คนที่ไม่เชื่อในความรักอย่างจันทร์เจ้าต้องอยู่ชิดใกล้กับผู้ชายที่หล่อกวนใจจนน่าหยิก ความรู้สึกแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นยากจะห้ามไหว แต่นาย ‘ชลธี’ กลับทำให้ทุกอย่างดูง่าย เปลี่ยนหัวใจตายด้านให้กลับมาเต้นแรง…
ซ่า... ซ่า...
เสียงคลื่นทะเลสาดซัดเข้าหาฝั่งกระทบเข้ากับหาดทรายสีเหลืองนวลเนียนละเอียด ลมทะเลพัดโชยกลิ่นอายท้องทะเลยามเย็นเข้าสู่โสตประสาทของทุกคนทั่วบริเวณ เสียงธรรมชาติที่เกิดจากคลื่นทะเลสาดซัดคล้ายกับท่วงทำนองเพลง ฟังแล้วช่วยขัดกล่อมจิตใจของผู้คนให้ปลิวละล่องไปกับมัน ไหนจะภาพท้องฟ้าอมส้มที่มองเห็นไกล ๆ ช่วงพระอาทิตย์กำลังตกดิน เป็นภาพที่ใครได้เห็นต้องรู้สึกสวยงามจรรโลงใจ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คงใช้ได้กับสถานการณ์ปกติ ซึ่งไม่ใช่สถานการณ์ในตอนนี้ ภาพที่หญิงสาวสองคนยืนเผชิญหน้ากันอยู่และหนึ่งหญิงสาวยืนคั่นกลางหญิงสาวทั้งสองไว้ บวกกับบรรยากาศรอบตัวพวกเธอล้วนอึมครึม ดูอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
‘เอาไงดีวะเนี่ย คนกลางอย่างอีจันทร์เจ้าทำอะไรได้บ้าง นั่นก็เพื่อน นี่ก็เพื่อน โว้ย เครียด!’ จันทร์เจ้า คร่ำครวญกับตัวเองภายในใจ ผินหน้ามองซ้ายทีขวาทีก็ได้แต่ทอดถอนใจ
จันทร์เจ้ามองเพื่อนสนิททั้งสองแล้วก็สงสาร ในฐานะที่เธอเป็นคนกลาง เธอย่อมล่วงรู้ความรู้สึกของแต่ละฝ่ายอยู่แล้ว
เรื่องทั้งหมดมันเกิดจากปลาดาวและมารินชอบผู้ชายคนเดียวกัน สกายคือชื่อของผู้ชายคนนั้น ผู้ที่เป็นเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาขวัญใจหญิงสาวหลาย ๆ คน ทว่าผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นเจ้าของหัวใจของชายหนุ่มคือมาริน มารินที่รู้ว่าปลาดาวชอบสกาย ก็ไม่ได้เปิดเผยความสัมพันธ์ของเธอและสกายด้วยเช่นกัน นั่นก็เพราะว่ากลัวปลาดาวจะเจ็บปวดและเสียใจ
ส่วนจันทร์เจ้าที่รู้เรื่องทั้งหมดอยู่แล้วก็ไม่ได้บอกกล่าวเรื่องมารินและสกายให้ปลาดาวรู้เช่นกัน เพราะลึก ๆ แล้วหญิงสาวรู้สึกว่านี่มันไม่ใช่เรื่องของเธอ คนที่สมควรจะจัดการความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงและชัดเจนกับความรู้สึกคือมารินและสกายนั่นเอง ดังนั้นเธอจึงไม่ได้พูด
ทว่าจันทร์เจ้าไม่พูด มารินไม่พูด สกายไม่พูด... ปลาดาวที่แอบชอบสกายอย่างสุดซึ้งก็เริ่มตั้งความหวังคิดอยากได้ชายหนุ่มเป็นแฟน ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาก็เริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งวันหนึ่งปลาดาวไปเห็นฉากเด็ดเข้าก็รู้สึกเจ็บปวด แล้วใครบ้างล่ะจะไม่เจ็บปวดเมื่อเห็นคนที่ตัวเองชอบจูบอยู่กับผู้หญิงคนอื่น ยิ่งคนคนนั้นเป็นเพื่อนตัวเองด้วยแล้ว คิดดูเถอะว่าจะจี๊ดมากขนาดไหน และนั่นทำให้สถานการณ์ของหญิงสาวทั้งสองเป็นเช่นนี้
“ทำไมแกถึงไม่บอกฉันมาริน ว่าแกกับพี่สกาย...”1(เหตุการณ์ในเรื่องทะเลพรางดาวและเรื่องทะเลหลงฟ้า) ปลาดาวเพื่อนสาวคนสนิทของจันทร์เจ้าเอ่ยถามเพื่อนอีกคนอย่างมารินด้วยความเจ็บปวด สายตาของเธอเต็มไปด้วยความตัดพ้อต่อว่าและผิดหวัง
“ใจเย็นก่อนไอ้ดาว ฟังไอ้รินมันอธิบายก่อน” จันทร์เจ้าที่ไม่สามารถทำอะไรได้ เลือกที่จะเอ่ยให้คนที่กำลังร้อนให้ใจเย็นขึ้น ทว่ามีหรือที่ปลาดาวจะฟัง ในเมื่อพูดออกมาแล้ว ก็ต้องพูดมันต่อไปให้จบ
เหตุการณ์ระหว่างเพื่อนสนิทสองคนดูเหมือนจะร้อนระอุต่อไปเรื่อย ๆ จันทร์เจ้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าควรทำอย่างไรต่อไป เธอได้แต่มองคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างคนอับจนหนทาง เรื่องของเพื่อนสนิทสองคนนี้ ซับซ้อนยุ่งยากกว่าเรื่องของเธอที่โดนผู้จัดการพักงานซะอีก เนื่องจากมันเป็นเรื่องของหัวใจ เกี่ยวเนื่องกับความสัมพันธ์โดยเฉพาะ อะไร ๆ จึงดูจัดการยากไปเสียหมด
‘ความรักนี่มันดีขนาดนั้นเลยเหรอวะ ดีบ้าอะไรถึงทำให้คนคนหนึ่งต้องเจ็บปวด’ คนที่เคยลอบสาบานกับตัวเอง ว่าจะไม่ยอมให้ตัวเองทุกข์ใจเพราะความรัก ซ้ำยังเป็นคนที่ไม่เคยเชื่อในความรักอย่างจันทร์เจ้า คิดด้วยความไม่เข้าใจในขณะที่สายตาก็ยังจับจ้องไปยังเพื่อนสนิททั้งสองอย่างใกล้ชิด
ในระหว่างที่ปลาดาวและมารินตัดพ้อต่อว่ากันไปมาอยู่นั้น จันทร์เจ้าก็พยายามหาทางห้ามปรามไม่ให้ทั้งสองผิดใจกันไปมากกว่านี้ เพื่อที่คนใดคนหนึ่งจะได้ไม่ต้องตัดความสัมพันธ์ฉันเพื่อนที่มีมาอย่างยาวนานนี้ไป
รู้จักกันมาตั้งหลายปี... จะเลิกคบกันเพราะผู้ชายคนเดียวไม่ได้!
“ไอ้ดาวใจเย็น ๆ นะเว้ย ยังไงแกกับไอ้รินก็เป็นเพื่อนกันนะ แกอย่าลืมสิเราเคยสัญญากันไว้ว่ายังไงสมัยเรียน”
จันทร์เจ้าพยายามห้ามปรามอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอารมณ์ของปลาดาวชักจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หญิงสาวไม่อยากให้เพื่อนทั้งสองทะเลาะกัน อยากให้ทั้งคู่พูดคุยกันด้วยเหตุผลและปรับความเข้าใจกันซะ
“เพราะไม่เคยลืมนี่สิ ฉันถึงได้โกรธขนาดนี้ พวกเราสัญญาว่าจะไม่โกหกกัน มีอะไรจะบอกกันตรง ๆ ไม่ปิดบัง แต่ทำไมแกสองคนถึงโกหกฉันได้” เจอคำพูดตรง ๆ ของปลาดาว จันทร์เจ้าก็ชะงักไป ซึ่งในระหว่างที่ปลาดาวเป็นฝ่ายพูด มารินก็แทบจะไม่พูดอะไรไม่ออกเลยด้วยซ้ำ เอาแต่มองไปที่ปลาดาวด้วยความรู้สึกผิดและเจ็บปวดไม่แพ้กัน จันทร์เจ้าก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อไปดี ตอนนี้เธออยากให้เพื่อนทั้งสองพูดคุยกันด้วยเหตุผลและปรับความเข้าใจกันเสียที
ด้วยความไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปจึงได้แค่มองเพื่อนสนิททั้งสองเท่านั้น มองไปยังปลาดาวที่ตอนนี้คนตรงหน้าเธอมีแต่สายตาแห่งความเจ็บปวด เสียใจและผิดหวังเต็มไปหมด ก่อนจะหันไปมองมารินที่มีสายตาของความเศร้าสร้อยและเสียใจออกมาไม่แพ้กัน
สถานการณ์ค่อนข้างอึดอัดจนจันทร์เจ้าอยากจะพูดบางอย่าง ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไร ปลาดาวก็เลือกที่จะเดินหันหลังและวิ่งออกไปเสียก่อน จันทร์เจ้าหันมามองหน้ามารินก่อนยกยิ้มบาง ๆ ให้ แล้วสาวเท้าวิ่งตามปลาดาวไป
ระหว่างที่วิ่งก็สวนทางกับกอหญ้าที่อาสาไปซื้อขนมวิ่งกลับมาพอดี หญิงสาวมองห่อขนมในอ้อมกอดของเพื่อนสนิทที่ไปซื้อมาก็ต้องทอดถอนใจ
‘ตั้งใจจะมาปาร์ตี้ สนุกสนานขับไล่ความหมดอาลัยตายอยากจากการถูกพักงาน สุดท้ายกลับต้องมาคอยห้ามเพื่อน ทำไมเป็นงี้ไปได้วะเนี่ย โธ่... ขนมของฉัน’ จันทร์เจ้ามองขนมดวงตาละห้อยก่อนจะโบกมือลา
กอหญ้า แล้วรีบวิ่งตามปลาดาวที่วิ่งออกไปไกลต่อ
หลังแก้ปัญหาไอมารจนผืนดินกลับมาเพาะปลูกได้อีกครั้ง ก็ถึงเวลาที่เว่ยซือหงต้องไปผจญภัยจริง ๆ เสียที สมบัติวิเศษ สมุนไพรล้ำค่า ทรัพยากรอื่น ๆ อีกมากมายที่อยู่ในดินแดนลับ นางจะกวาดให้เรียบ!
โปรย... ชะตาพลิกผันให้เจ๊ใหญ่หงทายาทมาเฟียยุค2000 ต้องไปเกิดใหม่ที่มิติใกล้ล่มสลาย ซึ่งทุกอย่างถูกวัดด้วยความแข็งแกร่ง ทั้งพลังปราณ พลังธาตุ ทั้งนางยังมีภารกิจสำคัญที่ต้องรับผิดชอบ ทว่าเมื่อลืมตาตื่นความทรงจำกลับเลือนราง นางกลายเป็นก้อนแป้งน้อยโดยสมบูรณ์! ผักก็ต้องปลูก มารก็ต้องกำจัด ความทรงจำยังเลือนรางอีก สวรรค์ท่านกลั่นแกล้งข้าหรือไร?
คนที่ไว้ใจสุดท้ายร้ายที่สุด... เมื่อเรื่องราวความรักของม่านไหมโรยไปด้วยกลีบกุหลาบที่ถูกก้องเกียรติสร้างขึ้นมา ชวนให้หลงมัวเมากับฉากหน้าอันแสนหวานยากจะถอนตัว กว่าจะรู้ตัวก็กลายเป็นว่าเธอถูกหนามแหลมคมของดอกกุหลาบที่ชื่นชอบคอยทิ่มแทงให้เธอเจ็บแล้ว ราวกับโลกทั้งโลกแหลกสลาย ความไว้ใจที่มีมาพังทลายลง! คนที่มั่นคงและซื่อสัตย์ในรักอย่างเธอต้องมานั่งเสียใจนอนร้องไห้ ต้องเจ็บปวดจากการกระทำของคนที่เธอรักและไว้ใจที่สุด เธอจะเลือกอะไรระหว่างอดทนยอมรับชะตากรรมความเจ็บปวดที่เธอไม่ได้เป็นคนก่อและให้อภัยเขาในที่สุด หรือ! เดินหน้าเริ่มต้นใหม่กับใครอีกคนที่หวังดีกับเธอตลอดมา เป็นกำลังใจให้ม่านไหมด้วยนะคะ ............................................... ตัวอย่างบางส่วนในนิยายค่ะ “ทำแบบนี้ทำไม” คำถามแผ่วเบาที่ออกจากปากของม่านไหม ทำให้ชายหนุ่มได้สติ ก้องเกียรติตวัดสายตาดุร้ายมองเธอ เขาไม่ตอบเลือกที่จะหันหลังเดินไปยังตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบมาแต่งตัว “ทำไมไม่ตอบ ทำแบบนี้ทำไม!” เสียงของม่านไหมดังขึ้น หญิงสาวไม่ปล่อยให้ชายหนุ่มหันหลังให้ เธอเดินเข้าไปแล้วกระชากให้เขามามองหน้าเธอทันที “ตอบสิ ทำแบบนี้ทำไม ม่านทำอะไรผิดเหรอ พี่ถึงได้ไปมีคนอื่นแบบนี้!” ม่านไหมโวยวาย สองมือของเธอทุบลงบนอกของเขา
เพราะว่ารักจึงยอม เพราะรักถึงรอ รอที่จะได้ยินคำว่ารัก รอวันที่เธอชัดเจน... .......... ตัวอย่าง “หยุดร้องก่อนได้ไหมฉาย” เสียงนุ่มทุ้มของชายหนุ่มพูดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด หลังจากที่เขานั่งทนฟังเสียงร้องไห้ของหญิงสาวมาร่วมชั่วโมงกว่าเกือบจะสองชั่วโมงได้ “ฉายไม่ได้อยากร้อง แต่ว่ามันหยุดไม่ได้ ฮึก! แล้วพี่สงจะให้ฉายทำยังไง” หญิงสาวตอบกลับพลางสะอื้นไห้ .......... “นานแล้วนะครับฉาย พี่ทรมาน” น้ำเสียงทุ้มฟังดูเซ็กซี่ดังขึ้นข้างหู “พี่สง!” “พี่รักฉายมากฉายก็รู้ แล้วตอนนี้มันก็นานมาก ๆ แล้วที่เราไม่ได้รักกัน ฉายไม่สงสารพี่เหรอครับ” เขายังคงหว่านล้อมเธอด้วยคำพูดจนจันทร์ฉายเริ่มลังเล ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากพร้อมพูดต่อ “รักของพี่มีให้ฉายแค่คนเดียว ทั้งหัวใจพี่ก็มีแค่ฉาย จะทำอะไรก็นึกถึงแต่ฉาย แบบนี้... พี่ควรได้รางวัลหรือยังครับ” พูดแล้วก็เป่าลมร้อนเข้าหูเธอจนคนตัวเล็กย่นคอหนี “ตะ แต่ว่าฉายท้องอยู่นะคะ” “เลยช่วงอันตรายมาแล้วครับ หมอก็อนุญาตฉายก็รู้ พี่สัญญาว่าจะระวัง” “แต่ว่า” “ให้พี่ทักทายลูก ต่อแขนต่อขาให้ลูกนะครับคนดี พี่สัญญาว่าจะทำเบา ๆ นะครับ นะ” สงกรานต์พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ก่อนจะระดมจูบไปตามซอกคอหอมกรุ่นของหญิงสาว “คะ ครั้งเดียวนะคะ” “ขอบคุณครับ” เมื่อได้รับคำอนุญาตสงกรานต์ก็ไม่คิดเกรงใจอีกเขาตะโบมจูบจันทร์ฉายด้วยความคิดถึงและความรักทั้งหมดที่มี ลิ้นหนาพัวพันกับลิ้นเล็กดึงดูดความหอมหวานของกันและกัน ก่อนจะประคองเธอนอนลงบนเตียงอย่างเบามือ สองมือปลดเปลื้องเสื้อผ้าเธอด้วยความชำนิชำนาญ
ถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกนอกสมรสเธอไม่เคยปริปาก โดนกลั่นแกล้งสารพัดก็ไม่เคยพร่ำบ่น เห็นว่าเธอไม่มีปากเสียงแล้วจะเอาอะไรที่เป็นของเธอไปก็ได้เหรอ? ฝันไปเถอะ! ถึงเวลาที่เธอจะเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเองแล้ว ระวังตัวไว้ให้ดีละ เตือนแล้วนะ... .......... ตัวอย่าง 1 “ดี! งั้นมาดูกัน ว่าระหว่างฉันกับเธอใครกันแน่ที่พูดความจริง แต่เธอคงไม่ถือใช่ไหมพริมา ถ้าต้องใช้ผู้ชายคนเดียวกันกับพี่สาวอย่างฉันน่ะ” กล่าวถามก่อนจะหัวเราะอย่างขบขัน เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าเรียบเฉยของน้องสาว อิงอรฉีกยิ้มเยาะเย้ยพลางมองพริมาด้วยสายตาเหยียดหยามดูแคลน มือบางคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายแล้วเดินกลับไปยังประตู ทว่าก่อนที่มือจะทันได้จับลูกบิด น้ำเสียงเย็น ๆ ของน้องสาวที่ดังขึ้นด้านหลังกลับหยุดเธอไว้ “ก็เอาสิคะ ถ้าพี่อิงมั่นใจว่าจะแย่งเขาไปจากฉันได้ก็ลองดู แต่บอกไว้ก่อนนะคะว่าฉันเป็นคนหวงของ ยิ่งรักมากก็หวงมาก และฉันคงไม่ยอมอยู่เฉย ๆ เหมือนที่แล้วมาแน่ อะไรที่เป็นของฉันใครหน้าไหนก็เอามันไปจากฉันไม่ได้ โดยเฉพาะคนหน้าด้านอย่างพี่อิง อย่าได้หวังเลยค่ะ แต่ถ้าพี่คิดว่าพี่แน่ ก็เชิญ แล้วจะได้รู้ ว่าฉันทำอะไรได้มากกว่าที่พี่คิด เตือนแล้วนะ” “เหอะ” อิงอรอารมณ์เสียเพราะคำพูดของพริมา แต่ไม่ใช่ในคำเตือน เธอหันกลับมามองหน้าน้องสาวแล้วส่งสายตาฟาดฟันกัน ก่อนจะสะบัดหน้าหนีเดินออกจากห้องไป .......... ตัวอย่าง 2 “เสียดายจัง ยังไม่ทันได้มองหุ่นเขาเลย พี่พีก็เอามือมาปิดตาพริมซะก่อน เสียดายจริงๆ” “เสียดายทำไม! อยากดูก็มาดูหุ่นพี่นี่ พี่หุ่นดีกว่ามันตั้งเยอะ” ชายหนุ่มพูดเสียงเขียว พริมายู่หน้าตอบ “มันไม่เหมือนกันนี่คะ ของพี่พีพริมได้ดูทุกวัน แต่ของคนอื่นพริมแค่อยากมองเฉย ๆ” เธอยังคงลอยหน้าลอยตาพูดต่อ ทั้งยังไม่วายเจื้อยแจ้วไปถึงบรรดาหุ่นไอดอลชายหรือศิลปินที่เธอชื่นชอบจนรพีพัฒน์ใบหน้าเขียวคล้ำเพราะความหึงหวง มองเธอด้วยสายตาคาดโทษ
เมื่อความสัมพันธ์มาถึงจุดเปลี่ยน... เปลี่ยนจาก ‘คนรัก’ กลายเป็น ‘คนอื่น’ จากคนอื่นเป็น ‘คนใจร้าย...’ กว่าจะรู้ตัวว่ารักมากแค่ไหน ก็เกือบสูญเสียคนสำคัญของหัวใจไปแล้ว ………. ตัวอย่าง “ขอโทษนะครับที่ทำร้ายเขมแบบนั้น พี่รู้ว่าพี่ผิด และเขมคงไม่ให้อภัยพี่ง่าย ๆ แต่พี่อยากบอกให้เขมรู้ ว่าพี่รู้สึกผิด และเสียใจกับสิ่งที่พี่ทำลงไป” “...” “พี่ขอโทษนะครับ คือพี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นกับเขมนะ พี่แค่โกรธและโมโหมากไปหน่อย” เขมิกายกยิ้มพลางหัวเราะหยันในลำคอ รู้สึกโกรธคนตรงหน้าจนไม่อยากมองหน้าต้องมองเขาด้วยหางตาแทน “ไม่ได้ตั้งใจ... นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจนะคะ ถ้าคุณตั้งใจขึ้นมามันจะขนาดไหน” “เขมคือพี่” “ช่างเถอะค่ะ เอาเป็นว่าหลังจากนี้ไปนอกจากเรื่องงาน ระหว่างฉันกับคุณไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก เข้าใจตรงกันนะคะ” นี่เขาทำอะไรลงไป... ถ้าเขาลดอคติลง ฟังเธอสักนิด วันนี้เขาคงไม่ต้องทำร้ายเธอจนทำให้เธอหวาดกลัวเขาแบบนั้น ไม่ต้องเห็นสายตาตัดพ้อต่อว่า ไม่ต้องเห็นสายตาว่างเปล่าของเธอ... หากว่าเขาขอโอกาสกับเธออีกสักครั้ง เธอจะยินยอมมอบมันให้เขาหรือเปล่า?..
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"