“คุณมันปีศาจ” ปากว่าเขาแต่มือเล็กกลับเคลื่อนมาประคองหน้าหล่อของหนุ่มต่างชาติตาสีเขียวมรกตที่ทอประกายแสงจ้องมองมายังตนเอง เธอชอบดวงตาคู่นี้ ไม่รู้ทำไมถึงชอบ มองทั้งๆ ที่เมื่อคืนมันออกจะน่ากลัว แต่ตอนนี้ดวงตาของเขาทำให้หัวใจดวงเล็กของสาวน้อยเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ “อือ...ฉันเป็นปีศาจที่เธอแตะต้องได้เด็กน้อย อีกอย่างไปซื้อเตียงใหม่ด้วยนะ ขาฉันยาวกว่าเตียงของหนู ขอขนาดเท่าเดิมเนี่ยแหละ แต่ขอยาวหน่อย ฉันเป็นคนต่างชาติเลยตัวใหญ่ไปนิด” “ไม่นิดเลย คุณตัวใหญ่เหมือนยักษ์เลยต่างหาก” “แต่ฉันก็เข้าไปอยู่ในตัวหนูได้แล้วกันถึงจะใหญ่” “คนลามก” หล่อนเอียงหน้าเบือนหนีด้วยความเขินอาย “ลามกอะไร ฉันแค่พูดความจริง ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว ขอเอาอีกสักสองรอบก่อนจะไปทำงานนะเด็กน้อย อ่ะ...อื้อ” แล้วเขาก็แนบปากลงไปบดจูบปากน้อยที่กำลังจะตอบทันที.....
อือ…
ริมฝีปากหนาครางพร่าอยู่ในรถเมื่อได้กลิ่นสาบของสาวพรหมจรรย์ลอยเข้ามาในรถเตะปลายจมูกของเขา วันนี้เป็นคืนสิบห้าค่ำ คืนพระจันทร์เต็มดวง เป็นคืนที่ครึ่งคนครึ่งสัตว์อย่างเขาต้องผสมพันธุ์กับสาวพรหมจรรย์ และนี่ก็ผ่านพระจันทร์เต็มดวงมาหลายครั้งแล้ว เขาก็ยังหาผู้หญิงพรหมจรรย์ไม่เจอเลยสักคน
“หยุดรถดอม” เสียงเข้มสั่งให้บอดี้การ์ดหยุดรถเมื่อกลิ่นสาบสาวรุนแรงขึ้นจนเพิ่มกำหนัดในกายแข็งแรงกลางหว่างขาของเขาให้ปวดร้าวเหยียดตัวคับแน่นกางเกง
“ครับคุณนิก” ดอมหยุดรถทันที
“กลิ่นพรหมจรรย์” เขาเอ่ยพึมพำและก็ดังพอที่จะทำให้ดอมได้ยิน
“ครับนาย” ดอมรู้ว่าเจ้านายนั้นเป็นลูกครึ่ง และตระกูลของดอมก็รับใช้ตระกูลเปอตีมาตั้งแต่สมัยปู่ของชายหนุ่มแล้วและก็รู้ความลับของตระกูลนี้เป็นอย่างดี
“ฉันจะออกล่าเหยื่อ นายกลับไปรอที่บ้านพักได้”
เขาพูดจบก็เปิดประตูรถก้าวลงไปทันที โดมินิก เปอตี วัย 36 ปี เจ้าของธุรกิจน้ำหอมรายใหญ่ของฝรั่งเศส และเป็นชายในฝันของสาวๆ หลายๆ คน แต่ใครจะรู้ว่าภายใต้ความหล่อร้ายนั้นมีความเหนือธรรมชาติซุกซ่อนอยู่
แล้วรถยนต์คันหรูก็แล่นไปทันทีเมื่อเจ้านายลงจากรถเรียบร้อยแล้ว ดอมมองในกระจกมองหลังเห็นเจ้านายหายตัวไวๆ ไปในความมืดในยามดึก การมาเมืองไทยครั้งนี้ เขาและเจ้านายหนุ่มลงทุนเปิดตลาดที่ประเทศไทย ดอมมองเจ้านายหายไปในความมืดก็กระตุกยิ้มมุมปาก เมื่อเจ้าป่าอย่างโดมินิกออกล่า ซึ่งเขาไม่ได้เห็นนานแล้ว ปกติจะมีแต่เขาพาผู้หญิงมาสังเวยให้บนเตียง แต่หากเมื่อใดที่ได้กลิ่นสาบสาวพรหมจรรย์ เจ้านายของเขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้ เพราะเป็นวัยของการสืบพันธุ์
“หลับฝันดีนะลูกพ่อ” สง่าบอกฝันดีลูกสาวคนเดียวของตนเองเมื่อขึ้นมาส่งลูกสาวสุดที่รักเข้านอน
“ฝันดีเช่นกันค่ะพ่อหง่า”
น้ำเสียงหวานบอกฝันดีพ่อผู้ให้กำเนิดกลับเช่นกัน เอณิการ์ ผู้ดี หรือเอ วัย 19 ปี เด็กสาวอาศัยอยู่กับพ่อสองคน แม่ของเธอเพิ่งจะจากไปเมื่อปีที่แล้ว และเธอก็เป็นลูกสาวคนเดียวของนายสง่า เจ้าของร้านไอศกรีมในมหาวิทยาลัยที่เธอเรียนอยู่
เด็กสาวใบหน้าสวยหวาน ผิวขาวนวลอมชมพูต้องแสงของพระจันทร์ในค่ำคืนนี้ที่สาดส่องเข้ามาในห้อง หล่อนนั่งมองกระจกหน้าโต๊ะเครื่องแป้งแย้มยิ้มกับกระจกโดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้กำลังมีดวงตาสีเขียวมรกตจ้องมองอยู่ในความมืด
ฮืม!
กลิ่นสาบพรหมจรรย์กระตุ้นให้โดมินิกคำรามพร่าและเฝ้ารอจังหวะจะจู่โจมดวงหน้าหวานของเจ้าของห้องนอนสีชมพูหวานที่เขามาเกาะขอบหน้าต่างเฝ้ามองอยู่
“พรุ่งนี้ไม่มีเรียน ไปช่วยพ่อขายไอศกรีมดีกว่า”
เธอพึมพำกับตัวเองแล้วยื่นมือไปจิ้มกระจกบอกเงาตัวเองที่สะท้อนตรงหน้า เอณิการ์เรียนคณะศึกษาศาสตร์ วิชาภาษาไทย เด็กสาวฝันอยากเป็นแม่พิมพ์ของชาติ เธอจึงเลือกเรียนคณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาภาษาไทย บวกกับนิสัยที่รักการอ่าน และตอนนี้เธอก็เรียนอยู่ปีหนึ่ง กิจกรรมที่มหาวิทยาลัยเยอะ แต่ก็ไม่ทำให้เหนื่อยกลับสนุกด้วยซ้ำที่ได้ทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ ในมหาวิทยาลัย
ฮืม!
โดมินิกฮึ่มฮั่มอย่างอดทน สองมือกำแน่นเกาะขอบหน้าต่างห้องขนาดเล็กไว้อย่างใจเย็น แต่เหมือนว่าสัญชาตญาณสัตว์ในตัวของเขามันไม่ยอมเชื่อฟัง และทันทีที่ร่างเล็กอ้อนแอ้นลุกขึ้นปิดไฟเดินไปล้มตัวนอนบนเตียง เขาก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในความมืด แม้จะมืดแต่ดวงตาของสัตว์อย่างเขาก็มองเห็นทุกอย่างชัดเจน
ตุ้บ!
เสียงเหมือนมีอะไรดังกระทบพื้นทำให้เอณิการ์เพ่งมองในความมืดด้วยความตกใจ เพราะอยู่ๆ ก็มีเสียงกระแทกดังขึ้นใกล้ๆ แล้วเธอก็ต้องเบิกตากว้างดิ้นรนหาทางเอาตัวรอดในความมืดเมื่อมีอะไรสักอย่างปิดปากของเธอไว้
อือ!
คนที่ทนความกำหนัดของตัวเองไม่ไหวปลุกปล้ำร่างน้อยในความมืด กดร่างเล็กที่ดิ้นรนให้อยู่ใต้ร่าง เอามือหนาของตัวเองออกจากปากเล็กแล้วประกบปากหนาตัวเองบดจูบปิดเสียงร้องของคนตัวเล็กไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกนอกห้อง
“อือ...อ่า...”
เสียงครางอู้อี้ดังลอดออกมาจากริมฝีปากที่บดบี้ขยี้กันและสองมือใหญ่ก็รวบมือเล็กขึ้นตรึงไว้เหนือหัวเพียงมือเดียว ส่วนมืออีกข้างก็กอบกุมเต้าอวบอูมขนาดพอดีมือของตนเอง
“อ่า...หวาน”
โดมินิกผละปากร้อนรุ่มออกมาจากปากน้อยหวานละมุนที่บดขยี้จูบปลุกปล้ำมาไล้เลียริมฝีปากเล็กที่ตนบีบคางเล็กไว้เพื่อไม่ให้สาวน้อยใต้ร่างส่งเสียงร้องเรียกให้คนเข้ามาช่วย
“อือ...อื้อ” ร่างน้อยบิดดิ้นรนขัดขืนไปมาในความมืด และก็ตกใจกลัวกับไฟมุมมืดที่สะท้อนเข้ามาผ่านทางหน้าต่างของห้องกระทบกับดวงตาสีมรกตน่ากลัว
“อ่า...หอมเหลือเกิน กลิ่นเธอทำให้ฉันปวดร้าวสาวน้อย” ดวงตาสีมรกตจ้องมองใบหน้าสวยสั่นกลัวตนเองในความมืด แต่เขากลับมองเห็นมันชัดเจน
“อือ...อื้อ”
เอณิการ์ได้แต่ดิ้นรนไปมาพูดไม่ได้ เพราะมีมือของเขาบีบคางเล็กของเธอไว้
“อ่า...คืนนี้เธอต้องสังเวยร่างให้ฉันสาวน้อย อืม...”
มือใหญ่ข้างที่รวบตรึงมือเล็กทั้งสองไว้เหนือหัวก็เคลื่อนมาลูบไล้ลำคอระหง แล้วโน้มหน้าไปซุกปลายจมูกโด่งกับซอกคอระหงที่บิดเบี่ยงหนีไปมา ยิ่งคนตัวเล็กดิ้น เขายิ่งปวดร้าวต้องการ กลิ่นกายของเธอช่างหอมเย้ายั่วไม่เหมือนผู้หญิงที่เคยผ่านมาของเขา
“อือ...หอมเหลือเกิน อ่า...”
ลากไล้ปลายลิ้นสากกับซอกคอระหงแล้วมาขบเม้มติ่งหูเล็ก แล้วเคลื่อนมาบดจูบปากน้อยที่เคยบดจูบควานกินความหวานก่อนหน้าอีกครั้ง ปากหนาที่บดขยี้กับปากเล็กดูดเม้มเรียวลิ้นน้อยของอีกฝ่ายแม้อีกฝ่ายจะถอยร่นลิ้นหนี แต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถของโดมินิก
มือใหญ่ปล่อยมือที่บีบล็อกคางเล็กแล้วเคลื่อนมาลูบไล้เรือนกายเล็กของอีกฝ่าย ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาต้องร่วมรักกับเด็กตัวเท่านี้ แต่หล่อนหอมเย้ายั่วเหลือเกิน เขาปรารถนา และเด็กคนนี้นี่แหละที่จะเป็นคนขยายเผ่าพันธุ์ของเขา
“อ่า...อือ”
เสียงครางอู้อี้ดังลอดออกมาจากริมฝีปากที่บดขยี้กันและร่างเล็กก็ดิ้นไปมาใต้ร่างใหญ่โตไม่ยอมให้ความร่วมมือไปกับคนในความมืด แต่หารู้ไม่ว่ายิ่งดิ้นยิ่งเป็นการปลุกเร้าอารมณ์ของสัตว์ป่าในตัวของบุรุษเหนือร่าง
“อ่า...ไม่ไหวแล้ว ฉันอยากได้เธอแม่หนูน้อย อ่า...กลิ่นสาวของหล่อนช่างหอมเหลือเกิน อืม...” เขาครางพร่าด้วยภาษาไทยที่ชัดเจน เขามีแม่นมเป็นคนไทยจึงไม่แปลกที่จะพูดไทยได้ราวกับเป็นเจ้าของภาษา
“มะ...ไม่นะ คุณอย่าทำร้ายหนูเลย หนูกลัว คุณปีศาจ...” เมื่อปากเป็นอิสระ หล่อนก็อ้อนวอนขอร้องคนเหนือร่าง ยิ่งได้เห็นดวงตาสีมรกตทอประกายแสงก็ยิ่งกวาดกลัว
“ชูว์...เด็กน้อยของฉัน เธอถูกฉันเลือกแล้ว อีกอย่างกลิ่นตัวของหนูมันเชิญชวนฉันมาเองนะสาวน้อย” น้ำเสียงแหบพร่าเปล่งออกมาด้วยความยากลำบากแล้วนำมือใหญ่มาขยุ้มขยำสองเต้าเล็กกระเปาะพอดีมือของตนเองแล้วก็บีบเคล้นคลึงขยำเป็นจังหวะ
“อ่ะ...เจ็บ คุณอย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ อ่ะ...อือ” หล่อนดิ้นและจับมือใหญ่ที่ขยำหน้าอกของตนเอง ใบหน้าสวยชื้นเหงื่อและบิดเบี้ยวไปมาด้วยความเจ็บกับสัมผัสที่ไม่คุ้นชิน
“อ่า...หนูไม่เจ็บหรอก สาวน้อยของฉัน เธอจะเสียวมากกว่า เชื่อฉันถ้าไม่อยากตาย”
เขาขู่เสียงเข้มในท้ายประโยค แล้วดวงตาของเขาก็ทอแสงอีกครั้งจนเอณิการ์ไม่กล้าพูดอะไรและดิ้นรนขัดขืนอีก สาวน้อยสั่นกลัวอยู่ใต้ร่างใหญ่โตของบุรุษในความมืด แต่ตาของเขาช่างน่ากลัว ยิ่งได้สบจ้องยิ่งทำให้หนาวสั่นไปทั่วร่างเล็ก
“ว่าง่ายๆ แบบนี้ฉันชอบ ฉันไม่ชอบคนที่ไม่เชื่อฟังฉัน” มือใหญ่ลูบแก้มนวลเนียนและเขาก็รู้ว่าตอนนี้ดวงตากลมโตของหล่อนกำลังมีน้ำเอ่อล้นออกมา
“อือ...คุณอย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ คุณ...”
“ฉันแค่สอนให้หนูรู้จักความสุขเท่านั้นสาวน้อย เชื่อฉัน”
น้ำเสียงทุ้มแหบพร่าเปล่งออกมาหลอกล่อเด็กสาวใต้ร่าง แล้วเขาก็ผละร่างขึ้นมานั่งคร่อมหญิงสาวแล้วปลดเปลื้องเสื้อสูทราคาแพงของตัวเองออก และไม่นานท่อนบนของเขาก็เปลือยเปล่า
“คุณจะข่มขืนหนู” หล่อนถามเขาทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าเขากำลังจะทำอะไร
“อย่าใช้คำนั้นกับฉันเด็กน้อย เพราะฉันไม่เคยข่มขืนใคร และหนูก็จะสมยอมและชอบมัน เชื่อฉันเด็กน้อย” จับมือเล็กที่กำเกร็งแน่นข้างลำตัวมาทาบทับหน้าอกกำยำของตนเอง แล้วก็บังคับให้หล่อนคายมือที่กำแน่นออกมาลูบไล้หน้าอกแข็งแรงของตน
“ไม่...คุณเป็นปีศาจ ตาของคุณน่ากลัว มันส่องแสง คุณไม่ใช่คนใช่ไหมคะ คุณ...”
“ชูว์...อย่าพูดแบบนั้น ฉันพิเศษกว่ามนุษย์ธรรมดาทั่วไป”
เมื่อเขาอ้าปากกว้าง เขี้ยวคมของเขาก็งอกยาวออกมา ถ้าหากว่าเปิดไฟหรือกลางวัน เด็กน้อยใต้ร่างคงกรี๊ดสลบไปแล้ว เขาอยากกัดซอกคอของหล่อนเพื่อตีตราจองไว้ และก็เร็วเท่าความคิด เขาโน้มตัวลงไปซุกซอกคอระหงแล้วกัดงับเขี้ยวแหลมๆ เข้ากับซอกคอหอมหวานของเด็กสาว
“อ่ะ...เจ็บ!”
หล่อนอ้าปากกว้างตาค้างในความมืด สองมือก็คว้าไหล่หนากำแน่นเมื่อถูกเขี้ยวแหลมของคนเหนือร่างฝากฝังเข้ามาในซอกคอของตนเอง แม้จะมองไม่เห็นแต่ก็รับรู้ได้ว่าตอนนี้ตัวเองถูกกัดและก็เป็นแผลลึกด้วย กลิ่นคาวเลือดของเอณิการ์คละคลุ้งไปทั่วห้อง
“อ่า...เลือดของเธอหวานมากสาวน้อย ต่อไปนี้หนูเป็นของฉัน หนูต้องตั้งท้องลูกของฉัน ฉันเลือกเธอเด็กน้อย” ไม่รู้อะไรทำให้โดมินิกตัดสินใจเลือกสาวน้อยใต้ร่างเป็นแม่ของลูก แต่สัญชาตญาณบางอย่างสั่งให้เขาพูดและตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรและทำไมต้องเป็นเด็กสาวเอเชียร่างเล็กใต้ร่างคนนี้ด้วย
“หนูไม่เข้าใจ หนูต้องฝันแน่ๆ แต่ทำไมหนูเจ็บคอแบบนี้ หนูมีเลือดไหลด้วย” หล่อนปล่อยมือจากไหล่หนามากุมต้นคอที่รู้สึกเจ็บของตนเองก็รับรู้ได้ถึงความชื้นเหนียวของเลือดที่ซึมไหลออกมาจากแผลที่ซอกคอ
หึหึ...
“มันคงเป็นฝันที่เธอจะจำไปจนตายเลยแหละ เด็กน้อยของฉัน”
ความเจ็บปวดที่ซอกคอและดวงตาสีมรกตทอประกายแสงเรืองรองของคนเหนือร่างทำให้หล่อนไม่อาจเชื่อได้ว่ามันคือความจริง แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงว่าเธอฝัน เธอต้องฝันแน่ๆ เธอคงจะอ่านนิยายแฟนตาซีมากไปช่วงนี้
“หนูฝันแน่ๆ ”
หึหึ...
“ฝันก็ฝันสาวน้อย และตอนนี้ฉันก็ไม่อยากเสียเวลาแล้ว กลิ่นสาบพรหมจรรย์ของหนูทำให้ฉันปวดเอ็นเนื้อกลางร่างมาก” เขาไล้ปลายลิ้นเลียเลือดสาวบริสุทธิ์ที่เปรอะเปื้อนตามขอบปากและเขี้ยวของตนเอง ก่อนจะเก็บเขี้ยวที่งอกออกมาให้กลับเป็นปกติ
“มันคือฝัน ยังไงก็คือฝัน”
หนูน้อยบอกตัวเองแล้วก็ไม่ได้สนใจจะดิ้นรนขัดขืนเหมือนตอนแรก และใจสาวดวงน้อยวัยกระเตาะก็เต้นแรงผิดจังหวะเมื่อถูกถอดเสื้อผ้าออกจนตอนนี้เหลือแต่ร่างเปลือยและมีร่างใหญ่โตของบุรุษในความมืดคร่อมทับเหนือร่างและเขาก็เปลือยเหมือนเธอ จากตอนแรกเขายังมีกางเกงติดกาย แต่ตอนนี้เขาถอดออกหมดแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นไม่รู้อะไรแข็งๆ ดุนดันเบียดสีกับหน้าท้องแบนราบของเธอ
เกือบหนึ่งพันปีที่เฝ้ามอบถวายชีวิตของตัวเองคอยรับใช้นายท่านนาสูร และเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกอนาคตตัวเอง เขากลับเคว้งคว้างเดินไม่ถูก และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อโชคชะตาส่งเด็กน้อยตัวเล็กอายุไม่กี่เดือนมาให้เขาได้ดูแล ‘เดหลี’ เขาดูแลเด็กน้อยไม่ต่างจากลูก แม้จะรู้ดีว่าอนาคตเด็กคนนี้จะเปลี่ยนชีวิตของตัวเอง ‘พาที’ นั่งใช้ความคิดอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่นของบ้านที่ตนเองและเดหลีอาศัยอยู่ด้วยกัน เพลานี้เด็กน้อยอายุเจ็ดขวบ เผลอแป๊บเดียวจากเด็กน้อยงอแงเอาแต่ใจ นอนตัวแดงแบเบาะ ตอนนี้รู้ความและขี้อ้อนมาก “คุณพาทีคะ คุณพาทีคะ” “หืม! เด็กน้อย” คนถูกเรียกหันมาหาเจ้าของเสียงเล็กสดใสของหนูน้อยวัยเจ็ดขวบ “แต่งงานคืออะไรคะ?” หนูน้อยเกาะแขนของผู้เปรียบเสมือนพ่อของตนเอง “คือคนสองคนรักกัน แล้วก็แต่งงานกัน เดี๋ยวโตขึ้นเดหลีก็จะเข้าใจเอง” พาทีลูบหัวหนูน้อยหน้ากลมที่แนบแขนตัวเองและกำลังแหงนเงยหน้าขึ้นมองจ้องหน้าตัวเอง เหมือนเขาที่กำลังก้มมองหน้ากลมๆ อ้วนๆ ของหนูน้อย “งั้นโตขึ้นเดหลีจะแต่งงาน และคุณพาทีต้องแต่งงานกับเดหลีด้วยนะคะ” “แต่งงานน่ะแต่งได้ แต่กับฉันไม่ได้เดหลี” “ทำไมไม่ได้คะ เดหลีรักคุณพาที ถ้าไม่แต่งกับคุณพาทีจะให้หนูแต่งกับใครคะ” หนูน้อยเจ็ดขวบตอบอย่างฉะฉาน ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจความหมายของคำว่า ‘รัก’ และ ‘แต่งงาน’ “โตขึ้นเธอจะรู้เองเดหลี ตอนนี้ได้เวลานอนแล้วนะ ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวฉันเอานมร้อนไปให้ดื่มก่อนนอนนะ” “อุ้มค่ะ” หนูน้อยยอมผละแขนสั้นๆ ที่กอดแขนใหญ่ออกมากางให้อีกฝ่ายอุ้มตัวเองกลับห้องนอน พาทียกยิ้มเอ็นดูท่าทางของหนูน้อยแล้วก็ช้อนอุ้มเด็กน้อยขึ้นแนบอกแล้วลุกขึ้นจากโซฟาพาเดินกลับห้องนอนด้วยเวลานี้ดึกมากแล้ว
“อ่ะ...อื้อ” เธอเบิกตากว้างในความมืดสลัวเมื่อรู้ว่าตอนนี้ตัวเองถูกคุกคามยามดึก “ชูว์! ฉันเองเด็กน้อย” เขายกมือมาปิดปากเธอพร้อมบอกให้รู้ว่าคือเขา “คุณนาสูร” “ใช่ ฉันเอง ก็บอกแล้วไงว่าเจอกัน” “ฟ้าอยู่” “เธอไม่ตื่นหรอก” เขาบอกตอบกลับ “แต่ไม่ได้นะคะ เราจะ...” “ทำไมจะไม่ได้ ก็ฉันหิวมาหลายวันแล้วน้อง เธอก็รู้ว่าฉันต้องการเธอมากแค่ไหน” เขารีบบอกสวนกลับโดยที่เธอยังพูดไม่สุดประโยคความ “พรุ่งนี้ฟ้าก็กลับแล้ว” เธอบอกพร้อมดันเขาไปนอนข้างๆ ตัวเองที่ยังมีพื้นที่ว่างอยู่ “ไม่มีพรุ่งนี้ทั้งนั้น ฉันต้องการวันนี้เด็กน้อย ขอเถอะนะ เพื่อนเธอไม่มีทางตื่นถ้าฉันไม่สั่งให้ตื่น เรามามีความสุขกันเถอะนะ ฉันรู้ว่าเธอเองก็โหยหาฉัน” มือใหญ่สอดเข้าไปในใต้ผ้าห่มแล้วบีบเคล้นเต้าของเธอ “อ่ะ...อื้อ คะ...คุณนาสูร ยะ...อย่าทำแบบนี้ค่ะ น้องอาย ถึงฟ้าจะไม่ตื่น แต่ฟ้าก็นอนอยู่ข้างๆ นะคะ” พึ่บ! แล้วผ้าห่มที่เธอแบ่งกันกับเพื่อนห่มนั้นก็ถูกถลกดึงรั้งขึ้นไปคลุมหัวของฟ้าใสทันที --- สวัสดีนักอ่านทุกคนค่ะ ณิการ์ขอฝากรูปเล่มนิยายเรื่อง “นาสูร” ภายใต้นามปากกา “ยักษ์” ด้วยนะคะ เป็นเรื่องราวของยักษ์ที่มาอายุนับพันกว่าปีกับมนุษย์สาวคนหนึ่ง แน่นอนว่าเป็นนิยายแฟนตาซีอีโรติกค่ะเรื่องนี้ “นาสูร” เป็นยักษ์ที่หิวกามมาก กินดุมาก เขาไม่สนใจเนื้อเท่ากับลีลารักบนเตียง และ “พุดซ้อน” ก็สนองตัณหาของเขาได้ดีทีเดียว แล้วเขาทั้งสองจะรักกันได้ยังไง เมื่อทั้งสองต่างแตกต่างกัน มาลุ้นไปกับความรักของยักษ์และมนุษย์ด้วยกันนะคะ
เรื่อง “มังกรกัณฐ์” นามปากกา “ยักษ์” ภาคต่อ “นาสูร” ด้วยนะคะ นิยายชุดนี้จะมี 3 เรื่องนะคะ นาสูร(อีบุ๊กพร้อมโหลด),มังกรกัณฐ์(อีบุ๊กพร้อมโหลด) และกลืนกิน(กำลังเขียน) วันนี้ฝากเรื่อง “มังกรกัณฐ์” ด้วยนะคะ เป็นเรื่องของลุกชายพ่อนาสูรมาลุ้นไปกับความรักความหื่นและความเอาแต่ใจของหนุ่มลูกครึ่งยักษ์กันนะคะ
“ไอ้พร้อม ไอ้ห่า มึงมันหยาบเกินคน มึงไม่เป็นลูกผู้ชาย” “ก่อนจะว่าแบบนั้น มึงดูเอ็นกูยัง มึงดูเอ็นกูแข็งร้อนขนาดนี้ มึงยังปากดีว่ากูไม่เป็นลูกผู้ชายอีกเหรอ”
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคนสองคนไม่เคยเจอกัน ไม่เคยรู้จักกัน แต่ต้องมาแต่งงานกัน แน่นอนว่าการคลุมถุงชนครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะคนแก่ทั้งสองที่ให้คำมั่นสัญญากัน พวกเขาที่เป็นหลานจึงจำต้องแต่งงานกัน "น่านน้ำ" หนุ่มเจ้าของไร่กาแฟ กับสาวมั่น "พิมพ์มาดา" ที่ต้องมาเจอกัน ทั้งสองไม่ใช่คนที่จะเชื่อฟังใครง่ายๆ ต่างคนต่างดื้อ และการคลุมถุงชนครั้งนี้จะต้องไม่เกิดขึ้น แล้วเรื่องราววุ่นวายจึงเกิดขึ้น หนี....ใช่ต้องหนีเท่านั้น....แต่หนีไปไงมาไงมา "รัก" กันได้ไง ที่สำคัญหนีไปหนีมามาเจอพ่อคน "เซ็กส์จัด" ใช่ค่ะว่าที่เจ้าบ่าวของเธอเซ็กส์จัดจนต้องยอมแพ้....และเธอก็ชอบความหื่น ห่าม ถ่อย ของคนที่ชังหน้าแบบไม่รู้ตัว......และน่านน้ำก็หลงเจ้าสาวจอมดื้อแบบไม่ตั้งใจรักเช่นกัน...... ------------ “นายทำบ้าอะไรของนาย” “ลงโทษเมีย” น้ำคำห้วนๆ ตอบกลับทันควัน พร้อมกับจ้องหน้าสวยที่ตอนนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจในตัวเขาอยู่ในที แล้วเรื่องอะไรเขาต้องสนใจสายตาเกลียดชังที่หล่อนส่งมาให้ด้วยเล่า ในเมื่อพิมพ์มาดาเป็นของเขาและต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นายน่าน” เธอสั่งเสียงแข็งไม่ยอมเช่นกัน พร้อมดิ้นหนีจากแรงกดของบุรุษที่คร่อมเหนือตัวเองอยู่ในตอนนี้ เขาบังคับให้เธอพิงไปกับพนักโซฟาและตัวเขาก็คร่อมกักร่างเธอไว้ โดยมีสองมือใหญ่กดหัวไหล่เธอให้อิงพิงไปกับพนักเก้าอี้ สองมือทุบตีไปกับหน้าอกแกร่งแต่เหมือนกับว่าทุบกำแพงหินผาเจ็บมือเสียแรงเปล่า “ทำไมฉันต้องปล่อยด้วย เธอคิดยังไงถึงไปคบกับไอ้ปลัดธนูนั่นทั้งๆ ที่มีฉันเป็นผัวทั้งคน หรือฉันคนเดียวไม่พอฮึดา” โน้มหน้าลงไปเอ่ยข้างหูเธอพร้อมกับกัดดึงหูเธอแรงๆ ด้วยความโมโห “โอ๊ย! ฉันเจ็บนะไอ้ซาดิสม์!” “ก็กัดให้เจ็บ ถ้าไม่เจ็บจะกัดทำไมวะ บอกฉันมาไปถึงไหนต่อไหนกับมันแล้ว” เงียบ! ปากช่างเจรจาของสาวจอมพยศเม้มแน่นไม่ปริปากตอบเมื่อเขาถาม และนั่นยิ่งกระตุ้นไฟโทสะในอกของน่านน้ำไปใหญ่ “ฉันถามเธออยู่ทำไมไม่ตอบ” เขากระชากเสียงถามเธอดังกว่าเดิม และครั้งนี้ก็บีบหัวไหล่ของเธอที่กดไปกับพนักโซฟาด้วย “เจ็บนะเว้ย! นายมันบ้าไปแล้วนายน่าน นายมันคนซาดิสม์ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันเจ็บ” ทุบตีแขนของเขาให้นำพามือที่บีบหัวไหล่ตัวเองออก ตอนนี้ดวงตาสวยสดใสได้อาบล้นไปด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บปวด เมื่อเขาไม่ยอมปล่อยมือจากหัวไหล่แต่เขากลับทำตรงกันข้ามคือบีบแรงกว่าเดิม “ฉันไม่ใจอ่อนกับน้ำตาของผู้หญิงอย่างเธอหรอกนะดา อย่ามาบีบน้ำตาปัญญาอ่อนต่อหน้าฉัน” น้ำเสียงเฉียบขาดเอ่ยขึ้นพร้อมกับผละมือข้างขวามาบีบคางเล็กของเธอให้แหงนเงยเชิดหน้าขึ้นสบตาตนเอง แล้วเขาก็โน้มลงไปบดขยี้ปากอวบอิ่มสีระเรื่อที่เม้มแน่นของหล่อนจริงๆ ในเมื่อไม่ยอมพูดไม่ยอมตอบเขาก็ไม่คิดจะสนใจแล้ว เพราะตอนนี้สิ่งที่ต้องการคือการทำให้พิมพ์มาดาจำ จำว่าร่างกายของหล่อนคือของเขา นายน่านน้ำไม่ใช่ของใครอื่นที่ไหน ผู้ชายหน้าไหนก็ห้ามแตะ เพราะเนี่ยคือสมบัติของเขา ถ้าเขาไม่ยกให้ใครหน้าไหนก็ห้ามพาหล่อนหนี “อ่ะ อื้อ.....
เขาเป็นหมอที่มีรักเดียวมาตลอดหลายสิบปี แอบเฝ้ามองน้องน้อยตั้งแต่แรกเกิด ส่วนน้องน้อยก็หาได้รักเขาแบบชู้สาวไม่ สำหรับจงกลนีแล้วเขาคืออาจารย์หมอหน้านิ่งหน้าเดียว ไร้อารมณ์ทางสีหน้า แม้แต่ยิ้มเขาก็ยิ้มไม่เป็น แต่ก็ตกใจเมื่อเขายิ้มให้ตัวเองคนเดียว จะบ้าเหรอเขาเป็นอาจารย์ของเธอ และเธอกก็เคารพเขามาตลอด จะให้รักได้ยังไงกัน ++++++ “เอ้า...ปากกา เซ็นเอกสารแล้วค่อยนอนต่อก็ได้” “ค่ะ” เธอรับปากกาที่เขายื่นให้พร้อมกับเซ็นชื่อตรงที่เขาชี้มือ “เรียบร้อย ตอนนี้เธอเป็นเมียฉันแล้วนะ” “ยังไงคะ?” ถามทั้งๆ ที่นั่งหลับ “ก็เราจดทะเบียนสมรส..
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"