S1 ถ้านี่เป็นครั้งแรก ญ๋าคงเจ็บน่าดู อาขอโทษนะ...
S1 ถ้านี่เป็นครั้งแรก ญ๋าคงเจ็บน่าดู อาขอโทษนะ...
• ACTION •
“ใกล้จะได้เป็นหมอจริงๆ แล้วสินะ...”
แม่ของสาวหน้าหวานที่กำลังนั่งพับผ้าจัดกระเป๋าเตรียมส่งเธอไปอยู่บ้านอา พูดดีใจเป็นปลื้มเมื่อรู้ว่าลูกสาวกำลังจะได้เป็นหมอ extern ซึ่งนี่ก็เป็นก้าวสำคัญอีกก้าวของเธอ กับเส้นทางการเป็นหมอ และ ‘ญะญ๋า’ ก็เป็นความหวังเดียวของคนเป็นพ่อกับแม่
“อีกแค่ปีเดียว ตั้งใจเรียนนะรู้ไหม” คนเป็นพ่อยืนกอดอกพูดอยู่ที่หน้าประตูห้อง ด้วยท่าทางกวนๆ ตามสไตล์ของเขา
“ค่ะ พ่ออยู่บ้านก็ห้ามดื้อนะ” ญะญ๋าพูดเสียงหวานท่าทางนุ่มนิ่มบอกกับพ่อของเธอ เพราะรู้ว่าเขาชอบก่อกวนผู้เป็นแม่อยู่บ่อยๆ
“พ่อไม่ดื้อหรอก ไม่ต้องห่วง”
“เดี๋ยววันหยุดพ่อกับแม่ขึ้นไปหาที่กรุงเทพนะ” แม้ว่าเวลานี้เธอจะมีอายุที่มากขึ้น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คนเป็นพ่อและแม่ เป็นห่วงลูกสาวน้อยลงเลย เพราะรู้ว่าญะญ๋าเป็นเด็กหัวอ่อน ไม่สู้คน และมักจะถูกเพื่อนเอาเปรียบอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่เด็ก
“อาปืนยังใจดีเหมือนเดิมไหมคะ?”
“อาปืนเขาใจดีอยู่แล้ว แต่ญ๋าอย่าไปดื้อกับอาเข้าใจไหม ไปอยู่บ้านเขาต้องเป็นเด็กดีนะ”
“ค่ะแม่..”
@เพนท์เฮ้าส์หมอปืน
บ้านหรูแสนทันสมัยบนตึกสูง ทำให้เด็กสาวเริ่มเกร็งเมื่อย่างกายเข้ามาที่นี่ เพราะฐานะที่ดูมั่นคงต่างไปจากเมื่อก่อน เหมือนว่าจะมีหลายอย่างที่เปลี่ยนไปเกี่ยวกับภาพจำของอาหมอคนใจดีของเธอ
“ไม่เจอกันสิบปี โตขึ้นเยอะเลยแฮะ” อาหมอคนใจดียิ้มต้อนรับหลานสาวที่เดินทางมาถึง
“ฝากมึงด้วยแล้วกัน ญ๋าไม่ดื้อหรอก เลี้ยงง่าย ...แต่ถ้าดื้อก็ตีได้เลย” คนเป็นพ่อพูดบอกกับเพื่อนรุ่นน้องคนสนิทอย่างหมอปืน และเขาก็ไว้ใจอย่างมากว่าเธอจะปลอดภัยกว่าการไปเช่าคอนโด หรือห้องพักอยู่คนเดียวในกรุงเทพเมืองหลวงที่แสนอันตรายนี้
“ฝากด้วยนะปืน ญ๋าเป็นเด็กตามคนไม่ค่อยทัน กลัวว่าจะโดนคนที่ทำงานเอาเปรียบ” ฉันโล่งใจขึ้น เมื่อรู้ว่าญะญ๋าจะได้ฝึกงานที่โรงพยาบาลเดียวกับที่ปืนทำงานอยู่
ซึ่งทั้งฉันสามีและปืนเราสนิทกันมากในช่วงนึง และยังคอยช่วยเหลือกันตลอดเรื่อยมา แม้ไม่ใช่คนในครอบครัวแต่ก็เหมือนเป็นเช่นนั้น...
“พวกพี่ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวผมจะดูแลญ๋าให้”
ถึงจะเป็นการรบกวน แต่มันก็เป็นคนเดียวที่ผมไว้ใจ และกล้าฝากลูกสาวไว้กับมัน... “ขอบใจมากเว้ย ไว้กูจะมาเยี่ยมญ๋าบ่อยๆ”
ตอนที่ฉันเด็กๆ พ่อกับแม่เอาฉันมาฝากไว้กับอาปืนบ่อยๆ เพราะพวกเขาต้องออกไปทำงาน ซึ่งฉันก็ซึมซับการอยากเป็นหมอจากอา บวกกับพ่อและแม่เองก็ต้องการให้ฉันเป็นอย่างนั้น แต่การเป็นหมอไม่ง่ายเลย มันยากกว่าที่คิดไว้ ทั้งเรื่องการเรียนที่หนักและยาวนานกว่าเพื่อนคณะอื่น และการฝึกงานที่โหดคูณสองแบบที่รุ่นพี่บอกไว้ อาของฉันเก่งมากจริงๆ ที่ผ่านช่วงเหนื่อยยากทั้งหมดนั้นมาได้...
“ยังมีหลายเรื่องที่ญ๋ายังไม่เก่ง อาช่วยสอนญ๋าหน่อยนะคะ” คนเรียบร้อยพูดบอกกับคุณอาคนใจดีของเธอ และเขาก็ยังคงเป็นแบบนั้นเสมอ
“ได้ครับ..”
“งั้นพี่กลับแล้วนะปืน ฝากหลานด้วยนะ” คุณแม่ยังสวยพูดจบก็เดินเข้ามาสวมกอดลูกรักเพื่อบอกลาเธอกลับต่างจังหวัด แก้มใสของลูกสาวถูกหอมฟัดอย่างเอาใจจากผู้เป็นแม่ ส่วนคนเป็นพ่อก็ล่ำลาด้วยการลูบหัวเธอเบาๆ
“พ่อกลับก่อนนะ..”
“ขับรถกันดีๆ นะครับพี่..”
“เออ ไว้เจอกัน”
ห้องนอนญะญ๋า...
“ชอบไหม อาจำได้ว่าญ๋าเคยบอกอาว่าญ๋าชอบสีชมพู อาเลยให้คนจัดห้องสีนี้ไว้ให้” เขาถามกับหลานสาวเมื่อพาเธอเข้ามาเดินชมห้องนอนของเธอ
“ชอบค่ะ ที่นี่ใหญ่เท่าห้องนอนญ๋า ห้าห้องรวมกันได้เลย” เธอพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มพรางวาดตามองไปรอบห้องอย่างให้ความสนใจ
ท่าทางเรียบร้อยและนอบน้อมของเธอทำคนที่ได้มองเอ็นดูไม่น้อย “ถ้าขาดเหลืออะไรบอกอาได้นะ เดี๋ยวอาจัดการให้”
“แค่นี้ก็พอแล้วค่ะ ขอบคุณอาปืนมากนะคะ” แค่นี้ฉันก็เกรงใจมากแล้ว อาให้อยู่ฟรีไม่เก็บค่าเช่า แถมยังให้ฉันติดรถไปทำงานด้วยจนเรียนจบ ข้าวก็ฟรีที่พักก็ฟรี ฉันไม่กล้าเรียกร้องอะไรจากเขาอีกแล้วล่ะ
“งั้นญ๋าเก็บของเถอะนะ เดี๋ยวอาออกไปเตรียมมื้อเย็นก่อน”
“เดี๋ยวญ๋ารีบออกไปช่วยนะคะ” คนเรียบร้อยตะโกนบอกคนที่เดินออกจากห้องไปสุดเสียง ซึ่งน้ำเสียงการตะโกนพูดของเธอยังดูออกว่าเธอเป็นคนนิ่มนวลแค่ไหน
ว่าแล้วเธอก็เร่งมือเก็บของ เพื่อจะออกไปช่วยงานคุณอาของเธอต่อ เพราะการให้เขาเตรียมข้าวเย็นให้เธอทานนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ยิ่งสำหรับเด็กขี้เกรงใจอย่างเธอแล้วด้วย...
จู่ๆ มือน้อยที่จัดเสื้อผ้าอยู่ก็เกิดสั่นไหวขึ้นอย่างไม่รู้สาเหตุ ใจดวงน้อยเริ่มสั่นรัวเพราะความเป็นกังวล ให้ความรู้สึกเหมือนดื่มกาแฟไปเป็นสิบแก้ว อาการที่เป็นอยู่ เธอเผชิญสิ่งนั้นมาอย่างลำพัง และไม่คิดว่ามันจะส่งผลกับการใช้ชีวิตของเธอ จึงปล่อยผ่านทุกครั้งที่มันเกิดขึ้น แต่อาการที่เป็นก็ยิ่งหนักขึ้นเช่นกัน
“เป็นแบบนี้อีกแล้ว..”
เธอพยายามไม่สนใจอาการที่เป็น และรีบออกไปหาอาของเธอที่ด้านนอก..
ห้องครัว...
“อามีอะไรให้ญ๋าช่วยไหมคะ?”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวอาทำเอง” มันเป็นงานที่เขาถนัดและชอบทำ จึงไม่คิดว่าเป็นความลำบากแต่อย่างใด
“งั้นเดี๋ยวญ๋าช่วยจัดจานนะคะ”
“ได้ครับ..” คุณอาสุดหล่อพูดตอบรับคำขอหลานสาว และปล่อยให้เธอทำงานชิ้นสำคัญนั้น
มือน้อยที่กำลังถือถ้วยตักแกงสั่นจนอีกคนสังเกตเห็นได้ “ทำไมมือสั่นแบบนั้นล่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เอ่อ.. ปกติค่ะอา มันเป็นแบบนี้อยู่บ่อยๆ” เธอตอบเขากลับไปด้วยรอยยิ้มเฝื่อนๆ ก่อนถือถ้วยไปวางลงที่โต๊ะทานข้าวอย่างระวัง แม้ในเวลานั้นจะเริ่มรู้สึกหายใจไม่ถูกจังหวะ แต่เธอก็ยังทำเหมือนว่าไม่เป็นอะไร
ซึ่งคนเป็นหมออย่างเขาก็พอดูออกว่านั่นไม่ใช่อาการปกติของร่างกายมนุษย์ที่ควรจะเป็น แต่ก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรเธอมากไปกว่านั้น เพราะการห่างเหินกันนานถึงสิบปี ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้สนิทกันเหมือนเคย และคงต้องใช้เวลาปรับตัวเข้าหากันใหม่สักระยะ
“เป็นไงบ้าง อาทำกับข้าวพอใช้ได้ไหม”
“อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ” อาหารมื้ออร่อยทำให้เธอผ่อนคลายและอาการที่เป็นอยู่ก็ดีขึ้น
ผมจำได้ว่าจะได้ยินแบบนั้นทุกครั้งที่ทำกับข้าวให้เธอทาน ซึ่งไม่รู้ว่ามันอร่อยจริงหรือว่าเธอหิวมากกันแน่ ญะญ๋าถึงตั้งใจกินจนไม่เงยหน้าขึ้นมาพูดคุยกับผมเลย
“ตื่นเต้นหรือเปล่า พรุ่งนี้จะได้เป็นหมอจริงๆ แล้ว”
“ตื่นเต้นค่ะ” เธอพูดคำนั้นออกไปโดยไม่รู้ว่าสีหน้าของตัวเองนั้นมีความเป็นกังวลอยู่มาก
“มีอะไรไม่เข้าใจ ถามอาได้เลยนะ...”
“ตอนอาเป็น extern ยากไหมคะ” ในบรรดาเพื่อนรุ่นเดียวกัน ฉันคงจะเป็น extern ที่โง่ที่สุด ถึงจะอ่านหนังสือเยอะแค่ไหนก็ยังไม่มั่นใจว่าตัวเองจะทำได้ แม้จะอยากเป็นหมอแต่มันก็มีความกลัวอยู่ในใจ
“ไม่ต้องกลัวนะ... ตอนที่อาเป็น extern อาสร้างปัญหาทุกวันเลยล่ะ แต่เพราะปัญหาพวกนั้นอาเลยเป็นหมอที่เก่งเหมือนตอนนี้ไง”
ประสบการและความผิดพลาดของผม มันทำให้ผมกลายเป็นหมอที่ทั้งคนไข้และหมอด้วยกันต่างก็ยอมรับ ยิ่งผมผิดพลาดมากเท่าไหร่ ผมยิ่งตั้งใจทำให้มันดีขึ้นมากเท่านั้น
“นั่นสิคะ ใครก็ผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น ใช่ไหมคะ?”
“ใช่ครับ.. แต่ต้องเรียนรู้กับสิ่งที่ผิดพลาดด้วยนะ ห้ามปล่อยผ่านเด็ดขาด”
“ค่ะ”
จ๊วบๆ!
“ยังดูดนิ้วอยู่อีกเหรอ?”
“มันติดน่ะค่ะ เห็นนิ้วเรอะเป็นไม่ได้ ฮ่าๆ” นิสัยที่ทำมันอย่างเคยชิน เธอเลิกทำมันไม่ได้เมื่อได้เห็นคราบเรอะที่นิ้ว
น่าแปลกที่เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ แต่แววตาที่ผมได้มองกลับรู้สึกถึงความเศร้าลึกๆ ไม่รู้ว่าเธอมีเรื่องกังวลอะไรอยู่
“มีอะไรปรึกษาอาได้เลยนะ อายินดีรับฟังทุกเรื่อง”
เขาทำได้เพียงเท่านั้น เพราะไม่อยากเค้นถามให้เธอรู้สึกอึดอัด เพราะทั้งคู่ยังต้องใช้เวลาอยู่ร่วมกันอีกนาน
หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จ ทั้งคู่ก็แยกย้ายกันเข้าห้องเพื่อเตรียมตัวพักผ่อน และตื่นมารับมือกับการทำงานในวันพรุ่งนี้
ห้องนอนญะญ๋า...
เหมือนว่าเวลายิ่งดึก ความรู้สึกของเธอจะยิ่งดิ่งลึกจนสัมผัสได้อย่างชัดเจน ถึงความหวาดวิตก และร่างกายที่ผิดปกติของเธอ
“แฮ่ก แฮ่ก ฮึก!”
ฉันรู้สึกเหมือนว่า อาการที่ฉันเป็นจะเกิดขึ้นอีกแล้ว มันเกิดขึ้นโดยไม่รู้ว่ามันจะเป็นเมื่อไหร่ และไม่รู้จริงๆ ว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นให้มันเกิดอาการนี้ขึ้น และสิ่งที่เป็นอยู่มันก็ทำให้ฉันกลัว
ห้องนอนหมอปืน...
ก๊อกๆ!
“ฮึก อาคะ~”
แก๊ก!
“มี...”
ฟุบ!
เขาเอ่ยถามเธอยังไม่ทันจบ คนตัวเล็กที่ยืนอยู่หน้าห้องพุ่งเข้าสวมกอดชายร่างสูงร้อยแปดสิบห้าด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นว่าเขาเปิดประตูออกมา เนื้อตัวสั่นและท่าทางวิตกของเธอนั้นทำให้คุณหมอตาสว่างขึ้นจากความง่วงซึม
“ช่วยด้วยคะ ญ๋าหายใจไม่ออก ฮึก”
“ญ๋า~ ใจเย็นๆ หายใจเข้าลึกๆ นะ”
--------------------------------------------------------------------------
[ติดตามตอนต่อไป] - [Follow the next episode]
[-กดใจ -เพิ่มเข้าชั้น -คอมเมนท์ให้กำลังใจ และฝากกดติดตามไรท์ด้วยนะครับ🙏]
S2(ต่อจากเรื่อง ไอมาเฟียนั่นเมียกู) เรื่องราวความรักของคู่ยูมิ และโจอิ น้องชายตัวแสบของโจดิน
U7 - ฉันเพิ่งมารู้ว่าเด็กที่ฉันถูกว่าจ้างให้อุ้มบุญ เป็นลูกของแฟนเก่าที่เลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน… (ผู้ชายที่เขาไม่เคยรักฉัน)
เพื่อนของผมดันหาเด็กสาวมาเป็นติวเตอร์ให้ แถมเธอก็กำลังแตกเนื้อสาวซะด้วย ( ความใสซื่อของเธอทำให้ผมสับสนเรื่องตามไปง้อเมียที่เมืองนอกแล้วทำไงดี )
คู่หมั้นของ ‘โจดิน’ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ดันเป็น ’ยูมิ’ แฟนสาวผู้อ่อนแอของ ’นิเณอ’ หญิงแกร่งใจกล้า และบุคลิกของเธอมันก็ดันเข้าตาเขาเต็มๆ จนอยากได้เธอมาเป็นเมียแทน…
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ชาติที่แล้วของไห่เฉิงเขาเป็นประมุขมารที่ไม่สมหวังในความรัก มาแสนภพแสนชาติ และภพชาติที่หนึ่งแสนของเขา มีเหตุให้ต้องทำลายดวงจิตมารของตนเอง และเหลือเสี้ยวดวงจิตเอาไว้เพียงน้อยนิด ดวงจิตที่เหลืออยู่เขาอ้อนวอนขอต่อมหาเทพขอให้เขาได้เกิดเป็นมนุษธรรมดา ที่สมหวังในความรักม่ีครอบครัวที่อบอุ่น และไม่ขอจดจำอดีตชาติของตัวเองอีกต่อไป เขาขอเริ่มต้นใหม่ในดินแดนมนุษย์และไม่ว่าจะเกิดอีกกี่ครั้งกี่ภพกี่ชาติ ขอให้เขาได้สมหวังในความรักทุกภพทุกชาติไป
พวกเขาไม่รู้ว่าฉันเป็นผู้หญิง พวกเขามองฉันและเห็นฉันเป็นเด็กผู้ชาย เป็นเจ้าชาย คนนหึ่ง พวกเขาซื้อมนุษย์อย่างฉันเพื่อตอบสนองความต้องการทางเพศ และเมื่อพวกเขาบุกเข้ามาในอาณาจักรของเราเพื่อซื้อพี่สาวของฉัน เพื่อปกป้องเธอ ฉันหมดหนทาง จึงต้องเข้าไปขอร้องให้พวกเขาพาฉันไปด้วย แผนของฉันคือหาโอกาส จะพาพี่สาวหนีไป แต่ฉันไม่คาดคิดว่าคุกของเราจะเป็นสถานที่ที่มีการป้องกันมากที่สุดในอาณาจักรของพวกเขา แต่เดิมฉันเป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เป็นคนที่พวกเขาไม่ต้องการ พวกเขาไม่เคยคิดจะซื้อ เลย แต่แล้ว ราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่ไร้ความปรานี บุคคลที่มีอำนาจที่สุดในดินแดนป่าเถื่อนของพวกเขากลับสนใจใน "เจ้าชายน้อยผู้น่ารัก" เราจะเอาชีวิตรอดในอาณาจักรที่อันตรายนี้ได้อย่างไร และเผชิญหน้ากับผู้คนที่ไม่เป็นมิตรกับเรายังไง และคนที่มีความลับอย่างฉันจะกลายเป็นทาสแห่งความต้องการทางเพศได้อย่างไร . หมายเหตุของผู้เขียน นี่คือนิยายรักแนวดาร์ก เนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ เรตติ้งสูง 18+ เตรียมพบกับเนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์และเข้มข้นได้เลย หากคุณเป็นนักอ่านตัวยงของแนวนี้ที่กำลังมองหาอะไรที่แตกต่าง พร้อมที่จะอ่านแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวโดยไม่รู้ว่าจะเจออะไรใหม่ๆ บ้าง แต่ก็อยากรู้เพิ่มเติมอยู่ดีล่ะก็ รีบอ่านเลย! . จากผู้เขียนหนังสือขายดีระดับนานาชาติเรื่อง "ทาสผู้เกลียดชังของราชาอัลฟ่า"
นิยายเรื่องนี้มีพระนาง2คู่ "อย่าหวังจะเอาความบริสุทธิ์ผุดผ่องมาจับฉัน ผู้หญิงของฉันทุกคนก็สาวบริสุทธิ์ทั้งนั้นแล้วอย่าลืมคุมกำเนิด ถ้าไม่อยากทำแท้ง! เพราะฉันไม่มีทางมีทายาทกับผู้หญิงชั้นต่ำ" VS "อะไรที่ฉันอยากได้ ฉันต้องได้ แม้แต่ตัวนายถ้าฉันต้องการ นายก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ"
'เจ้าเป็นว่าที่ชายาของข้า จะต้องให้บอกอีกกี่ครั้ง หรือต้องให้ข้าเสกทายาทเข้าท้องเสียก่อน’ ใครจะไปคิด ว่าการบังเอิญไปเก็บดอกไม้ที่ใครบางคนเผลอทำตกเอาไว้จะมีแวมไพร์มา 'จองรัก' จองผลาญไปตลอดกาล หากกล่าวถึงกุหลาบ หลายคนอาจนึกถึงเรื่องราวโรแมนติกประหนึ่งนิยายหวานซึ้งเพียงเท่านั้น แต่สำหรับหญิงสาวอย่าง ลินิน การได้มาพบกุหลาบดอกหนึ่งเข้าโดยบังเอิญกลับทำให้ชีวิตของเธอพลิกผันไปตลอดกาล เมื่อมันนำพาเธอไปพานพบกับเจย์เดน แวมไพร์ ที่มีอยู่มานานหลายศตวรรษ นอกจากนี้ เขายังหวงของรักมากเสียด้วยสิ แต่การมาของเขานั้นก็นำคำสาปรักมาสู่เธอด้วย
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
© 2018-now MeghaBook
บนสุด