U7 - ฉันเพิ่งมารู้ว่าเด็กที่ฉันถูกว่าจ้างให้อุ้มบุญ เป็นลูกของแฟนเก่าที่เลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน… (ผู้ชายที่เขาไม่เคยรักฉัน)
U7 - ฉันเพิ่งมารู้ว่าเด็กที่ฉันถูกว่าจ้างให้อุ้มบุญ เป็นลูกของแฟนเก่าที่เลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน… (ผู้ชายที่เขาไม่เคยรักฉัน)
• ACTION •
คฤหาสน์มาเฟีย...
แง~ แง~
เสียงเด็กน้อยวัยสามเดือนร้องงอแงอยู่ไม่หยุด ไม่มีใครทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไรถึงทำให้เขาร้องไห้จนหน้าแดงเช่นนี้ และสิ่งที่ไม่รู้เหตุผลนี้ก็ยิ่งทำคนเป็นย่าใจจะขาด
“โอ๋ๆ ~ ไม่ร้องนะคะคนเก่งของย่า ...หยุดร้องเถอะลูก ย่าใจจะขาดอยู่แล้ว”
คุณหญิง ‘ภาดา’ นายหญิงใหญ่ของบ้านอุ้มหลานชายขึ้นมาปลอบขวัญให้เสียงร้องงอแงนั้นหยุดลง และใกล้ๆ กันนั้นก็มี ‘ศิธา’ ลูกชายเพียงคนเดียวของเธอยืนมองดูการกระทำของผู้เป็นแม่อยู่ ซึ่งเขาก็เป็นพ่อของ ‘ศรันย์’ หนุ่มน้อยวัยสามเดือนนี้ พ่อที่เพิ่งรู้ก่อนหน้าสามเดือนว่าตนมีลูกน้อย
“แม่ครับ ผมไปทำงานก่อนนะ” เสียงเข้มของคนนิ่งขรึมพูดบอกกับแม่ของตน แต่ยังไม่ทันจะเดินออกจากบ้าน ผู้เป็นแม่ก็อุ้มเด็กน้อยเดินเข้ามาขวางหน้าเขาไว้ก่อน
“เดี๋ยวตาศิธา ช่วยแม่ปลอบตาหนูหน่อยสิ ร้องงอแงตั้งแต่เช้าแล้วยังไม่หยุดเลย” เธอพูดบอกลูกชายสีหน้าเป็นกังวลเพราะเป็นห่วงหลานชาย และการที่เด็กน้อยร้องอย่างไม่มีสาเหตุแบบนี้ก็ทำให้เธอจิตตกตามไปด้วย
“จะให้ผมปลอบเด็กเหรอครับ ผมเนี่ยนะ?”
“ใช่ แกเป็นพ่อตาศรันย์นะ โอ๋ลูกหน่อยสิ” พูดจบเธอก็พยายามยัดเยียดให้ลูกชายอุ้มเด็กน้อยที่เกิดจากอสุจิของเขาแต่ไม่ใช่ความรัก
เมื่อได้ยินคำว่า ‘ลูกของแก’ ทีไร ศิธาเป็นต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเหนื่อยใจกับแม่ของตน เพราะเขาไม่เคยเต็มใจที่จะมีลูกชายคนนี้เลย หากแต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นแผนการของคุณหญิงภาดาทั้งหมด
“เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม?” เขาทำเสียงแข็งท่าทางไม่อ่อนโยนใส่หนุ่มน้อยร่างเล็กจิ๋วที่อุ้มอยู่ ทว่าหนูน้อยกลับเงียบเสียงงอแงลง และเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเมื่อเห็นท่าทางดุๆ ของศิธา ความเกรี้ยวกราดที่เหมือนกับยักนั้นทำหนูน้อยระบายยิ้มออกมาทีละนิด จนเห็นเหงือกสีชมพูที่อยู่ด้านในโพรงปากเล็กจิ๋ว
“เงียบแล้วเห็นไหม หลานย่าเก่งที่สุด~”
“งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับ” เขาทำท่าจะคืนหนุ่มน้อยให้กับผู้เป็นแม่ แต่เธอก็รีบพูดหยุดลูกชายไว้
“เดี๋ยวก่อนสิ อยู่เล่นกับลูกแกก่อนไม่ได้หรือไง ไปช้าสักวันลูกน้องแกคงไม่ประท้วงไล่แกออกจากบริษัทหรอก”
“เด็กนี่ไม่ใช่ลูกของผมครับ แม่หลอกให้ผมไปรีดน้ำเชื้อ พอผ่านไปเก้าเดือนก็พาเด็กนี่เข้ามาที่บ้าน แล้วก็พูดกรอกหูผมทุกวันว่าเด็กนี่เป็นลูกของผม...”
เขาพูดความอัดอั้นนั้นออกมา เพราะเขารับไม่ได้ที่จู่ๆ ผู้เป็นแม่จะยัดเยียดเด็กคนนี้ว่าเป็นลูกของตน หลังจากที่หลอกให้ตนไปฝากไข่แต่กลับได้มาเป็นตัว และเขาก็ไม่เคยรู้เลยว่าเด็กคนนี้เกิดจากหญิงสาวคนไหนที่ให้กำเนิด
“แต่ยังไงเขาก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของแกนะ แกก็ให้ความรักกับเขาหน่อยสิ” ถึงจะรู้ว่าตัวเองทำไม่ถูกที่แอบทำเรื่องอุ้มบุญหลานชายแบบลับๆ หลอกให้ลูกชายอย่างศิธาเซ็นเอกสารมากมาย แต่เธอก็อยากให้ผู้เป็นพ่อให้ความรักกับเด็กน้อยบ้าง เพราะหวังจะให้หลานชายเติบโตมาด้วยความรักและความอบอุ่นที่ครอบครัวมอบให้
“แม่เป็นคนอยากมีหลาน ก็ให้ความรักเองแล้วกันนะครับ วันนี้ผมมีประชุม ขอตัวไปทำงานก่อน” ร่างเล็กจิ๋วถูกส่งคืนให้กับคุณหญิงภาดาผู้เป็นย่า ก่อนที่คำพูดทิ่มแทงใจดำจะหลุดออกจากปากของผู้เป็นแม่
“เพราะแกบ้างานแบบนี้ไง แฟนแกถึงได้ทิ้งไป”
“…”
เธอพูดจี้ใจดำลูกชายจบ ก็หอบหลานชายขึ้นชั้นสองของบ้านไป เพราะหงุดหงิดกับลูกชายแสนใจดำของเธอที่ไม่มีหัวใจรักใครไม่เป็น แม้กระทั่งลูกแท้ๆ ที่เธอเป็นคนจัดสรรมาให้
บนรถ ระหว่างเดินทางไปทำงาน...
คำพูดจี้ใจนั้นทำให้ศิธาหวนคิดถึงใครบางคนที่จากเขาไปเมื่อสองปีก่อน คนที่ทำให้เขาไม่สามารถเริ่มต้นความรักครั้งใหม่กับใครได้อีก เพราะยังติดอยู่กับเธอคนนั้น
“ได้ข่าวเธอหรือยัง?” เสียงเข้มของผู้เป็นนายเอ่ยถามกับ ‘ทีม’ ลูกน้องคนสนิทถึงเรื่องที่เขาสั่งให้ตามสืบ
“ยังไม่ได้ข่าวอะไรเลยครับนาย ผมพึ่งให้เพื่อนช่วยตามสืบ ถ้าได้เรื่องยังไงจะบอกทันทีเลยนะครับ”
“...อือ”
ภายใต้ใบหน้านิ่งขรึมนั้นแฝงไปด้วยความรู้สึกมากมาย แม้เขาไม่เคยแสดงออกหรือพูดอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับความรู้สึกที่มีลึกๆ แต่แววตาโดดเดี่ยวที่เต็มไปด้วยความคิดถึงใครบางคนก็ปิดไว้ไม่อยู่...
เพนท์เฮ้าส์หรูใจกลางเมือง...
‘ธัญ ธัญญาดา’ สาวร่างเล็กนั่งปั๊มนมอยู่ที่กลางห้องนั่งเล่นสุดหรู สถานที่ที่เธอใช้อยู่อาศัยเป็นการชั่วคราว และจะจากไปหลังจากงานสิ้นสุดลง ซึ่งก็อีกไม่นานนี้...
“ธัญต้องปั๊มนมอีกกี่ถุงคะพี่ว่าน?”
“อีกห้าถุงค่ะ” เสียงของ ‘ว่าน’ สาวหน้านิ่งเจ้าระเบียบ เอเจนซี่และผู้ช่วยส่วนตัวของธัญ พูดตอบถึงสิ่งที่เธอต้องทำอยู่เป็นประจำทุกวัน
“เฮ้อ~”
เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เพราะรู้สึกเบื่อหน่ายกับหน้าที่ที่ต้องทำซ้ำเดิมทุกวันตลอดสามเดือนที่ผ่านมา คือลุกขึ้นมาปั๊มนมวันละหลายๆ ถุงเพื่อส่งมอบให้กับลูกชายที่เธอถูกว่าจ้างจากคนรวยให้อุ้มบุญ
เต้าอวบทั้งสองข้างของเธอถูกปั๊มนมนานถึงยี่สิบนาที และหยุดพักสิบนาที เพื่อทำสิ่งนั้นต่อไปจนกว่านมจะเกลี้ยงเต้า ราวกับเธอเป็นเครื่องจักรผลิตนม
ซึ่งตั้งแต่ที่คลอดลูกออกมา เธอไม่ได้มีโอกาสได้เห็นหน้าของเด็กน้อยที่เธออุ้มท้องมาถึงเก้าเดือนเลย และก็ไม่รู้ว่าใครคือผู้ว่าจ้าง รู้เพียงแค่เธอจะได้เงินมากถึงสิบล้านในการอุ้มบุญครั้งนี้ ซึ่งเป็นราคาที่มากกว่าราคาทั่วไปที่เขาจ้างอุ้มบุญกัน
เพราะผู้ว่าจ้างต้องการแม่พันธุ์ที่ดีที่สุด ตรงตามที่วางไว้ทั้งรูปร่าง หน้าตา สีผิว พื้นฐานความรู้ รวมถึงประวัติคู่นอนต้องเคยผ่านผู้ชายไม่เกินหนึ่งคน และจากผู้หญิงที่เข้ามาสมัครเป็นสิบๆ คน เธอเป็นคนเดียวที่ผ่านการคัดเลือก และถูกตาต้องใจผู้ว่าจ้างมากที่สุด
เงินมากมายที่เธอนั่งนับวันรอจะได้รับ ชีวิตอิสระที่เธอต้องการจะได้ใช้ หลังจากที่จบงานนี้เธอก็จะย้ายไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ต่างประเทศลำพัง
“ถึงเวลาอาหารว่างแล้ว เดี๋ยวฉันมานะคะ”
“อาหารว่างมื้อนี้เป็นอะไรเหรอคะ?”
“ฟักทองนึ่งค่ะ”
“เอ่อ..ขอเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ไหมคะ ธัญเบื่อฟักทองนึ่งแล้ว”
“งั้นเป็นผลไม้รวมแล้วกันนะคะ”
“ได้ค่ะ” สาวผิวขาวแก้มป่องพูดบอกกับผู้ช่วยของเธอ คนที่อยู่กับเธอตั้งแต่วันแรกก่อนตั้งท้องจนถึงตอนนี้
เธอจะได้รับอาหารที่ครบห้าหมู่อยู่เสมอในทุกวัน อาหารที่มีประโยชน์ที่สุด น้ำดื่มที่สะอาดและปลอดภัยที่สุด วิตามินบำรุงราคาแพง และอีกมากมายที่เธอได้รับและต้องกินของพวกนั้นทุกวัน ทำสิ่งนั้นเป็นประจำซ้ำๆ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีที่สุด เช่นนมจากเต้าที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อเด็กน้อย
และทุกอย่างนี้เป็นการดูแลจากผู้ว่าจ้างของเธอทั้งหมด จนกว่าสัญญาจ้างจะสิ้นสุดลง เมื่อนั้นเธอจะได้รับเงินส่วนที่เหลือและได้มีชีวิตอิสระอย่างที่ต้องการ
“ธัญต้องอยู่ที่นี่อีกแค่อาทิตย์เดียวใช่ไหมคะ?”
“ประมาณนั้นค่ะ” ผู้ช่วยเจ้าระเบียบพูดตอบน้ำเสียงเรียบเฉยเหมือนทุกครั้ง แม้จะอยู่ด้วยกันนานนับปีแต่ทั้งคู่ก็ดูเหมือนคนที่ไม่สนิทกัน
เมื่อได้ยินคำยืนยันนั้น ธัญก็มองภาพในจอมือถือที่ปรากฏให้เห็นรูปบ้านที่เธอจะย้ายเข้าไปอยู่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า บ้านหลังใหม่ที่อยู่ประเทศเกาหลี เส้นทางใหม่ของชีวิต...
“อีกแค่อาทิตย์เดียว...”
--------------------------------------------------------------------------
[ติดตามตอนต่อไป] - [Follow the next episode]
[-กดใจ -เพิ่มเข้าชั้น -คอมเมนท์ให้กำลังใจ และฝากกดติดตามไรท์ด้วยนะครับ🙏]
S2(ต่อจากเรื่อง ไอมาเฟียนั่นเมียกู) เรื่องราวความรักของคู่ยูมิ และโจอิ น้องชายตัวแสบของโจดิน
เพื่อนของผมดันหาเด็กสาวมาเป็นติวเตอร์ให้ แถมเธอก็กำลังแตกเนื้อสาวซะด้วย ( ความใสซื่อของเธอทำให้ผมสับสนเรื่องตามไปง้อเมียที่เมืองนอกแล้วทำไงดี )
คู่หมั้นของ ‘โจดิน’ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ดันเป็น ’ยูมิ’ แฟนสาวผู้อ่อนแอของ ’นิเณอ’ หญิงแกร่งใจกล้า และบุคลิกของเธอมันก็ดันเข้าตาเขาเต็มๆ จนอยากได้เธอมาเป็นเมียแทน…
S2.2 ถ้าเธอไม่หยุด ฉันจะจับเธอทำเมียอีกคน ถือว่าฉันเตือนเธอแล้วนะแสนดี!...
" ผมใหญ่ครับ " " ใหญ่นี่ ชื่อหรือสรรพคุณคะ " " ก็... ทั้งสองอย่างครับ " +++++++++++++++++++++++++++ " ผมอยากเอาคุณเป็นบ้าเลย " ดวงตาของมิถุนาเบิกกว้างเมื่อได้ยินประโยคนั้น ไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะพูดมันออกมาตรง ๆ อย่างไม่ให้เกียรติเธอแม้แต่นิด " ไอ้โรคจิต หยาบคาย ! " เธอผรุสวาทออกมาทั้งยังพยายามดิ้นรนผลักไสให้ตัวเองหลุดพ้นพันธนาการอันเป็นอ้อมแขนเหนียวแน่นนั้น และแน่นอนว่านอกจากไม่หลุดแล้วเขายังรัดเธอแน่นเข้าไปอีก " ปล่อยฉันนะ ! " " ก็คุณบอกให้ผมพูดเอง " " ใครจะไปรู้ว่าความคิดคุณจะทุเรศลามกขนาดนั้น " " มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ธรรมชาติสร้างให้สัตว์เพศผู้เพศเมียสมสู่กันเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ ความต้องการทางเพศมันเป็นเรื่องปกติ หรือว่าคุณไม่เคยมีมัน " " ฉันมีคู่หมั้นแล้วและไม่ได้อยากดำรงเผ่าพันธุ์อะไรกับคนแบบคุณ ! " เขาหัวเราะเบา ๆ ต่างกับเธอที่ตาเขียวปั้ด อยากจะยกมือขึ้นตะกายหน้าหล่อ ๆ นั่นแทบบ้า ไอ้คนไร้มารยาท ! " เราไม่ต้องดำรงเผ่าพันธุ์อะไรทั้งนั้น " เขาเริ่มบทสนทนาต่อก่อนโน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหูเธอเบา ๆ " แค่เอากันก็พอ " ++++++++++++++++++++++++++++++++++++ " ...แค่อยากจะมาทักทายคนคุ้นเคยเป็นการส่วนตัว " " ฉันไม่ใช่คนคุ้นเคยของนาย " " งั้นคุณเป็นคนคุ้นเคยของผมฝ่ายเดียวก็ได้ " " อย่ามากวนนะ ระวังจะโดนเอาคืน " " ก็เอาสิ จะเอาคืน เอาวัน หรือเอาทั้งวันทั้งคืนเลยก็ได้นะ ผมไม่ติด "
นายปฐพี พลพิพัฒ อายุยี่สิบแปดปี ชายหนุ่มรูปหล่อ ร่างสูงใหญ่กำยำผิวขาว เขาเกลียดผู้หญิงทุกคนเข้าไส้ ใครเข้าใกล้ต่างก็ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาคือปีศาจในคราบเทพบุตรชัดๆ แต่ทำไมนะจีน่าจึงตกหลุมรักเขา นางสาวจีน่า ไนลา อายุยี่สิบสี่ปี ใบหน้าของเธอนั้นคมเหมือนกับสาวลูกครึ่ง เพราะมารดาของเธอเป็นคนอังกฤษ บิดาของเธอชื่อสรวิช ซึ่งความสวยของจีน่านั้นไม่เป็นรองใคร ดวงตาของเธอกลมโตจมูกโด่งรับกับริมฝีปากได้รูปสีชมพูระเรื่อ ใครเข้าใกล้ต่างก็ชอบในความน่ารักสดใสของเธอ แต่ไม่มีใครรู้ว่าหญิงสาวได้เก็บเรื่องราวบางอย่างไว้ในใจตลอดเวลา เมื่อคนที่เธอตกหลุมรักเขากำลังจะแต่งงานด้วยเหตุผลบางอย่าง ที่สำคัญเจ้าสาวของเขานั้น คือพี่สาวแท้ๆ ของเธอ ความรักของเขาและเธอจะลงเอยยังไงฝากด้วยนะคะ
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
นายพายุ ศิระภาคิณ อายุสามสิบปี นักธุรกิจหนุ่มประธานบริษัทส่งออกผ้าไทย วีรกรรมที่เขาทำไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อน กำลังจะย้อนกลับมา เมื่อนางสาวแพรไหม โภสิกุล ดีไซเนอร์สาวอายุยี่สิบเก้าปี ได้ปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่เธอนั้นหายออกไปจากมหาวิทยาลัย กว่าสิบปี โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งทำให้ท่านประธานหนุ่มเริ่มอยากรู้ชีวิตของเธอ เมื่อครั้งหนึ่งเรือนร่างอันบอบบางอรชรเคยหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับเขามาแล้ว ถ้าหากเขาต้องการสานสัมพันธ์กับเธออีกครั้ง มันก็ไม่แปลกหากเธอนั้นยังโสดแพรไหมจะยังต้องการเขาอยู่หรือไม่ ในเมื่อเธอคิดว่าพายุนั้นเป็นแค่ผู้ชายที่พรากความบริสุทธิ์ไปจากเธอเท่านั้น ซึ่งเวลานี้เธอก็ยังคงมองเขาในด้านลบอยู่ดี แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเป็นสิบปีแล้วก็ตาม "แม่ของหนูชื่ออะไร ตอนนี้อยู่ที่ไหน บอกฉันได้ไหม" พายุถามพร้อมกับจ้องลงไปที่ดวงตาแป๋วของเด็กหญิงตรงหน้า เมื่อเขามั่นใจว่าสายตาจะไม่โกหก "แม่ของหนูชื่อแพรไหม!" เด็กหญิงพูดออกมา พร้อมกับจ้องสายตาคมของผู้เป็นบิดาอย่างไม่กะพริบตา เพื่อยืนยันว่าเธอนั้นไม่ได้โกหก “ฮ่ะ!” พายุอุทานออกมาเสียงดัง ขณะที่หัวใจของเขานั้นเต้นแรง ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจที่สุดในชีวิต "ถ้าคุณไม่เชื่อ พาหนูไปตรวจดีเอ็นเอก็ได้นะคะ" เด็กหญิงพูดออกมาพร้อมกับมีใบหน้าที่เศร้าหม่น เมื่อเธอคิดว่าบิดาคงไม่เชื่อในสิ่งที่เธอนั้นพูดออกมา "ไม่จำเป็น!" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็ง เพื่อยืนกรานที่จะตรวจดีเอ็นเอ จนทำให้คนฟังนั้นหวาดกลัว เพราะใยไหมคิดว่าบิดานั้นไม่เชื่อใจเธอ "หนูขอโทษที่มารบกวน หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" ใยไหมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอยกมือขึ้นไหว้ผู้เป็นบิดาอย่างนอบน้อม ประหนึ่งว่าจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้วในชีวิตนี้ เมื่อเธอได้สัญญากับผู้เป็นมารดาเอาไว้ หากถูกปฏิเสธแล้วไซร้ จะขอกลับไปไม่กลับมาหาชายตรงหน้าอีกเลยตราบชั่วชีวิต "แล้วหนูจะไปไหน นั่งลงก่อนสิ" พายุพูดพร้อมกับจับร่างเล็กของลูกสาวนั่งลงข้าง ๆ อีกครั้ง "ที่บอกว่าไม่จำเป็น นั่นเป็นเพราะว่าพ่อเชื่อว่าหนูเป็นลูกของพ่อโดยไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอ!" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ใยไหมไม่รอช้าโผเข้าไปกอดผู้เป็นบิดาอีกครั้งในทันที ก่อนจะร้องไห้ออกมาเพราะความดีใจ "ไม่ร้องนะครับคนเก่งของพ่อ" พายุพูดพร้อมทั้งเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่แก้มใสของลูกสาวออกจนสิ้น ในขณะที่ตัวของเขาเองก็น้ำตาคลอเช่นกัน "หนูขอเรียกพ่อว่าคุณป๋านะคะ" เสียงเจี๊ยวจ๊าวพูดออกมาอย่างรื่นหู คุณป๋าที่เด็กหญิงพูดนั้น ทำให้พายุอดที่จะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจไม่ได้ "ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ทำไมถึงต้องเรียกพ่อว่าคุณป๋าด้วยละ หืม" พายุเอ่ยถามลูกสาวออกมา ขณะที่เขายังคงกอดเด็กหญิงเอาไว้ ด้วยความรักความผูกพันของสายใยระหว่างพ่อลูก ที่มันพันผูกจนมาสามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ "มาดาม ไม่ชอบให้หนูมีพ่อ หนูก็จะมีคุณป๋าแทนยังไงล่ะคะ" คำตอบของลูกสาวทำให้พายุยิ้มไม่หุบครั้งแล้วครั้งเล่า เธอช่างเป็นเด็กฉลาดและร่าเริง ผิดกับแพรไหมมารดาของเธอ ที่ชอบทำหน้าเหมือนแบกโลกทั้งใบเอาไว้ตลอดเวลา "ทำไมถึงเรียกแม่ว่ามาดาม ตอนนี้แม่แต่งงานไปแล้วหรือยัง" เวลานี้พายุลุ้นคำตอบจากลูกสาว หรือแพรไหมจะแต่งงานกับฝรั่งตาน้ำข้าวไปแล้ว ใยไหมถึงได้เรียกเธอว่ามาดาม "แม่ยังไม่มีใคร มีแค่ลุงดนัยที่ชอบมาข้องแวะ แต่หนูไม่ชอบเขาเลย เพราะเขาชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมาดามอยู่เรื่อย" คำตอบของลูกสาวช่างอิ่มเอมใจ เมื่อแพรไหมไม่มีใครเขาก็พร้อมจะสานสัมพันธ์ แต่งานนี้คงจะยากหากผู้ชายคนนั้นมาข้องแวะ แต่เขามีลูกสาวที่ยืนเคียงข้างแล้วจะกลัวอะไร "ถ้าพ่ออยากจะจีบแม่ต้องทำยังไง" "โอ้! เจ๋งเป้งมากค่ะคุณป๋า เดี๋ยวหนูจะช่วยเอง" ใยไหมพูดออกมาด้วยความดีใจ นั่นคือสิ่งที่เธอปรารถนามาแสนนาน อยากให้บิดามารดาได้ลงเอยกันสักที "ลูกรับปากพ่อแล้วน๊า... " พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่ารัก "แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อนค่ะ คุณป๋า" ใยไหม ผละออกจากอกกว้างของผู้เป็นบิดา พร้อมกับหยิบคุกกี้ตรงหน้าเข้าปาก "หิวหรือยัง ไปทานข้าวก่อนดีไหม" พายุเอ่ยถามออกมาด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นลูกสาวนั้นหยิบคุกกี้เข้าปากคำโต "เดี๋ยวค่อยไปทานก็ได้ค่ะ แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อน เรื่องที่หนูเป็นลูกสาวของคุณป๋า ห้ามให้ใครรู้ ทุกอย่างจะเป็นความลับระหว่างเราได้ไหมคะ" พายุทำหน้าสงสัยกลับไปให้เด็กหญิง เธอกำลังคิดจะทำอะไร ใครหลายคนคงดีใจหากได้เป็นลูกสาวของท่านประธาน "ทำไมเป็นลูกสาวพ่อมันไม่ดีตรงไหนเหรอ ลูกถึงไม่อยากให้ใครรู้" พายุเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความน้อยใจ เมื่อลูกสาวไม่อยากให้ใครรับรู้ว่าเขาเป็นบิดาของเธอ "เป็นลูกสาวของป๋าดีที่สุดแล้ว แต่หนูไม่อยากให้ใครมองมาดามในทางไม่ดี ทุกคนต้องรู้แน่ สาเหตุที่มาดามต้องออกจากมหา'ลัยกลางคัน" คำบอกเล่าของใยไหมเป็นเหมือนดังคมหอก ที่ทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจของพายุ เด็กหญิงตรงหน้าช่างมีความคิดแบบผู้ใหญ่ เธอถูกเลี้ยงมาแบบไหนทำไมถึงได้ฉลาดอย่างนี้ แพรไหมคงดูแลอบรมลูกสาวมาอย่างดี ต่างจากเขาผู้เป็นบิดาที่ไม่เคยได้เหลียวแล "พ่อขอโทษนะ ที่ไม่เคยได้ดูแลหนูเลย ต่อจากนี้ไปพ่อจะไม่ทิ้งหนูกับแม่ให้อยู่กันตามลำพังอีกแล้ว" คำพูดของผู้เป็นบิดากำลังทำให้เด็กหญิงหัวใจพองโต เธอดีใจที่ผู้เป็นพายุไม่ปฏิเสธ แถมเขายังคิดที่จะสานสัมพันธ์กับมาดามของเธออีกครั้ง คงไม่มีอะไรทำให้เด็กหญิงมีความสุขเท่าสิ่งนี้มาก่อนเลยในชีวิต "ก่อนอื่นคุณป๋า ต้องจีบมาดามให้ติดก่อน หนูบอกเลยว่างานหิน มาดามดื้อจะตาย ขนาดลุงดนัยตามจีบหลายปี มาดามยังปฏิเสธทุกครั้ง แต่ลุงดนัยก็ตื้ออยู่ได้" ใยไหมพูดพร้อมกับทำหน้างอ ออกมาได้อย่างน่ารัก "ป๋ามีลูกสาวคอยช่วยจะกลัวอะไร ไปทานข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวป๋าจะไปส่งที่บ้าน" พายุพูดออกมาด้วยสายตาที่มีความหวัง เขาคงไม่ต้องใช้นักสืบ ในเมื่อโชคชะตากำหนดให้หญิงสาวเดินเข้ามาในชีวิตของเขาเอง แถมอยู่ดี ๆ ก็ได้ลูกสาวมาหนึ่งคน ที่น่ารักซะจนทำให้เขานั้นอยากไว้หนวด
© 2018-now MeghaBook
บนสุด