“ของขวัญในวัน ‘หย่า’ ค่ะคุณสงคราม” เธอส่งยื่นที่ทดสอบการตั้งครรภ์ให้สามีที่เป็นอดีตสามีอยู่ข้างตน สงครามขมวดคิ้วมองสิ่งที่แสนรักส่งมาให้ตนเองก่อนจะรับมันมา พอเห็นว่ามันคือที่ทดสอบการตั้งครรภ์ เขาก็โกรธมาก “เธอหลอกให้ฉัน ‘หย่า’ งั้นเหรอแสนรัก” เขากำที่ทดสอบการตั้งครรภ์แน่นด้วยความโกรธ อีกมือกำใบหย่าแน่นจนมันยับจะขาดคามือ “เป็นคุณสงครามที่ต้องการเองต่างหากค่ะ ขอตัวนะคะ ฉันจะแวะหาเพื่อนก่อนถึงจะกลับไปเก็บของที่บ้านของคุณค่ะ” ตอนนี้ใบหน้าของแสนรักไร้ความรู้สึกและการที่เธอมีสีหน้าไร้ความรู้สึกนี่แหละทำให้สงครามคว้าข้อมือเล็กกระชากดึงไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่ “กลับไปคุยกันที่บ้านเรื่อง ‘ลูก’ และเรื่อง ‘หย่า’ วันนี้ถือว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นก็แล้วกัน” แม้จะเซ็นใบหย่าไปแล้ว แต่เขาไม่มีทางปล่อยแสนรักที่อุ้มท้องลูกเขาออกไปจากกรงของเขาแน่นอน “ปล่อยฉันนะคุณสงคราม! ปล่อยฉัน! ช่วยด้วยค่ะ ช่วยฉันด้วยค่ะ” แสนรักตะโกนร้องขอความช่วยเหลือคนที่เดินผ่านตนเองและเขา ทุกคนก็มองมาทางตนเอง แต่สงครามก็ตะโกนบอกคนที่จะเข้ามาช่วยไปว่า “เรื่องของผัวเมีย อย่ายุ่ง!” แล้วทุกคนก็หยุดเท้าที่จะเดินมาหาทั้งสองโดยอัตโนมัติ
แขกเหรื่อมาเต็ม เจ้าสาวก็แต่งตัวพร้อมแล้ว และอีกไม่ถึงยี่สิบนาทีก็จะได้ฤกษ์เข้าพิธี แต่เจ้าบ่าวก็ยังไม่โผล่มาในงาน ทำให้คนเป็นแม่กังวลกลัวว่าลูกชายจะหนีงานแต่งงานในครั้งนี้ เพราะงานแต่งงานถูกจัดขึ้นโดยที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวไม่ได้เต็มใจเข้าพิธีด้วยกันทั้งคู่ แต่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายพึงพอใจให้เกิดงานนี้ขึ้น
“คุณ...ทำไมสงครามยังไม่มาอีก?” นางดึงแขนสามีที่กำลังเดินผ่านเข้ามาคุยพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
“ลูกอาจจะติดผ่าตัดก็ได้คุณกิ่ง” เจ้าสัวชนะบอกพร้อมกับตบหลังมือภรรยาให้คลายความกังวล
“ให้มันจริงเถอะเจ้าสัว ถ้าสงครามไม่มาจะทำยังไง แขกก็เต็มงาน มีแต่แขกสำคัญทั้งนั้น ถึงเราจะจัดงานแต่งกันแบบส่วนตัวไม่ได้เชิญนักข่าวมาทำข่าว แต่ทุกคนก็ล้วนเป็นคนใหญ่คนโตมีหน้ามีตาในวงสังคมทั้งนั้น และพ่อกับแม่ของหนูแสนก็ใช่ใครอื่นที่ไหน ฉันจะเป็นลมพูดแล้วก็” แล้วนางก็ยกมือขึ้นก่ายหน้าผากเอนซบไหล่สามีที่ตัวสูงของตนเอง
“คิดมากน่าคุณกิ่ง เดี๋ยวลูกก็มาหรอกน่า สงครามมันอายุไม่น้อยแล้ว มันรู้ว่าอะไรควรไม่ควร อีกอย่างมันก็รับปากเองว่าจะแต่งงานให้เรา” เจ้าสัวบอกภรรยาพร้อมตวัดแขนอีกข้างตวัดโอบกอดปลอบประโลมใจภรรยาไม่ให้คิดมาก
“ไม่ให้คิดมากได้ยังไง ก็เพราะว่าอายุมากเนี่ยแหละ เราถึงได้บังคับให้ลูกแต่งงานกับหนูแสน” นางเอนตัวผละจากอ้อมแขนของสามีมายืนเอง
“คุณกิ่งก็รู้ ถ้าสงครามพูดอะไรออกมาแล้วจะรับผิดชอบคำพูดของตัวเองเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกันคุณกิ่ง เชื่อเถอะว่าสงครามไม่ทำให้เราขายหน้าแน่นอน” แล้วเจ้าสัวก็โอบประคองภรรยายอดดวงใจตัวเองเข้าไปในงานเพื่อต้อนรับแขกที่มาร่วมงาน
ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาในบ้านด้วยชุดสูทสีดำเหมือนที่แต่งไปทำงานทุกวัน บ้านที่ตอนนี้เป็นสถานที่จัดงานแต่งงาน แน่นอนงานมงคลสมรสในวันนี้คืองานของเขาเอง เขารับบทเจ้าบ่าว แม้จะไม่เต็มใจ เมื่อเป็นคำสั่งของพ่อกับแม่ เขาจึงยอม และที่ยอมเพราะเขาจะไม่ยอมให้หุ้นของบริษัททั้งหมดตกไปเป็นของครอบครัวธนโชติแน่นอน เขาไม่เข้าใจ ทำไมพ่อถึงได้ทำพันธะสัญญากับคุณอาสาม เพื่อนรุ่นน้องที่สนิทกันว่าให้ลูกชายและลูกสาวแต่งงานกันเมื่อโตขึ้น หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา หุ้นของบริษัทจะถูกโอนไปเป็นของอีกหนึ่งครอบครัวโดยอัตโนมัติ แน่นอนว่าเขาทำงานหนักขนาดนี้จะยอมให้มันถูกโอนไปให้ใครอื่นงั้นเหรอ ไม่มีทาง และก็รู้ดีว่าเจ้าสาวของเขาในวันนี้ก็คงไม่ต่างจากเขา ยอมจำนนฝืนใจเข้าพิธีกับตน เพราะหุ้นของบริษัทเช่นกัน
สงคราม ส่งบุญธรรม วัย 40 ปีย่าง 41 ปี ทายาทเพียงคนเดียวของเจ้าสัวชนะกับคุณนายกิ่งเพชร เขามีหลากหลายหน้าที่ในแต่ละวัน ชายหนุ่มเป็นประสาทศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาล และยังเป็นอาจารย์ ซึ่งหน้าที่หลักคือบริหารกิจการอุตสาหกรรมการบินของครอบครัว ใช่...เขามีแค่คนเดียว ทำไมทำงานเยอะมากมายขนาดนี้ ไม่ว่าหน้าที่ไหน เขาก็ทำได้ดีไม่มีขาดตกบกพร่องสักงาน ทุกงานที่ผ่านมือของสงครามจะเพอร์เฟคทุกงาน
“สวัสดีครับ”
เขายกมือไหว้แขกผู้ใหญ่ที่ตนรู้จักขณะเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของบ้านที่จัดทำพิธี
“ทำไมมาช้าแบบนี้สงคราม” กิ่งเพชรเดินมาหาลูกชายพร้อมกับถาม
“ผมติดผ่าตัดน่ะครับ พอออกจากห้องผ่าตัด ผมก็รีบเปลี่ยนชุดมาที่บ้านทันที” เขาบอกผู้เป็นแม่
“ไปเปลี่ยนชุดก่อนไหมสงคราม” กิ่งเพชรมองชุดของลูกชาย
“ถ้าเปลี่ยนชุดจะเสียฤกษ์ดีได้นะครับแม่กิ่ง”
สงครามก้มโน้มหน้าลงกระซิบให้คุณแม่ของตัวเองได้ยิน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วส่งยิ้มให้แขกในงานที่มองมาและส่งยิ้มมาให้ตนเอง ก่อนจะเดินตามแม่ไปนั่งรอเจ้าสาวที่จะมาเข้าพิธีให้เสร็จสมบูรณ์ในครั้งนี้ จะว่าไปเขาเองก็ยังไม่เคยเจอเจ้าสาวสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่จะได้เจอหญิงสาวและเจอในพิธีแต่งงาน แน่นอนเขาไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะหน้าตาเป็นยังไงและอายุเท่าไหร่ รู้แต่ว่าเขาต้องแต่งรักษาหุ้นของบริษัทตัวเองไว้เท่านั้น เรื่องอื่นช่างมัน!
แสนรัก ธนโชติ หรือแสน สาวน้อยวัย 22 ปี ที่เพิ่งเรียนจบเศรษฐศาสตร์มายังไม่ทันได้รับปริญญาก็ต้องมาเข้าพิธีแต่งงาน ยังไม่ได้เริ่มทำงานตามที่ใฝ่ฝันก็ต้องมาเป็นเจ้าสาวในวันนี้ แน่นอนว่าเธอยังไม่พร้อม แต่เมื่อพ่อกับแม่บอกว่าเจ้าบ่าวคือ ‘สงคราม’ พี่ชายใจดีตอนเด็กที่แบ่งขนมให้ตนทานเมื่อครั้งตอนอายุแปดขวบ เธอก็ยินดีจะเป็นเจ้าสาวในวันนี้ แม้ว่าจะไม่ได้เจอเขานานแล้ว แต่เธอก็จำใบหน้าหล่อของชายหนุ่มได้ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะจำเธอได้รึเปล่า แต่เธอจำได้ไม่เคยลืม และนั่นคือรักแรกและรักเดียวของเธอมาตลอดจนถึงตอนนี้
ร่างเล็กเพรียวระหงเดินเข้ามาในงานพิธีวิวาห์ของตนเองในชุดไทยสีครีม ข้างๆ มีพ่อกับแม่เดินมาด้วย พอเข้ามาถึงในงาน เธอมองไปยังเจ้าบ่าวที่นั่งรอตนเอง เขาทำไมไม่ใส่ชุดไทยเหมือนเธอล่ะ เขาทำไมใส่ชุดสูทสบายๆ แบบนั้น และพอเดินมานั่งลงข้างเจ้าบ่าวที่ไม่แม้แต่จะชายตามองตัวเอง แต่หารู้ไม่ว่าสงครามนั้นใช้หางตาเหลือบมองใบหน้าสวยหวานจิ้มลิ้มของเธอตลอด
‘ก็งั้นๆ’ นายแพทย์หนุ่มพึมพำในใจ เมื่อตอนนี้ได้ฤกษ์ทำพิธีแล้ว ส่วนเรื่องชุดของเขา พ่อกับแม่ของเขาก็ได้อธิบายกับพ่อและแม่เจ้าสาวแทนเขาเพื่อไม่ให้ทั้งสองท่านนึกเคืองโกรธตัวเอง
งานแต่งงานผ่านไปอย่างราบรื่น เจ้าบ่าวมาทันเข้าพิธี ตอนนี้เจ้าบ่าวเจ้าสาวทั้งสองกำลังนั่งหันหลังให้กันบนเตียงนอนนุ่มหลังจากผู้ใหญ่พากันออกไปจากห้อง แสนรักไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงดี ส่วนเจ้าบ่าวป้ายแดงอย่างนายแพทย์หนุ่มสงครามก็ได้แต่นั่งนิ่งเงียบ หน้าเคร่งขรึมเหมือนตอนเข้าพิธีกัน ใบหน้าของเขานิ่งขรึมไร้ความรู้สึกแบบนี้ตลอดเวลา
“ฉันแต่งงานกับเธอเพราะความจำเป็นที่เลี่ยงไม่ได้ หวังว่าเธอจะเข้าใจที่ฉันพูดแสนรัก” สงครามเอ่ยทำลายความเงียบพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตนเอง
คำพูดของเจ้าบ่าวที่ตอนนี้เลื่อนสถานะมาเป็นสามีถูกต้องตามกฎหมายของตนเองทำให้แสนรักต้องหมุนเอี้ยวตัวหันมามองทางต้นเสียงพร้อมขมวดคิ้วเป็นปมสงสัยในคำพูดของชายหนุ่มอย่างใสซื่อ
สีหน้าและหัวคิ้วที่ขมวดเป็นปมชนกันของหญิงสาวทำให้สงครามเม้มปากแน่น หล่อนกำลังแสร้งทำเป็นใสซื่อในสิ่งที่เขาพูด
“ยังไงคะ?” แสนรักถามสามีตีทะเบียนของตนเองอย่างไม่เข้าใจ และยิ่งสีหน้าของเขาในตอนนี้แสดงความไม่พอใจในตัวเธอออกมาชัดเจน แม้จะเป็นคนอ่อนต่อโลก ไร้เดียงสา แต่เธอก็มองคนออกว่าใครชอบตนและไม่ชอบตน สายตาเย็นชาของสงครามทำให้หัวใจของสาวน้อยหนาวเหน็บอย่างบอกไม่ถูก ทำไมไม่เหมือนเมื่อครั้งที่ตอนเธอรู้จัก เหมือนไม่ใช่พี่ชายคนนั้น คนตรงหน้าเหมือนกับเป็นคนละคนที่เธอเคยเจอในตอนอายุแปดขวบ
เกือบหนึ่งพันปีที่เฝ้ามอบถวายชีวิตของตัวเองคอยรับใช้นายท่านนาสูร และเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกอนาคตตัวเอง เขากลับเคว้งคว้างเดินไม่ถูก และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อโชคชะตาส่งเด็กน้อยตัวเล็กอายุไม่กี่เดือนมาให้เขาได้ดูแล ‘เดหลี’ เขาดูแลเด็กน้อยไม่ต่างจากลูก แม้จะรู้ดีว่าอนาคตเด็กคนนี้จะเปลี่ยนชีวิตของตัวเอง ‘พาที’ นั่งใช้ความคิดอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่นของบ้านที่ตนเองและเดหลีอาศัยอยู่ด้วยกัน เพลานี้เด็กน้อยอายุเจ็ดขวบ เผลอแป๊บเดียวจากเด็กน้อยงอแงเอาแต่ใจ นอนตัวแดงแบเบาะ ตอนนี้รู้ความและขี้อ้อนมาก “คุณพาทีคะ คุณพาทีคะ” “หืม! เด็กน้อย” คนถูกเรียกหันมาหาเจ้าของเสียงเล็กสดใสของหนูน้อยวัยเจ็ดขวบ “แต่งงานคืออะไรคะ?” หนูน้อยเกาะแขนของผู้เปรียบเสมือนพ่อของตนเอง “คือคนสองคนรักกัน แล้วก็แต่งงานกัน เดี๋ยวโตขึ้นเดหลีก็จะเข้าใจเอง” พาทีลูบหัวหนูน้อยหน้ากลมที่แนบแขนตัวเองและกำลังแหงนเงยหน้าขึ้นมองจ้องหน้าตัวเอง เหมือนเขาที่กำลังก้มมองหน้ากลมๆ อ้วนๆ ของหนูน้อย “งั้นโตขึ้นเดหลีจะแต่งงาน และคุณพาทีต้องแต่งงานกับเดหลีด้วยนะคะ” “แต่งงานน่ะแต่งได้ แต่กับฉันไม่ได้เดหลี” “ทำไมไม่ได้คะ เดหลีรักคุณพาที ถ้าไม่แต่งกับคุณพาทีจะให้หนูแต่งกับใครคะ” หนูน้อยเจ็ดขวบตอบอย่างฉะฉาน ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจความหมายของคำว่า ‘รัก’ และ ‘แต่งงาน’ “โตขึ้นเธอจะรู้เองเดหลี ตอนนี้ได้เวลานอนแล้วนะ ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวฉันเอานมร้อนไปให้ดื่มก่อนนอนนะ” “อุ้มค่ะ” หนูน้อยยอมผละแขนสั้นๆ ที่กอดแขนใหญ่ออกมากางให้อีกฝ่ายอุ้มตัวเองกลับห้องนอน พาทียกยิ้มเอ็นดูท่าทางของหนูน้อยแล้วก็ช้อนอุ้มเด็กน้อยขึ้นแนบอกแล้วลุกขึ้นจากโซฟาพาเดินกลับห้องนอนด้วยเวลานี้ดึกมากแล้ว
“อ่ะ...อื้อ” เธอเบิกตากว้างในความมืดสลัวเมื่อรู้ว่าตอนนี้ตัวเองถูกคุกคามยามดึก “ชูว์! ฉันเองเด็กน้อย” เขายกมือมาปิดปากเธอพร้อมบอกให้รู้ว่าคือเขา “คุณนาสูร” “ใช่ ฉันเอง ก็บอกแล้วไงว่าเจอกัน” “ฟ้าอยู่” “เธอไม่ตื่นหรอก” เขาบอกตอบกลับ “แต่ไม่ได้นะคะ เราจะ...” “ทำไมจะไม่ได้ ก็ฉันหิวมาหลายวันแล้วน้อง เธอก็รู้ว่าฉันต้องการเธอมากแค่ไหน” เขารีบบอกสวนกลับโดยที่เธอยังพูดไม่สุดประโยคความ “พรุ่งนี้ฟ้าก็กลับแล้ว” เธอบอกพร้อมดันเขาไปนอนข้างๆ ตัวเองที่ยังมีพื้นที่ว่างอยู่ “ไม่มีพรุ่งนี้ทั้งนั้น ฉันต้องการวันนี้เด็กน้อย ขอเถอะนะ เพื่อนเธอไม่มีทางตื่นถ้าฉันไม่สั่งให้ตื่น เรามามีความสุขกันเถอะนะ ฉันรู้ว่าเธอเองก็โหยหาฉัน” มือใหญ่สอดเข้าไปในใต้ผ้าห่มแล้วบีบเคล้นเต้าของเธอ “อ่ะ...อื้อ คะ...คุณนาสูร ยะ...อย่าทำแบบนี้ค่ะ น้องอาย ถึงฟ้าจะไม่ตื่น แต่ฟ้าก็นอนอยู่ข้างๆ นะคะ” พึ่บ! แล้วผ้าห่มที่เธอแบ่งกันกับเพื่อนห่มนั้นก็ถูกถลกดึงรั้งขึ้นไปคลุมหัวของฟ้าใสทันที --- สวัสดีนักอ่านทุกคนค่ะ ณิการ์ขอฝากรูปเล่มนิยายเรื่อง “นาสูร” ภายใต้นามปากกา “ยักษ์” ด้วยนะคะ เป็นเรื่องราวของยักษ์ที่มาอายุนับพันกว่าปีกับมนุษย์สาวคนหนึ่ง แน่นอนว่าเป็นนิยายแฟนตาซีอีโรติกค่ะเรื่องนี้ “นาสูร” เป็นยักษ์ที่หิวกามมาก กินดุมาก เขาไม่สนใจเนื้อเท่ากับลีลารักบนเตียง และ “พุดซ้อน” ก็สนองตัณหาของเขาได้ดีทีเดียว แล้วเขาทั้งสองจะรักกันได้ยังไง เมื่อทั้งสองต่างแตกต่างกัน มาลุ้นไปกับความรักของยักษ์และมนุษย์ด้วยกันนะคะ
เรื่อง “มังกรกัณฐ์” นามปากกา “ยักษ์” ภาคต่อ “นาสูร” ด้วยนะคะ นิยายชุดนี้จะมี 3 เรื่องนะคะ นาสูร(อีบุ๊กพร้อมโหลด),มังกรกัณฐ์(อีบุ๊กพร้อมโหลด) และกลืนกิน(กำลังเขียน) วันนี้ฝากเรื่อง “มังกรกัณฐ์” ด้วยนะคะ เป็นเรื่องของลุกชายพ่อนาสูรมาลุ้นไปกับความรักความหื่นและความเอาแต่ใจของหนุ่มลูกครึ่งยักษ์กันนะคะ
“ไอ้พร้อม ไอ้ห่า มึงมันหยาบเกินคน มึงไม่เป็นลูกผู้ชาย” “ก่อนจะว่าแบบนั้น มึงดูเอ็นกูยัง มึงดูเอ็นกูแข็งร้อนขนาดนี้ มึงยังปากดีว่ากูไม่เป็นลูกผู้ชายอีกเหรอ”
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคนสองคนไม่เคยเจอกัน ไม่เคยรู้จักกัน แต่ต้องมาแต่งงานกัน แน่นอนว่าการคลุมถุงชนครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะคนแก่ทั้งสองที่ให้คำมั่นสัญญากัน พวกเขาที่เป็นหลานจึงจำต้องแต่งงานกัน "น่านน้ำ" หนุ่มเจ้าของไร่กาแฟ กับสาวมั่น "พิมพ์มาดา" ที่ต้องมาเจอกัน ทั้งสองไม่ใช่คนที่จะเชื่อฟังใครง่ายๆ ต่างคนต่างดื้อ และการคลุมถุงชนครั้งนี้จะต้องไม่เกิดขึ้น แล้วเรื่องราววุ่นวายจึงเกิดขึ้น หนี....ใช่ต้องหนีเท่านั้น....แต่หนีไปไงมาไงมา "รัก" กันได้ไง ที่สำคัญหนีไปหนีมามาเจอพ่อคน "เซ็กส์จัด" ใช่ค่ะว่าที่เจ้าบ่าวของเธอเซ็กส์จัดจนต้องยอมแพ้....และเธอก็ชอบความหื่น ห่าม ถ่อย ของคนที่ชังหน้าแบบไม่รู้ตัว......และน่านน้ำก็หลงเจ้าสาวจอมดื้อแบบไม่ตั้งใจรักเช่นกัน...... ------------ “นายทำบ้าอะไรของนาย” “ลงโทษเมีย” น้ำคำห้วนๆ ตอบกลับทันควัน พร้อมกับจ้องหน้าสวยที่ตอนนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจในตัวเขาอยู่ในที แล้วเรื่องอะไรเขาต้องสนใจสายตาเกลียดชังที่หล่อนส่งมาให้ด้วยเล่า ในเมื่อพิมพ์มาดาเป็นของเขาและต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นายน่าน” เธอสั่งเสียงแข็งไม่ยอมเช่นกัน พร้อมดิ้นหนีจากแรงกดของบุรุษที่คร่อมเหนือตัวเองอยู่ในตอนนี้ เขาบังคับให้เธอพิงไปกับพนักโซฟาและตัวเขาก็คร่อมกักร่างเธอไว้ โดยมีสองมือใหญ่กดหัวไหล่เธอให้อิงพิงไปกับพนักเก้าอี้ สองมือทุบตีไปกับหน้าอกแกร่งแต่เหมือนกับว่าทุบกำแพงหินผาเจ็บมือเสียแรงเปล่า “ทำไมฉันต้องปล่อยด้วย เธอคิดยังไงถึงไปคบกับไอ้ปลัดธนูนั่นทั้งๆ ที่มีฉันเป็นผัวทั้งคน หรือฉันคนเดียวไม่พอฮึดา” โน้มหน้าลงไปเอ่ยข้างหูเธอพร้อมกับกัดดึงหูเธอแรงๆ ด้วยความโมโห “โอ๊ย! ฉันเจ็บนะไอ้ซาดิสม์!” “ก็กัดให้เจ็บ ถ้าไม่เจ็บจะกัดทำไมวะ บอกฉันมาไปถึงไหนต่อไหนกับมันแล้ว” เงียบ! ปากช่างเจรจาของสาวจอมพยศเม้มแน่นไม่ปริปากตอบเมื่อเขาถาม และนั่นยิ่งกระตุ้นไฟโทสะในอกของน่านน้ำไปใหญ่ “ฉันถามเธออยู่ทำไมไม่ตอบ” เขากระชากเสียงถามเธอดังกว่าเดิม และครั้งนี้ก็บีบหัวไหล่ของเธอที่กดไปกับพนักโซฟาด้วย “เจ็บนะเว้ย! นายมันบ้าไปแล้วนายน่าน นายมันคนซาดิสม์ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันเจ็บ” ทุบตีแขนของเขาให้นำพามือที่บีบหัวไหล่ตัวเองออก ตอนนี้ดวงตาสวยสดใสได้อาบล้นไปด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บปวด เมื่อเขาไม่ยอมปล่อยมือจากหัวไหล่แต่เขากลับทำตรงกันข้ามคือบีบแรงกว่าเดิม “ฉันไม่ใจอ่อนกับน้ำตาของผู้หญิงอย่างเธอหรอกนะดา อย่ามาบีบน้ำตาปัญญาอ่อนต่อหน้าฉัน” น้ำเสียงเฉียบขาดเอ่ยขึ้นพร้อมกับผละมือข้างขวามาบีบคางเล็กของเธอให้แหงนเงยเชิดหน้าขึ้นสบตาตนเอง แล้วเขาก็โน้มลงไปบดขยี้ปากอวบอิ่มสีระเรื่อที่เม้มแน่นของหล่อนจริงๆ ในเมื่อไม่ยอมพูดไม่ยอมตอบเขาก็ไม่คิดจะสนใจแล้ว เพราะตอนนี้สิ่งที่ต้องการคือการทำให้พิมพ์มาดาจำ จำว่าร่างกายของหล่อนคือของเขา นายน่านน้ำไม่ใช่ของใครอื่นที่ไหน ผู้ชายหน้าไหนก็ห้ามแตะ เพราะเนี่ยคือสมบัติของเขา ถ้าเขาไม่ยกให้ใครหน้าไหนก็ห้ามพาหล่อนหนี “อ่ะ อื้อ.....
เขาเป็นหมอที่มีรักเดียวมาตลอดหลายสิบปี แอบเฝ้ามองน้องน้อยตั้งแต่แรกเกิด ส่วนน้องน้อยก็หาได้รักเขาแบบชู้สาวไม่ สำหรับจงกลนีแล้วเขาคืออาจารย์หมอหน้านิ่งหน้าเดียว ไร้อารมณ์ทางสีหน้า แม้แต่ยิ้มเขาก็ยิ้มไม่เป็น แต่ก็ตกใจเมื่อเขายิ้มให้ตัวเองคนเดียว จะบ้าเหรอเขาเป็นอาจารย์ของเธอ และเธอกก็เคารพเขามาตลอด จะให้รักได้ยังไงกัน ++++++ “เอ้า...ปากกา เซ็นเอกสารแล้วค่อยนอนต่อก็ได้” “ค่ะ” เธอรับปากกาที่เขายื่นให้พร้อมกับเซ็นชื่อตรงที่เขาชี้มือ “เรียบร้อย ตอนนี้เธอเป็นเมียฉันแล้วนะ” “ยังไงคะ?” ถามทั้งๆ ที่นั่งหลับ “ก็เราจดทะเบียนสมรส..
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"