“อิงฟ้า นี่คือองศา ต่อไปนี้เธอจะมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของลูก ไปไหนมาไหนก็จะไปพร้อมกับลูกยกเว้นแค่เวลานอนหลังจากที่ส่งลูกถึงคฤหาสน์ของเราแล้ว องศาจะต้องกลับบ้านไปและก็จะกลับมาในเช้าวันใหม่เพื่อรอรับลูกไปโรงเรียนแล้วเรียนรู้ธุรกิจ ทำกิจกรรม activity อะไรต่างๆ ก็จะต้องมีเขาไปด้วยตลอด” “แต่พ่อคะ อิงบอกแล้วไงว่าไม่เอาบอดี้การ์ด” “ลูกบอกแค่ว่ายังไงก็ไม่เอาบอดี้การ์ดผู้ชายเด็ดขาด ก็นี่ไงองศา ไม่ใช่ผู้ชาย ก็ตรงตามเงื่อนไขที่เราตกลงกันแบบนี้จะมาโวยวายไม่ได้นะอิงฟ้า” 'ชิ คนอะไรหน้าบูดบึ้งขนาดนั้น ถูกบังคับให้มาเป็นบอดี้การ์ดรึไง ทำให้เหม็นขี้หน้าตั้งแต่แรกเจอเลยจริง ๆ'
ข่าวด่วน!
เมื่อกลางดึก เวลา ตีหนึ่งกว่า ตามเวลากล้องวงจรปิดของผับชื่อดังย่านไฮโซแห่งหนึ่ง มีคนพบร่างผู้บาดเจ็บนอนจมกองเลือดอยู่ในซอยข้างผับ ซึ่งปกติในซอยบริเวณตรงนี้จะเป็นสถานที่ลับสำหรับพรอดรักหรือมายืนสูบบุหรี่และจับกลุ่มมั่วสุมกัน ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาดึกมากแล้วผู้ที่พบเห็นร่างผู้บาดเจ็บให้การว่า เขาและเพื่อนอีกสองคนกำลังจะเดินมาสูบบุหรี่ แต่เพื่อนของเขาคนนึงดันเตะเข้ากับร่างของผู้ที่คิดว่าเสียชีวิตที่นอนคว่ำหน้าอยู่ ในคราแรกไม่กล้าแตะต้อง แต่พอเห็นว่ามือเขายังกระดิกและมีเสียงครวญครางเบาๆ ด้วยความเจ็บปวดร้องขอความช่วยเหลือพวกเขาจึงได้แจ้งตำรวจและหน่วยกู้ภัย ขณะนี้ระบุตัวตนผู้บาดเจ็บได้แล้วคือนักธุรกิจหนุ่มเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้
นายอนวัช สุธรธารา นักธุรกิจหนุ่มวัย 27 ปีที่มีข่าวว่าเพิ่งจะประมูลงานยักษ์ระดับประเทศได้ ขณะนี้หมอและครอบครัวยังไม่มีใครยืนยันได้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บขนาดไหนและใครเป็น
ผู้ก่อเหตุ
จบการรายงานข่าว
โรงพยาบาล
อิงฟ้า คุณหนูที่เพียบพร้อมไปหมดทุกสิ่งอย่างในชีวิต ไม่ว่าจะคิดจะฝันว่าอยากได้อะไรขอแค่เธอเอ่ยปากก็ไม่เคยต้องรอนาน ทั้งพ่อแม่และพี่ชายต่างประเคนทุกสิ่งให้เธออย่างเต็มที่ แต่ชีวิตเธอกลับตาลปัตรเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือในตอนนี้ เธอที่เป็นเพียงเด็กมหาลัยปี 3 คณะนิเทศศาสตร์ รอยยิ้มสดใสที่เคยประดับอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา ตอนนี้มันหายไป เหลือเพียงรอยน้ำตาและความเศร้าหมอง เธอมองภาพพี่ชายจากห้องกระจกอีกด้านของโรงพยาบาล เพราะเขาถูกสั่งงดเยี่ยม อาการของอนวัชสาหัสมากกว่าที่ใครจะคิด เขาถูกแทงและเสียเลือดมากเกินไป อีกทั้งบาดแผลจากการโดนแทงหลายจุดนั้นโดนทั้งจุดสำคัญและรอบตัวประปรายแม้จะไม่ใช่จุดสำคัญแต่ก็เป็นรูพรุนไปหมด ชนิดที่บอกได้เลยว่าคนร้ายนั้นต้องอำมหิตและโหดเหี้ยมเกินกว่าจะเป็นเพียงแค่โจรกระจอกธรรมดา เธอและพ่อแม่ได้แต่ยืนมองที่กระจกกั้นไม่สามารถเข้าไปในห้องปลอดเชื้อนั้นได้จนกว่าคุณหมอจะอนุญาต
“คุณหมอ ผมจ่ายให้ไม่อั้นไม่ว่าจะรักษาด้วยวิธีไหน ค่าใช้จ่ายจะแพงขนาดไหน ผมยินดีจ่าย ขอเพียงแต่ลูกชายของผมหายดี ได้โปรด”
“หมอพยายามอย่างเต็มที่แล้วค่ะ แต่ว่ากว่าคนไข้จะมาถึงที่นี่การรักษาบางอย่างก็ยากเกินไป เส้นประสาทเสียหายหลายจุดและเลยเวลาที่จะต่อกลับได้ ถ้าคนไข้ลืมตาขึ้นมาได้นั่นก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้วค่ะ”
“คุณหมอคะ พี่ชายหนูมีโอกาสจะหายไหม เขาจะพิการไปตลอดชีวิตจริงๆหรอคะ”
“โอกาสหายมีค่ะ แต่เรียกได้ว่าริบหรี่ มันน้อยมากเสียจนหมอเองยังมองไม่เห็นทาง เราต้องพึ่งปาฏิหาริย์แล้วล่ะค่ะ หมอบอกได้เท่านี้”
“โถ่คุณหมอ ลูกชายของฉัน…ฮื้อออ เอิ้ก!”
อิงฟ้าเกือบจะรับร่างของมารดาไม่ทัน เพราะจู่ๆผู้เป็นมารดานั้นก็ร้องไห้โฮออกมาอย่างเสียใจและสลบไปในเวลาไม่กี่วินาทีถัดมา ผู้เป็นพ่อรีบรับร่างของภรรยาคู่ชีวิตและพาไปนอนที่เตียง หมอก็เร่งรีบเดินไปตรวจอาการแล้วเรียกพยาบาลให้เอายามาฉีด และให้น้ำเกลือคนไข้ด้วย เพราะดูแล้วคนเป็นแม่นั้นหัวใจสลาย ร่างกายจึงตอบสนองด้วยการ shutdown เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียใจ อีกทั้งยังอ่อนเพลียมากเพราะไม่ได้นอนมาเป็นเวลากว่า 24 ชั่วโมงแล้ว
“คุณพ่อคะ เรียกอิงมามีอะไรหรอคะ”
“ลูกเห็นแล้วใช่ไหม ว่าพี่ชายของลูกสภาพตอนนี้เป็นยังไง”
“เห็นแล้วค่ะ คุณพ่ออย่าคิดมากเลยนะคะ หนูเอาตัวรอดได้”
“อิงฟ้า พ่อว่าหนูอย่าดื้อดีกว่านะ ขนาดพี่ชายลูกเก่งทั้งบุ๋นและบู๊ อีกทั้งยังมีบอดี้การ์ดรอบตัว เขายังพลาดท่าเสียทีให้กับโจรกระจอก ไม่สิคงเป็นนักฆ่าที่ถูกจ้างมาอย่างดีมากกว่า พ่อไม่วางใจให้ลูกไปไหนมาไหนคนเดียวอีกแล้ว”
“นักฆ่าเลยหรือคะ พี่ชายมีปัญหากับใครงั้นหรอคะ ทำไมมันดูเลวร้ายจังเลยถึงขั้นจะฆ่าจะแกงกันเลยหรือแบบนี้มันไม่มากเกินไปหน่อยหรือคะ”
“คนเรามีเหตุผลในการทำเพื่อบางอย่างโดยเฉพาะผลประโยชน์ไม่เหมือนกัน คนบางคนจัดการอารมณ์ความรู้สึกอยากได้อยากมี แต่ไม่สามารถทำได้ เลยระบายออกด้วยวิธีแบบนี้”
“แล้วคุณพ่อจะให้อิงทำยังไงคะ ในเมื่ออิงไม่ได้รักในงานธุรกิจของคุณพ่อ ยังไม่ต้องการบอดี้การ์ดหรือใครทั้งนั้นที่จะมาดูแล”
“งั้นพ่อจะขอสั่ง ในฐานะที่พ่อเป็นพ่อของหนู เป็นพ่อที่ห่วงใยลูกสาวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ เพราะฉะนั้นพ่อจะให้หนูมีบอดี้การ์ดส่วนตัวไปไหนมาไหนด้วยอย่างน้อย 1-2 คนแล้วแต่สถานที่ที่จะต้องไป”
“ใครจะไปทำอะไรแบบนั้นได้คะ นี่มันในชีวิตจริง ชีวิตปกติประจำวันคงไม่มีใครหรอกที่เดินไปเรียนแล้วก็มีคนมาเดินตามหลังหรือว่าใส่แว่นดำชุดสูทยืนรอหน้าตึงอยู่หน้าคลาสเรียน”
“แต่ต้องมี ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องมี พ่อจ่ายตังค์บริษัทนายหน้าไปแล้ว”
“งั้นหนูไม่เอาบอดี้การ์ดผู้ชาย ไม่เอาเด็ดขาด!”
อิงฟ้า หลังจากที่ได้รับข่าวร้ายว่าพี่ชายได้รับบาดเจ็บสาหัสจากคนเป็นแม่ที่โทรมาบอกด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอกำลังเรียนอยู่ก็ต้องลุกออกกลางคันและขออนุญาตอาจารย์จะทำงานส่งในภายหลังแล้วบึ่งรถออกมาที่โรงพยาบาลทันที เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองขับมาจนถึงที่นี่ได้ยังไงประคองสติมาได้ยังไงขนาดนี้ แต่เธอก็ไม่มัวมาคิดหาคำตอบหรอกนะเธอวิ่ง แล้วก็วิ่ง เพื่อไปทางห้องฉุกเฉินที่กำลังรักษาตัวพี่ชายเธออยู่อย่างขะมักเขม้น พี่ชายที่แสนดีเพียงคนเดียวของเธอ เธอก็ได้แต่ภาวนาขอให้เขาไม่เป็นอะไร ในตอนนี้เธออยากให้เขาฟื้นกลับขึ้นมามากที่สุด อธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่างบนโลกใบนี้ เพื่อขอให้พี่ชายกลับมาใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้งจะต้องแลกด้วยอะไรเธอก็ยอม หรือแม้แต่ชีวิตที่สั้นลงก็ได้นั่นคือคำอธิษฐานของเธอ
นับจากวันที่ปฏิเสธพ่อไป เวลานี้ผ่านมา 7 วันแล้วแต่ผู้เป็นพ่อก็ยังไม่ได้พาใครมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของเธอแม้จะมีแอบสะกดรอยตามบ้าง จนกระทั่งวันนี้ผู้เป็นพ่อ ได้พาผู้หญิงร่างสูงและมีมัดกล้ามสวยจนขึ้นรูปติดเสื้อที่สวมใส่มาอย่างพอดีตัวทำให้เห็นกล้ามเนื้อได้อย่างชัดเจน เธอดูเท่ห์ สง่าและน่าจับตามอง ดูมีเสน่ห์ที่สุด ถ้าให้เดาน่าจะต้องเป็นสาวหล่อ เป็นไบ หรือไม่ก็เป็นเลสเบี้ยน อิงฟ้ามองตาไม่กระพริบ เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาที่ทรงเสน่ห์ของอีกคนที่เดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับผู้เป็นพ่อ ใบหน้าที่ดูหล่อเหลามากกว่าที่จะเรียกว่าสวย มันเงียบขรึมซะจนเธอขนหัวลุก และวินาทีถัดมาเธอก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัวจริงๆ
“อิงฟ้า นี่คือองศา ต่อไปนี้เธอจะมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของลูก ไปไหนมาไหนก็จะไปพร้อมกับลูกยกเว้นแค่เวลานอนหลังจากที่ส่งลูกถึงคฤหาสน์ของเราแล้ว องศาจะต้องกลับบ้านไปและก็จะกลับมาในเช้าวันใหม่เพื่อรอรับลูกไปโรงเรียนแล้วเรียนรู้ธุรกิจ ทำกิจกรรม activity อะไรต่างๆ ก็จะต้องมีเขาไปด้วยตลอด”
“แต่พ่อคะ อิงบอกแล้วไงว่าไม่เอาบอดี้การ์ด”
“ลูกบอกแค่ว่ายังไงก็ไม่เอาบอดี้การ์ดผู้ชายเด็ดขาด ก็นี่ไงองศา ไม่ใช่ผู้ชาย ก็ตรงตามเงื่อนไขที่เราตกลงกันแบบนี้จะมาโวยวายไม่ได้นะอิงฟ้า”
เด็กสาววัย 21 ปีถึงกับฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ แต่ก็เถียงหรือพูดอะไรไม่ได้อีกเมื่อนึกได้ว่าตนเองพูดไปแบบนั้นจริงๆ แล้วใครจะไปคิดล่ะว่าตระกูลของเธอที่เป็นเพียงนักธุรกิจอสังหาธรรมดานอกจากจะมีบอดี้การ์ดผู้ชายร่างล่ำบึกแล้วก็ยังมีบอดี้การ์ดผู้หญิงอีกด้วย ไม่ได้ล่ำเท่าผู้ชายแต่ก็ล่ำกว่าเธอแล้วกัน
“ไม่ต้องเดินตามติดขนาดนั้นก็ได้ ที่นี่โรงพยาบาล มันคงไม่มีโจรหรือคนโง่ที่ไหนเข้ามาทำอันตรายคนไข้หรือผู้ใช้บริการที่นี่หรอก อีกอย่างตำรวจก็อยู่เต็มไปหมด เพราะฉะนั้นเดินถอยห่างๆ ฉัน”
“รับทราบค่ะคุณหนู”
น้ำเสียงเรียบนิ่งกับใบหน้าที่แสนเย็นชานั่น ทำเอาอิงฟ้าหมั่นไส้จนอยากจะกางนิ้วแล้วข่วนหน้า ให้เหมือนกับเวลาที่แมวข่วนทาสของมันเลย อิงฟ้ามองสีหน้าแววตาก็พอจะเดาออก ใครที่เจอเธอครั้งแรกไม่ประสาทแดกก็ให้รู้ไปสิ เย็นชาเสียขนาดนี้ รู้ตัวดีแต่ก็ปรับปรุงตรงนี้ไม่ได้หรอก การเป็นหัวหน้าบอดี้การ์ดทั้งที่อายุยังน้อยนำมาซึ่งความสุขุมและเยือกเย็น เธอจะต้องนิ่งรักษาภาพลักษณ์ ทำทุกอย่างให้ดูดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นคือการเดินตามคุณหนูของเธอไปทุกที่ ตอนนี้มันคือหน้าที่หลักของเธอแล้ว….
ว่ากันว่าคนตายไปแล้วจะกลายเป็นเถ้าถ่าน กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ให้ต้นไม้ใบหญ้า สิ้นสุดวงจรชีวิต ไม่มีวัฏสงสาร ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด ถ้านั่นเป็นความเชื่อในทางวิทยาศาสตร์น่ะนะ สายลมเคยเชื่อแบบนั้น ด้วยเป็นเด็กเรียนด้านวิทยามากระทั่งวันนี้ความคิดของเขาถึงได้เปลี่ยนไป “เจ้าเม่นน้อย ตื่นได้แล้วลูก” นั่นแหละครับ สายลมที่ควรจะตายไปตั้งแต่รถชนกระเด็นอัดเสาไฟฟ้าแม้เดินอยู่บนทางม้าลาย ...เช้านี้กลับได้ยินน้ำเสียงหวาน ๆ ปลุกให้ตื่นแล้วเรียกเขาว่าลูกอีกครั้ง...
❝รัก❞ คำสั้น ๆ ที่ไม่ได้บอกออกไป ทิ้งไว้เพียงจดหมายซองเล็กที่สารภาพความรู้สึกในใจก่อนตาย คนจากไปก็ไปแล้ว... แต่คนรอก็ทรมานมานับสี่ร้อยปี
สนุกมากไหมเรย์! ปั่นหัวพี่สนุกมากไหมครับ? แล้วถ้ายังดื้ออีกระวังน้ำหมดตัว!
ชายบาดเจ็บคนหนึ่งที่ผมช่วยไว้ หนีไปพร้อมหม้อข้าวต้มหมู วันต่อมาผมกลับได้เจอเขาอีกครั้งที่มหาวิทยาลัย มันประหลาด "คืนเดียวแผลหายได้ยังไง คนเดียวกันจริงงั้นเหรอ?"
ใครจะไปคิดว่าผู้ชายที่วิ่งมาหลบหลังฉัน เพราะหนีสาว ๆ ของตัวเองจะกลายมาเป็นเจ้านายของฉันกันล่ะ แถมยัง... ปากร้าย แต่ยังน้อยไป เจอฉันหน่อยแล้วกัน จะลอกคราบเสือให้สิ้นลายไปเลย “คนอย่างเธอแค่เงินก็พอสินะ งั้นมาเป็นเด็กในการดูแลของฉันสิ” “ฉันยอมทำงานไปจนตายดีกว่าเป็นเด็กของคุณ!” “เธอนี่... ไม่อ่อนโยนเหมือนผู้หญิงคนอื่นเลยนะ” “คนอื่นที่หมายถึงคือผู้หญิงของคุณน่ะเหรอคะ งั้นก็ขอโทษด้วยท่านประธาน ฉันไม่ใช่คนของคุณ ถ้าโหยหาความอ่อนโยนก็ไปหาสาว ๆ ของคุณ! แล้วช่วยเลิกยุ่งกับฉันสักที!”
“ฟังเรานะ เราบอกว่า เลิกกันเถอะ เราไม่ได้รักเธอแล้ววิน…จบกันแค่นี้นะ” จากเพื่อนสนิทกลายเป็นคนรัก แต่เพราะความห่างเหินบางอย่างทำให้ความสัมพันธ์ของวินเทอร์และอบอุ่นเปลี่ยนไป แม้จะยอมปล่อยมือจนอบอุ่นไปคบใครอื่น ทว่าวินเทอร์กลับยังคงรักฝังใจ เป็นใครคนหนึ่งที่อบอุ่นคอยปรึกษาอยู่เสมอ เพียงแต่... อยู่ในสถานะลับ วินเทอร์เฝ้ามองอบอุ่นอยู่เสมอ ไม่กล้าเปิดเผยตัวตน ไม่กล้าพูดว่ายังรัก ในขณะที่อบอุ่นค้นพบหัวใจตัวเองในวันที่สาย ไม่รู้เลยว่าวินเทอร์จะให้โอกาสเธอได้อีกไหม เพราะเธอรู้ตัวว่าคนผิดคือเธอมาโดยตลอด เป็นเธอที่โยนทิ้งความรักดี ๆ
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี