ตายด้วยเงื้อมมือของเพื่อนร่วมสาขา เนเน่ เนตรนภา จึงทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบหนาวที่ป่วยตาย นามเซี่ยซูเหยา มีบิดา พี่สาว พี่ชายที่เป็นห่วงนางมากกว่าสิ่งใด
หญิงสาวถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย ทุก ๆ ครั้งที่มหาวิทยาลัยมีโครงงานศึกษาดูงาน เนเน่จะเป็นตัวเลือกคนแรกที่ถูกอาจารย์ที่ปรึกษาเรียกเข้าพบ แม้เธอจะไม่ต้องการก็ตาม
ลำพังแค่ใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยจนขึ้นปีสองคนเดียวก็ยากแล้ว เพื่อนในสาขาที่เรียนด้วยกันยังเหมือนจะไม่ชอบเธออีก เเธอจึงชอบตัดปัญหาโดยการไม่สุงสิงกับใคร
“นะ เนตรนภา เธอก็รู้ว่ายังไงถ้าไม่อ้างอิงตามคะแนนของรายวิชา เธอก็ผ่านไปได้อยู่แล้ว”
เนตรนภาคือชื่อจริงของเนเน่ เธอเรียกว่าเป็นตัวท็อปอันดับต้น ๆ ของสาขาเลยก็ว่าได้
อีกอย่างก็เป็นเด็กกิจกรรมที่เข้าร่วมไม่เคยขาดจนเป็นที่เอ็นดูของเหล่าอาจารย์ ครั้งนี้มหาวิทยาลัยสามารถพานิสิตไปศึกษางานเกี่ยวกับอดีตและยุคสมัยได้ถึงสิบคน ที่ไม่รวมกับอาจารย์ที่ปรึกษาของรายวิชาและอาจารย์อีกสองท่าน อาจารย์กมลนิลจึงเรียกเธอเข้ามาพูดคุย
“อีกตั้งหลายวันจะมีการทำงานกลุ่มน่าจะเป็นงานสุดท้ายที่ตัดสินหรือเปล่าคะ? หนูขอกลับไปถามครอบครัวก่อนเพราะประเทศจีนต้องเดินทางไกล ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก หนูกลัวว่าที่บ้านจะไม่อนุญาตค่ะ”
“ได้ ๆ”
เพราะสามารถพาไปได้หลายคนเหล่าอาจารย์จึงปรึกษากันว่าคะแนนเก็บใครเยอะสุดคนนั้นจะได้ไป แต่ถ้าไม่ต้องการที่จะไปก็สละสิทธิ์ให้คนอื่นได้
ถึงต้องนับคะแนนเก็บแต่เนเน่ก็เป็นตัวเลือกที่เหล่าอาจารย์จะพาไปต่อให้คะแนนน้อย
ครอบครัวของเนเน่มีเชื้อสายคนจีนที่รักลูกชายมากกว่าลูกสาว และเนเน่ก็เกือบจะไม่ได้ต่อในระดับมหาวิทยาลัยเหมือนกัน หากไม่ใช่เพราะพี่ชายกับน้องชายต่อรองกับอาป๊าและหม่าม้าให้
ครอบครัวของเธอมีร้านอาหารที่ไม่ใหญ่แต่ก็ไม่ได้เล็ก เพราะอาป๊ากับหม่าม้าสามารถทำงานส่งเฮียนราเรียนจบถึงปริญญาโท ตอนนี้กำลังหาเงินต่อปริญญาเอกเอง น้องชายคนเล็กก็ขึ้นปีหนึ่งในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเธอ
และส่งเธอเรียนในระดับปริญญาตรี นอกจากค่าเทอมแล้วยังต้องให้เธอใช้ต่อเดือนอีก เดือนละเป็นหมื่น
แต่ถึงท่านทั้งสองจะรักลูกชายมากกว่าลูกสาวอย่างที่หลาย ๆ บ้านเป็น แต่ทั้งสองก็ไม่ได้บังคับเนเน่เรียนในสิ่งที่ไม่ชอบ อยากเรียนก็เรียนไปแต่ถ้าเรียนจบปริญญาตรีก็คงไม่ส่งเรียนต่อแล้ว
“ม้าคะ หนูกลับมาแล้วค่ะ”
เนเน่ส่งเสียงบอกหม่าม้าที่นั่งเล่นอยู่กลางบ้าน หม่าม้าของเธออายุจะหกสิบแล้วเลยหยุดทำงานในร้าน ให้ลูกจ้างทำงานแทน ส่วนอาป๊าก็อายุเท่ากันแต่ชอบไปนั่งดูร้าน
“กลับมาแล้วรึอาเนเน่ ตี๋เล็กล่ะ กลับมาพร้อมลื้อหรือเปล่า”
หญิงสาวถอนหายใจออกมา ที่บ้านก็แบบนี้แหละ ถ้าเฮียนราอยู่บ้านไม่ออกไปอยู่คอนโด หม่าม้าก็จะถามหาเฮียกับตี๋เล็ก
“ไม่ค่ะม้า ตี๋เล็กคงอยู่กับเพื่อน”
“เหรอ”
“งั้นเน่เอาของขึ้นไปเก็บก่อนนะคะ”
“อือ”
มหาวิทยาลัยกับบ้านห่างกันเป็นสิบ ๆ กิโลเมตร สมัยที่เฮียนรายังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยก็เรียนที่เดียวกับเธอ และอาป๊ากับหม่าม้าก็เช่าคอนโดให้อยู่ใกล้ ๆ มหาวิทยาลัย โดยให้เหตุผลว่าจะได้ไปเรียนสะดวก ตี๋เล็กก็เหมือนกัน ยกเว้นเธอที่ต้องไปกลับระหว่างบ้านและมหาวิทยาลัย ทั้งที่ได้เงินเดือนน้อยกว่าพี่ชายกับน้องชายเกือบเท่าตัว
“เอาละ นิสิตสามารถเดินดูได้แต่อย่าไปไกลมาก อาจารย์ขอคุยกับคนดูแลที่นี่ก่อน ไม่ก็ขึ้นไปรอบนรถ” อาจารย์กมลนิลเอ่ยบอกหลังพากันเดินดูภายในหมู่บ้านเก่าแก่
อาจารย์กมลนิลกลัวว่าเธอจะไม่ได้มาด้วยเลยติดต่อไปหาอาป๊าว่าต้องการที่จะพาเธอไป อาป๊าก็เลยอนุญาต แต่ถึงจะไม่ติดต่อมาหาเนเน่ก็มีสิทธิ์ที่จะไปอยู่แล้ว เพราะเธอมีคะแนนรวมติดท็อปหนึ่งในสามของสาขา
นี่เป็นวันที่สองที่เธอได้เข้ามาศึกษาที่นี่ เนเน่รู้สึกได้ว่าเธอชอบที่นี่มาก ภายในหมู่บ้านเป็นหมู่บ้านร้างไม่มีคนอาศัยอยู่ แต่ถูกดูแลทำความสะอาดทุกเดือน เป็นหนึ่งในที่สถานที่ที่หลายมหาวิทยาลัยเลือกเป็นโครงงานศึกษางาน
ถึงเพื่อนร่วมสาขาจะมีท่าทีว่าไม่ชอบเธอแต่เนเน่ก็ทำอะไรไม่ได้ ใครใช้ให้เธอมีคะแนนเก็บที่มากกว่าคนอื่นล่ะ กว่าจะพยายามได้ขนาดนี้ไม่ใช่ง่ายเลย
ตอนนี้มันใกล้มืดแล้วพรุ่งนี้เช้าพวกเธอก็ต้องกลับไปยังมหาวิทยาลัย และไม่ใช่ว่ามาศึกษางานเปล่า ๆ ใครที่มาในครั้งนี้ต้องเขียนรายงาน และบอกเล่ารายละเอียดของที่นี่ส่งให้อาจารย์ประจำคณะ ใครที่อธิบายให้เข้าใจได้ง่ายก็มีโอกาสได้ไปศึกษางานหน้า
“เนเน่”
เสียงเรียกชื่อของเธอทำให้เนเน่ต้องหันไปมอง เป็นกลุ่มหญิงสาวที่สวยที่สุดในสาขาของพวกเธอ และกลุ่มนี้มีทั้งหมดสี่คน แต่มาโครงงานนี้แค่สามคนเพราะอีกคนคะแนนไม่ถึง
“ทอแสงมีอะไรหรือเปล่า”
ทอแสง แพรฝัน วาดหวาน และน้ำตาลเป็นกลุ่มนักศึกษาสาวที่มีหลายคนพูดถึง และเป็นกลุ่มหญิงสาวที่ติดท็อปความสวยของมหาวิทยาลัย เธอก็ไม่ค่อยได้คุยกับคนในกลุ่มนี้เท่าไร หรือบางทีเรียกได้ว่าไม่เคยคุยก็ว่าได้
“เธอรู้จักฉันด้วย?” ทอแสงชี้นิ้วใส่ตัวเองพร้อมตั้งคำถาม
“อืม” เนเน่พยักหน้า ก็คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนดังนี่ เธอจะไม่รู้จักก็ไม่แปลก อีกอย่างในสาขาของเธอก็มีไม่ถึงสามสิบคนด้วยซ้ำ
“อ๋อ พอดีอาจารย์ออดี้มีเรื่องจะคุยกับเธอ เราเลยอาสามาบอกให้ อาจารย์รออยู่ท้ายหมู่บ้านนะ”
“เหรอ แต่อาจารย์บอกว่าไม่ให้ไปไกลนี่” เนเน่ลังเล เธอไม่เห็นอาจารย์ออดี้อยู่บริเวณนี้มาสักพักแล้ว แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะไปหาเพราะอาจารย์ให้รออยู่ตรงนี้
“ไม่เชื่อเหรอ? ให้เราพาไปก็ได้นะ”
“ได้สิ”
เนเน่เดินตามหลังเพื่อนร่วมสาขาโดยที่ไม่เอะใจเลยว่าไม่มีแพรฝันกับวาดหวานที่ตัวติดกับทอแสงไปด้วย ทั้ง ๆ ที่ทั้งสามเดินมาด้วยกัน เธอรู้แค่ว่าอาจารย์เรียกก็เท่านั้น
“กรี๊ดดดดด”
เสียงหัวเราะด้านนอกทำให้เนเน่สับสน เธอเรียกให้ทอแสงช่วยแต่กลับไม่ช่วยเธอ เมื่อกี้เธอหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้านเก่าหลังหนึ่งแล้วอยู่ ๆ ก็เหมือนกับมีคนผลักเข้ามา
ปัง! ปัง!
“ช่วยด้วย!”
แม้จะเป็นบ้านที่เก่าแก่แต่ไม่รู้ว่าทำไมประตูบ้านถึงแข็งมากขนาดนี้ ทั้งที่มันควรจะพังลงเพราะเธอเขย่ามัน เนเน่น้ำตาไหลนองใบหน้า
เธอเป็นคนที่กลัวความมืดมาก ข้างนอกก็เริ่มจะมืดแล้ว แต่ที่นี่มันห่างจากที่เธอมาไกลพอสมควร ภาวนาให้มีคนมาช่วยก่อนที่จะมืด
เฮือก!
“ฮ่า ฮ่า”
ทอแสงหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี พอถึงห้องพัก ทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมสาขา หรือแม้แต่อาจารย์ก็ไม่เอะใจถามหายัยเฉิ่มนั่น
“โง่มากอะ” วาดหวานพูดเสริม
เหตุการณ์ก่อนหน้าก็เป็นเธอนั่นแหละที่ผลักยัยเฉิ่มนั่นเข้าบ้านร้างไป ช่วยไม่ได้ที่ใครให้หล่อนมีคะแนนที่สูงจนทำให้เพื่อนอีกคนของเธอไม่ได้มาด้วยกันล่ะ
“จริง เป็นลูกรักอาจารย์ แต่โง่มาก ฮ่า ฮ่า” แพรฝันหัวเราะตาม
อุตส่าห์นัดกันไว้แล้วว่าจะไปเดินชอปปิงกันที่นี่ แต่ยัยโง่นี่กลับทำให้น้ำตาลเพื่อนสนิทในกลุ่มอีกคนของพวกเธอมาด้วยไม่ได้
“แต่มันจะไม่มีปัญหาแน่นะ” แพรฝันกังวล
เธอกับกลุ่มเพื่อนก็แค่ต้องการแกล้งยัยเฉิ่มที่ทำให้เพื่อนของเธออีกคนไม่ได้มาด้วย พรุ่งนี้อาจารย์ก็คงจะเอะใจกลับไปถามหา
“ไม่มีหรอก ถ้ามันบอกว่าเราแกล้ง ใครจะไปเชื่ออะ คนก็ไม่มี ไม่มีใครเห็น อีกอย่างในมหาลัยเราก็ไม่เคยไปคุยกับมัน” ทอแสงไม่มีความกังวลใด ๆ
“ใช่”
“ไปอาบน้ำไป ฉันจะออกไปข้างนอก”
“เออ”
“ยัยน้ำตาลมันกรี๊ดมาอีกแล้ว รำคาญมาก”
“ก็คนเอาแต่ใจ”
เช้าวันใหม่ทุกคนต้องวุ่นวายตั้งแต่เช้าเพราะเพื่อนร่วมห้องของเนเน่แจ้งอาจารย์ว่าเนเน่ไม่ได้กลับมาตั้งแต่เมื่อคืน ที่ไม่ได้แจ้งตั้งแต่เมื่อคืนเพราะคิดว่าเนเน่จะกลับไปหาญาติ แต่เธอเพิ่งจำได้ว่าโทรศัพท์ของเนเน่ฝากไว้กับเธอก่อนที่เนเน่จะหายไป
“ได้ยังไง เพื่อนหายไปทำไมไม่มีใครบอก”
อาจารย์ทั้งสามคนรู้สึกเครียดมากเพราะนับดูแล้วเวลาที่นิสิตหายไปก็เกือบสิบชั่วโมง อีกทั้งยังเป็นนิสิตที่อาจารย์รับปากผู้ปกครองว่าจะดูแลเป็นอย่างดี
“ไม่รู้จริง ๆ ค่ะ เมื่อวานหนูเหนื่อยมาก พอมาถึงห้องก็รีบอาบน้ำแล้วพักเลย”
จะโทษนิสิตก็ไม่ถูกเพราะเมื่อวานเหนื่อยกันมากจริง ๆ ไหนจะกลับวันนี้อีก ทุกคนเลยไม่ใส่ใจเพื่อนร่วมสาขา
“เดี๋ยวอาจารย์จะไปประสานงานกับผู้ดูแลหมู่บ้านก่อน เราก็ไปรวมกับเพื่อนไป แล้วบอกเพื่อนว่าอาจกลับช้า”
“ได้ค่ะ”
หมิงหมิงเพื่อนร่วมห้องของเนเน่ถอนหายใจออกมาหลังจากแจ้งอาจารย์เสร็จ เป็นความไม่รอบคอบของเธอจริง ๆ ที่ไม่ดูเพื่อน เธอจำได้ว่าเนเน่ฝากของไว้กับเธอเพราะอยากเข้าห้องน้ำ จากนั้นก็ไปช่วยอาจารย์ถือของ เมื่อคืนก็คิดว่าไปกับญาติไหนจะเหนื่อยอีก แต่ตอนเช้าพอคิดดูแล้วเธอคิดว่ามันไม่ใช่
“เป็นอะไรหมิงหมิง ทำหน้าเครียดมาแต่ไกลเลย” เพื่อนสนิทของเธอถามด้วยความเป็นห่วง
“เนเน่อะ เมื่อคืนไม่ได้กลับห้อง แกเห็นไหม”
หมิงหมิงเป็นเด็กกิจกรรมและเด็กที่ติดท็อปสาขาไม่ต่างจากเนเน่ ทั้งสองเข้าร่วมแทบจะทุกกิจกรรมเลยสนิทกันไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้เป็นเพื่อนร่วมกลุ่มกัน มีบ้างที่ชวนกันไปกินข้าว
“อ้าว แต่ไม่เห็นกลับด้วยกันตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ” ใยไหมตอบด้วยความงง
“เหรอ”
“ฉันบอกแล้วยัยเฉิ่มมันโง่ เพื่อนก็ไม่มี จะมาทำไมก็ไม่รู้” วาดหวานหัวเราะอย่างอารมณ์ดีหลังหัวหน้าสาขาพูดกับเพื่อนสนิท ทั้งสามคนยืนอยู่ด้านหลังจึงไม่แปลกที่จะได้ยินสิ่งที่พูด
“เออ หงุดหงิดว่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะมันยัยน้ำตาลมันก็ไม่ต้องมากรี๊ดใส่เราหรอก”
“จริง หายไปจากโลกได้ก็ดี”
“ฮ่า ฮ่า”
เสียงหัวเราะจากกลุ่มสามสาวเรียกรอยยิ้มจากคนรอบข้างได้ไม่ยาก ทั้งสามคนสวยมาก ยิ่งหัวเราะก็ยิ่งสดใส แต่ทุกคนคงไม่รู้ว่าสิ่งที่ทั้งสามทำ มันทำลายชีวิตของหญิงสาวอีกคน
“ไม่จริง!”
“จริง ๆ ผมได้ยินอาจารย์แกพูดอยู่”
“เมื่อวานก่อนจะกลับเนเน่ก็ยังดี ๆ อยู่เลยนะ”
“มีอะไรกันเหรอคะ” วาดหวานเดินเข้าไปหากลุ่มคนที่โวยวายกันอยู่ จริง ๆ ก็เป็นกลุ่มคนในสาขาแหละ
“ยัยเนเน่ตายแล้ว”
“ฮ้า!”
“ไม่น่าเชื่อใช่ไหมละ เมื่อวานเรายังยืนอยู่ด้วยกันอยู่เลย”
หากมีคนสังเกตคงจะเห็นอาการหวาดกลัวของสามสาวที่เดินเข้ามาใหม่ แต่ทุกคนกำลังสนใจสิ่งที่รับรู้มามากกว่า
หลังจากได้รับข่าวร้ายจากอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยของลูกสาว ผู้เป็นพ่อแม่ พี่ชายและน้องชายก็ตรงมาที่โรงพยาบาลเพื่อยืนยันตัวตนของเนเน่
“อาเนเน่!”
หม่าม้าของเนเน่กรีดร้องเมื่อเห็นร่างของลูกสาวที่นอนแน่นิ่งอยู่ ต่อให้ไม่ได้รักเท่าลูกชายแต่ก็เลี้ยงมาจนเติบโต ผู้เป็นแม่มีหรือที่จะรับไหว
“ฮือ ฮือ ๆ ไหนลื้อบอกจะมากลับหาม้าไง!”
เสียงกรีดร้องของผู้เป็นแม่ทำให้นรากำมือแน่น เขาไม่เชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญ เนเน่ไม่ชอบความมืด จากเหตุการณ์ที่ทางคณะอาจารย์บอกเล่ามาน้องสาวของเขาต้องรีบกลับมาหาเพื่อนแล้วหากไปเข้าห้องน้ำจริง
[เฮียผมส่งคนไปดูกล้องวงจรปิดที่นั่นแล้วนะ! มันไม่ค่อยชัดเพราะกล้องอยู่นอกหมู่บ้าน น้องสาวเฮียเดินตามผู้หญิงคนหนึ่งไปแต่ไม่ใช่เพื่อนที่เห็นเนเน่คนสุดท้ายนะ จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็กลับมาพร้อมเพื่อนอีกสองคนที่มาตามเนเน่ แน่นอนว่าไม่มีน้องสาวเฮีย แล้วทุกคนก็ขึ้นรถกลับห้องพักทั้งหมดเลย]
เสียงปลายสายตอบกลับมาพร้อมส่งคลิปวิดีโอที่ได้รับมาให้ นรายืนอยู่หลังโรงพักเพราะต้องสอบสวนคดีของน้องสาว เขาเปิดคลิปขึ้นมาดู ผู้หญิงคนนั้น! อีกทั้งสีหน้าเมื่อเดินกลับมายังสนุกกันอยู่เลย
แพรฝัน? ทอแสง? วาดหวาน?
ทำไมก่อนหน้านี้ตำรวจทั้งของประเทศจีนและของประเทศเขาถึงสรุปว่าเป็นเพราะน้องสาวของเขาประมาท จึงทำให้ถึงแก่ความตาย ทั้ง ๆ ที่มันเป็นการฆาตกรรม!
[ดูเหมือนว่าทั้งสามคนจะเป็นลูกคนมีอำนาจนะ เฮียให้ผมจัดการให้เลยไหม ยังไงเนเน่ก็น้องสาวผมคนหนึ่ง]
“อืม ฝากด้วยนะมึง”
[ครับ]
เพจมหาวิทยาลัย
[ ‘ข่าวด่วน! รีบดูก่อนคลิปโดนลบ นักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังบินไปศึกษางานที่ต่างประเทศ แต่มีนักศึกษาหญิงเสียชีวิต ตำรวจสรุปคดีว่าเป็นการประมาท แต่ประมาทจริง ๆ เหรอ ดูคลิปเพิ่มเติม…’ ]
ข่าววงใน
[ ‘ตอนนี้เพจมหาวิทยาลัยโดนดึงนะคะ อย่าเพิ่งกล่าวหาระวังโดนแจ้งข้อหาเด้อ’ ]
มิตรไมตรี ตอบกลับโพสต์ ข่าววงใน : คลิปจริง ๆ ใช่ไหมคะ
นิลินคนสวย ตอบกลับโพสต์ ข่าววงใน : ฉันว่าไม่ใช่หรอกนะ! กลุ่มนี้นางฟ้าประจำมหาวิทยาลัยเลยนะ
Pupu : คลิปจริง ๆ ครับ ไม่ได้ตัดต่อ
กลุ่มนางฟ้าประจำมหาวิทยาลัย ทอแสง แพรฝัน วาดหวานนั่งเล่นที่โต๊ะประจำพร้อมน้ำตาล เพื่อนสาวสนิทอีกคนของกลุ่ม แต่อยู่ ๆ ทั้งหมดก็รู้สึกว่ามีคนชี้นิ้วมาที่โต๊ะ ทั้งยังถ่ายรูปเต็มไปหมด
“เกิดอะไรขึ้น!” แพรฝันถามอย่างตกใจ
“นั่นสิ” ลำพังเรื่องของยัยเฉิ่มเพิ่งจบลงไปพวกเธอก็ยังไม่หายหวาดกลัว อยู่ ๆ ก็มีคนมาถ่ายรูปทั้งยังซุบซิบเต็มไปหมด
(ประกาศ ประกาศ ขอพบ นางสาวแพรฝัน ฟรินศา นางสาวทอแสง รวินนิภา และนางสาววาดหวาน วราภรณ์ที่ห้องประชุมด้วยค่ะ รีบมาตอนนี้เลยนะคะ อาจารย์รออยู่ประกาศ ประกาศ…)
สิ้นเสียงประกาศหญิงสาวทั้งสามแสดงอาการหวาดกลัวอย่างห้ามไม่อยู่ ทำให้น้ำตาลเพื่อนสาวอีกคนต้องร้องถามด้วยความสงสัย
“มีอะไรกันเหรอ”
“ไม่มีอะไรหรอก แกนั่งรออยู่ที่นี่นะ! ฉันจะไปเข้าห้องน้ำก่อน” ทอแสงเอ่ยออกมาอย่างเร่งรีบ อีกทั้งมือก็ยังกวาดเครื่องสำอางใส่กระเป๋า
“ใช่ ๆ! ฉันไปด้วย”
“ฉันไปด้วยสิ!”
“จะไปไหนกันเหรอครับคนสวย หึ ๆ”
นราเดินเข้ามาขวางกลุ่มหญิงสาวทั้งสี่คนพร้อมรอยยิ้มที่ทำเอาหญิงสาวทั้งสามหวาดกลัว ด้านหลังมีตำรวจตามมาอีกห้านาย กว่าเขาจะรวบรวมหลักฐานและหาคนต่อกรกับฐานอำนาจด้านหลังคนกลุ่มนี้ได้ก็หลายวัน
“คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ พอดีฉันจะไปเข้าห้องน้ำค่ะ หลีกทางให้ด้วยค่ะ” แพรฝันรีบกล่าว
“ไม่ต้องไปไหนกันทั้งนั้นครับ! ร่วมมือกันฆ่าคนตาย ทั้งยังปกปิดหลักฐานมีความผิดนะรู้ไหม”
นราเหยียดยิ้ม ฆ่าคนตายแล้วยังมาเสวยสุขกันได้ แต่ชีวิตน้องสาวเขาล่ะ อีกทั้งหม่าม้าของเขายังทำใจเรื่องน้องสาวยังไม่ได้เลย
“มะ…ไม่”
“กรี๊ดดดดด”
“ยะ…ยัย วาดเป็นคนทำ! จับมันสิ จับมันไปเลย!”
“กรี๊ดดด อีแพร!”’
หญิงสาวทั้งสามคนกรีดร้องออกมาเมื่อถูกควบคุมตัว พ่อของพวกเธอจัดการหมดแล้วไม่ใช่เหรอ! ยิ่งกลัวกันมากเท่าไร ทั้งสามก็แฉเพื่อนออกมาเป็นหลักฐานมัดตัว
‘ถึงเฮียจะไม่ค่อยแสดงความรักแต่เฮียก็รักหนูนะอาเน่ เฮียจัดการกับพวกที่ทำหนูให้แล้วนะ หลับให้สบายนะน้องสาวคนสวยของเฮีย’
ชีวิตของลิลลี่เป็นชีวิตที่ใครหลาย ๆ คนใฝ่ฝันอยาจะเป็นแบบเธอ แต่คนอื่นไม่เคยรู้เลยว่ามันโดดเดี่ยวมากแค่ไหน เกิดในตระกูลหมื่นล้านครอบครัวค่อย ๆ จากไปทีละคน อายุเพียงยี่สิบอาชายผู้ที่เป็นญาติผู้ใหญ่คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ดวลจากไป ลิลลี่ ลลิลิล จึงกลายเป็นทายามเพียงคนเดียวของตระกูล มีแล้วอย่างไรสุดท้ายคนเราต้องจากไป มีเงินหมื่นล้านยื้อชีวิตใครไม่ได้สักคน ลิลลี่ในวัยยี่สิบปีเธอรู้ว่าธุรกิจของตระกูลไม่อาจสานต่อได้ ขายหุ้นให้คนอื่นรอรับเพียงเงินปันผลก็เพียงพอ ยี่สิบสามเรียนจบปริญญาตรีด้านแฟชั่นก่อนเรียนต่อปริญาเอก ปริญญาโท ในปีที่สามสิบของชีวิตลิลลี่ประสบความสำเร็จในด้านดีไซเนอร์ เป็นดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียง ยังไม่ทันได้ใช้ชีวิตหลังเรียนจบก็เสียชีวิตจากความเครียดที่สะสมมาตลอด คิดว่าหลังความตายคงจะถูกบรรพบุรุษสาปแช่งที่ดูแลตระกูลไม่ได้ ใครจะรู้ว่าลืมตาแล้วจะมาอยู่ในร่างของคนอื่น วันที่เจ็ดเดือนมกราคมปี 1980 ลิลลี่ตื่นขึ้นในในร่างของลูกสาวคนโตของบ้านฉิน ฉินเสี่ยวหราน มีน้องสาวหนึ่งคน พ่อเป็นทหารหารเพิ่งได้รับเลื่อนขั้นเป้นพันตรี แม่เป็นหญิงในชนบท ฉินเสี่ยวหรานเป็นนักเรียนมัธยมปลายชั้นปีสุดท้าย ส่วนฉินเสี่ยวหลิงเป็นนักเรียนมัธยมต้นชั้นปีสุดท้ายที่จะขึ้นมัธยมปลาย
แป้งร่ำสาวใหญ่วัยสี่สิบ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยงานจนกระทั่งเพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีใครเคียงข้าง หลังจากทบทวนชีวิตดีแล้วจึงยื่นขอลาออกจากบริษัท และนับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยน ระบบเส็งเคร็งนี่คืออะไร!
เป็นเพียงขยะไร้ค่าของตระกูลจะสู้หลานชายสุดที่รักของคุณปู่ได้อย่างไร ติณณ์เดินออกจากตระกูลไปยังประเทศเกรย์ดัชตามคำบอกเล่าของเพื่อนสาว แต่เข้าประเทศเขาวันแรกดันปากดีใส่องค์รัชทายาทจนโดนหมายหัว
แป้งร่ำสาวใหญ่วัยสี่สิบ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยงานจนกระทั่งเพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีใครเคียงข้าง หลังจากทบทวนชีวิตดีแล้วจึงยื่นขอลาออกจากบริษัท และนับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยน ระบบเส็งเคร็งนี่คืออะไร! .
ซุนลี่เป็นหนึ่งเกรียงไกร แผ่นดินยิ่งยงไพศาล ใต้หล้าสยบชั่วกาล ว่านอี้ครองราชย์...ประชาร่มเย็น ว่านอี้ครองราชย์...ประชาร่มเย็น คำนี้มีความจริงเจือจางอยู่กี่มากน้อยกันแน่? เรื่องเหล่านี้คงเป็นเพียงบทเรียนในวังหลังที่จารึกให้คนท่องจำ ไปอย่างสูญเปล่า เพราะสำหรับตัวนางแล้ว คำกล่าวนี้ดูห่างไกลความจริง จนสุดหล้าทีเดียว
อดีตที่ยากจน แม่เลี้ยงสามีที่เอาเปรียบบ้านใหญ่ บ้านรอง ของพวกเธอต้องชดใช้!
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???