ประธานบริษัทที่ต้องการเลขาคนใหม่เข้ามาทำงานในสัญญาจ้าง 6 เดือน เมื่อคนเก่าต้องลาคลอด ทว่าโชคชะตากับนำพาอดีตคนรักเข้ามาอีกครั้งในฐานะเจ้านายกับลูกน้อง
"อ่ะ อื้อออออ"
“….” ปากกาหล่นจากมือดังแป๊กไหลไปกับพื้น
“อ๊าาาาาส์” เสียงคำรามครางลอดประตูห้องทำงานออกมาด้านนอก คล้ายเป็นเสียงด้านในทำกิจกรรมบางอย่าง เลขาหน้าห้องท้องแก่สะดุ้ง ปากกาในมือหล่นเก็บแทบไม่ทันเมื่อได้ยินกระทบเข้ารูหูเป็นระดับผู้บริหาร นั่งตัวเกร็งเลิ่กลั่กทำอะไม่ถูกในยามที่ได้ยินเสียงส่อไปทางลามกเช่นนี้
"เอกสารฝาก coppy ได้แล้วครับคุณเลขา" เจษคนสนิทของชนินธรวางแฟ้มการประชุมหลายฉบับของบอร์ดผู้บริหารที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้
"ขอบคุณค่ะ" อาการเลิ่กลั่กยิ้มมุมปากเล็กน้อยทำเจษสงสัย
"เป็นอะไรอ่ะเมย์"
"....."
“ปวดท้องคลอดเหรอ”
“ยัง” มองไปยังประตูสีทองเหลืองอร่ามติดป้ายชื่อผู้บริหาร ชนินธร นักขัตปรารถ แล้วเลิกคิ้วเล็กน้อยไปการเชื้อเชิญอีกคนให้มองตามไปยังต้นเสียง
อื้อออ อ๊าส์
"บอสอยู่ข้างในเหรอ" เจษเอ่ยถามด้วยสีหน้าตื่นเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆ ลอดออกมาเป็นระยะ มองไปยังบานประตูที่ถูกปิดสนิทอย่างสงสัยว่าด้านในกำลังทำอะไร
"ใช่ บอสอยู่ในห้อง" กระซิบตอบ
"อย่าบอกนะว่าบอสอยู่กับ..."
อ๊าาาาาส์ แม่งงงงง!!!!
เมฑญาใช้ฝ่ามือตีหัวไหล่เจษดังตุบตับตื่นเต้นเมื่อได้ยินเสียงครางกระเส่าดังออกมาอีกครั้ง แม้จะไม่รู้ว่าที่จริงแล้วบอสทำอะรไอยู่ก็อดคิดไปแบบนั้นได้
"บอสกำลังทำ.."
"พี่เจษไม่เอาไม่พูด บอสมาได้ยินเมย์จะโดนไล่อออกตอนท้องแก่ไม่ได้" ส่งสัญญาณด้วยการยกนิ้วแนบริมฝีปากเป็นการบอกให้อีกฝ่ายหยุดพูด
สุดยอดเลยว่ะ อ๊าาาส์
ตาเบิกโพลงกลมเป็นลูกปิงปองในยามเสียงครางอื้ออ้าครั้งใหญ่ดังขึ้น คนด้านนอกทั้งสองยกมือกุมริมฝีปากด้วยความตกใจ ต่างคนก็ต่างคิดว่าเจ้านายต้องพาผู้หญิงเข้ามาทำเรื่องอย่างว่าเพราะเคยเห็นชนินธรควงมาห้องทำงานอยู่สองสามครั้ง
"บอสชนินสุดๆ เลยอ่ะ ในห้องทำงานก็ไม่เว้น"
"รอบก่อนมีคนตาดีเห็นบอสพาเด็กเข้าห้อง ตอนออกมาเหงื่อแตกเต็มตัวเลยพี่เจษ รอบนี้ก็คง.." กำลังจะเล่าเรื่องครั้งก่อนให้เจษฟัง
แกร๊ก!!!
"อึ้ม" เสียงกระแอมโทนทุ้มต่ำดังขึ้นพร้อมกับชะโงกหัวออกมาในสภาพเปลือยกายท่อนบนและเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่ออาบร่างกำยำเป็นลอนเนื้อแน่นเป็นลูกบ่งบอกว่าบอสหนุ่มดูแลตัวเองอย่างดีเพราะหลายปีก่อนค่อนข้างป่วยกระเสาะกระแสะจนต้องหันกลับมารักสุขภาพ จากที่สุ่มหัวก็ผละตัวออกคนละทางด้วยอาการลนลานแม้จะพยายามทำตัวเป็นปกติก้มหน้าก้มตาทำงานก็ไม่อาจหลอกตาชนินธรได้ว่ากำลังถูกลูกน้องพูดถึง ทว่าเจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย
"เจษ มึงไปเอาเกลือแร่ผสมน้ำมาให้กูด้วย" สั่งลูกน้องด้วยน้ำเสียงหอบ
"ท้องเสียหรือครับบอส"
"เปล่า กูเสียเหงื่อเยอะไปหน่อย"
"เห็นไหมพี่" เมฑญากระซิบเบาลอดไรฟัน ยืนยันว่าไม่ได้เข้าใจชนินธรผิดแน่ๆ
"เร็วๆ ไอ้เจษ" ยกดัมเบลหนักเกือบ 5 กิโล ออกมาโชว์ว่ากำลังออกกายในยามว่าง เมื่อเห็นเช่นนั้นทั้งเจษและเมฑญาก็ถอนหายใจอย่างโล่งออก บอสชนินแค่ออกกำลังกายดูแลสุขภาพ ส่วนเกลือแร่ที่ต้องการก็เป็นเกลือแร่สำหรับคนเสียเหงื่อสำหรับออกกำลังกายเท่านั้น
"ได้ครับบอส ผมจะรีบไปเอามาให้"
เจษวิ่งแจ้นลงชั้นล่างของบริษัทอย่างรวดเร็ว ปล่อยเมฑญายิ้มแห้งไม่กล้ามองตาสีคมกริบเมื่อครั้นคิดไปไกลถึงไหนต่อไหน
"เอกสารบนโต๊ะ รอไอ้เจษมันถือเข้ามา" บอกเลขาท้องแก่ อีกไม่นานเมฑญาก็จะลาคลอดฉะนั้นหลังจากนี้งานคั่งค้างต้องรีบเคลียร์และจัดการให้เสร็จภายใน 1 เดือนเมื่อมีคนมารับช่วงต่อจะได้ไม่เป็นปัญหาทั้งเลขาชั่วคราวคนใหม่และเจ้านายอย่างบอสชนิน
"ค่ะบอส"
ปิดประตูแล้วหยิบดัมเบลยกขึ้นยกลงบริหารหารกล้ามโตๆ อีกครั้ง ชนินธรเป็นผู้ชายคลั่งการออกกำลังเป็นนิสัย ว่างเมื่อไหร่ต้องให้ตัวเองได้เสียเหงื่อคล้ายเป็นยาชูกำลังความเป็นหนุ่ม แม้จะมีอายุเลยเลขสามไปหลายปียังดูเหมือนจะยี่สิบต้นๆ เพราะดูแลตัวเองอย่างดีมาตลอดหลายปี
Rrrrrrrr
“ค่ะแม่”
[เดือนที่สองแล้วนะตา ทำไมไม่ส่งเงินให้แม่กับน้อง]
ปลายสายคือสายรุ้งแม่ผู้เลี้ยงมานับสิบปี หลังจากพ่อเสียด้วยอุบัติเหตุทุกอย่างก็ดูแย่ลงไปหมด 2 ปีที่ผ่านตาหวานทำงานอย่างหนักเพื่อส่งให้ทางบ้านอีกทั้งน้องสาวคนเดียวกำลังจะเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยยิ่งสอบติดคณะแพทย์ค่าใช้จ่ายยิ่งหนักไปอีก
“แม่รอก่อนสิ อีกตั้ง 10 วันจะสิ้นเดือน หนูเพิ่งได้งานทำ”
[อย่าโกหกฉันนะนังตา ถ้ารู้ว่าโกหกฉันจะขายที่พ่อแกให้หมด] ตาหวานกำลังถูกขู่อีกแล้วมรดกจากคุณตาที่มอบให้พ่อตอนนี้ตกอยู่ในมือของสายรุ้ง แล้วแบบนี้ตาหวานจะยอมได้ยังไง
“หนูไม่โกหก สิ้นเดือนนี้หนูจะโอนทบของเดือนที่แล้วเป็นสามหมื่น”
[แล้วค่าเทอมน้อง]
“อีกตั้งหลายเดือน แม่ใจเย็นๆ หน่อย”
[เออ สิ้นเดือนแกห้ามลืมนะนังตา]
“ไม่ลืม แค่นี้นะแม่หนูต้องกลับไปทำงานแล้ว” ตัดสายทิ้งแล้วหย่อนก้นนั่งลงโซฟาทว่าคือโซฟาในบ้าน ตาหวานยังไม่มีงานทำเหมือนที่บอกแม่ ไม่เชิงว่าโกหกแต่ไม่อยากให้น้องไม่สบายใจ ตุ๊กตุ่นน้องสาวต่างบิดาวัยสิบแปดที่กำลังจะก้าวเข้ารั้วมหาวิทยาลัยและสอบติดแพทย์มหาวิทยาลัยดังในประเทศไทย คิดมาแล้วได้แต่ถอนหายใจอีก 10 วันต้องส่งเงินทั้งบ้านทบสองเดือนเป็นเงินสามหมื่น
“เอาจากไหนล่ะยัยตาหวาน” คุยกับตัวเองไปสักพัก เปิดมือถือเปิดไลน์ไล่ดูประวัติการคุยไลน์ทักขอยืมเงินเพื่อนสนิทสองสามคนก็ไร้การตอบกลับ เพียงเท่านี้ก็รู้ได้เพื่อนที่คิดว่าจะช่วยเหลือกันในยามลำบากก็หนีหายและตีตัวห่างจะเหลือแค่เพียงพี่สาวคนสนิทอีกคนที่เคยเป็นพี่รหัสสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่ยังติดต่อกันมาตลอด แต่เมื่ออีกฝ่ายมีครอบครัวทั้งยังท้องแก่ใกล้คลอดค่าใช้ต่างๆ เตรียมเลี้ยงดูลูกคงต้องใช้มากเป็นผลที่ทำให้ตาหวานไม่อยากไปรบกวนอะไรพี่สาวคนนี้มาก
คนตัวบางเหมือนไร้หนทางออก สิ่งเดียวที่คงหวังได้คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตาหวานเดินไปยังห้องพระจุดธูปสามดอกตามความเชื่อคนไทยแล้วก้มกราบพระพุทธรูปองค์เก่าที่พ่อเคยให้ไว้ก่อนจะย้ายตัวเองมาหางานทำที่กรุงเทพ
“หลวงพ่อคะ หนูจนปัญญาจนหนทางจริงๆ น้องก็ต้องเรียนหนูก็ต้องใช้ต้องกิน ตอนนี้หนูเหลือเงินไม่ถึงหมื่น สิ้นเดือนนี้อีก บุญกุศลที่เคยทำมาหนุนนำให้หนูมีงานมีเงินช่วยให้หนูผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้ไปได้ด้วยเถอะ” ยกมือท่วมหัวแล้วปักธูปลงกระถางไม่ถึง 1 นาทีข้อความไลน์ดังขึ้น
ยัยตา แกว่างงานใช่ไหม พี่มีงานให้แกทำ
ดวงตาเบิกกว้างในทันทีเมื่อเห็นข้อความโชว์บนหน้าจอคือพี่สาวคนสนิท ศักดิ์สิทธิ์จริงๆพระที่พ่อให้มาศักดิ์สิทธิ์จนเหลือเชื่อ
"คืนนั้นผมเป็นของพี่แล้ว คืนนี้พี่เป็นของผมได้ไหม" ภาคต่อรุ่นลูกของพ่อเลี้ยงปรเมศ ลูกชายคนเดียวที่ถูกส่งไปเรียนเมืองนอก เพื่อกลับมาสานต่องานที่ไร่ ความบังเอิญของปฐพีที่ทำให้พบกับพยาบาล เขาขอความช่วยเหลือเพราะจะถูกตามยิงกบาลเพราะดันไปยุ่งกับเมียชาวบ้านโดยที่ไม่รู้มาก่อนว่าคนคุยมีผัว ทว่าได้วนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้นหญิงสาวก้าวเท้าเข้ามาในไร่ภูมิดิน ทำหน้าที่เป็นพยาบาลส่วนตัวให้พ่อ ความบังเอิญที่ได้เจอ แต่ต่อจากนี้จะเป็นความตั้งใจ
เพราะคำว่าครอบครัวเคยสมบูรณ์ ปวีร์ในวัยเด็กรับไม่ได้เมื่อพ่อแม่แยกทางกันเพราะเหตุผลของผู้ใหญ่ กระทั่งพ่อมีภรรยาเลยโทษผู้หญิงของพ่อว่าเป็นมือที่สาม ความเกลียดชังถูกระบายออกมาทางการกระทำ เมื่อแม่เลี้ยงมีลูกติด เกิดสัมพันธ์ลับๆระหว่างเขากับเฌอเอมหญิงสาววัยยี่สิบสองปี เธอผู้มีโลกอันสดใส แค่ต้องทุกข์ระทมเพราะต้องทอดเรือนร่างให้ผู้ชายที่เธอเคยเคารพและรักมาก เมื่อแม่ของเธอก้าวเท้ามาเป็นแม่เลี้ยงของเขา บัดนั้นปวีร์ก็เปลี่ยนไปราวกับคนละคน
ธนานักธุรกิจหนุ่มใหญ่ที่แต่งงานกับภรรยาแต่ไม่สามารถมีลูกได้ด้วยเหตุผลหลายประการ กระทั่งตัดสินใจรับเด็กกำพร้ามาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม แต่โชคชะตากลับพลัดพรากภรรยาที่อยู่กินกันมาหลายปีไปด้วยอุบัติหตุุ เป็นเหตุให้ธนาต้องเลี้ยงบุญธรรมมาโดยลำพัง จนเติบโตเป็นสาว เพราะความไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขมาตั้งแต่แรก ทำให้ความหวั่นไหวเกินขึ้นและเกินเลยจนเปลี่ยนสถานมาเป็นผัวเมีย
หิรัญ เศษตรศวรรษศิลา หนุ่มใหญ่วัย 49 ปี ผู้ประสบความสำเร็จทุกด้านทั้งเรื่องการงานการเงินอำนาจและบารมี แต่อาภัพเรื่องความรักแต่งงานมาแล้ว 2 ครั้งก็ถูกนอกใจทั้ง 2 ครั้ง เมื่อเจ็บมาหลายครั้งหลายหนก็อยากจะปิดตายเรื่องหัวใจและมุ่งหน้าทำธุรกิจให้เป็นหนึ่งที่สุด ทว่าโชคชะตาก็พาให้เขามาเจอแม่หม้ายลูกติด ความรักเกิดจากความสงสารคำนี้มีอยู่จริง จนกระทั่งเปิดใจอีกครั้งแต่สุดท้ายประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอย
“ขอร้องอย่าทำ” จากจะอธิบายว่าทำไมถึงไม่ได้ขออนุญาตก็ต้องเปลี่ยนการขอร้องให้ปรเมศหยุดการกระทำตรงหน้า “ฉันไม่ชอบคนแหกกฎ โดยเฉพาะเด็กที่เกิดเมื่อวานอย่างเธอ” “หนูขะขอโทษ อ๊ะ"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"