เขาโทษว่าเป็นความผิดของเธอที่โทรมาตอนเข้ากำลังปั๊มหัวใจคนไข้ ทำให้เขาเสียสมาธิและเสียคนไข้ไป โดยไม่รู้เลยว่าที่เธอโทรหาก็เพราะเธอเองก็กำลังจะเสียบางอย่างไปเช่นกัน
เขาโทษว่าเป็นความผิดของเธอที่โทรมาตอนเข้ากำลังปั๊มหัวใจคนไข้ ทำให้เขาเสียสมาธิและเสียคนไข้ไป โดยไม่รู้เลยว่าที่เธอโทรหาก็เพราะเธอเองก็กำลังจะเสียบางอย่างไปเช่นกัน
“ครูปิ่นคร้าบ ครูปิ่นช่วยด้วยออมสินล้มหัวมีแต่เลือดเลยครับ” ไออุ่นเด็กชายวัยเก้าขวบวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในห้องเรียนในเวลาสิบห้านาฬิกา
“อะไรนะไออุ่น ค่อยๆ พูดแล้วนั่นทำไมเสื้อมีแต่เลือด”
“ออมสินครับครู ออมสินล้มหัวมีแต่เลือดเต็มเลย” เด็กชายตอบพร้อมกับหอบเหนื่อย
“แล้วล้มอยู่ที่ไหน ไออุ่นพาครูไปหน่อย”
“สนามฟุตบอลครับครู”
ปิ่นปินัทธ์ครูสาววัยยี่สิบห้าปีรีบวางการบ้านที่กำลังตรวจอยู่แล้ววิ่งตามเด็กชายไออุ่นไปยังบริเวณสนามฟุตบอลซึ่งตอนนี้เด็กๆ เด็กกำลังมุงดูอะไรบางอย่างอยู่
“หลบหน่อย ครูปิ่นมาแล้ว”ไออุ่นตะโกนบอกเพื่อน
เมื่อเด็กๆ กระจายตัวกันออกแล้วปิ่นปินัทธ์ก็เห็นว่าตอนนี้เด็กชายออมสินนักเรียนห้องของเธอนั่งอยู่บนพื้นและกำลังร้องไห้ เสื้อสีขาวเปื้อนเลือดเต็มไปหมด
“ออมสินเจ็บตรงไหน เอามือออกก่อนนะขอครูดูหน่อย”
“มันมีแต่เลือดเลยครับครู ผมกลัวผมเจ็บ” เด็กชายร้องไห้จนตัวโยน
“เอาล่ะเด็กๆ ไม่ต้องตกใจนะเดี๋ยวครูจะพาออมสินไปหาหมอพวกเธอก็เตรียมตัวกลับบ้านได้แล้ว ฝากบอกครูที่อยู่หน้าโรงเรียนด้วยว่าถ้าแม่ของออมสินมารับให้ตามไปที่โรงพยาบาล” ปิ่นปินัทธ์สั่งนักเรียนที่กำลังยืนมุงดูอยู่
“ข้าวฟ่างหนูไปหยิบกระเป๋าและกุญแจรถของครูมาให้หน่อยได้ไหมเดี๋ยวครูจะไปรอที่รถ” เธอสั่งนักเรียนที่เคยใช้งานประจำให้ไปเอาของเพราะข้าวฟ่างจะรู้ว่าเธอเก็บไว้ตรงไหนบ้าง
“ค่ะครูปิ่น”
“ข้าวฟ่างอย่าวิ่งนะเดี๋ยวจะหกล้มอีกคน”
เมื่อสั่งข้าวฟ่างแล้วปิ่นปินัทธ์ก็หันมามองออมสินที่ยังคงร้องไห้อยู่
“ใครมีผ้าเช็ดหน้าบ้างครูขอยืมหน่อย”
“ผมมีครับ” เด็กนักเรียนชายตัวผอมส่งผ้าเช็ดหน้าสีตุ่นๆ ของตนเองให้ครู
“มีผื่นที่มันสะอาดกว่านี้ไหม”
“ใช้ของหนูก็ได้ค่ะครู” เด็กหญิงคนหนึ่งยื่นผ้าเช็ดหน้าที่ไม่ได้ขาวมากแต่มันก็ยังดีกว่าผืนเมื่อครูให้กับคุณครูสาว
“ขอบใจนะชมพู่ เอาล่ะออมสินเอามือออกเดี๋ยวครูจะกดแผลให้”
“ผมกลัวครับครู เลือดมันจะหมดตัวไหม”
“ไม่หมดตัวหรอกเชื่อครู เอามือออกนะ” ครูสาวค่อยๆ เอามือลูกศิษย์ออกจากนั้นใช้ผ้าเช็ดหน้ากดไปตรงบาดแผล
“เจ็บมากไหม”
“เจ็บครับ”
“เดี๋ยวครูจะพาไปหาหมอนะ ออมสินเดินไหวไหม”
“ผมไม่หาหมอได้ไหมครับครู ผมอยากกลับบ้านอยากไปหาแม่ ไปหายาย”
“ไม่หาหมอได้ยังไงเลือดออกเยอะขนาดนี้ เมื่อกี้บอกว่ากลัวเลือดจะหมดตัวไม่ใช่เหรอไปโรงพยาบาลกับครูก่อน เดี๋ยวครูจะโทรบอกแม่ให้เอง”
“ครับครู”
ปิ่นปินัทธ์พาลูกศิษย์เดินมายังรถของตนเอง ก็พอดีกับข้าวฟ่างถือกระเป๋าและกุญแจรถมาให้
“ขอบใจมากนะข้าวฟ่างหนูก็เตรียมกลับบ้านได้แล้ว”
“หนูขอไปกับคุณครูได้มั๊ยคะ”
“จะไปได้ยังไงล่ะเดี๋ยวแม่ข้าวฟ่างก็มารับแล้ว”
“แต่หนูกลัวออมสินจะตาย”
“ไม่ตายหรอกข้าวฟ่างแค่นี้เองหนู ไปเตรียมกระเป๋ามารอแม่เถอะเดี๋ยวสี่โมงแม่ก็จะมารับแล้ว”
“ค่ะครู”
ระหว่างขับรถมาโรงพยาบาลเด็กชายก็ร้องไห้งอแงจนเธอไม่แทบจะไม่มีสมาธิขับรถ
“ออมสินหยุดร้องก่อนถ้ายังร้องแบบนี้ ครูจะไม่พาไปโรงพยาบาลแล้วเลือดจะไหลหมดตัวนะ”
“ผมเจ็บ ผมกลัวครับครูปิ่น”
“ไม่ต้องกลัวครับ เดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาลแล้วนะ ออมสินเป็นคนเก่งไม่ร้องนะครับ” ปิ่นปินัทธ์ขับรถไปด้วยปลอบลูกศิษย์ไปด้วย ตอนนี้รถติดมากเธอใช้เวลาสิบห้านาทีก็พากันก็มาถึงโรงพยาบาลประจำจังหวัดขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้โรงเรียนมากที่สุด
หญิงสาวจอดรถบริเวณหน้าห้องฉุกเฉินก็มีเจ้าหน้าที่เข็นรถมารอมารอรับ
“เด็กเป็นอะไรครับครู” เจ้าหน้าที่แผนกรับส่งผู้ป่วยจำได้ว่าเธอคือครูที่ประจำอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งเคยพาเด็กมารักษาที่นี่อยู่บ่อยๆ
“เด็กหัวแตกค่ะ” ปิ่นปินัทธ์บอกแล้วรีบลงจากรถมาช่วยพาลูกศิษย์ของตนเองไปนั่งบนรถเข็น
"ออมสินเข้าไปข้างในก่อนนะครับเดี๋ยวครูเอารถไปจอดแล้วจะตามไปนะ”
“ผมกลัว”
“ไม่ต้องกลัวครับพี่เวรแปลเขาใจดี”
“ไปกับพี่นะครับ เข้าไปหาหมอกันนะ”
“ฝากด้วยนะคะฉันขอเอารถไปเก็บแล้วจะโทรแจ้งผู้ปกครอง เด็กมีประกันโรงเรียนนะคะ ชื่อตามเสื้อที่เขาใส่ค่ะ”
หญิงสาวขับรถไปจอดยังบริเวณด้านหน้าซึ่งโชคดีว่ามันยังมีที่ว่างเหลืออยู่ หลังจากจอดรถแล้วหญิงสาวก็โทรศัพท์ไปบอกแม่ของเด็กชายออมสิน
“คุณแม่น้องออมสินใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ คุณครูมีอะไรหรือเปล่าคะ แม่กำลังจะไปรับออมสินหรือว่าคนอื่นเขากลับหมดแล้ว”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ ครูปิ่นจะโทรมาบอกเรื่องออมสิน”
“ออมสินทำไมคะ”
“คือออมสินเขาหกล้มหัวแตกค่ะ ตอนนี้ครูพามาโรงพยาบาลแล้วค่ะ”
“อะไรนะคะครู” มารดาของออมสินตกใจและเป็นห่วงมาก
“คุณแม่ใจเย็นๆ นะคะตอนนี้ออมสินถึงโรงพยาบาลแล้วครูจะโทรมาบอกให้คุณแม่มารับออมสินที่นี่ค่ะ คุณแม่ขับรถดีๆ นะคะไม่ต้องรีบ”
“แล้วออมสินเป็นอะไรมากไหม เขาสลบหรือเปล่า”
“ไม่หรอกค่ะ ออมสินยังพูดได้คุยได้เพียงแต่ร้องไห้เพราะกลัวเลือดนิดหน่อยค่ะ คุณแม่ไม่ต้องกังวลนะคะ”
“ลูกชายของแม่ไม่ได้เป็นอะไรมากจริงๆ ใช่ไหมคะครูปิ่น”
“ไม่หรอกค่ะเขาแค่มีเลือดออกครูดูแล้วแผลไม่ได้ลึกอะไร คุณแม่ไม่ต้องตกใจนะคะ”
“ถ้างั้นเดี๋ยวแม่จะรีบไปเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะครูที่โทรบอก”
ความผิดพลาดในคืนนั้นทำให้ชีวิตของวิรัลพัชรเปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำใครคือผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่เขาจำได้และเมื่อรู้ว่าเธอกำลังท้องลูกของเขาชายหนุ่มก็ก้าวเข้ามาในชีวิตเพียงเพื่อต้องการลูกของเธอเท่านั้น
นานนับปีแล้วที่อรณิชาไม่ได้รับความสุขจากสามี เขาอ้างว่าเพราะงานแต่จริงๆ แล้วเขามีคนอื่นโดยที่อรณิชาไม่รู้ หญิงสาวจึงให้เวลาเขาและเธอหนึ่งเดือนเพื่อจัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิตคู่ หญิงสาวจึงกลับมาที่เมืองไทย และได้เจอกับอดีตคน รักความสุขความผูกพัน ทางใจในอดีตกับกลายเป็นความสัมพันธ์ทางกายในปัจจุบัน ความใกล้ชิดในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้ทั้งสองเผลอใจก้าวข้ามเส้นที่ขีดไว้ไม่สนใจทถูกผิดมองแค่บนเตียงเพียงอย่างเดียว
ความสัมพันธ์ระหว่างนายหัวหนุ่มและนักศึกษาสาว ที่ห่างกันทั้งอายุและระยะทางนายหัวหนุ่มจะทำให้เธอรักเขาได้อย่างที่เขารักเธอหรือไม่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
ในคืนที่โดนแฟนเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่เครื่องดื่ม เธอขอให้ชายคนหนึ่งช่วย พอเช้ามาถึงได้รู้ว่าเขาคือเพื่อนสมัยเรียนเขาขู่ให้เธอยอมเป็นคู่นอนของเขาโดยบอกว่ามีคลิปในคืนนั้นเธอยอมเพราะคำขู่แต่เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีคลิปทุกอย่างระหว่างเขากับเธอก็จบแต่เขาไม่ยอมจบเพราะตอนนี้คิดกับเธอมากไปกว่าคู่นอนไปแล้ว
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
" ผมใหญ่ครับ " " ใหญ่นี่ ชื่อหรือสรรพคุณคะ " " ก็... ทั้งสองอย่างครับ " +++++++++++++++++++++++++++ " ผมอยากเอาคุณเป็นบ้าเลย " ดวงตาของมิถุนาเบิกกว้างเมื่อได้ยินประโยคนั้น ไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะพูดมันออกมาตรง ๆ อย่างไม่ให้เกียรติเธอแม้แต่นิด " ไอ้โรคจิต หยาบคาย ! " เธอผรุสวาทออกมาทั้งยังพยายามดิ้นรนผลักไสให้ตัวเองหลุดพ้นพันธนาการอันเป็นอ้อมแขนเหนียวแน่นนั้น และแน่นอนว่านอกจากไม่หลุดแล้วเขายังรัดเธอแน่นเข้าไปอีก " ปล่อยฉันนะ ! " " ก็คุณบอกให้ผมพูดเอง " " ใครจะไปรู้ว่าความคิดคุณจะทุเรศลามกขนาดนั้น " " มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ธรรมชาติสร้างให้สัตว์เพศผู้เพศเมียสมสู่กันเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ ความต้องการทางเพศมันเป็นเรื่องปกติ หรือว่าคุณไม่เคยมีมัน " " ฉันมีคู่หมั้นแล้วและไม่ได้อยากดำรงเผ่าพันธุ์อะไรกับคนแบบคุณ ! " เขาหัวเราะเบา ๆ ต่างกับเธอที่ตาเขียวปั้ด อยากจะยกมือขึ้นตะกายหน้าหล่อ ๆ นั่นแทบบ้า ไอ้คนไร้มารยาท ! " เราไม่ต้องดำรงเผ่าพันธุ์อะไรทั้งนั้น " เขาเริ่มบทสนทนาต่อก่อนโน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหูเธอเบา ๆ " แค่เอากันก็พอ " ++++++++++++++++++++++++++++++++++++ " ...แค่อยากจะมาทักทายคนคุ้นเคยเป็นการส่วนตัว " " ฉันไม่ใช่คนคุ้นเคยของนาย " " งั้นคุณเป็นคนคุ้นเคยของผมฝ่ายเดียวก็ได้ " " อย่ามากวนนะ ระวังจะโดนเอาคืน " " ก็เอาสิ จะเอาคืน เอาวัน หรือเอาทั้งวันทั้งคืนเลยก็ได้นะ ผมไม่ติด "
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
หลังจากเมา เธอก็ได้รู้จักกับคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง เธอต้องการความช่วยเหลือจากเขา ส่วนเขาหลงเสน่ห์รูปร่างที่ดีและความสวยงามของเธอ พอเวลาผ่านไป เธอก็ตระหนักได้ว่าเขามีคนอยู่ในใจแล้ว เมื่อรักแรกของเขากลับมา เขาก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่ละคืนเหวินม่านอยู่ในห้องว่างเปล่าด้วยคนเดียว แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เธอได้รับมาก็มีแต่เช็คใบหนึ่งและคำกล่าวลาเท่านั้น เดิมทีคิดว่าเธอจะร้องไห้โวยวาย แต่ไม่คาดคิดว่าเธอหยิบใบเช็คแล้วจากไปอย่างไม่ลังเล: "คุณฮั่ว ลาก่อน!"... พอพบกันอีกครั้ง เธอก็มีคนอยู่ข้างกายแล้ว เขาพูดด้วยตาแดงก่ำ: "เหวินม่าน ผมคบกับคุณมาก่อนนะ" เหวินม่านยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า "ทนายฮั่ว คนที่บอกเลิก นั่นคือคุณเองนะ! ถ้าอยากจะเดทกับฉัน คุณต้องต่อคิว..." วันถัดมา เธอได้รับเงินโอนหนึ่งแสนล้านพร้อมแหวนเพชร ทนายฮั่วคุกเข่าข้างหนึ่ง: "คุณเหวิน ผมอยากจะแทรกคิว"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
© 2018-now MeghaBook
บนสุด