามที่อยู่ไกลลิบ ผู้โดยสารอีก 3 คนที่นั่งถัดจากเธอไม่ได้อยู่ในสายตาของหญิงสาวแม้แต่นิด
เพลินวานเลือกที่จะทิ้งความปวดร้าวอันน่าอับอายไว้ข้างหลังและตีตั๋วเครื่องบินกลับบ้านเกิด เหมือนนกน้อยปีกหักกัดฟันถลาบินกลับให้ถึงรังรักที่เคยพักอาศัย เพียงหวังพึ่งไออุ่นจากอ้อมอกคนที่รัก กับถ้อยคำปลอบโยน
“ทุกอย่างที่ผ่านมามันจะเป็นเพียงความทรงจำที่คอยย้ำเตือนให้ฉันแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น” หญิงสาวย้ำเตือนตัวเอง
เพลินวานเลือกที่จะบอกลามหานครปารีส บินกลับมาลบเลียแผลใจที่บ้านเกิดเมืองนอน ‘บ้าน’ ในความทรงจำที่เธอจากไปหลายปี
หญิงสาวนึกถึงใบหน้าของน้องชายวัยไล่เลี่ยกัน เธอก็ยิ้มออกมา ภาพของพวกเธอกำลังวิ่งเล่นไล่จับกันอยู่บนเนินเขาลูกเตี้ยๆ ในเมืองสามหมอก ตอนนี้เขาโตเป็นหนุ่มหล่อมีหน้าที่การงานที่มั่นคง สานความฝันของบิดาได้สำเร็จ
สติของคนเหม่อกลับมาอีกครั้ง เมื่อมีนิ้วมือเรียวหนาของคนนั่งข้างตัวสะกิดหัวไหล่เรียกหญิงสาว เพราะเขาเองก็นั่งมองเธออย่างสงสัยอยู่นาน
“คุณ! คุณนี่ท่าจะเพี้ยนนะ ผมเห็นคุณยิ้มและพูดอยู่คนเดียวมาสองสามชั่วโมงแล้ว”
เสียงทักพร้อมกับนิ้วมือสะกิดจากชายหนุ่มทำให้เพลินวานตกใจและรีบเรียกสติของตัวเองกลับคืน รอยยิ้มหวานหุบกลับแทบไม่ทัน แต่เธอก็สามารถเปลี่ยนรอยยิ้มเป็นสายตาอาฆาตได้เพียงข้ามวินาที เธอเกลียดความไร้มารยาทแบบนี้ที่สุด
หญิงสาวมองชายหนุ่มอย่างไม่พอใจ คำพูดที่เขาพูดกับเธอเมื่อครู่ทำให้รู้ว่าเขาเป็นคนชาติเดียวกันกับเธอ หญิงสาวจึงตอบกลับด้วยประโยคที่เป็นภาษาไทย
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณไม่ทราบ รู้หรือเปล่าว่าเสียมารยาทมากที่มานั่งมองคนไม่รู้จักแบบนี้”
ชายหนุ่มหน้าเหวอ ไม่คิดว่าคนจะเสียมารยาทจะกลายเป็นเขา
“ผมแค่อยากจะบอกคุณว่า ผมต้องการความเงียบเพราะอยากพักผ่อน”
หญิงสาวมองไปรอบๆ เห็นผู้โดยสารคนอื่นที่ร่วมเดินทางต่างนอนหลับพักผ่อน ไฟถูกเปิดเพียงให้แสงสลัว เพลินวานเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายเสียมารยาทที่ส่งเสียงดังรบกวนคนอื่น
‘นี่เราเผลอคิดถึงเรื่องในอดีตจนยิ้มและร้องไห้ออกมาให้คนอื่นเห็นอีกแล้วหรือเนี่ย น่าอายชะมัด’ หญิงสาวคิดอย่างละอายในใจ เธอมักเผลอแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง
ทั้งที่อับอายจนแทบไม่กล้าเงยหน้ามองคนที่นั่งข้างๆ แต่ก็ต้องฝืนเชิดหน้ารั้นมองหน้าชายหนุ่มตาขวาง เพื่อกลบเกลื่อนความอายของตัวเอง ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นเชิงบอกว่า… ‘ทำไมล่ะ’
ชายหนุ่มหรี่ตามมอง “คุณแอบชอบผมหรือเปล่า ผมเห็นคุณแอบมองมาที่ผมอยู่บ่อยๆ”
คราวนี้หญิงสาวก็อารมณ์เดือดกับข้อหาที่เขายัดเยียดมาให้ เธอรีบยกมือปัดป้ายคราบน้ำตาที่รินไหลออกมาอาบสองแก้มลวกๆ ยืดคอให้เชิดตรงจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง สายตาของเธอไม่ได้มองไปที่เขาเลยสักครั้ง แต่ก็จำต้องมองผ่านเขาไปเพราะที่นั่งของเธอชิดกับทางเดิน
“จะบ้าไปกันใหญ่แล้ว ก่อนที่จะพูดอะไรออกมา… หัดดูหนังหน้าตัวเองก่อนเถอะยะ ว่าหน้าอย่างคุณมันน่าพิศวาสหรือเปล่า หน้าอย่างกับปลาบู่แป๊ะซะ ชิส์!” เพลินวานย่นจมูกหมั่นไส้ตอบกลับผู้ชายหลงตัวเองเสียงห้วน ใครจะยิ้มให้คนไม่รู้จักกันมาก่อนอย่างเขาล่ะ เธอคิดถึงน้องชายสุดที่รักอยู่ต่างหาก
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับคุณผู้หญิง...”
โดนต่อว่าแทนที่ชายหนุ่มจะโมโห แต่เขากลับยิ้มหน้าระรื่นเหมือนไม่รู้สึกเสียอย่างนั้น กลายเป็นว่าคนโมโหกลับเป็นหญิงสาวแทน
‘ผู้ชายอะไรหน้าด้านหน้าทน โดนด่ากลับขอบคุณ’ หญิงสาวกัดฟันกรอดโมโหที่เธอทำอะไรเขาไม่ได้ ขยับตัวหันมาจ้องหน้าเขาให้ถนัด ยกมือขึ้นวางบนพนักพิงไม่พอใจ
“เอ๊ะ! นี่ฉันกำลังด่าอยู่นะ ไม่ใช่กำลังชม คงเพี้ยน… คนด่ายังมีหน้ามายิ้มอีก”
ชายหนุ่มไม่ได้ใส่ใจอาการไม่พอใจของหญิงสาวสักนิด แต่เลิกคิ้วสูงยิ้มยั่วกวนอารมณ์ให้เธอโมโหมากขึ้นกว่าเดิม มิหนำซ้ำยังยื่นหน้าเข้าไปใกล้เธอและบอกต่อด้วยน้ำเสียงทะเล้น
“เราคงเป็นเหมือนกันมั้งคร้าบ… คุณผู้หญิง คุณเองก็ยังนั่งร้องไห้ ยิ้มและนั่งพูดอยู่คนเดียวได้ตั้งนานสองนาน แล้วทำไมผมจะฟังคำด่าเป็นคำชมไม่ได้ เราน่าจะเป็นคนอารมณ์ดีเหมือนนะ คุณว่ามั้ย!”
“เอ๊ะ! นี่… ขยับหน้าออกไปห่างๆ จากหน้าฉันได้ไหม ฉันจะนอนแล้ว” เพลินวานเผลอแหวเสียงดังอีกครั้ง เธอยกมือข้างหนึ่งขึ้นดันใบหน้าชายหนุ่มให้ห่างจากแก้มของตัวเอง พร้อมกับใช้อีกข้างออกแรงผลักร่างหนาออก
พอชายหนุ่มเจอผู้หญิงเยอะสิ่งเรื่องมากอย่างเธอก็ทำให้เขาอดคิดถึงพี่สาวจอมเผด็จการไม่ได้ รายนั้นเรื่องมากเป็นที่หนึ่ง เหตุผลที่เขาต้องกลับมาคราวนี้ก็เพราะคำสั่งของเธอ
‘ผู้หญิงคงจะเรื่องมากและโขกมาจากบล็อกเดียวกันหมดทั้งโลก’
เขาทำหน้าเหมือนเหนื่อยใจ “โถ่… แม่คุณ ที่นั่งของคุณก็อยู่ตรงโน้น ผมก็นั่งของผมอยู่ตรงนี้ คุณจะนอนก็นอนไปสิ เกี่ยวอะไรกับผมเนี่ย” ชายหนุ่มบ่น แต่ก็ยอมขยับตัวออกห่างจนชิดอีกฝั่ง
“ก็คุณยื่นหน้าเข้ามาใกล้ขนาดนี้จะหลับลงได้ยังไง หันหน้าไปเลย”
“เยอะไปมั้ยเนี่ย… อยู่บนเครื่องบินจะให้มีพื้นที่อะไรนักหนา ถ้าอยากได้พื้นที่ในการนอนเยอะๆ ทำไมไม่ซื้อตั๋วชั้นเฟิร์สคลาสล่ะคร้าบ...” ชายหนุ่มยังลอยหน้ายื่นจมูกเข้ามาใกล้อีกครั้ง คำพูดที่ออกจากปากก็ยียวนกวนอารมณ์ไม่เลิก
เพลินวานรู้สึกหงุดหงิดและหมั่นไส้ผู้ชายยียวนข้างๆ เป็นที่สุด แค่เพียงครั้งแรกที่เจอเธอก็รู้สึกไม่ชอบผู้ชายคนนี้เสียดื้อๆ ถึงแม้รูปลักษณ์ภายนอกเขาจะดูดีแค่ไหนก็ตาม ยิ่งได้เห็นหน้าผู้ชายคนนี้ชัดๆ เธอก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาหล่อมาก ดวงหน้าคมเข้มรับกับผมรองทรงสั้น จมูกโด่งเป็นสันนูนเด่น อีกทั้งดวงตาคมกริบประดับด้วยแพขนตาดกหนาคู่นั้นยิ่งชวนมอง ผิวพรรณที่โผล่พ้นขอบแขนเสื้อให้มองเห็น บ่งบอกได้ดีว่าคงไม่ได้ต้องแสงแดด จนบางทีผู้หญิงอย่างเธอยังนึกอิจฉาความสมบูรณ์แบบในโครงหน้าของเขา
“ไม่ต้องพูดมากเลย หันหน้าไปเลย เป็นคราวซวยของฉันที่เจอผู้ชายแบบนี้บนเครื่อง คนจะนอนก็ไม่ได้นอน” เพลินวานบ่นไปพร้อมกับฟึดฟัดกระแทกกระทั้นไม่พอใจ โดยที่เมื่อครู่เป็นเธอเองที่สร้างความวุ่นวายจนเขาบอกให้เธอหยุดเพราะไม่สามารถนอนหลับได้
แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มยังจ้องหน้ายิ้มทะเล้น เธอก็หันหน้าไปอีกด้านและปิดตาลงนอนอย่างหงุดหงิด ชายหนุ่มหัวเราะขำออกมาในลำคอ ทิ้งศีรษะลงบนพนักพิงและปิดเปลือกตาหลับลงตามหญิงสาวไป
เครื่องบินตกหลุมอากาศทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวอีกครั้ง ความรู้สึกหนักอึ้งทำให้ชายหนุ่มต้องรีบขยับตัวเบี่ยงออก ตอนนี้หัวไหล่ของเขากลายเป็นที่พักพิงของใครบางคน เขาถือโอกาสสำรวจคนที่เอนตัวมาหาและเกยใบหน้าบนหัวไหล่ของตัวเอง
พอปิดตาลงนอนเธอก็เหมือนเด็กมัธยม ปากที่ปิดเงียบสนิทในเวลานี้ทำให้ชายหนุ่มนึกเอ็นดู จนเผลอยิ้มออกมาที่มุมปากน้อยๆ
เธอ...ถูกส่งตัวมาทดสอบถุงยางบริษัทของเขา แต่พลาดท้อง เขา...เชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของตัวเอง และไม่ยอมรับ และหาว่าเธอหน้าเงิน หญิงสาวต้องหอบลูกพิสูจน์ "เด็กคนนี้คือลูกของเขา" แต่ไม่คิดอยากได้พ่อเด็กหรอกนะแค่จะสวยให้หมามันน้ำลายหกเล่น ผัวที่ดีคือผัวใหม่เท่านั้น เธอทำให้เขาขาดความมั่นใจในตัวเอง เธอทำให้เพลย์บอยคลั่งไคล้แม่ลูกอ่อนจนโงหัวไม่ขึ้น และเธอก็ใจแข็งเหลือเกินกลับมาเถอะนะ *************************************** "ฉันท้อง!" "ท้องงั้นเหรอ! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ฉันใส่ถุงยางทุกครั้ง และฉันก็มั่นใจผลิตภัณฑ์ของบริษัทฉัน" ลีอาห์แค่นเสียงถาม มองมายาวีย์อย่างดูแคลน สุดท้ายการที่ผู้หญิงที่บอกว่าเกลียดเขาทุกวินาทีกลับมาขอพบด้วยประเด็นเหนือชั้นกว่าเดิม คงหนีไม่พ้น เงิน "หึ! มุกตื้นๆ แพทเทิร์นเดิมๆ ของผู้หญิงหากิน แค่เธออ้าปากฉันก็มองทะลุปรุโปร่ง คิดจะจับผู้ชายรวยง่ายๆ ฉันไม่ได้มีเขาอยู่บนหัวนะ แล้วก็ไม่ใช่พ่อพระที่จะยอมรับเด็กที่ไม่รู้ว่าเกิดจากสเปิร์มของใครมาเป็นลูกแน่นอน เล่นผิดคนแล้วล่ะ" "ฉันไม่เคยคิดจะให้คุณยอมรับ ลูกของฉันอยู่แล้ว ฉันเลี้ยงเองได้ ที่มาแค่จะมาบอกว่าฉันจะฟ้องบริษัทของคุณที่ผลิตถุงยางไม่ได้คุณภาพต่างหาก" "เธอจะบ้าหรือไง เธอมีหลักฐานอะไรมายืนยัน" ชายหนุ่มโกรธ มายาวีย์จ้องกลับอย่างท้าทาย "คอยดูความบ้าของฉันก็แล้วกัน มันจะเป็นตลกร้ายที่คุณจะจำฉันไม่มีวันลืมเลยทีเดียว" ปึก!! มายาวีย์โยนเอกสารลงที่โต๊ะทำงานของลีอาห์ "นี่เป็นผลตรวจการตั้งครรภ์ของฉัน รอผลตรวจดีเอ็นเอ แล้วก็ไปเจอกันที่ศาล หรือคุณจะยอมรับว่าใช้ถุงยางอนามัยของบริษัทอื่นทำฉันท้องก็ได้นะ" ไปตามลุ้นกันต่อนะคะ สุดท้ายจะลงเอยแบบไหน แอบกระซิบว่าพระเอกครางเป็นหมาเลยค่ะ นางเอกใจเด็ดมากเลยทีเดียว
เขาเรียกว่าบริหารเสน่ห์ อย่าหาว่าหนูแรดนะคะ นะคะ" "แรดเงียบๆ แอบกินเนียนๆ แต่เซียนต้องหลบ" อันดา เจ้าของสโลแกน ‘ถ้าผู้ชายคิดจะมอมเหล้าแล้วลากเข้าโรงแรม ผู้ชายตายก่อนเพราะเปลือง’ เด็กวิศวะก่อสร้างสุดแสบ สายปาร์ตี้ และนักล่าแต้มบริหารเสน่ห์ อันดาถูกครอบครัวมั่นหมายให้กับผู้ชายคนหนึ่งตั้งแต่ลืมตาดูโลกวันแรก เธอเรียกคู่หมั้นว่าห่วงคล้องคอ โซ่ตรวนที่กักขังอิสระของเธอมาตลอดชีวิต เธอตั้งป้อมเกลียดเขา โดยไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอยากเอาชนะหรือความรู้สึกจริงๆ กันแน่ ถึงแม้จะเผลอมีอะไรกับเขาในวันที่เธอเมาหนัก เธอก็สั่งให้เขาลืมเรื่องวันนั้น และห้ามตอกย้ำกับเธออีก เธอไม่แคร์กับเรื่องแค่นั้น จนกระทั่งวันหนึ่ง…เขายอมหลีกทางให้เธอกับผู้ชายคนใหม่ วันนั้นเธอถึงได้รู้ความจริง ว่าเธอขาดผู้ชายคนนั้นไม่ได้ ปฏิบัติการตามล่าเฮียเบิ้มกลับมาทำผัวจึงเกิดขึ้น…
เรื่องชุลมุนเกิดขึ้น เพราะเขาดันไปเผลอพลาดท่า มีอะไรกับนักศึกษาฝึกงานเสียนี่ แถมเจ้าหล่อนยังทำเมินต่อพรหมจารีที่สูญเสีย หล่อนทำให้เขาเสียเซลฟ์ขาดความมั่นใจอยู่หลายวัน จนเขาจะต้องค้นหาความจริง หล่อนมีดีอะไรกันแน่ ถึงทำให้เขาลุ่มหลงได้มากขนาดนี้ คีรติหวงความโสดขั้นสุด รอดมือแม่เสือสาวนักล่ามาหลายปี แต่ดันมาตกม้าตาย ติดกับดักนักศึกษาสาว โดนเด็กตกเข้าให้ หัวใจแพ้ลูกอ้อนอ่อนยวบ แต่ร่างกายกลับฟิตปึ๋งปั๋งซะนี่ "เอาสิ! อยากจับตรงไหนก็เชิญ" วิเวียน นักศึกษาฝึกงานทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ก่อสร้าง แต่เธอกลับถูกส่งไปดูแลห้องของเจ้านายในกรณีพิเศษ แต่ก็ทำปลาหายากราคาสูงลิบของเขาตายไป 9 ตัว เธอจึงต้องทำงานชดใช้เขาต่อหลังจากฝึกงาน บอสคีย์ ผู้ชายฮอตแห่งปี ควงสาวไม่ซ้ำหน้าแถมดีกรีแต่ละคนไม่ธรรมดา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ยอมลงเอยกับใคร ประธานบริษัทที่แสนดุ เฮี๊ยบและโหดขั้นสุด ทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเขาต้องสมบูรณ์เป๊ะทุกองศา
“รอยจูบ” ที่เธอมอบให้เขาเพราะความสะใจ แต่มันกลับกลายเป็นพันธนาการให้เธอดิ้นไม่หลุด เพลย์บอยร้ายอย่างเขาจะไม่ยอมให้ใครจูบฟรี!
สำหรับปราบ...เขาก็แค่สนุก แต่กลับผูกพันจนอยากกักตัวเธอไว้ สำหรับแป้งฝุ่น เธอแค่รอให้ข้ามคืน แค่กลับเป็นพันธนาการรั้งเธอไว้ชั่วชีวิต
หล่อนถูกหลอกให้มานอนอยู่บนเตียงนายหัวกริน และถูกเจ้าของเตียงยัดเยียดตำแหน่งเมียบรรณาการให้ แรกเริ่มจำยอม...ก่อเกิดรักจนตั้งท้อง...แต่ตัวจริงก็มาทวงคืน เขาเฉดหัวเธอออกจากบ้านพร้อมกับลูกในท้อง!!! นายหัวกริน เทวารักษ์ สมิธ(Smith) ผู้ชายที่เกลียดผู้หญิงในสังคมเมือง แต่เขากลับต้องตกกระไดรับเมียบรรณาการที่มารดาส่งมาให้จากกรุงเทพอย่างไม่ทันตั้งตัว สาวแรกแย้มที่สามารถแย้มหัวใจด้านชาให้กลับมาชุ่มฉ่ำอีกครั้ง พลอยขวัญ เพียงเกตุ สาวสวยลูกกำพร้าที่ถูกกดทับด้วยหน้าที่คนรับใช้ แต่มีโอกาสได้เรียนจบปริญญาตรีแต่เธอก็ถูกศยามลกดขี่และล้ำเลิกบุญคุณตลอดเวลา จนเกิดจับพลัดจับพลูได้เดินแบบเฉิดฉายบนแคทวอร์ก สาเหตุของเรื่องราวทั้งหมด เมื่อพลอยขวัญต้องมานอนอยู่บนเตียงนายหัวหนุ่มเมืองใต้ และถูกเจ้าของเตียงยัดเยียดตำแหน่งเมียบรรณาการอย่างไม่ทันตั้งตัว แรกเริ่มจำยอม...ผ่านมารัก...ตัวจริงกลับมาทวงคืน และเธอต้องเลือก...ระหว่าง “กตัญญู” กับ “หัวใจ”
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี