โปรย เมียเถื่อนของคมฉกรรจ์ เพราะเธอต้องเข้าพิธีแต่งงานกับชายอื่นเพื่อช่วยเหลือบิดามารดา ทั้ง ๆ ที่เธอรักคมฉกรรจ์เหลือเกิน เธอจึงจุดไฟความแค้นขึ้นมาในตัวเขา เขาลักพาตัวเธอในคืนวันแต่งงานทำให้เธอเป็นเมียเถื่อนของเขา ตัวอย่างบางช่วงบางตอน... คีตาตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว เธอเพิ่งเสียตัวเป็นครั้งแรก โดนจัดหนักจากอดีตแฟนหนุ่มที่ลักพาตัวเธอมาจากงานแต่งงาน "ตื่นแล้วเหรอ" น้ำเสียงเย็นชาของคมฉกรรจ์ทำให้เธอต้องเม้มปากเข้าหากัน คีตาไม่ตอบ แต่เธอกอดตัวเองเอาไว้ด้วยความหนาว ดึงผ้าห่มมาปิดบังเรือนร่างและเลื่อนมือไปหยิบเสื้อผ้าที่โดนกระชากออกไปจากตัว พบว่ามันขาดวิ่นจนหมดแล้ว เธอกัดปากตัวเองก่อนจะเหลือบมองคนตัวโตด้วยดวงตาแดงก่ำ "ไม่ต้องใส่หรอก เดี๋ยวจะเอาอีกหลายๆ รอบ" เขาเดินเข้ามาหาก่อนจะกระชากเสื้อผ้าออกไปจากมือน้อยของเธอ "พี่คม" เธอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเทา "ทำสีหน้าแบบนี้อยากกลับไปหาเจ้าบ่าวของเธออย่างนั้นเหรอ แต่เสียใจด้วยนะ ป่านนี้มันคงรู้แล้วล่ะว่า มันไม่มีทางได้ตัวเธอ" "พี่คมทำถึงขนาดนี้ เพลงจะมีหน้ากลับไปได้อีกเหรอคะ" เธอมองเขาแล้วน้ำตาซึม "เสียใจขนาดนี้เลยเหรอที่ตกเป็นของพี่" "พี่คมย่ำยีกันขนาดนี้ จะให้เพลงนั่งยิ้มนั่งหัวเราะเหรอคะ" "ก็แล้วเธอผิดสัญญาไปแต่งงานกับไอ้ชเยศก่อนทำไมกันล่ะ" "พ่อกับแม่กำลังลำบาก เพลงต้องตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ พี่ก็รู้ว่าเพลงรอไม่ได้" "เพราะไอ้หมอนั่นมันมีเงินมากกว่าต่างหากล่ะ" "ไม่ใช่นะจ้ะ แต่เพราะหนี้สินของพ่อแม่รอไม่ได้จริงๆ เพลงเองก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับคุณเชน" "เรียกมันเสียสนิทสนม ไม่เรียกมันว่าพี่เชนไปเลยล่ะ" เขาประชด หมอนั่นกวนบาทาเขาจริง ๆ เคยมีเรื่องชกต่อยกันมาแล้ว "ทำไมต้องประชดเพลงด้วย" คีตามองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ "ก็ดีที่ไม่อยากแต่งงานกับมัน พี่สืบรู้มาว่าพ่อแม่ของเธอไม่ได้เป็นหนี้จริงๆ แต่ที่ทำไปทั้งหมดเป็นการเล่นละครบีบบังคับให้เธอแต่งงานกับหมอนั่น" "จริงเหรอจ๊ะ" "จริงสิ" "พี่รู้อย่างนี้ก็ยังจะทำแบบนี้อีกเหรอจ๊ะ" "ไม่ทำแบบนี้เธอก็เป็นเมียหมอนั่นน่ะสิ ไม่ต้องกังวลไป พ่อแม่เธอไม่โดนทวงหนี้หรอก" "พี่รักเพลงจริงหรือเปล่าจ๊ะ" "ทำไม" "พี่ทำแบบนี้เพลงจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ไหนจะพ่อกับแม่อีก" "ถ้าไม่ทำแบบนี้ เพลงก็ต้องเป็นของมัน พี่ไม่ยอม" เขาลุกจากที่นั่งผิงไฟอยู่มาหาเธอ คีตาถอยหนี คมฉกรรจ์ก็ดึงรั้งเธอมาหา "พี่คมจะทำอะไรคะ" เธอเอ่ยถามปากคอสั่น แนวนิยาย นิยายรักโรแมนติกโรมานซ์ หวานซึ้งตรึงใจ จบแบบสุขนิยม ไม่มีนอกกาย ไม่มีนอกใจ พระนางมีความรักที่มั่นคง
เสียงครวญครางของคีตาดังขึ้นตลอดค่ำคืนอันหนาวเหน็บของป่าลึก ก่อนจะเงียบเสียงลงในตอนย่ำรุ่ง
คีตาตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว เธอเพิ่งเสียตัวเป็นครั้งแรก โดนจัดหนักจากอดีตแฟนหนุ่มที่ลักพาตัวเธอมาจากงานแต่งงาน
“ตื่นแล้วเหรอ” น้ำเสียงเย็นชาของคมฉกรรจ์ทำให้เธอต้องเม้มปากเข้าหากัน
คีตาไม่ตอบ แต่เธอกอดตัวเองเอาไว้ด้วยความหนาว ดึงผ้าห่มมาปิดบังเรือนร่างและเลื่อนมือไปหยิบเสื้อผ้าที่โดนกระชากออกไปจากตัว พบว่ามันขาดวิ่นจนหมดแล้ว เธอกัดปากตัวเองก่อนจะเหลือบมองคนตัวโตด้วยดวงตาแดงก่ำ
“ไม่ต้องใส่หรอก เดี๋ยวจะเอาอีกหลายๆ รอบ” เขาเดินเข้ามาหาก่อนจะกระชากเสื้อผ้าออกไปจากมือน้อยของเธอ
“พี่คม” เธอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
“ทำสีหน้าแบบนี้อยากกลับไปหาเจ้าบ่าวของเธออย่างนั้นเหรอ แต่เสียใจด้วยนะ ป่านนี้มันคงรู้แล้วล่ะว่า มันไม่มีทางได้ตัวเธอ”
“พี่คมทำถึงขนาดนี้ เพลงจะมีหน้ากลับไปได้อีกเหรอคะ” เธอมองเขาแล้วน้ำตาซึม
“เสียใจขนาดนี้เลยเหรอที่ตกเป็นของพี่”
“พี่คมย่ำยีกันขนาดนี้ จะให้เพลงนั่งยิ้มนั่งหัวเราะเหรอคะ”
“ก็แล้วเธอผิดสัญญาไปแต่งงานกับไอ้ชเยศก่อนทำไมกันล่ะ”
“พ่อกับแม่กำลังลำบาก เพลงต้องตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ พี่ก็รู้ว่าเพลงรอไม่ได้”
“เพราะไอ้หมอนั่นมันมีเงินมากกว่าต่างหากล่ะ”
“ไม่ใช่นะจ้ะ แต่เพราะหนี้สินของพ่อแม่รอไม่ได้จริงๆ เพลงเองก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับคุณเชน”
“เรียกมันเสียสนิทสนม ไม่เรียกมันว่าพี่เชนไปเลยล่ะ” เขาประชด หมอนั่นกวนบาทาเขาจริง ๆ เคยมีเรื่องชกต่อยกันมาแล้ว
“ทำไมต้องประชดเพลงด้วย” คีตามองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ
ชเยศเป็นหนุ่มเมืองกรุงฯ ที่มาตามหาพี่ชายที่หายสาบสูญ แล้วเผอิญอีกฝ่ายมาถูกตาต้องใจเธอเข้า แต่เธอกำลังคบหาอยู่กับคมฉกรรจ์ชายหนุ่มในหมู่บ้านเดียวกัน แต่เพราะคมฉกรรจ์เป็นชายหนุ่มกำพร้าที่ถูกยายสะอาดเลี้ยงดูมาจนโต ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยเหมือนหนุ่มเมืองกรุงอย่างชเยศ ทำให้บิดามารดาของเธอรังเกียจเดียดฉันเขา
ถึงกระนั้นเธอก็ยังรักมั่นคงกับคมฉกรรจ์ไม่แปรผัน ถ้าไม่ใช่เพราะบิดามารดาของเธอเป็นหนี้และโดนทวงหนี้โหด เธอคงไม่เข้าพิธีแต่งงานกับชเยศ
ที่เธอเข้าพิธีแต่งงานกับเขาเพราะเงิน แต่ถ้าไม่มีเงินบิดามารดาก็จะโดนฆ่าตาย เสี่ยเจ้าของบ่อนโหดมาก เธอเป็นลูกก็ต้องกตัญญูต่อบุพการี เพราะพวกท่านเลี้ยงดูมาอย่างดี ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจเช่นนี้
เธอก็อยากให้คมฉกรรจ์เข้าใจเธอด้วย
“ก็ดีที่ไม่อยากแต่งงานกับมัน พี่สืบรู้มาว่าพ่อแม่ของเธอไม่ได้เป็นหนี้จริงๆ แต่ที่ทำไปทั้งหมดเป็นการเล่นละครบีบบังคับให้เธอแต่งงานกับหมอนั่น”
“จริงเหรอจ๊ะ”
“จริงสิ”
“พี่รู้อย่างนี้ก็ยังจะทำแบบนี้อีกเหรอจ๊ะ”
“ไม่ทำแบบนี้เธอก็เป็นเมียหมอนั่นน่ะสิ ไม่ต้องกังวลไป พ่อแม่เธอไม่โดนทวงหนี้หรอก”
“พี่รักเพลงจริงหรือเปล่าจ๊ะ”
“ทำไม”
“พี่ทำแบบนี้เพลงจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ไหนจะพ่อกับแม่อีก”
“ถ้าไม่ทำแบบนี้ เพลงก็ต้องเป็นของมัน พี่ไม่ยอม” เขาลุกจากที่นั่งผิงไฟอยู่มาหาเธอ คีตาถอยหนี คมฉกรรจ์ก็ดึงรั้งเธอมาหา
“พี่คมจะทำอะไรคะ” เธอเอ่ยถามปากคอสั่น
“พี่ไม่ทำอะไรเพลงหรอก แค่จะหาเสื้อผ้าให้สวม” เขาเห็นท่าทีหวาดกลัวของเธอ ก็ได้สติว่าเขาอาจจะทำรุนแรงกับเธอไป
“พี่เตรียมเสื้อผ้ามาให้เธอแล้ว เปลี่ยนซะ” เขายื่นเสื้อผ้าให้เธอ
“กี่โมงแล้วคะพี่คม” เธอรับเสื้อผ้ามาสวมใส่อย่างไม่เกี่ยงงอน ตอนนี้เธอมึนงงไปหมด ไม่รู้จะทำยังไงต่อไป แต่โดนเขาฉุดเข้าป่ามาจากงานแต่งแบบนี้ เธอคงไม่มีหน้ากลับไปพบใครอีก
“ตีสี่” เขาตอบเสียงขรึม
เธอเงียบไป ไม่รู้จะพูดอะไรดี ได้แต่มองเขาตาปริบๆ
“หิวไหม”
“ไม่ค่ะ” เธอส่ายหน้าไปมา
“นอนต่อเถอะ” เขาเดินเข้าหา เพราะนอนกันอยู่ตรงแคร่สูงหน้ากระท่อม เธอมาถึงนี่ก็ทะเลาะกับเขา จะกลับบ้านท่าเดียว เลยโดนเขาปลุกปล้ำและลากยาวมาจนถึงตอนนี้ ถามว่าตอนนี้รู้สึกยังไง บอกได้คำเดียวว่าอ่อนเพลียไปหมด
“พี่จะทำอะไร”
“นอนกอดเธอไง พี่ก่อไฟแล้ว รับรองว่าไม่หนาว และถ้าได้อ้อมกอดของพี่อีกก็จะอุ่นสบาย”
คีตายังไม่ทันที่จะได้หนีเขาก็ตรงเข้ามากอดรัดเธอเอาไว้แนบอก
“พี่คม”
“ทำไม”
“ปล่อยนะคะ”
“ถ้าไม่ให้กอดทำอย่างอื่นแทนแล้วกัน” เสียงเขาเข้มดุตามนิสัย
“ไม่ทำแล้วค่ะ” เธอพูดเสียงอ่อย
“หลับเถอะ พี่ง่วง” เขาบอกอย่างอ่อนแรงไม่ต่างกัน ลักพาตัวเธอมาได้ ก็พาเข้าป่ามาอีก สมบุกสมบันพอสมควร ดีที่ตอนพาเข้าป่าเธอสลบ ไม่อย่างนั้นคงทุลักทุเลกว่านี้
พอเขาพูดแบบนั้นก็กอดรัดเธอแนบอกและหลับไปในทันที เธอไม่ได้พูดอะไร แต่หลับตามเขาไปเพราะอ่อนเพลียและง่วงนอนสุดใจ
คีตาตื่นมาอีกครั้งก็เพราะวกลิ่นอาหารลอยมาปะทะจมูก เธอไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าขึ้นมานอนบนเตียงในกระท่อมตอนไหน อาจเพราะหลับลึกโดนอุ้มมานอนบนเตียงอุ่น ๆ แล้วไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เธอแอบชอบเขาเพราะเขาคือพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเธอเอาไว้ เธอจึงสารภาพรักกับเขาเมื่อเรียนจบและได้เข้าทำงานในบริษัทของเขา แต่เขากลับให้เธอเขียนใบลาออก เธอจึงหนีหายไปจากชีวิตของเขา ได้เจอกันอีกครั้งความจริงก็ถูกเปิดเผย!
เขาเป็นคุณอาของเพื่อน เย็นชา หน้านิ่ง แถมยังดุอีกด้วย ในค่ำคืนหนึ่งที่โดนเพื่อนชายวางยา เขากลับช่วยเธอเอาไว้ แล้วกลายเป็นคุณอาหนุ่มคลั่งรักที่ทำเอาเธอกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อย ๆ ในอ้อมแขนแข็งแกร่งอบอุ่นอ่อนโยนของเขา
เธอพลาดท่าเสียทีเขาในค่ำคืนหนึ่ง เขาออกตามหาเธอจนแทบพลิกแผ่นดิน จู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งอุ้มลูกน้อยมาบอกเขาว่า เขาคือพ่อของลูก แล้วจากไป เขาได้เจอผู้หญิงอีกคน กลับตกหลุมรักเธอในทันที และความลับมากมายที่ถูกเก็บซ่อนก็เปิดเผยออกมาให้เขาได้รับรู้
เธอต้องหมั้นหมายกับหลานชายของเขา แต่เพราะประสบอุบัติเหตุทำให้เกิดผลข้างเคียงกลายเป็นผู้หญิงอ้วนสุดแสนอัปลักษณ์ หลานชายของเขาจึงขอถอนหมั้น แต่เธอไม่คิดว่าเขาผู้มีศักดิ์เป็นอาจะเป็นคนหมั้นหมายกับเธอแทน คุณอาหนุ่ม เพื่อนรุ่นน้องของบิดามารดาที่เธอแอบชอบมานานหลายปีแล้ว ในที่สุดจะได้เป็นสามีของเธอจริงๆ
พิมพ์ลภัสโดนมารดาเลี้ยงกับน้องสาวใจร้ายโยนออกจากบ้านท่ามกลางสายฝน และโพทะนาไปว่าเธอหนีตามผู้ชายไป เพื่อทำลายชื่อเสียงของเธอ กลับมาอีกครั้ง พิมพ์ลภัสจึงเปลี่ยนจากบทนางเอกกลายเป็นนางร้ายเอาคืนคนที่ทำเอาไว้กับเธออย่างสาสม!
หวังจื่อหลินอ่านนิยายจบด้วยความโมโหที่นางเอกในนิยายโดนทำร้ายจนตาย เธอเดินข้ามถนนไม่ทันระวังจึงโดนรถชน หลิวเหวินจงเพื่อนชายคนสนิทที่แอบรักเธอจึงเข้ามาช่วยเอาไว้ แต่ทั้งสองก็โดนรถชนอยู่ดี สองหนุ่มสาวกลายเป็นเจ้าชายและเจ้าหญิงนิทรานอนหลับไม่ฟื้น แต่ขณะเดียวกันก็ทะลุมิติเข้าไปอยู่ในนิยายเล่มที่ตัวเองอ่าน และเข้าไปแก้ไขสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นให้แปรเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ซินหยาน นักฆ่าสาวที่ใช้นามแฝงว่า สืออี เธอถูกพาตัวมาจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดปี เพื่อฝึกให้เป็นนักฆ่าขององค์การใต้ดิน เพราะความสามารถของเธอ รวมถึงความเฉลียวฉลาดจากการเอาตัวรอด ทำให้เธอได้รับภารกิจเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ จนวันหนึ่งที่องค์กรยื่นข้อเสมอสุดพิเศษให้ หากทำภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นเธอจะสามารถไปใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้ แต่เรื่องมันจะง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ซินหยาน แม้จะรู้ดีว่านี้เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกสั่งเก็บแต่ก็รับงานมาอย่างเต็มใจ แต่ที่องค์การคิดไม่ถึงคือ ซินหยานเลือกที่จะจบชีวิตลงพร้อมกับภารกิจสุดท้ายที่สูญหายไปพร้อมกับเธอด้วย ซินหยานเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสองหนาว จางซินหยาน ชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก และยิ่งคุ้นมากขึ้นเมื่อชื่อของบิดามารดาของซินหยานก็คือนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอได้เคยอ่านเมื่ออยู่ภพที่แล้ว หลังจากที่จางซินหยานอายุได้สิบหกหนาว นางตกหลุมรักท่านแม่ทัพจ้าว ที่ได้รับบาดเจ็บและจางซินหยานเป็นผู้ช่วยไว้ ถ้าหากท่านแม่ทัพจ้าวมิได้มีสตรีที่ตบแต่งไปแล้วเรื่องนี้ก็คงจบอย่างสวยงาม แต่เพราะเขารับจางซินหยานไปเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น จางซินหยานก็ยังคิดว่าถึงจะเป็นเพียงอนุนางก็ยังหวังว่าท่านแม่ทัพจะรักนางเช่นกัน แต่เปล่าเลย ในสายตาของท่านแม่ทัพมีเพียงฮูหยินเอกเท่านั้น จนตายจางซินหยานก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของท่านแม่ทัพ ซินหยานเมื่อมาอยู่ในร่างของจางซินหยานแล้วนางจะยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร แต่เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลก เพราะเรื่องที่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวดันเข้าไปยุ่งเต็มๆ