ท่านช่างใจดำยิ่งนัก ท่านกับข้าเปรียบดั่งเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ ข้าเชื่อว่าสักวันท่านจะกลับมาเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับข้า แต่ใยท่านจึงพาสตรีอื่นกลับมา แล้วถอนหมั้นข้าอย่างไร้เยื่อใย
บทนำ
หากจะกล่าวถึงคู่รักที่ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างอิจฉาและอยากประสบพบเจอกับคนรักที่ดีเช่นนี้บ้างสักครา ก็คงไม่พ้นจะต้องเอ่ยถึงบุตรสาวของท่านราชครูเหลียง เหลียงลู่จื้อ และอดีตคุณชายน้อยแห่งจวนหยุน หยุนหลิวเหว่ย แม้ท่านราชครูจะไม่ได้เอ่ยออกมาตรง ๆ และยังไม่ได้ทำพิธีหมั้นหมายอย่างเป็นทางการ นั่นก็คงเป็นเพราะฐานะของอดีตคุณชายน้อยแห่งจวนหยุนที่แม้จะเป็นบุตรของขุนนางใหญ่ แต่บิดามารดากลับต้องใช้ชีวิตของตนสังเวยการเมืองของราชวงศ์
การเปลี่ยนผ่านของราชบัลลังก์แต่ละครั้ง จะเลือกข้างก็ดีไม่เลือกข้างก็ช่างล้วนมีปัญหาทั้งหมดทั้งสิ้น ยิ่งอยู่ในตำแหน่งที่น่ากังวลและถูกเล่นงานได้ง่ายอย่างขุนนางขั้นสามรองเสนาบดีกรมพระคลังแล้ว สุดท้ายก็ต้องจากไปทั้งที่ไม่ได้ทำผิดอะไร
สิบวันสิบคืนที่ทุกคนในกรมพระคลังถูกทรมาน บ้างก็พิการ บ้างก็บาดเจ็บหนัก แต่รองเสนาบดีกรมพระคลังทนการทรมานไม่ไหวสุดท้ายก็สิ้นใจก่อนที่ความจริงจะเปิดเผย ว่าเขานั้นไม่ได้ร่วมทำความผิดอะไรแม้แต่นิด ทั้งหมดเป็นเพียงกลอุบายของคนที่ไม่ต้องการให้องค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์ก็เท่านั้น แต่คนก็สิ้นไปแล้วจะผิดหรือถูกก็คงไม่สนแล้วอีกทั้งฮูหยินตระกูลเจ้าผู้แต่งเข้ามาในตระกูลหยุนก็สิ้นใจหลังจากรู้ข่าวการจากไปของสามี ทิ้งบุตรชายเพียงคนเดียวเอาไว้
ราชครูซึ่งเคยเป็นสหายร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับใต้เท้าหยุนอยู่ประจำจึงรับบุตรชายคนเดียวของสหายมาเลี้ยงดู
แต่ถึงกระนั้นเจ้าตัวก็ยังเจียมตัวไม่ได้ทำตัวเสมอกับเจ้าของบ้าน มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่สายตาของหยุนหลิวเหว่ยบอกชัดว่าสนใจและต้องการนั่นก็คือยามที่เขามองคุณหนูของจวนเหลียง
แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่ทั้งสองก็ประพฤติตนในแบบที่ไม่สามารถจะหาคำติฉินได้ แต่เพราะบรรยากาศของทั้งคู่ที่ชาวเมืองต่างเห็นมาตั้งแต่ทั้งสองยังวัยเยาว์จวบจนปัจจุบัน ชีวิตของทั้งสองราวกับลำนำเลื่องชื่อในโบราณ เหมยเขียวม้าไม้ไผ่ ที่เอ่ยถึงคู่รักที่เป็นเพื่อนเล่นกันยามเด็กเอาไว้อย่างไร ก็คงไม่ต่างอะไรกับความรักของทั้งคู่ เด็กสาวชายหนุ่มหยอกล้อเล่นปาเหมยเขียว ขี่ม้าไม่ไผ่แวะทักทาย ช่างเป็นความรักที่ไร้เดียงสาชวนฝันยิ่งนัก
เพราะความเป็นจริงชีวิตมิได้งามเหมือนช่วงต้นลำนำ แต่กลับเหมือนช่วงท้ายเสียมากกว่า
“จะต้องไปจริง ๆ น่ะหรือ” ลู่จื้อเอ่ยถามคนที่นางรัก แม้คนทั่ว ๆ ไปจะเล่าลื่อเช่นไรไม่สำคัญ คนที่นางรักมีเพียงหลิวเหว่ย และเขาก็รักนาง
“หากไปแล้วได้ตำแหน่งที่ดีกลับมาเมื่อยามแต่งเจ้าจะได้ไม่มีใครกล้านินทาอย่างไรเล่า” ดวงตาคมเข้มมองคนที่เขารักหวานหยด ลู่จื้อก็เหมือนกับดอกไม้ที่งดงาม และหอม และหวาน ภมรเช่นเขาจะไปที่ใดได้
ไม่แปลกที่ทุกคนจะเห็นเขาติดตามหญิงสาวไปในทุก ๆ ที่ ไม่ว่าจะนอกหรือในจวน ที่ใดมีนางย่อมมีเขาไม่เคยห่าง
“อย่ากังวลไปเลยเสี่ยวจื้อข้าจะเขียนจดหมายหาเจ้าให้มากเท่าที่โอกาสจะอำนวย แม้จะลำบากไปบ้างแต่ชายแดนนั่นเหมาะสำหรับพิสูจน์ตนเองที่สุดแล้ว ท่านราชครูและฮูหยินจะได้ไม่ลำบากใจ”
ลู่จื้อฟังแล้วก็รู้สึกไม่ดี ต้องห่างกันไกล แม้จะเพื่อวันข้างหน้าแต่ก็อดกังวลไม่ได้
“จะไปเมื่อไรหรือ” หลิวเหว่ยเอื้อมมือไปจับนิ้วเรียวที่เนียนดั่งแท่งหยก
“เรียกรวมตัวหลังวันเทศกาลโคมไฟ” ลู่จื้อมิรู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ดีที่ได้เที่ยวงานเทศกาลกับอีกฝ่าย แต่อีกวันเจ้าตัวก็จะต้องเดินทางไปไกลเสียแล้ว
“อย่าเศร้าไปเลยนะ” หลิวเหว่ยเอ่ยบอกกับคนรักของตน
คนมีอายุมองภาพสองหนุ่มสาวพูดคุยกันอยู่กลางเรือนด้วยสีหน้ากังวล แม้จะไม่ได้รังเกียจหลิวเหว่ยแต่ก็มิได้เต็มใจมากนัก
“ท่านพี่ดูอะไรอยู่หรือเจ้าคะ” ฮูหยินหลี่ผู้แต่งเข้าตระกูลเหลียงชะโงกไปมองแล้วก็เห็นบุตรีของตนกับหลิวเหว่ยแล้วก็ถอนหายใจน้อย ๆ
“แม้หลิวเหว่ยจะเป็นคนดี แต่เพราะยามนั้นตระกูลหยุนไม่มีใครรับราชการต่อ จวนและสมบัติจึงถูกยึดไปบางส่วน ถ้าทั้งสองชอบพอกันข้าคิดว่า...”
“เอาไว้ให้เป็นเรื่องของวันข้างหน้า” ราชครูเหลียงเอ่ยบอกกับภรรยาตน จริงอยู่สมบัติถูกยึดไปบ้าง จวนถูกปิดเอาไว้ แต่ฮ่องเต้ก็มิได้รังแกถึงขนาดนั้น หากวันใดชายหนุ่มกลับมาเป็น เป็นขุนนางขั้นสูงได้อีกครั้งคิดว่าฝ่าบาทก็คงจะตกรางวัลให้อย่างงาม เพียงแต่ระหว่างนั้นคงต้องเสี่ยงชีวิตมาก เพราะเจ้าตัวเลือกจะเป็นทหาร เป็นทหารประจำในเมืองหลวงย่อมมิสู้ไปพิสูจน์ตนที่ชายแดนห่างไกลสร้างผลงานกลับมา
คนเป็นพ่อได้แต่คิดกังวลแทนบุตรสาวที่รักยิ่ง เพราะรู้ว่าการจะต้องนั่งรออย่างไม่รู้อะไรเลยอยู่ที่เมืองหลวง ทั้ง ๆ ที่คนที่รักกำลังเผชิญกับเรื่องอันตรายอยู่นอกเมืองนั่นเป็นเช่นไร ถึงจะไม่เคยประสบพบเจอกับตัวเอง แต่เพียงแค่ฟังมาก็รู้สึกเจ็บปวดแทนเสียแล้ว
“ลู่จื้อเจ้าจะทนความเจ็บปวดเช่นนั้นได้หรือไม่” และถึงแม้จะกังวลแต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจแบบที่บอกกับฮูหยินของตน ปล่อยให้เป็นเรื่องของวันข้างหน้า เพราะบางทีมันอาจจะดีกว่าการเดาสุ่มไปอย่างนี้ก็เป็นได้
เลือกสามีผิดคิดจนตัวตาย!เป็นเช่นไรรู้ก็เมื่อสายไปเสียแล้ว ลูกต้องตายจาก พ่อแม่พี่ชายพลัดพราก ด้วยหน้าที่ของเขาในฐานะเจ้าเมือง ช่วยชีวิตทุกคนไว้ได้ เว้นแต่นาง เว้นแต่ครอบครัวของนาง
โปรยปราย ผู้คนเกลียดชังข้า แต่กลับมิมีผู้ใดรู้เบื้องหลังว่าแท้จริงแล้วข้าต้องโหดร้ายเช่นนี้เป็นเพราะผู้ใด แทงมีดใส่อกคนรักของข้า สังหารตระกูลข้าจนสิ้นแม้แต่เด็กทารกก็มิเว้น ข้าต้องยืนยิ้มแล้วเอ่ยว่า ไม่เป็นไร ข้าให้อภัย นั่นคงมีเพียงพระโพธิสัตว์เสียแล้วมิใช่ข้าคนนี้ คนที่พวกเจ้าหวาดกลัวยิ่งกว่าภูตผี
นางเคยเป็นดั่งดอกบัวขาว บริสุทธิ์ผุดผ่องมองแล้วสบายตา แต่เขาและน้องสาวต่างมารดาของนางกลับมาแต้มหมึกดำลงบนบัวขาวดอกนี้
นางเกิดมาขาพิการแต่หาได้ไร้ใจไม่ มีเพียงคนผู้นั้นที่ไร้หัวใจยิ่งกว่านาง เขามาหลอกให้นางหลงรักแล้วถอนหมั้นอย่างเลือดเย็น หลังนางตายจากไปแล้วยังใช้ความเห็นอกเห็นใจของพี่ชายนางเพื่อหาประโยชน์เข้าตัว โชคดีสวรรค์ไม่ปล่อยให้คนชั่วลอยนวล กลับมาครานี้ ในเมื่อพวกมันรักกันมากนัก ก็เชิญรักกันไปได้เลย ชายชั่วเช่นนี้คิดจนตัวตายก็ไม่เอามาเป็นสามีเด็ดขาด!
เพราะรักนางจึงยอมทุกอย่าง แต่สุดท้ายเขากลับมอบความรักให้สตรีอื่น ในเมื่อเดินมาจนถึงสุดทางแล้วนางก็ไม่คิดจะยื้อไว้อีกต่อไป ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว ส่วนข้าจะเดินจากไปพร้อมกับบุตรในครรภ์
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"