เขาจะทำเช่นไหร่ เมื่อเด็กกะโปโลผอมแห้ง กลายเป็นสาวสะพรั่งน่ากิน ระหว่างปล่อยเธอไป แสร้งทำเป็นไม่สนใจไยดีเหมือนเดิม หรือว่าจับกินหัวกินหางกินกลางตลอดตัว?! “ไปเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อยก่อน ห้ามใส่ชุดอยู่บ้านลงสระ” “เอมเปลี่ยนเรียบร้อยแล้วค่ะ” คนพูดอมยิ้ม และก็สลัดเสื้อคลุมออกจากตัวทันที เสื้อคลุมสีขาวร่วงลงไปกองกับพื้นหินขัด พร้อมๆ กับบิกินีสีแดงเพลิงบนเนื้อขาวๆ ปรากฏขึ้น พระเจ้า.... แพทริกรู้ทันทีเลยว่าการจ้องมองเรือนร่างของเชอเอมในชุดบิกินีตัวจิ๋วนี้คือความผิดพลาดอย่างมหันต์เลยทีเดียว เขาไม่ได้ต้องการจะมองหล่อน แต่ไม่สามารถแกะสายตาออกจากหล่อนได้เลย เขาหายใจดังขึ้น และแรงขึ้น ขณะเอื้อมมือไปด้านหลัง นิ้วยาวสะกิดตะขอเพียงเบาๆ สายเสื้อชั้นในก็หลุดออกจากกัน ก้อนเนื้อนวลที่เขาทั้งดูดทั้งเลีย ทั้งอมหัวนมสีหวานนั้นดีดเด้งออกมา เขาดึงบราเซียร์ออกไปทางแขนเรียว และจ้องเต้าอวบไม่วางตา เด็กสาวเอียงอาย หน้าแดงก่ำ ยกมือขึ้นกอดอกเอาไว้เพื่อปกปิดความอวบอัดของตนเอง แต่เขาไม่มีทางยอม เขาดึงสองแขนเล็กออก “อย่าซ่อนมันจากสายตาของพี่...” “อ๊ะ... อา... พี่แพท...”
ทันทีที่ฝ่าเท้าเหยียบลงบนแผ่นดินสยามประเทศ เชอเอมก็รีบเปิดโทรศัพท์มือถือให้กลับไปเป็นโหมดปกติ และโทรข้ามประเทศกลับไปหาเพื่อนรักอย่างเพียงออทันที
“เอมถึงเมืองไทยแล้วนะเพียง สดๆ ร้อนๆ เลยล่ะ”
“เที่ยวให้สนุกนะเอม และก็ขอให้สมหวังกับคุณหมอแพทริกอย่างที่เอมหวังนะจ๊ะ”
เพียงอออวยพรมาตามสายโทรศัพท์ด้วยสุ่มเสียงที่สดใส
“ขอบใจจ้า แต่เอมจะต้องสมหวังอยู่แล้วล่ะ เพราะพี่แพทต้านทานเสน่ห์ของเอมไม่ได้แน่นอน” คนพูดหัวเราะเสียงสดใส
“เพียงเอาใจช่วย สู้ๆ นะเอม”
“ขอบใจจ้าเพียง”
ดวงตาของเชอเอมกวาดมองไปรอบๆ ตัว เพื่อหาแพทริก แต่ก็ยังมองไม่เห็น
“งั้นแค่นี้ก่อนนะเพียง เดี๋ยวเอมติดต่อไปใหม่ ขอเวลาไปมองหาพี่แพทก่อน”
เชอเอมบอกเพื่อนรัก ก่อนจะวางสาย และลากกระเป๋าเดินทางไปหยุดตรงบริเวณจุดมิตตี้งพอยท์
“รถต้องติดแน่ๆ เลย พี่แพทถึงยังไม่มา”
หญิงสาวคิดในแง่ดีตามนิสัยของตนเอง กำลังจะเดินไปทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้พลาสติก แต่เสียงเรียกของคนแปลกหน้าคนหนึ่งดังขึ้นด้านข้างตัวเสียก่อน
“ใช่ คุณเชอเอมหรือเปล่าครับ”
คิ้วโก่งสวยที่ธรรมชาติมอบให้มาของเชอเอมเลิกขึ้นสูงด้วยความแปลกใจ แต่ก็ฉีกยิ้มหวานให้
“ใช่จ้า แต่ลุงรู้จักชื่อของเอมได้ยังไงกันจ๊ะ”
ผู้ชายวัยกลางคนตรงหน้าโน้มศีรษะให้เล็กน้อย ก่อนจะตอบออกมา
“คุณหมอแพทริกให้ผมมารับคุณเอมครับ”
“พี่แพทให้ลุงมารับเอมเหรอ”
“ใช่ครับ”
คำตอบของคู่สนทนา ทำให้เชอเอมรู้สึกใจแป่วเล็กน้อย แต่ก็ยังยิ้มได้
“พี่แพทคงกำลังประชุมหรือไม่ก็กำลังคุยงานสำคัญอยู่ก็เลยมารับเอมไม่ได้แน่ๆ เลย”
คู่สนทนาของหล่อนทำแค่ยิ้มเจือนๆ ก่อนจะช่วยลากกระเป๋าเดินทางให้ และเดินนำไปยังรถหรูที่จอดอยู่ในลานจอดรถของสนามบิน
“ขอบคุณค่ะ”
เมื่อมาถึงรถ ลุงวัยกลางคนก็เปิดประตูรถให้ หล่อนกล่าวขอบคุณ และก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ หัวใจล่องลอยไปหาแพทริกอย่างฉุดไม่อยู่
“พี่แพทจะต้องคิดถึงเอมมากแน่ๆ เลย”
หล่อนยิ้มแย้ม ใบหน้านวลที่มีลักยิ้มที่สองแก้มสดใสน่ามองยิ่งนัก
“ลุงเป็นคนขับรถของพี่แพทเหรอจ๊ะ”
“ใช่ครับ แต่คุณแพทมีคนรับรถอยู่หลายคน แล้วแต่จะสั่งให้ใครทำอะไรครับ”
หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ ขณะมองออกไปนอกกระจกรถ วิวทิวทัศน์ด้านนอกทำให้หล่อนตื่นตาตื่นใจไม่น้อย
หล่อนเป็นคนไทย แต่พ่อกับแม่ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ในอเมริกาตั้งแต่หล่อนยังไม่เกิด ทำให้หล่อนไม่คุ้นเคยกับเชื้อชาติของตนเองนัก
“เมืองไทยน่าอยู่จังนะคะลุง”
“ใช่ครับ แต่บางที่ก็ดูวุ่นวาย อย่างเช่นกรุงเทพฯ รถติดมากเลยครับ”
“คงเพราะคนมาอาศัยกันเยอะมั้ง”
เชอเอมพูดไป และก็มองวิวนอกรถไปด้วยความรื่นเริง ตอนนี้หล่อนรู้สึกมีความสุขไม่น้อย เพราะว่ากำลังจะได้อยู่ใกล้ๆ กับแพทริก ผู้ชายที่ตนเองรักมาตลอด และหล่อนก็คาดหวังเอาไว้สูงมาก ว่าแพทริกจะมีใจให้กับตนเองบ้าง ไม่มากก็น้อย
รอยยิ้มหวานยังคงเกลื่อนใบหน้างามของเชอเอม จนคนขับรถวัยกลางคนที่มองกระจกมาแล้วเห็นรอยยิ้มนั้น อดที่จะชื่นชมในความสดใสของหญิงสาวไม่ได้
“อีกนานไหมจ๊ะลุง กว่าจะถึงโรงพยาบาลที่พี่แพทมาทำงานน่ะจ้ะ”
“เอ่อ... คุณเชอเอมจะไปโรงพยาบาลเหรอครับ”
คิ้วโก่งเลิกสูงและพันกันน้อยๆ หลังจากได้ยินคำถามของคนขับรถ
“อ้าว พี่แพทไม่ได้ให้เอมไปหาที่โรงพยาบาลเหรอจ๊ะลุง”
คู่สนทนาของหล่อนส่ายศีรษะไปมา
“เปล่าครับ คุณแพทให้ผมพาคุณเชอเอมไปที่พักครับ”
“หว้า... นึกว่าจะได้ไปหาพี่แพทที่โรงพยาบาลก่อนเสียอีก”
น้ำเสียงของเชอเอมเต็มไปด้วยความผิดหวัง แต่ครู่เดียวก็ระบายยิ้มหวานออกมา
“พี่แพทคงคิดว่าเอมเดินทางมาเหนื่อย คงอยากให้พักผ่อน ตอนเย็นจะได้มีเวลาคุยกับพี่แพทแน่ๆ เลย”
คนขับรถวัยกลางคนอดอมยิ้มตามเชอเอมไม่ได้
“น่าจะอย่างนั้นแหละครับ”
“งั้นถ้าลุงกลับไปโรงพยาบาล แล้วเจอพี่แพท ฝากบอกพี่แพทว่าเอมขอบคุณมากนะคะ อ้อ...”
แล้วเชอเอมก็รีบหยิบกระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่ด้านหลังออกมาเปิด พร้อมกับหยิบโหลใส่ขนมส่งให้กับคนขับรถที่จอดรถติดสัญญาณไฟจราจรพอดี
“อันนี้ของลุงนะคะ ส่วนคุกกี้รูปหัวในนี้ ของพี่แพทค่ะ ฝากลุงให้พี่แพทด้วยนะคะ”
“ขอบคุณมากครับคุณเอมที่อุตส่าห์หิ้วขนมขึ้นเครื่องบินมาฝากผมด้วย “
“เอมซื้อที่สนามบินน่ะค่ะ”
เชอเอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะกำชับอีกครั้ง
“ลุงอย่าลืมให้พี่แพทนะคะ แล้วก็ฝากบอกพี่แพทด้วยว่า ขนมคุกกี้รูปหัวใจในโหล ก็คือหัวใจของเอมค่ะ”
“คุณเชอเอมโรแมนติกจังเลยนะครับ”
“เอมชอบความสุขน่ะค่ะก็เลยอยากให้คนอื่นมีความสุขไปด้วย”
หล่อนอมยิ้ม และก็นั่งมโนนึกสีหน้าของแพทริกเวลาที่ได้กินคุ๊กกี้ที่ตนเองซื้อมาฝาก
‘พี่แพทจะต้องกินไปยิ้มไปแน่นอน’
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน