เธออุตส่าห์หนีไปไกลแสนไกล แต่หัวใจมันยังไม่ลบเขาออกไปไม่ได้เสียที
ไม่คิดมาก่อนว่าชีวิตต้องเจอปัญหาหนักหนาขนาดนี้ แม้พยายามเรียนหนังสืออย่างหนักแล้วก็ตาม สองเดือนก่อนพ่อหยุดส่งเงินให้ โทรมาสอบถามแม่เลี้ยงก็เอาแต่บ่ายเบี่ยงไม่พูดอะไร จนเธอต้องลาออกจากงานที่อังกฤษแล้วกลับมาเมืองไทย คราวนี้แน่ใจว่าตัวเองคงเข้มแข็งมากพอหาต้องเผชิญหน้ากับพี่สาวซึ่งไม่ได้เกี่ยวพันกันทางสายเลือด แต่เพราะพ่อแต่งงานใหม่เลยทำให้เธอกับพี่ต้องกลายเป็นพี่น้องโดยปริยาย
สิ่งที่กลัว... แค่หวังให้ไม่ต้องพบเจอเขาคนนั้น ในฐานะพี่เขย เพราะเธอกลัวใจตัวเอง หากไม่อาละวาดก็คงสะอื้นไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด กลิ่นจันทร์ส่ายหน้า รู้สึกหนักอกขึ้นมาขนาดแค่คิดยังทรมาน หากเห็นภาพบาดตาของสองคนคงไม่ต้องพูดถึงเลย
เสียงรถจอดเทียบหน้าบ้านทำให้หญิงสาวหยุดคิด ร่างบางก้าวออกมาด้านนอกจ้องมองด้วยความสงสัย ใครกันที่มาเยือนในเวลานี้ อีกอย่างประตูรั้วหน้าบ้านถูกปิดอย่างดี เหตุใดถึงเข้ามาได้ ทันทีที่ประตูรถเปิดออก กลิ่นจันทร์นิ่งงันเหมือนถูกสาป ร่างกายแข็งดั่งหิน ดวงตาจ้องมองแขกด้วยความรู้สึกถวิลหา ริมฝีปากบางสั่นระริกอย่างไม่อาจบังคับมันได้
“คิม...” เสียงหวานละเมอแผ่ว ก่อนกลืนมันหายไปในลำคอ ราวกับต้องการลบเรื่องบางอย่างออกจากความทรงจำเช่นเดียวกัน
ชายรูปร่างสูงใหญ่ ผิวกายขาวสะอาด วงหน้าคมเข้ม เส้นผมสีน้ำตาลอ่อน ริมฝีปากหยักลึก สวมเสื้อเชิ้ตสีดำปลดกระดุมสองเม็ดเผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้ออันแน่นขนัด กางเกงสแลคเข้ารูปสีเดียวกันส่งให้ผิวยิ่งดูสว่างมีออร่ามากขึ้น กลิ่นจันทร์แทบจำไม่ได้ว่าเขาคือคนคนเดียวกันกับชายที่เธอเฝ้าคิดถึงตลอดมา
ชายชื่อคิมหยุดเท้าสบตากับหญิงสาวซึ่งยืนอยู่ตรงหน้า ริมฝีปากหยักลึกกระตุกยิ้มเหมือนเยาะ เขาเลิ่กคิ้วเหมือนมีคำถาม แล้วเอียงคอกอดอกราวต้องการแกล้งอีกฝ่ายซึ่งกำลังยืนตะลึงอยู่
“แปลกใจมากเหรอที่เห็นผม” เขาถามเสียงเข้ม
คนถูกถามได้สติ รีบปรับอารมณ์ตนเอง
“คุณเข้ามาที่นี่ได้ยังไง ออกไปซะ!” หญิงสาวตวาดไล่ทันที
เขายักไหล่แล้วหัวเราะ
“นี่คุณกำลังเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า” ชายหนุ่มบอกแล้วจ้องหน้าคนพูด “ที่นี่มันบ้านของผม”
คนฟังชะงักขมวดคิ้ว “อะไรนะ”
“หูคุณไม่ฝาดหรอก บ้านหลังนี้เป็นของผม”
กลิ่นจันทร์ยกเรียวแขนกอดอก ชักสีหน้าไม่พอใจ
“สมองคุณมีปัญหาหรือเปล่า ตัวคุณรู้อยู่แก่ใจว่าบ้านหลังนี้เป็นของใคร!”
“ฟังให้ดีนะคุณกลิ่นจันทร์ เมื่อก่อนบ้านหลังนี้อาจเคยเป็นของพ่อคุณ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่อีกแล้ว” เขาอธิบายอย่างชัดเจน แล้วมองดูปฏิกิริยาของคนฟัง
“ไม่จริง!” คนตัวเล็กเถียงทันที
“อยากดูโฉนดไหมล่ะ ผมจะได้เอามาให้ดู”
ยิ่งคิดยิ่งสับสน เธอไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น อยู่ดีๆ เขามาบอกว่าบ้านหลังนี้เป็นของตัวเองได้ยังไง แล้วพ่อล่ะไปไหน ทำไมไม่ส่งข่าวบอก ถ้าหากขายบ้านหลังนี้แล้ว พ่อต้องบอกอะไรบ้างสิ พ่อรักบ้านหลังนี้มากแค่ไหนทำไมเธอจะไม่รู้ แล้วมีหรือจะขายมัน เป็นไปไม่ได้
“คุณล้อฉันเล่นใช่ไหม” เธอสบตาแล้วถามอย่างจริงจัง ไม่ว่ากี่ครั้งผู้ชายคนนี้ก็ทำให้เธอหวั่นไหวได้ทุกที ทำไมกัน ถึงลืมเขาไปจากใจไม่ได้ ยิ่งพอสบตาหัวใจมันดันสั่นไหวอย่างรุนแรง เธอไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เลย
เขาส่ายหน้า “เปล่าเลยกลิ่น คุณน่าจะรู้ว่าผมไม่ใช่คนขี้เล่นสักเท่าไหร่” คำตอบเล่นเอาคนฟังอึกอักพูดไม่ออก เมื่อสีหน้าแววตาซึ่งส่งมาสื่อความนัยบางอย่าง ซึ่งเธอเข้าใจความหมายมันดี
“ไม่จริง...” เสียงหวานละเมอ น้ำตาปริ่มขอบ “พ่อฉันไม่มีทางขายบ้านหลังนี้”
คิมหันต์มองอีกฝ่ายแววตาหม่น หัวใจมันเจ็บปวด เธอทำให้เขารู้จักคำว่ารัก และรู้จักคำว่าเจ็บจนหัวใจแหลกสลาย เขาไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องในอดีต แต่ไม่อาจลืมเลือนความรู้สึกที่มีให้ได้เลย ในใจหวังตลอดมาให้ได้พบกันอีกครั้ง เขารอให้เธอได้รับรู้ความเจ็บเช่นเดียวกันบ้าง
“พ่อคุณไม่ได้ขาย แม่เลี้ยงของคุณต่างหาก”
กลิ่นจันทร์ชะงักทันทีที่ได้รับรู้
“หมายความว่ายังไง ฉันไม่เข้าใจ”
“ตามที่บอก แม่เลี้ยงคุณขายบ้านหลังนี้ให้ผม”
“มันจะเป็นไปได้ยังไง ฉันไม่เชื่อ คุณวางแผนอะไรใช่ไหม!” หรือเขาคิดเรื่องไม่ดี ได้พี่สาวเธอแล้วยังต้องการอะไรอีก ต้องการทำให้เธอเจ็บปวดไปถึงไหน