เมื่อผู้หญิงที่เขาเคยซื้อมันได้ด้วยเงินถอยหนี และดื้อด้าน เขาก็กลายเป็นอีกคนหนึ่ง ที่เธอไม่เคยรู้จัก
ตอนที่1 เรื่องวุ่นๆ ของพรลภัส
สายตาคมเข้มของชนะวิทร์หนุ่มนักธุรกิจวัยสามสิบปีมองไปที่เรือนร่างของสาวพริตตี้คนหนึ่งอย่างละสายตาไปไหนไม่ได้จนเพื่อนที่มาด้วยกันสังเกตเห็น
“เอามั้ย กูดีลให้”
“เด็ก”
“มึงไม่เอาก็มีคนเอาไปอยู่ดี” ชายหนุ่มเหลือบมองเพื่อนด้วยสายตาดูแคลน คนที่พูดเรื่องนี้กับเขามันเป็นถึงหมอศัลยแพทย์ชื่อดังที่มีคนเคารพมากมาย ‘เบื้องหน้ามันเป็นหมอเทวดาแต่เบื้องหลังมันถูกเรียกว่าหมอปีศาจ’
“น้องภัสเสิร์ฟเครื่องดื่มโต๊ะนั้นด้วยนะคะ”
“ได้ค่ะ” หญิงสาวที่เขาแอบสำรวจรูปร่างของเธอ และคำนวณสัดส่วนไว้ในสมองส่วนความกระหายเข็นรถเครื่องดื่มมาตามที่ผู้จัดการสั่ง ราวกับเธอรู้ว่าเขาสนใจอยู่จึงได้แทรกเอาเครื่องดื่มมาวางตรงระหว่างเขากับหมอนพดล กลิ่นหอมหวานของน้ำหอมจากตัวเธอยิ่งกระตุ้นอารมณ์บางอย่างขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ กระทั่งเธอเข็นรถเครื่องดื่มไปที่โต๊ะอื่นต่อเขาก็ยังไม่คิดทำอะไรสักอย่าง
“สรุปไม่เอา?”
“ถ้าเจออีกครั้ง ค่อยว่ากัน”
หนึ่งปีต่อมา
“แล้วอย่างผมเนี่ย น้องภัสว่าเหมาะกับน้ำหอมกลิ่นไหนครับ” หนุ่มนักธุรกิจหน้าใหม่มาดเจ้าชู้ถามเธอตาหวานเชื่อมทั้งที่เพิ่งเจอกันไม่กี่นาที หญิงสาวยังยิ้มให้ตามหน้าที่เธอแม้ไม่ชอบเอาเสียเลย
“คุณผู้ชายน่าจะเหมาะกับกลิ่นสปอร์ตแมนค่ะ น้องภัสขออนุญาตนะคะ” เธอฉีดน้ำหอมตัวทดลองใส่ข้อมือของเขาเหมือนที่ทำให้กับลูกค้าทุกคนที่อยากลอง ใจก็รู้ดีว่าชายหนุ่มไม่ได้สนใจน้ำหอมมากขนาดนั้น
“อื้ม กลิ่นนี้เหมาะกับผมจริง ๆ ด้วย”
“รับกี่ขวดดีคะ”
“ปกติผมใช้พวกเคาต์เตอร์แบรนด์นะ แต่วันนี้ผมจะช่วยน้องภัสทำยอดก็แล้วกัน เอาห้าขวดนะ”
“ได้เลยค่ะรอสักครู่นะคะ” เธอรีบส่งหันไปบอกให้ทีมงานเบื้องหลังรีบจัดแพคน้ำหอมใส่ถุงกระดาษเล็ก ๆ 5 ถุง ก่อนจะนำมันไปยื่นให้ชายหนุ่มที่ชำระเงินกับแคชเชียร์เรียบร้อยแล้ว แต่เขากลับคว้าเข้าที่มือนุ่ม
“นี่นามบัตรผม อยากมีเงินใช้ติดต่อมาแล้วกัน”
“ค่ะ” หญิงสาวยิ้มหวานกลับพร้อมดึงนามบัตรนั้นมาไว้ในมือตัวเองตามมารยาท...เธอไม่เก็บมันไว้ด้วยซ้ำ
“ท่าทางขี้หลีเกิ้น”
“นารา! หายไปเข้าห้องน้ำหรืออู้เนี่ยเมื่อกี้ลูกค้าเยอะมากเลย”
“ไปเข้าห้องน้ำจริง ๆ เราท้องผูก” นารายิ้มตาหยีให้อย่างมีพิรุธ จริง ๆ แล้วเมื่อยขาที่ยืนบนส้นสูงเป็นเวลานาน
“มะรืนมีงานเบียร์ รับมั้ย”
“ที่คุยกันวันนั้นน่ะเหรอ”
“นั่นแหละ”
“เดี๋ยวดูก่อนนะ มันไกล”
“ไปเถอะ ตั้งห้าพันนะงานนี้ทิปดีด้วยนอนรีสอร์ทแถวนั้นแล้วค่อยกลับก็ได้”
“อื้ม ไปก็ได้”
พรลภัส เลิศปัญญา ปัจจุบันนักศึกษาสาวปี3 ส่งตัวเองเรียนตั้งแต่มัธยมปลายเพราะพ่อแม่ประสบอุบัติเหตุทางรถกลางสายฝนเสียชีวิตทั้งคู่ ไม่ใช่แค่เธอที่ปากกัดตีนถีบเพราะยังมีณัฐดนัยน้องชายที่คลานตามกันมาชะตาก็ไม่ต่างกับเธอ
ตืด..
น้องรัก
“กลับดึกมั้ย”
“กำลังกลับ อีกหนึ่งชั่วโมงน่าจะถึงเอาอะไรหรือเปล่า”
“ไม่เอาอะไรหรอก แค่โทรถาม” พรลภัสวางสายน้องชายที่โทรถามเป็นกิจวัตรก่อนจะเปลี่ยนใส่เสื้อยืดกางเกงวอร์มขายาวโบกมือลาเพื่อนร่วมงานก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน...บ้านที่ผ่อนอยู่ไม่รู้จะรอดหรือเปล่า
เมื่อมาถึงบ้านน้องชายที่นั่งรอก็เปิดประตูให้ ทั้งที่ควรจะนอนได้แล้ว
“กลับดึก?”
“ยังไม่นอนอีกเหรอ”
“ก็รอพี่ภัส”
“ก็บอกว่าอีกหนึ่งชั่วโมง ทีหลังไม่ต้องรอนอนเลยนะ”
“อืม” คนน้องตอบพลางก้มหน้าลงเล่นเกมในมือถือต่อ ณัฐดนัยทำงานเสิร์ฟอาหารช่วงเลิกเรียนกว่าจะเลิกงานก็สี่ทุ่ม แถมคืนนี้ยังอยู่รอเธอจนเที่ยงคืนอีก
“เล่นรอบนี้จบแล้วก็ไปนอนนะ ดึกแล้ว”
“โอเค” เรียวคิ้วสวยขมวดเมื่อเห็นน้องนั่งตัวงอนิด ๆ ดูไม่ปกติ
“เป็นอะไร ปวดท้องเหรอ”
“อือ กินยาแก้ปวดแล้ว”
“ถ้าไม่หายก็บอกนะ จะได้ไปหาหมอ”
“ปวดนิดเดียว ขึ้นไปนอนเถอะเดี๋ยวณัฐจะปิดไฟเอง”
…..
พรลภัสทำงานหนักเพราะรู้ว่าเธอกับน้องชายไม่ได้มีเบาะนุ่ม ๆ รองรับเหมือนลูกคนรวยที่มีกันพร้อมหน้าพร้อมตา มันเหนื่อยที่ต้องนอนดึกแล้วตื่นมาเรียนให้ไหว หลายครั้งที่ต้องนั่งหลับบนแท็กซี่ทั้งที่รู้ว่ามันอันตราย
“หนู ถึงมหาลัยแล้วนะ” พรลภัสเหยียดหลังตรงฉับทั้งที่ยังงัวเงียไม่หาย
“ขอโทษที่ต้องให้ปลุกนะคะ”
“อย่าไปนอนแบบนี้กับคันอื่นนะลูก มันอันตราย”
“จะพยายามค่ะลุง”
เธอเดินไปยังหน้าห้องสมุดที่ประจำ ก็เจอนารานั่งรออยู่ก่อนแล้ว พร้อมกับยื่นชุดที่ต้องใส่ทำงานคืนนี้ให้เธอ
“โห”
“ปกติ งานแบบนี้” ยังไม่ทันที่เธอจะบ่นนาราก็ชิงแก้ต่าง ก่อนเธอจะนั่งลงคุยอะไรกันเรื่อยเปื่อยรอถึงเวลาเรียน
“ปีหน้าณัฐก็เข้ามหาลัยแล้วหนิ”
“อืม สอบเข้าที่นี่แหละ”
“บ้านก็ส่ง น้องก็เรียนต่ออีก”
“แค่คิดก็เหนื่อยเลยอะนารา” พรลภัสแกล้งบ่นทั้งที่เธอนั้นเหนื่อยแบบนี้จนชินเสียแล้ว โชคดีของเธอที่เป็นผู้หญิงพอใช้หน้าตาหากินได้ และงานที่ทำมันก็ได้เงินมากกว่าน้องชายเยอะ ....
เรียนเสร็จเธอกับนาราก็ขึ้นแท็กซี่จะไปลงที่หน้างานไม่ได้แวะกลับบ้านเพราะที่จัดงานอยู่ค่อนข้างไกลต้องเผื่อเวลา
ตืด..ตืด..
“ฮัลโหล”
“พี่สาวของณัฐดนัยใช่มั้ยคะ”
“ชะ..ใช่ค่ะ มีอะไรเหรอคะ” แม้ไม่รู้ว่าปลายทางโทรมาด้วยเรื่องอะไรแต่พรลภัสก็ชิงเสียงสั่นไปก่อนแล้ว
“ฉันเป็นครูประจำชั้นของณัฐดนัยนะคะ แกปวดท้องรุนแรงเลยพามาส่งโรงพยาบาลค่ะ”
“ที่ไหนคะ”
.....
หญิงสาวในชุดนักศึกษาวิ่งเข้ามาในโรงพยาบาลเอกชน หลังให้แท็กซี่จอดส่งเธอก่อน และไปส่งนาราต่อ มือนิ่มทั้งสองข้างเย็นเฉียบกลัวณัฐดนัยเป็นอะไรไป... ‘เธอไม่เหลือใครแล้วนะ’
“หนูเป็นญาติของนายณัฐดนัยค่ะ”
“เชิญที่ห้องคุณหมอนพดลห้องแรกเลยนะคะ คุณหมอรอคุณอยู่” พรลภัสรีบไปห้องที่ว่าอย่างไม่ลังเล และลืมเคาะประตูตามมารยาทด้วยความร้อนใจ
“ญาติณัฐดนัยใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะ น้องหนูเป็นยังไงบ้างคะ”
“เป็นพี่สาวเขาสินะ” พรลภัสพยักหน้าซื่อ แต่ในใจนึกบ่นความลีลาของหมอไปแล้ว
“คนไข้ไส้ติ่งอักเสบนะ ต้องรีบผ่าตัด”
“แล้วยังไม่ได้ผ่าเหรอคะ!”
“รอญาติเซ็นต์ยินยอม ตามกฏของโรงพยาบาลครับ”
"ถ้าไม่ใช่เพราะหวงก็เลิกยุ่งกันไปได้มั้ย ฉันจะได้เริ่มต้นใหม่" "อยากเริ่มต้นใหม่ เพื่อจะลืมฉันน่ะเหรอ" อชิรญากวาดสายตามองไปทางอื่นเมื่อที่เขาพูดมันก็คือเรื่องจริง ขอแค่เขาหยุด เธอก็จะลืม "ฉันไม่ชอบเวลามีใครมาพูดว่าได้ผู้หญิงที่ฉันเอามาแล้ว มันดูซ้ำรอย" "กับพี่พระแพงตามระรานเขาแบบนี้ด้วยหรือเปล่า" "พระแพงพูดอะไร"
ซื้อเป็นของขวัญ ติดตาม แชร์ "คุณพาย" พิยดาหยุดฝีเท้าที่กำลังก้าวไปข้างหน้า แม้ภายนอกจะดูเป็นอย่างไรแต่ใจเธอนั้นหล่นวูบไปเสียแล้ว "คุณท้องกี่เดือนแล้ว" "นึกว่าใคร คุณเหมนี่เอง สวัสดีค่ะ สบายดีนะคะ" "คุณช่วยตอบคำถามผมที คุณท้องกี่เดือนแล้ว" พิยดาก้าวถอยหลังในขณะที่เหมันต์เดินหน้าเข้าหาเธอ เขาเหมือนเดิมจนทำให้เธอเผลอนึกถึงเรื่องเก่าๆที่เคยทำด้วยกัน ก่อนที่บาดแผลนั้นจะร้องเตือนตัวเองว่าถ้าเธอยังฝังกลบความรู้สึกนั้นไม่ได้เธอนั่นแหละจะตาย
“อื้ออ อย่า...” หญิงสาวร้องปรามเมื่อหน้าอกของเธอถูกดูดดึงอย่างหื่นกระหาย ความกลัวเกาะกินหัวใจทั้งดวงพยายามมองหาใครสักคนที่จะช่วยเธอได้ในคืนนี้ ‘แต่น่าจะไม่มี’
“ที่ทำ... มันเกินไป” “น้อยไป ฉันยังอยากสั่งสอนเธออีกสักรอบ” “ที่ฉันด่าว่าเหี้ยมันไม่คู่ควรกับนายตรงไหน คนดี ๆ ที่ไหนเอาผู้หญิงมาเล่นสนุกแบบนั้นวะ”
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา
หลัวเจิง ผู้ตกจากที่สูงกลายเป็นทาสที่ต่ำต้อย มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาพบวิธีฝึกในตัวเองให้กลายเป็นอาวุธโดยบังเอิญ สงครามการต่อสู้เริ่มขึ้นทันที และพึ่งพาความเชื่ออันแรงกล้าในการไม่ยอมจำนน เขาพยายามแก้แค้นและไล่ตามความฝันอันยิ่งใหญ่ นักรบจากชาติพันธุ์ต่าง ๆ ต่อสู้เพื่อความเป็นเจ้าโลกและโลกก็ปั่นป่วน อาศัยร่างกายที่เปรียบได้กับอาวุธวิเศษ หลัวเจิงเอาชนะศัตรูจำนวนมากบนเส้นทางสู่ความเป็นอมตะ ในที่สุดเขาจะทำสำเร็จหรือไม่?
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที