"ณัฐวรา" สถาปนิกสาวสวยแม่ม่ายลูกสอง ความน่ารักของเธอถูกตาต้องใจประธานคนใหม่อย่างแรง เขารุก ๆ และรุก แล้วเธอจะหนีทำไม ในเมื่อหัวใจก็เรียกร้องต้องการ ก็เขาตรงตามสเป็กซะขนาดนั้น สูงใหญ่ บึกบึน แถมเป็นลูกครึ่งด้วยสิ คงหนีไม่พ้นเขาแน่ ๆ "เควิน" ---------------- เหตุการณ์บางอย่างทำให้ "สินี" ต้องล้มเหลวกับชีวิตคู่ เธอเริ่มมองเขาที่เคยเป็นกำลังใจและให้ความช่วยเหลือเธออยู่ตลอดเวลา จนมันพัฒนามาเป็นความรักครั้งใหม่ในระยะเวลาสั้น ๆ "นภดล" ผู้ชายที่แอบเฝ้ามอง แอบหลงรักเธอมาตลอดเวลาห้าปี ------------------------------- หญิงสาวฟุบตัวลงกับอกแกร่งอย่างเหนื่อยหอบ เพราะงัดกลยุทธ์ออกมาพิชิตใจเขาจนหมดสิ้น “เควี่คะ” เรียกเขาเสียงหอบ “ว่าไงครับฮันนี่” เขาลูบศีรษะเธอแผ่วเบา “ถูกใจกับของขวัญมั้ยคะ” เธอถามเพราะอยากรู้ว่าตัวเองทำได้ดีพอมั้ยสำหรับครั้งแรก “ถ้าบอกว่าไม่ถูกใจจะขอแก้ตัวมั้ยครับ” แล้วหัวเราะเบา ๆ เมื่อถูกค้อนใส่ “ถูกใจที่สุดเลยครับ ให้ผมบ่อย ๆ นะ ผมรับได้ทุกโอกาส ทุกเทศกาลเลยนะครับ นะครับฮันนี่” เขาอ้อนวอนขอ “ค่ะ ถ้าคุณทำตัวน่ารักกับน้ำผึ้งนะคะ” “ผมจะทำตัวน่ารัก และเป็นสามีที่ดีของคุณภรรยานะครับ” “สามีภรรยาอะไรคะ พูดแบบนี้น้ำผึ้งเขินนะ” แล้วขยับตัวจะลงไปนอนบนที่นอน แต่เขารั้งไว้ไม่ยอมปล่อย “นอนกับอกผมนี้แหละ ไม่ต้องกลัวว่าผมจะหนัก เพราะตัวคุณเบาอย่างกับนุ่น” แล้วกอดเธอกระชับขึ้น “ไม่เอาค่ะ ขอน้ำผึ้งนอนบนเตียงแล้วซบอกคุณดีกว่า อุ่นดี”
บทที่ 1
ณัฐวราเดินออกจากห้องประชุมพร้อมเพื่อนร่วมงาน หลังจากที่เข้าไปนั่งประชุมเรื่องการจัดงานเลี้ยงเปิดตัวผู้บริหารคนใหม่อย่างเป็นทางการในเดือนหน้านี้ เธอเคยได้ยินสินีพูดเหมือนกันว่าเขาเป็นลูกชายของท่านประธาน ที่ไปดูแลกิจการในเครือแม็คแคนเลย์ของต้นตระกูลอยู่ที่อเมริการ่วมกับญาติ ๆ ทางฝั่งบิดา
ส่วนธุรกิจในประเทศไทยนั้นเป็นของท่านประธานคนปัจจุบันที่ก่อตั้งขึ้นเอง หลังจากที่เดินทางมาเมืองไทยและได้พบรักกับภรรยาชาวไทย แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมลูกชายของท่านถึงต้องไปทำงานให้บริษัทแม่ที่อเมริกานานถึงสิบปี
แล้วเพื่อนเธอยังบอกอีกว่าท่านประธานคนใหม่กลับมาได้สามเดือนแล้ว แต่อยู่ในระหว่างเดินทางไปดูธุรกิจที่มีสาขาอยู่มากมายทั่วประเทศไทย ไม่ได้เข้ามาบริษัทบ่อยนัก ส่วนเธอเองก็ยังไม่เคยเห็นเขาสักครั้ง ได้ยินแต่เพื่อนเธอบอกว่าหล่อมาก ๆ ดูดีไปทุกกระเบียดนิ้ว
“น้ำผึ้ง ท่านประธานเชิญให้ไปพบที่ห้อง” สินิเรียกเพื่อนเอาไว้
“เรื่องอะไรวะแก”
“อยากทราบก็เชิญไปถามท่านดูซิคะคุณเพื่อน” กระซิบตอบแบบกวน ๆ แล้วเดินกลับไป
ภายในห้องท่านประธาน
สมิธมองหญิงสาวรุ่นลูกที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความเมตตาและเอ็นดู แล้วพลันคิดถึงคำพูดของภรรยา
‘ชวนหนูน้ำผึ้งมาหาดาที่บ้านให้ได้นะคะสมิธ ดามีเรื่องจะคุยกับเธอ เรื่องเด็ก ๆ น่ะค่ะ’
สมิธขยับตัวเล็กน้อย “วายุเขาเป็นยังไงบ้างหนูน้ำผึ้ง”
“พี่วายุก็เหมือนเดิมค่ะท่าน อาการยังทรงตัว”
"แล้วเด็ก ๆ ล่ะ ช่วงนี้ลุงไม่ค่อยได้เจอพวกเขาเลย หรือว่าหาคนเลี้ยงได้แล้ว" สมิธจะแทนตัวเองว่าลุงทุกครั้งเมื่อคุยกับหญิงสาว แต่เธอไม่เคยเรียกเขาอย่างกันเองเลย
"ไม่ได้ให้ใครเลี้ยงหรอกค่ะ เพราะน้ำผึ้งเลิกไม่เป็นเวลา อีกอย่างไม่ค่อยไว้ใจใครด้วยค่ะ"
"ที่ลุงเรียกให้มาหาเพราะคุณดาเขาฝากมาบอกให้หนูไปหาเขาหน่อย ให้เอาเด็ก ๆ ไปด้วยนะ เขาคิดถึง"
เธอรู้ทันทีเลยว่าคุณท่านคงจะให้เธอเอาเด็ก ๆ ไปอยู่กับท่านช่วงปิดเทอมแน่นอน เพราะเป็นแบบนี้มาตลอดสามปี ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นั้น
"ค่ะท่าน พรุ่งนี้เลิกงานแล้วน้ำผึ้งจะพาเด็ก ๆ ไปหาคุณท่านนะคะ" เธอคุยเรื่องงานกับท่านอยู่อีกครู่ใหญ่ก็ขอตัวกลับไปทำงานต่อ
ออกจากห้องก็เห็นเพื่อนรักอยู่ที่โต๊ะทำงานพอดี จึงโบกมือเป็นการบอกลา
"เที่ยงนี้ไปกินส้มตำเจ้าประจำกัน" สินีบอกเพื่อนรัก
"อือ อยากกินอยู่เหมือนกัน เดี๋ยวเจอกันนะ"
“โอเค”
“อาเบียร์สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ”
เสียงใส ๆ ของเด็กน้อยที่ทักใครบางคน ทำให้ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาทางประตูด้านหลังบริษัท และกำลังจะกดลิฟต์ต้องหยุดมองด้วยความสงสัย.. เด็กทั้งสองเดินตรงมาที่เขายืนอยู่ แล้วเด็กผู้ชายที่หน้าตาน่ารักเหมือนเด็กญี่ปุ่นก็เอื้อมมือไปกดลิฟต์ ส่วนเด็กผู้หญิงที่น่าตาฝรั่งจ๋า ผมสีทอง นัยน์ตาสีฟ้า หน้าตาน่ารักยิ่งนัก ก็หันมามองเขาด้วยความสนใจก่อนจะส่งยิ้มมาให้
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสามก็เดินเข้าไปยืนอยู่ในลิฟต์ เด็กชายเอื้อมมือไปกดที่เลขสาม แล้วจึงหันมาถามเขา
"ชั้นไหนครับ" พร้อมส่งยิ้มผูกมิตร
"ชั้นสามครับ" ความจริงเขาจะไปชั้นห้าเพื่อไปหาบิดา แต่ได้มาเจอกับเด็กหน้าตาน่ารักสองคนนี้ ก็ทำให้อยากรู้ว่าพวกเขามาทำอะไรที่นี่ในเวลางานแบบนี้
"คุณลุงจะไปหาแม่น้ำผึ้งของน้องวาเหรอคะ" เด็กหญิงถามตามความเข้าใจของเด็กสามขวบ
"ถึงชั้นสามแล้วครับเด็ก ๆ"
"คุณลุงยังไม่ได้ตอบน้องวาเลยค่ะ" เด็กหญิงทักท้วงเมื่อออกจากลิฟต์มาแล้ว
"ถ้าคุณลุงจะไปแผนกออกแบบก็อยู่ห้องนั้นครับ แต่ถ้าเป็นแผนกอื่นต้องไปถามอาเบียร์ที่อยู่ฝ่ายต้อนรับข้างล่างครับ"
คำแนะนำของเด็กชายตัวน้อยทำให้ชายหนุ่มรู้ว่า อาเบียร์คือประชาสัมพันธ์ของบริษัทเขานั่นเอง
"น้องวาจะพาคุณลุงไปหาแม่น้ำผึ้งนะคะ ถ้าคุณลุงอยากได้บ้านก็ต้องให้แม่ของน้องวาวาดรูปบ้านให้ก่อนนะคะ" แล้วเด็กหญิงก็จูงมือเขาเดินไปตามทาง โดยมีเด็กชายเดินตามหลังไปห่าง ๆ
ณัฐวราลุกจากที่นั่งในห้องส่วนตัวที่เป็นกระจกใส รีบเดินออกไปหาเด็ก ๆ ที่กำลังเดินเข้ามาในเข้ามาในแผนกพร้อมกับชายแปลกหน้าที่เธอไม่รู้จัก
"แม่น้ำผึ้งขา" เด็กหญิงวลาลีหรือน้องวาปล่อยมือจากชายหนุ่มแล้ววิ่งไปหามารดาทั้งตัว กอดขาทั้งสองข้างของเธอไว้
"สวัสดีครับแม่น้ำผึ้ง ลุงเควี่เขาจะมาหาแม่เรื่องงานครับ" เด็กชายวาคิมหรือน้องคิมชี้ไปที่ชายหนุ่ม ที่สอบถามชื่อแซ่ระหว่างทางที่เดินมาด้วยกัน
เควินมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า เธอทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเขาผิดปกติ เขาเห็นเธอเปิดประตูห้องทำงานส่วนตัวออกมา แสดงว่าเธอต้องใหญ่ที่สุดในห้องนี้ แต่ด้วยหน้าตาและบุคลิก เขาไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นคุณแม่ลูกสองแล้ว เพราะเธอยังดูเด็กอยู่เลยอายุน่าจะยี่สิบกลาง ๆ
ถึงแม้หน้าตาเธอไม่ได้สวยฉูดฉาดบาดใจเหมือนกับคู่ขาทั้งหลายของเขา แต่เธอก็ดูน่ารักมาก แต่งหน้าบาง ๆ เผยให้เห็นเนื้อแท้ของผิว ปากเคลือบไว้ด้วยลิปมันดูเป็นประกายวาว แต่ที่น่าสนใจที่สุดก็หุ่นของเธอนี่แหละ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีลูกสองคนแล้ว
"สวัสดีค่ะคุณเควี่ ดิฉันณัฐวราค่ะ หรือจะเรียกน้ำผึ้งก็ได้นะคะ" ณัฐวราทักทายชายหนุ่ม ผู้ชายคนนี้สเป็กเธอเลย สูงใหญ่ บึกบึน ทรงอย่างแบด แต่ถ้าจะเกินสเป็กไปหน่อยก็ตรงความหล่อนี่แหละ เพราะเขาหล่อมาก ๆ ที่สำคัญเป็นลูกครึ่งเสียด้วยสิ กรี๊ดมาก.. น้ำผึ้งเอ๊ย ถ้าชาตินี้แกได้ผู้ชายคนนี้เป็นสามีคงนอนตายตาหลับ
"เควินครับ หรือจะเรียกเควี่ก็ได้" เขาแนะนำตัวเองบ้าง
"ยินดีค่ะ คุณเควินมาติดต่อเรื่องแบบเหรอคะ จากที่ไหนคะเดี๋ยวน้ำผึ้งเช็คให้" เธอเรียกเขาด้วยชื่อจริง รู้สึกคุ้น ๆ กับชื่อนี้มากแต่นึกไม่ออก
“ไม่ได้ติดต่อครับ วันนี้ผมตั้งใจมาพบท่านประธาน แต่บังเอิญเห็นน้องคิมกับน้องวาขึ้นลิฟต์มาแค่สองคน ก็เลยเดินมาส่งพวกเขาเท่านั้น" ความจริงแล้วตามมาดูมากกว่าว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร และพอได้เห็นมารดาของเด็ก ๆ เขากลับคิดว่าคุ้มมาก ๆ ที่ตามมาดู ถึงแม้จะได้แค่ดูแต่ไม่มีสิทธิ์แล้วก็ตาม
"ต้องขอบคุณคุณเควินมาก ๆ เลยค่ะ แต่น้องคิมเขาเก่งค่ะทำอะไรเป็นตั้งหลายอย่าง เรื่องขึ้นลิฟต์ลงลิฟต์นี่ไว้ใจเขาได้เลยค่ะ" เธอชมลูกชายแล้วลูบศีรษะอย่างเอ็นดู
"จริงครับ ผมขอตัวก่อนดีกว่า โอกาสหน้าเราคงได้เจอกันอีกนะครับ"
“ค่ะ เด็ก ๆ สวัสดีคุณลุงค่ะลูก คุณลุงจะไปแล้ว”
ชติรสรีบพลิกตัวหันหลังให้ชายหนุ่มทันทีที่เขาผละจากเธอไปยืนอยู่ข้างเตียง ควานมือไปด้านหลังเพื่อหาผ้าห่มมาคลุมร่างที่เปลือยเปล่าของตนให้พ้นจากสายตาร้อนแรงสีน้ำตาลเฮเซลคู่นั้น แต่ให้ตายเถอะผ้าห่มมันหายไปไหนวะ! ชายหนุ่มกอดผ้าห่มไว้กับอก มองทรวดทรงอวบอัดที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างชัดเจน เธอคือผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติในสายตาของเขาจริงๆ คิดไปคิดมาความต้องการที่เพิ่งสงบลงไปก็เริ่มตื่นตัวอีกครั้ง เขารีบคลี่ผ้าห่มคลุมร่างให้เธอแล้วแต่งตัวเพราะกลัวอดใจไม่ไหว กลัวจะทำให้เธอเจ็บปวดทรมานจนเข็ดขยาด “ผมไปก่อนนะยอดรัก” เขาเกี่ยวร่างที่ตะแคงหันหลังให้ด้วยมือข้างเดียว แล้วโน้มหน้าไปกระหน่ำจูบที่เรียวปากอิ่มนั้นอย่างเสน่หา ก่อนจะออกไปจากห้องเขายังหยิบโทรศัพท์ของเธอมากดเข้าหาเบอร์ตัวเอง และอดไม่ได้ที่จะรั้งร่างบางมากอดแนบอกและดูดดื่มความหวานของเรียวปากอย่างอาลัยอาวรณ์ “อย่าลืมสัญญาของเราล่ะ” เธอเน้นย้ำเมื่อเขาจะจากไป เขามองร่างที่กอดกระชับผ้าห่มนวมเอาไว้ด้วยความรักใคร่อย่างเปิดเผย “ผมจะรักษาสัญญาอย่างเคร่งครัดถ้าคุณไม่ผิดคำสัญญา” “เราควรทำหนังสือสัญญาต่อกัน” “ไม่จำเป็น หน้าที่ของคุณคือเป็นตัวแทนของลิก้า หน้าที่ของผมคือห้ามยุ่งกับลิก้า ดังนั้นคุณและผมแค่ทำหน้าของตัวเองอย่างเคร่งครัดหนังสือสัญญาก็ไม่มีความหมาย” “ถ้าฉันรู้ว่าคุณยุ่งกับพี่สาวของฉันทั้งที่ฉันยอมคุณถึงขนาดนี้ เราได้เห็นดีกันแน่” เธอข่มขู่ “ผมไม่โง่เสียคุณไปหรอกยอดรัก คุณเด็ดกว่าเธอเป็นไหนๆ” “อย่ามาหยาบคายกับฉัน ไสหัวออกไปจากห้องฉันได้แล้ว” เธอหยิบหมอนปาใส่คนปากเปราะนัยน์ตาลามกด้วยความอับอายระคนโกรธแค้น
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบทุกกระเบียดนิ้วอย่างเขา ทำไมต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงที่เป็นง่อยอย่างเธอด้วยล่ะ.. ------------------ เขากอดเธอแน่น จูบหนักหน่วงขึ้น เรียกว่าแทบจะสูบเอาวิญญาณออกมา จูบจนเธอต้องเบือนหน้าหนีเพื่อสูดเอาอากาศเข้าปอด “หายใจไม่ทันเหรอ” ถามเสียงนิ่ง จ้องใบหน้านวลไม่กะพริบ “ตอบผมสิ” คะยั้นคะยอขอคำตอบเมื่อเธอเอาแต่อ้ำอึ้ง ไม่กล้าจะสบตาด้วย “..ค่ะ” ตอบอย่างขัดเขิน “มองหน้าผมให้เต็มตาแล้วค่อยตอบสิหนูเล็ก” ไม่พูดเปล่า แต่ยังเอื้อมมือไปจับปลายคาง รั้งใบหน้าเธอให้หันมามองตน.. แต่ใบหน้าเรียวแดงซ่านช่างน่ารักเหลือเกิน อดใจไม่ได้ต้องโน้มไปหาและจูบเสียอีกที หอมอีกสองฟอด “เด็กเลี้ยงแกะ!” แล้วตำหนิเสียงขรึม แววตาวาว คนถูกดุเหลือบสายตามองโต้ ทั้งเขินทั้งงง ไม่เข้าใจว่าตนกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะได้อย่างไร
อดีตนักดนตรีรูปหล่อพ่อรวยที่ผันตัวเองมาเป็นนักธุรกิจเต็มตัวเพื่อสืบทอดกิจการของครอบครัว สามปีที่เขามัวแต่เรียนรู้เรื่องงานที่ไม่ถนัดจนต้องปล่อยวางเรื่องความรัก ตอนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะรับมือกับมัน แต่ให้ตายเถอะ! ทำไมผู้หญิงแต่ละคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกถวิลหาได้เหมือนเธอคนนั้นเลยสักคน ตอนนี้เธออยู่ไหน ทำอะไรอยู่นะ เขาอยากเจอเธออีกสักครั้ง และครั้งนี้จะไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือเด็ดขาด เชิญพบกับความรักของพี่โฉดผู้น่ารักกับน้องแนนผู้ใสซื่อ(จากบัญชารักจากหัวใจ)ได้ในเล่มนี้เลยค่ะ
เขาคือเจ้าของฟาร์มนกกระจอกเทศที่ใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของโลก ส่วนเธอคือหญิงสาวที่เขารับมาทำงานด้วยเพราะถูกน้องชายขอร้อง อะไรจะเกิดขึ้น? เมื่อคนที่เขาคิดว่าขี้เหร่นักหนากลายเป็นนางฟ้าเดินดินที่อยากครอบครอง
“เป็นอะไร หน้ามืดเหรอ” เขาตีหน้าเครียดถามไถ่ เก็บซ่อนอาการขำขันด้วยความเอ็นดูเอาไว้มิดชิด เธออายจนต้องยกมือปิดหน้า ซ้ำยังบิดตัวซุกหลบกับอกแกร่งเพราะกลัวจะตก “คุๆๆๆ คุณ..คุณไคปล่อยครีมลงเถอะค่ะ” “ไม่ปล่อย” “ทำไมล่ะคะ” “ก็ไม่อยากปล่อย ตั้งแต่แต่งงานกันมาเรายังไม่เคยทำตัวเป็นสามีภรรยากันเลย ผมก็อยากอุ้มภรรยาดูบ้างไม่ได้เหรอ” “ได้ค่ะ แต่ไม่ใช่เวลานี้ ตอนนี้คุณไคไม่สบายอยู่นะคะ ปล่อยครีมลงก่อนดีกว่าค่ะ อุ้มของหนักมากๆ เดี๋ยวยิ่งปวดหัวนะคะ” เธอแก้ตัวบ้าบออะไรของเธอเนี่ย ทำไมยิ่งฟังยิ่งน่ารักน่าฟัด พาให้หมั่นเขี้ยวนัก
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ