"เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนฉันจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น" "ค่ะ" ฉันฝืนความรู้สึกแล้วตอบออกไป ฉันไม่คิดว่าพี่ภูจะรับผิดชอบอะไรอยู่แล้วคำพูดของเขาเมื่อคืนฉันยังจำขึ้นใจ "และฉันก็หวังว่าเธอจะไม่เอาเรื่องที่เกิดขึ้นไปฟ้องแม่ฉันอีกว่าฉันรังแกเธอ" "ค่ะ" "สรุปก็คือเธอห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาดเพราะไม่อย่างนั้นฉันจะเอาเรื่องที่เธอเคยโกหกไปบอกพ่อเธอรวมถึงย่าเธอด้วยว่าเธอโกหกสร้างเรื่องหาว่าฉันล่วงเกินเธอทั้งที่ตอนนั้นฉันไม่ได้ทำ เธอคิดเอาก็แล้วกันว่าย่าเธอจะผิดหวังแค่ไหนที่หลานสาวสุดที่รักของท่านสร้างเรื่องโกหกหน้าด้านๆ เพื่อจับผู้ชาย" ฉันก้มหน้าแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง "เข้าใจที่พูดใช่ไหม" "อื้มมม" ฉันตอบเขาได้แค่นั้นเพราะพูดอะไรไม่ออกกลัวเขาจะรู้ว่าตอนนี้ฉันกำลังร้องไห้อยู่ "แต่ความผิดของเธอยังไม่หมดฉันยังไม่พอใจเพราะฉะนั้นเธอต้องมาที่นี่ทุกครั้งที่ฉันต้องการ แต่ถ้าเธอดื้อไม่ยอมมาฉันจะไปลากตัวเธอถึงบ้านไม่เชื่อก็คอยดู" "พี่ติดใจอัยก็บอกว่าเถอะไม่ต้องเอาเรื่องผิดไม่ผิดมาเป็นข้ออ้างหรอก" ฉันโต้กลับเพราะฉันไม่อยากให้พี่ภูคิดว่าฉันกลัวเขา "เธอพูดว่าไงนะฉันเนี่ยนะติดใจเธอ เหอะพูดผิดพูดใหม่ได้นะ"
หลายปีก่อน....
"คุณพจน์คุณบอกความจริงกับฉันมาทำไมถึงกล้าทำแบบนี้" อินทิราโยนรูปถ่ายจำนวนหลายสิบใบลงบนเตียงซึ่งมันเป็นรูปที่เธอจ้างนักสืบให้ช่วยตามสืบเรื่องที่สามีของเธอ
"ผมทำอะไร" พจน์ผู้เป็นสามีถามด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่เห็นแล้วว่าในรูปถ่ายคือเขากับอดีตคนรักกำลังเดินออกมาจากโรงแรมด้วยกัน
"คุณรู้อยู่แก่ใจว่าทำอะไร คุณอย่าลืมว่าคุณแต่งงานกับฉันแล้วนะคุณพจน์"
"แล้วไงในเมื่อผมไม่ได้รักคุณที่ผมแต่งงานกับคุณเพราะผมถูกแม่บังคับ"
"แต่สุดท้ายคุณก็แต่งงานกับฉันไม่ใช่หรือไงแล้วตอนนี้เราก็มีลูกด้วยกันแล้วถ้ายัยอัยรู้ว่าคุณกำลังมีผู้หญิงอีกคนลูกจะรู้สึกยังไง"
"เพ็ญเขาไม่ใช่คนอื่นสำหรับผมเขาคือคนที่ผมรักถ้าผมไม่โดนบังคับให้แต่งงานกับคุณตอนนี้ผมกับเพ็ญเราก็คงได้แต่งงานกันมีความสุขกันไปแล้ว"
"คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงกัน คุณไม่คิดถึงจิตใจของฉันบ้างเลยหรือยังไงฉันเป็นภรรยาของคุณนะ"
"ใช่คุณเป็นภรรยาของผมแต่ผมไม่เคยรักคุณเลยตลอดเวลาหลายปีที่แต่งงานกันมาคุณรู้ไหมว่าผมทรมานมากแค่ไหนที่ต้องทนอยู่กับผู้หญิงที่ผมไม่ได้รัก"
"คุณพจน์!!!!" น้ำตาของเธอเริ่มไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด
"ผมว่าเราหย่ากันเถอะ"
"ฉันไม่หย่า คุณอย่าหวังเลยว่าจะได้ไปอยู่กับมันฉันไม่ยอมหย่ากับคุณเด็ดขาด"
"คุณไม่ยอมก็เรื่องของคุณเพราะผมจะพาเพ็ญกับลูกของเพ็ญมาอยู่ที่นี่ในฐานะภรรยาของผมอีกคนถ้าคุณคิดว่าคุณทนได้ก็ตามใจ"
"ทั้งที่ผู้หญิงคนนั้นเคยแต่งงานมีลูกกับผู้ชายคนอื่นมาแล้วคุณก็ยังรับได้อย่างงั้นเหรอ"
"ผมรับได้หมดเพราะผมรักเพ็ญและที่เพ็ญต้องไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นก็เพราะเพ็ญเสียใจที่ผมต้องมาแต่งงานกับคุณ!!!!"
"คุณโยนความผิดมาให้ฉันอย่างงั้นเหรอคุณพจน์"
"ใช่มันเป็นความผิดของคุณถ้าคุณปฏิเสธเรื่องการแต่งงานตั้งแต่ตอนนั้นเรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้เพราะฉะนั้นผมต้องรับผิดชอบเพ็ญกับลูกของเธอเพราะตอนนี้เพ็ญไม่เหลือใครแล้ว" เท่าที่เธอสืบรู้มาหลังจากที่เธอแต่งงานกับสามีเพ็ญก็ไปแต่งงานกับผู้ชายอื่นแล้วก็มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคนแต่สามีของเพ็ญติดการพนันจนหมดเนื้อหมดตัวเพ็ญก็เลยหอบลูกสาวของตัวเองหนีออกมาแล้วก็กลับมาหาสามีของเธอแล้วทั้งสองคนก็แอบไปมีความสัมพันกันลับหลังเธอจนเธอเริ่มสงสัยที่สามีไม่กลับบ้านจนกระทั่งสืบรู้ความจริงทุกอย่างตอนแรกเธอคิดว่าสามีจะสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปแต่เปล่าเลย
"คุณไม่เคยรักฉันเลยสินะ"
"ใช่ผมไม่เคยรักคุณเลยผมรักเพ็ญแค่คนเดียวเท่านั้น" คำพูดทิ่มแทงใจของสามีที่อยู่ร่วมกันมาเกือบสิบปีทำให้อินทิราทนไม่ไหวเธอเดินกลับเข้าไปในห้องนอนด้วยหัวใจที่พังสลายแม้ว่าที่ผ่านมาเธอจะรับรู้มาตลอดว่าสามีแต่งงานกับเธอเพราะถูกผู้ใหญ่บังคับแต่พอสามีเธอรู้ว่าคนรักเก่าได้เลอกกับสามีเขาก็รีบไปสานความสัมพันต่อทันทีโดยไม่สนใจว่าเธอจะรู้สึกยังไง ความเจ็บปวดผิดหวังเสียใจทำให้เธอหมดความอดทน เธอนั่งลงบนเตียงเอื้อมมือไปหยิบยานอนหลับบนโต๊ะหัวเตียงเทใส่มือก่อนจะกรอกใส่ปากทั้งหมดแล้วดื่มน้ำตามลงไป สักพักสติของเธอก็เริ่มเลือนหายไปทีละนิด
..................................................
"แม่ขาาาหนูกลับมาแล้วววค่าาาา"
"คุณหนูวิ่งช้าๆ ค่า"
"หนูจะรีบเอาใบเกรดไปให้แม่ดูแม่ต้องดีใจมากๆ เลยที่หนูสอบได้ที่หนึ่ง^^" เด็กเด็กหญิงอัยวาในวัยหกขวบพูดกับพี่เลี้ยงด้วยความดีใจเพราะแม่เคยสัญญาว่าถ้าเด็กหญิงสอบได้ที่หนึ่งจะพาไปซื้อตุ๊กตาตัวใหม่
เด็กหญิงวิ่งขึ้นไปยังห้องนอนของแม่อันเป็นที่รัก เด็กหญิงเคาะห้องอยู่นานแต่แม่ของเธอก็ไม่ยอมเปิดสักทีเธอก็เลยเปิดเข้าไปแล้วสิ่งที่เด็กหญิงเห็นก็คือแม่ของเธอนอนหมดสติอยู่บนเตียงข้างตัวของแม่มียาหล่นเต็มไปหมดแตไม่เพียงเท่านั้นแม่ของเธอมีน้ำไหลออกมาจากปากเด็กหญิงตกใจมากเรียกแม่ให้ตื่นแต่แม่ก็ไม่ยอมตื่น เด็กหญิงเริ่มใจไม่ดีร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจ
"ฮืออออแม่จ๋าแม่ตื่นมาพูดกับหนูสิ ฮืออออทำไมือแม่เย็นจัง ฮืออแม่จ๋าแม่" เสียงร้องไห้องเด็กหญิงทำให้คนทั้งบ้านรีบวิ่งขึ้นมาดู
เวลาต่อมา....
"ฮืออออ แม่จ๋า แม่จ๋าาาาา ฮืออออ" เด็กหญิงนั่งร้องไห้อยู่หน้าโลงศพของแม่ด้วยหัวใจที่แตกสลาย
"คุณแม่ท่านไปสบายแล้วนะคะคุณหนูอย่าร้องไห้เลยนะคะ"
"ฮืออออ อัยอยากไปหาแม่ ฮือออ อัยคิดถึงแม่ค่าาาา ฮึก ฮึก ฮึก"
"ยัยอัยแกหยุดร้องซักทีพ่อชักจะรำคาญแล้วนะไม่เหนื่อยบ้างหรือไงร้องตั้งแต่เช้า" พ่อของเด็กหญิงเอ่ยขึ้นอย่างรำคาญ
"อัยคิดถึงแม่นี่คะ ฮึก ฮึกพ่อไม่คิดถึงแม่เหรอคะฮือออ ทำไมพ่อไม่ร้องไห้บ้าง ฮึก ฮึก" เด็กน้อยถามพ่อของตนเองด้วยความสงสัยเพราะเธอไม่เห็นพ่อมีอาการเสียใจต่อการจากไปของแม่เธอเลย
และในเวลาต่อมาไม่นานความสงสัยของเด็กน้อยก็เริ่มหายไปหลังจากที่งานศพของแม่ผ่านไป พ่อของเด็กหญิงก็พาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาอยู่ในบ้านพร้อมกับเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่อายุพอๆ กับเธอ
"ยัยอัยมาไหว้น้าเพ็ญสิน้าเพ็ญจะมาเป็นแม่ของเรา" เด็กหญิงเงยหน้ามองผู้หญิงคนนั้นที่ถึงแม้ว่าจะมีรอยยิ้มสดใสส่งมาให้แต่เด็กหญิงก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกเกลียดชังที่ถูกส่งผ่านมายังดวงตาคู่นั้น
"สวัสดีจ๊ะน้องอัยต่อไปเรียกน้าว่าแม่ก็ได้นะจ๊ะส่วนนี้น้องเอินเป็นน้องสาวของหนูนะลูก^^"
"............" เด็กหญิงไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
"มาให้น้ากอดหน่อยสิลูก" เด็กหญิงถูกกระชากเข้าไปกอดแต่การกอดมันไม่ได้รู้สึกอบอุ่นเลยสักนิด เด็กหญิงร้องด้วยความเจ็บปวดเพราะถูกผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาใหม่ของพ่อหยิกเข้าที่เอวอย่างแรงพร้อมกับกระซิบข้างหูว่า
"แกทำไมไม่ตายไปพร้อมแม่ของแกซะห๊ะนังเด็กเวร" เด็กหญิงตกใจไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากปากของผู้หญิงที่หน้าตาสะสวย
..........................................................
หลายปีต่อมา....
อัยวา.....
"จะไปไหนแต่เช้ายะ" ฉันที่เดินลงบันไดมาอย่างอารมณ์ดีเพราะฉันกำลังจะไปหาพี่ภูผาว่าที่คู่หมั้นของฉันที่ตอนนี้เขาเรียนจบกลับมาแล้วแต่ก็ต้องมาอารมณ์เสียกับแม่เลี้ยงใจร้ายที่ยืนกอดอกจ้องหน้าถามฉันด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจคิดว่าฉันกลัวหรือยังไงถ้าฉันกลัวฉันคงไม่อยู่ที่บ้านหลังนี้หรอก
"..........." ฉันเลือกที่จะไม่ตอบแล้วก็เดินผ่านหน้าไปเหมือนธาตุอากาศที่มองไม่เห็น
"เอ๊ะฉันถามว่าจะไปไหนถามทำไมไม่ตอบห๊ะนังหมาหัวเน่า" ฉันกัดฟันด้วยความโกรธแต่ฉันไม่แสดงออกว่ากำลังโกรธเพราะมันจะเข้าทางยัยแม่เลี้ยง
"ก็ไม่อยากตอบทำไมมีอะไร"
"แกนี่มันเป็นเด็กไร้มารยาทซะจริงๆสู้ลูกเอินของฉันก็ไม่ได้ใครเห็นก็พากันเอ็นดูเพราะลูกเอินทั้งน่ารักอ่อนหวานนิสัยดีไม่นิสัยเสียแบบแก"
"แล้วไง เธอจะอวยลูกเธอว่าดีวิเศษวิโสยังไงฉันไม่สนใจหรอกนะเพราะเธอก็น่าจะรู้อยู่เต็มอกว่าจริงๆแล้วยัยนั่นนิสัยเป็นยังไงแล้วที่ว่าฉันไร้มารยาทฉันก็ไร้มารยาทแค่กับผู้ใหญ่บางคนที่ไม่น่าเคารพนับถือเท่านั้นยกตัวอย่างเช่น เธอยังไงล่ะ" ฉันชี้หน้าอย่างไม่กลัว
"แกนังอัยวา!!!"
"ทำม่ะฉันพูดผิดตรงไหนไม่ทราบ จะบอกอะไรให้นะว่าแม่บ้านแม่ครัวคนสวนคนขับรถยังน่านับถือว่าเธอส่วนเธอในสายตาของฉันก็เป็นแค่ผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอายที่มาแย่งพ่อไปจากแม่ของฉันเท่านั้นเอง"
"แล้วไงในเมื่อตอนนี้ฉันกับพ่อแกก็แต่งงานกันแล้วแล้วส่วนแกมันก็แค่ลูกเมียเก่าแค่หมาหัวเน่าที่พ่อของแกเค้าต้องการ อันที่จริงแกน่าจะย้ายไปอยู่กับย่าแกที่บ้านสวนนะเพราะที่นี่ไม่มีใครต้องการแล้วแม้แต่พ่อของแกเอง" ฉันกำหมัดแน่นด้วยความโกรธฉันรู้ว่ายัยแม่เลี้ยงกำลังยั่วให้ฉันโกรธพอฉันโกรธฉันก็จะอาละวาดแล้วพ่อก็จะทำโทษฉันเหมือนที่ผ่านมาโดยการส่งฉันไปเรียนโรงเรียนประจำตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมอต้น ตอนแรกยัยแม่เลี้ยงไม่ยอมให้ฉันกลับมาอยู่ที่บ้านพยายามโน้มน้าวบอกให้พ่อว่าให้ฉันอยู่โรงเรียนประจำต่อจนกว่าจะเรียนจบมอปลายแต่ย่าของฉันท่านไม่ยอมท่านสงสารถ้าฉันต้องไปอยู่ที่โรงเรียนประจำต่ออีกหลายปีพ่อก็เลยต้องทำตามใจย่าเพราะไม่อย่างงั้นย่าจะตักพ่อตัดลูกซึ่งยัยแม่เลี้ยงของฉันก็ไม่กล้าหืออะไรเพราะรู้ว่าย่าฉันเองจริง
"ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้นฉันจะอยู่ที่นี่เพราะที่นี่คือบ้านของฉันบ้านของพ่อกับแม่ส่วนเธอมันก็แค่เมียน้อยที่มาชุบมือเปิบฉันไม่มีทางให้เธอสมหวังหรอก" ฉันรู้ว่าแม่เลี้ยงของฉันหวังสมบัติของพ่อ ย่าบอกว่าเคยเตือนพ่อแล้วแต่พ่อไม่ยอมฟังย่าก็เลยย้ายไปอยู่บ้านสวนนอกเมืองแทนเพราะไม่อยากทะเลาะกับพ่อเรื่องที่พ่อแต่งงานใหม่กับผู้หญิงคนนี้ซึ่งย่าก็รู้จักเป็นอย่างดี
ย่าเคยเล่าให้ฉันฟังว่าผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงหิวเงินไม่ได้รักพ่อของฉันจริงๆแต่เพราะรู้ว่าพ่อรวยก็เลยพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อสนใจจนกระทั่งพ่อตกหลุมรักและอยากจะแต่งงานด้วยแม้ว่าย่าจะพูดอะไรพ่อก็ไม่เชื่อ ย่าก็เลยบังคับให้พ่อแต่งงานกับแม่ถ้าไม่ยอมแต่งก็จะไม่ให้อะไรพ่อเลยให้พ่อไปแต่ตัวสุดท้ายพ่อก็เลยยอมแต่งงานกับแม่ส่วนผู้หญิงคนนั้นพอรู้ว่าพ่อแต่งงานกับแม่ก็ประชดพ่อด้วยการแต่งงานกับผู้ชายอีกคนที่มาจีบเพื่อให้พ่อเสียใจ
ย่าเคยบอกกับฉันว่าถ้าฉันอยู่ที่บ้านหลังนี้ไม่ไหวไม่อยากจะอยู่ก็ให้ไปอยู่กับท่านแต่ฉันไม่ยอมไปเองเพราะฉันรู้ว่าถ้าฉันไปทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของแม่ที่ผู้หญิงคนนี้ก็จะเอาไปหมดทุกอย่างฉันต้องอยู่เพื่อรักษาทุกอย่างที่เป็นของแม่รวมถึงบ้านหลังนี้ด้วย
"เอะอะอะไรกันแต่เช้าเสียงดังไปถึงห้องรับแขก" พ่อเดินหน้าตึงลงมายัยแม่เลี้ยงก็รีบเดินเข้าไปเกาะแขนทันที
"พี่พจน์มาก็ดีแล้วค่ะพี่มาดูลูกสาวคนดีของพี่สิมาด่าเพ็ญว่าเป็นเมียน้อยอีกแล้ว เพ็ญแค่ถามแกดีๆว่าจะไปไหนแต่เช้าเท่านั้นเอง"
"ทำไมเราพูดแบบนี้ล่ะพ่อเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเรียกน้าเพ็ญเค้าแบบนั้น"
"ก็มันจริงมั้ยล่ะคะผู้หญิงคนนี้เป็นเมียน้อยพ่อเพราะพ่อเพราะผู้หญิงคนนี้แม่ถึงคิดสั้นฆ่าตัวตายทิ้งอัยไป พอแม่ตายพ่อก็แต่งงานใหม่กับผู้หญิงคนนี้แล้วก็พาเข้ามาในบ้านทันทีทั้งที่แม่ตายยังไม่ครบร้อยวันเลยด้วยซ้ำ อัยบอกเลยว่าอัยเกลียดผู้หญิงคนนี้แล้วอัยก็เกลียดพ่อด้วย!!!!เพราะพ่อกับมันทำให้แม่ต้องตาย!!!!" ฉันตะโกนใส่หน้าพ่อพยายามห้ามไม่ให้น้ำตาไหลออกมาเพราะไม่อยากให้ใครมองว่าฉันอ่อนแอ
"ยัยอัย!!!!" ฉันรู้ว่าพ่อกำลังโกรธและไม่พอใจที่ฉันพูดเรื่องนี้แต่มันคือความจริงความจริงที่พ่อต้องยอมรับว่าพ่อเป็นสาเหตุทำให้แม่ต้องฆ่าตัวตาย ฉันเกลียดพ่อมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
"อัยขอตัวนะคะ" ฉันพยายามทำใจให้เข้มแข็งไม่อ่อนแอร้องไห้ใครเห็นแล้วเดินออกมาจากบ้าน
ฉันเดินลัดสวนหลังบ้านมาจนถึงรั้วไม้ต่ำสีขาวซึ่งเป็นรั้วแบ่งเขตระหว่างบ้านฉันกับบ้านพี่ภู บ้านเราสองคนติดกันแม่ฉันกับแม่พี่ภูเป็นเพื่อนรักที่สนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียน และที่ฉันจะได้หมั้นกับพี่ภูก็เพราะแม่ของฉันกับคุณป้าพิมพ์แม่พี่ภูเคยสัญญากันไว้ว่าถ้ามีลูกจะให้หมั้นกันซึ่งฉันกับพี่ภูมีฤกษ์หมั้นกันหลังจากที่พี่ภูเรียนจบแล้วซึ่งตอนนี้พี่ภูก็เรียนจบกลับมาแล้วฉันดีใจมากเพราะฉันคิดถึงพี่ภูมากไม่ได้เจอกันนานหลายปี
ป้าพิมพ์รู้ว่าฉันคิดถึงพี่ภูมากแค่ไหนเพราะฉันมักจะไปขลุกอยู่ที่บ้านป้าพิมพ์แทบทุกวันบ่นกับป้าพิมพ์ทุกวันว่าพี่ภูไม่เคยติดต่อหรือส่งข้อความมาหาเลยสักครั้งป้าพิมพ์ก็เลยส่งรูปพี่ภูมาให้ฉันทางไลน์มันก็พอทำให้ฉันหายคิดถึงเขาได้บ้าง ตลอดหลายปีที่พี่ภูไปเรียนต่อเขาไม่เคยติดต่อฉันมาเลยสักครั้งฉันโทรไปเขาก็ไม่รับข้อความที่ฉันส่งไปเขาก็ไม่เคยอ่านจนฉันแอบน้อยใจอยู่บ่อยครั้ง
ฉันรับรู้มาตลอดว่าเรื่องหมั้นระหว่างฉันกับพี่ภูเขาค่อนข้างที่จะไม่พอใจเขาบอกว่าเขาไม่ชอบถูกจับคลุมถุงชนแต่ก็ขัดใจป้าพิมพ์ไม่ได้
"พี่ภูขาเอินดีใจจังที่พี่ภูกลับมาเอินคิดถึ๊งคิดถึงพี่ภูที่สุดเลยค่ะ^^" น้ำเสียงคุ้นหูของคนที่ฉันเกลียดดังแว่วเข้ามายัยเอินลูกแม่เลี้ยงฉันเองแต่ว่ามันมาทำไมที่บ้านพี่ภูแต่เช้าแล้วมันรู้ได้ยังไงว่าพี่ภูกลับมาแล้วจะบอกว่าป้าพิมพ์บอกก็ไม่น่าใช่เพราะยัยนั่นไม่เคยมาบ้านพี่ภูเลยสักครั้งตั้งแต่พี่ภูไปเรียนต่อ
"พี่ก็คิดถึงเราเหมือนกันไม่เจอกันตั้งหลายปีสวยขึ้นนะ" ฉันไม่โอเคที่ได้ยินแบบนั้น
"จริงเหรอคะ เอินเขินนะคะเนี่ยพี่ภูชมต่อหน้าแบบนี้" น้ำเสียงดัดจริตทำให้ฉันรู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก
แจ้งก่อนอ่าน.....เรื่องนี้มีคำหยาบคายและมีการกระทำที่รุนแรงในบางEPเพราะฉะนั้นใครโลกสวยหรือไม่ชอบนิยายแนวนี้โปรดเลื่อนผ่านXX เขาเอื้อมมือไปที่หัวเตียงแล้วหยิบซองสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ฉันคุ้นตาออกมาเพราะฉันเคยเก็บเศษซากของมันมาก่อน มันคือถุงยางอนามัย "คุณธามคะ อย่า!!!" ฉันกำลังจะบอกกับเขาว่าอย่าทำเพราะฉันรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไรแต่เขากลับเข้าใจไปอีกอย่าง "ทำไม หรืออยากเอาสดกับกู อย่าหวังเลยว่ากูจะยอมสดกับคนอย่างมึง" สวบ!!!! ปึ่ก!!!!! "ไม่ กรี๊ดดดดดดด" ฉันกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียงเมื่อเขาสอดใส่ท่อนเอ็นเข้าไปจนสุดทางฉันเจ็บแปลบไปทั้งร่างกาย จนน้ำตาไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด "เชี่ย!!! มึง ไม่เคยเหรอวะ" คุณธามก้มมองดูจุดเชื่อมต่อแล้วอุทานออกมา
เรื่องนี้เป็นเรื่องของพี่บอมคนดีเพื่อนสนิทอัยวาคุณแม่ของน้องเอิงซึ่งมีคุณพ่ออย่างพี่ภูที่หวงลูกสาวยิ่งกว่าอะไร มาลุ้นความรักต่างวัยของคู่นี้กันนะคะใครชอบแนวโคแก่กินหญ้าอ่อนห้ามพลาดเด็ดขาด ภูผาอัยวาอยู่ในเรื่อง กลลวงร้ายซ่อนรัก นะคะ
"เพลง ฮึก ฮึกเพลง" น้ำเสียงสะอื้นด้วยความเจ็บปวดเมื่อเห็นคนที่ตัวเองรักอยู่ในสภาพนี้ "พะ พี่ไทม์เหรอคะ" มือบางลูบไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มอย่างสะเปะสะปะ "พี่เองครับ ฮือออ เพลงพี่ขอโทษพี่ขอโทษพี่มันเหี้ยพี่มันเลวเพลงให้อภัยพี่ได้มั้ย" เขาจับมือคนรักแล้วนำมาแนบแก้มที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา "พี่รู้ได้ยังไงว่าเพลงอยู่ที่นี่" "พี่รู้ได้ยังไงไม่สำคัญ แต่พี่จะพาเพลงไปรักษาต่างประเทศที่นั่นหมอเก่งมากเพลงต้องหาย"
"เธอชอบเพื่อนฉันเหรอวะ เหอะดูสารรูปตัวเองซะก่อนเหอะยัยอ้วนก่อนจะมาบอกรักใครไอ้คิมมันหล่อขนาดนั้นเธอคิดว่ามันจะมาชอบผู้หญิงที่ทั้งอ้วนทั้งขี้เหร่แบบเธองั้นเหรอห๊ะ อย่างเธอมันไม่มองให้เปลืองลูกกะตาหรอกตัดใจจากมันซะเถอะ" "แต่...ฉันชอบคิมจริงๆนะ" "อย่างเธอถ้าอยากให้ไอ้คิมชอบมันก็พอมีวิธีอยู่นะอยากรู้มั้ยฉันจะบอก" "บอกมาสิ" "ข้อหนึ่งเธอคงต้องไปตายแล้วเกิดใหม่" "ห๊ะนายว่าอะไรนะ!!!" "ฟังฉันยังพูดไม่จบ ฉันยังมีข้อสองให้เธอเลือกนั่นก็คือเธอต้องไปศัลยกรรมให้มันดูดีกว่านี้ไม่แน่ไอ้คิมมันอาจจะหันมาสนใจเธอก็ได้ แต่..ฉันว่าเบ้าหน้าอย่างเธอคงไปไม่รอดทำไปก็แค่นั้นเปลืองเงินเปลืองแรงหมอเปล่าๆ เพราะฉะนั้นเธอตัดใจจากมันซะ" เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของชมจันทร์พยาบาลสาวสวยกับอาร์ตเพื่อนสนิทของคิมหันต์จากเรื่อง ชังรักเมียรับใช้ นะคะ
"ลิล ลิลจำพี่ได้มั้ย" "พี่ พี่เหรอ" "ครับพี่เอง พี่คิมไงสามีของลิล" "สามี สามี" แววตาว่างเปล่าจ้องผมไม่วางตาก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว "ไม่ ไม่ กรี๊ดดดด ไม่ออกไป ฮืออออ ออกไป ฮืออออ"
ปิ่นมึงรู้ไหมว่ากูแม่งโคตรเกลียดมึงเลยเกลียดทั้งแม่มึงทั้งตัวมึง กูจะทำให้มึงอยู่อย่างไม่มีความสุขไม่เชื่อมึงก็คอยดู
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
เธอเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ต้องประสบเคราะห์กรรมสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่มีวันอยู่เป็นสุขเลย พ่อแท้ ๆ และแม่เลี้ยงของเธอบังคับให้เธอแต่งงานกับชายที่เธอไม่รักแทนน้องสาวต่างมารดาของเธอ เธอไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมของตน ในวันแต่งงาน เธอหนีออกจากบ้านไปและได้มีอะไรกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งในคืนนั้น หลังจากนั้นเธอก็พยายามจะหนีไปแต่สุดท้ายก็ถูกพ่อเธอหาจนพบ และหนีไม่รอดชะตากรรมที่จะต้องแต่งงานแทนน้องสาว เธอจะพบว่าชายที่เคยมีอะไรกับเธอในคืนนั้นก็คือสามีของเธอหรือไม่ และเขานั้นจะรู้ว่าเธอเป็นแค่เจ้าสาวปลอมหรือไม่ ตลอดจนความลับเบื้องหลังของสามีคนจนจะเป็นเช่นไร ติดตามไปด้วยกันเลย
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที