ใครจะไปคิดว่าผู้ชายที่วิ่งมาหลบหลังฉัน เพราะหนีสาว ๆ ของตัวเองจะกลายมาเป็นเจ้านายของฉันกันล่ะ แถมยัง... ปากร้าย แต่ยังน้อยไป เจอฉันหน่อยแล้วกัน จะลอกคราบเสือให้สิ้นลายไปเลย “คนอย่างเธอแค่เงินก็พอสินะ งั้นมาเป็นเด็กในการดูแลของฉันสิ” “ฉันยอมทำงานไปจนตายดีกว่าเป็นเด็กของคุณ!” “เธอนี่... ไม่อ่อนโยนเหมือนผู้หญิงคนอื่นเลยนะ” “คนอื่นที่หมายถึงคือผู้หญิงของคุณน่ะเหรอคะ งั้นก็ขอโทษด้วยท่านประธาน ฉันไม่ใช่คนของคุณ ถ้าโหยหาความอ่อนโยนก็ไปหาสาว ๆ ของคุณ! แล้วช่วยเลิกยุ่งกับฉันสักที!”
บริษัท เรดดราก้อน สปอร์ตคอร์เปอร์เรชั่น จำกัด
“บอส กาแฟหน่อยไหมคะ มัวทำหน้าเครียดแบบนั้นดูแก่ลงไปอีกสิบปีเลยค่ะ” เสียงของรุจี เลขาสาวคนเก่งเรียกให้ คามินทร์ หลุดจากภวังค์ ชายหนุ่มจึงรู้ตัวว่าตนเองเหม่อลอยมาพักใหญ่แล้ว ปากกาในมือถูกหมุนไปมาครั้งแล้วครั้งเล่าจากด้ามสีดำเงาๆ ดูสวยแพงแทบจะกลายเป็นดำด้าน
“คุณรุจี วันนี้ผมดื่มกาแฟไปสามแก้วแล้วนะ”
“แหม ลองดื่มแก้วที่สี่ดูเผื่อจะหายเครียดไงคะ”
คามินทร์หัวเราะออกมาได้นิดหน่อยกับคำพูดของเลขาส่วนตัว แต่ก็เป็นแค่การหัวเราะแห้งๆ ราวกับว่าประชดชีวิตมากกว่าจะรู้สึกขำจริงๆ ไม่ว่าใครก็ตามถ้ามาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขาตอนนี้ก็คงจะรู้สึกยิ้มไม่ออกเหมือนกันหมด
“ต่อให้ดื่มกาแฟเป็นสิบแก้วก็คงไม่ช่วยให้ผมหายเครียดหรอก คุณดูสิ่งที่พ่อโยนมาให้ผมทำสิ แม่งเอ๊ย ขอลาออกเลยได้ไหมวะเนี่ย” นักธุรกิจหนุ่มอยากจะลาออกจากการเป็นตนเอง ลาออกจากการเป็นลูกของพ่อให้มันจบๆ ไป แต่คิดว่าต่อให้เขาตาย พ่อก็คงจะตามไปปลุกเขาขึ้นมาด่าอีกอยู่ดี
พ่อเป็นคนแก้ปัญหาไม่สำเร็จเลยทิ้งดิ่งโยนมาให้ลูกจัดการต่อเสียอย่างนั้น แต่ละเรื่องไม่ใช่ง่ายๆ เลย โดยเฉพาะการคุยกับพวกคนแก่หัวโบราณเอาแต่ความคิดตนเองเป็นใหญ่ทั้งหลาย คามินทร์ต้องใช้น้ำอดน้ำทนมากในการไม่โพล่งด่าออกไปทุกครั้งที่คุยกับคนพวกนี้
“ผ่านวันนี้ไปก็ไม่ต้องเครียดแล้วล่ะค่ะ การที่พวกเขายอมตกลงมาคุยนั่นแปลว่ายอมรับข้อเสนอของบอสไปครึ่งหนึ่งแล้ว ทำหน้าตาให้หล่อๆ เตรียมเข้าประชุมเถอะค่ะ” รุจีฉีกยิ้มหวาน พูดให้กำลังใจเจ้านายของเธอเท่าที่จะทำได้ นั่นทำให้คามินทร์พอจะสบายใจขึ้นมาได้บ้างถึงจะแค่เล็กน้อย
ระหว่างรอให้ถึงเวลานัดประชุมคามินทร์ก็จิบกาแฟแก้วที่สี่ของวันไปเรื่อย ๆ คงจะดีถ้าทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีอย่างที่รุจีบอก เขาเหนื่อยที่ต้องมาเครียดกับเรื่องนี้แล้ว หลังจากที่พ่อโยนมันมาใส่หัวมาหลายเดือนแล้ว คามินทร์ก็นอนหลับไม่เคยสนิทเลยสักคืน อยากทำอะไรก็ไม่ได้ทำเพราะต้องมานั่งคิดหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้จนหัวแทบแตก
เบื้องหน้าของคามินทร์คือนักธุรกิจหนุ่มที่ประสบความสำเร็จที่สุดในตอนนี้ เจ้าของบริษัทจัดจำหน่ายรถยนต์นำเข้า และสปอร์ตคาร์ระดับโลก ส่วนเบื้องหลังของเขาคือทายาทมาเฟียอันดับหนึ่งของเอเชีย ตำแหน่งนี้คามินทร์ไม่ได้ต้องการแต่มันติดตัวเขามาตั้งแต่ที่เกิดมาเป็นลูกชายของ อคิน หัวหน้าแก๊งคนก่อนแล้ว
เมื่อพ่อวางมือความรับผิดชอบ อำนาจทุกอย่างก็ต้องตกมาอยู่ที่คามินทร์อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง เขาไม่ได้มีปัญหาอะไรกับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งมังกรแดง แต่ปัญหาตอนนี้คือพ่อของเขาดันอยากกลับดำเป็นขาว ปรับเปลี่ยนระบบภายในของการทำมาหากินในแก๊งเสียใหม่ อยากให้ลูกน้องหลายพันชีวิตที่แฝงตัวอยู่ในหลายๆ องค์กร หลากหลายอาชีพทั่วเอเชีย เปลี่ยนมาทำงานสุจริตกัน เพราะก่อนหน้านี้ตั้งแต่ก่อตั้งแก๊งมาเป็นร้อยปีตั้งแต่สมัยปู่ของเขา คนของแก๊งมังกรแดงก็ทำอาชีพเทาๆ กันมาตลอด ถึงจะไม่มีเรื่องของยาเสพติด อาวุธสงคราม ค้ามนุษย์ แต่การส่งออกของหลีกเลี่ยงภาษีก็ไม่ใช่สิ่งถูกกฎหมาย
แน่นอนว่ามันได้เงินดี พอมาถึงยุคของพ่อของคามินทร์อยากจะปรับเปลี่ยนระบบภายในเสียใหม่แต่ก็ทำไม่สำเร็จเพราะไม่มีใครยอม สุดท้ายพอทำไม่ไหวพ่อเลยโยนภาระนี้มาให้เขา คามินทร์เคยเสนอพ่อไปว่าก็ให้ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำมาหากินเองเสียก็จบ แต่ก็เป็นพ่อเองนั่นแหละที่ไม่เห็นด้วยเพราะอยากจะรักษาแก๊งมังกรแดงไว้ ชายหนุ่มอยากจะกลั้นใจตายให้รู้แล้วรู้รอด
จนท้ายที่สุดเขาก็หาทางออกที่คิดว่ามันคงจะดีที่สุดได้ หลังจากปรึกษากับเพื่อนก็ตัดสินใจเกริ่นเรื่องนี้ให้คนระดับหัวหน้าในหลายๆ สายของแก๊งมังกรแดงได้รู้ พวกนั้นยังไม่มีใครตอบตกลงเสียทีเดียวแต่ก็รับปากว่าจะมาตามนัดในการประชุมวันนี้
เอาเถอะ คามินทร์หวังว่ามันจะไปได้สวย เขาอยากจบเรื่องนี้เต็มแก่แล้ว
***
ภายในห้องประชุมคามินทร์นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ส่วนคนที่ยืนอยู่ซ้ายมือของเขาคือ บอส เลขาชาย มือขวา คนขับรถ บอดี้การ์ด สารพัดอย่างที่อีกฝ่ายจะเป็นได้ บอสก็เป็นอีกหนึ่งคนที่คามินทร์ปรึกษาเรื่องนี้ด้วย และก็เห็นตรงกันว่าวิธีนี้แหละดีที่สุดแล้ว
“อย่างที่ทราบกันว่าพ่อกับผมพยายามหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้มาตลอด หาตรงกลางเพื่อให้ความสัมพันธ์ของแก๊งมังกรแดงยังคงอยู่ ผมเคารพลุงๆ อาๆ ทุกคนนะ ไม่อยากผิดใจกับใคร” คามินทร์เกริ่น มองหน้าผู้ร่วมประชุมแต่ละคนที่รุ่นพ่อเขาทั้งนั้น ถึงได้บอกไงล่ะว่าลุงพวกนี้แหละที่เข้าใจอะไรยากที่สุด
อะไรที่เคยทำมาและได้ผลตอบแทนที่ดีอยู่แล้วก็ไม่มีใครอยากจะเปลี่ยน สิ่งที่ทำได้ก็คงมีแค่ยื่นข้อเสนอที่ดีกว่าให้
“ในเมื่อเราเปลี่ยนระบบการทำงานใหม่ ผมต้องบอกตรงๆ ว่าเม็ดเงินมันคงจะไม่เท่าเดิม” พอคามินทร์พูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของแต่ละคนออกชัดว่าเริ่มไม่พอใจ ชายหนุ่มเลยต้องรีบยกมือขึ้นมาและพูดต่อ
“แต่ผมมีเงื่อนไขมาเสนอ ผมจะให้อาทั้งสองคนดูแลการขนส่งทางอากาศแถบภาคเหนือทั้งหมด ส่วนลุงอีกสองคนก็ดูแลการขนส่งทางเรือ ครอบคลุมภาคใต้เลยไปจนถึงมาเลเซีย เงินทั้งหมดที่ได้จะเข้ากระเป๋าลุงๆ อาๆ ทุกคนโดยไม่ต้องผ่านผม นอกเหนือจากนั้นก็จัดสรรกันเองว่าจะแบ่งให้ลูกน้องยังไงบ้าง”
ถึงแม้ว่าจะเสียรายได้จากระบบขนส่งทั้งสองทางนี้ไป แต่คามินทร์ประเมินแล้วว่ามันน่าจะคุ้มค่า อย่างน้อยก็แลกมากับการเป็นระเบียบและความเชื่อฟังของคนในแก๊ง ดูเหมือนว่าข้อเสนอนี้ของเขาจะถูกใจทุกคนไม่น้อย พวกเขามองหน้ากันอย่างใช้ความคิด ก่อนจะพยักหน้าในที่สุด
“ตกลง ถ้าพ่อของหลานยื่นข้อเสนอน่าสนใจแบบนี้มาตั้งแต่แรกก็คงจะคุยกันจบไปนานแล้ว”
“ฮ่าๆ นั่นสิครับ เอาเป็นว่าตกลงตามนี้แล้วกัน ผมจะ…” คามินทร์หัวเราะ พูดต่อไปถึงรายละเอียดอื่นๆ โล่งใจอย่างกับยกภูเขาออกจากอกได้ที่ข้อเสนอของเขามันยั่วยวนมากพอ อย่างน้อยคลังสินค้าที่นั่นก็มีคนของเขาคอยเป็นหูเป็นตาอยู่ จะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องปัญหาการโกงหรือยักยอกภายใน
หลังจบการประชุมที่เครียดที่สุดในชีวิต คามินทร์ก็ถอนหายใจยาวออกมาอย่างโล่งอก หลังจากอมทุกข์มาหลายเดือนในที่สุดก็จัดการปัญหานี้ได้สักที พ่อคงจะภูมิใจในตัวเขาจนน้ำตาไหลเลยมั้ง
“ผมว่าคุณมินทร์ต้องเลี้ยงเหล้าขอบคุณให้คุณเอกกับคุณคิมหน่อยแล้ว” บอสพูดขึ้นเมื่อในห้องประชุมไม่มีใครแล้ว เจ้านายถึงกับปลดเนกไทและพับแขนเสื้อ ท่าทางโล่งใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนตลอดหลายเดือน
“เอาไว้ค่อยเลี้ยงพวกมันสองคนวันหลัง ผมยังคบกับสองคนนั้นไปอีกนาน วันนี้ผมจะเลี้ยงตัวเองก่อน” คามินทร์พูดติดตลก ตอนนี้ในหัวของเขาคิดแต่ว่าจะต้องไปคลายเครียด ระบายความรู้สึกหนักอึ้งพวกนี้ออกไปจากหัวให้หมด ชายหนุ่มคิดเอาไว้แล้วว่าคืนนี้เขาคงจะไม่กลับบ้าน สถานที่แรกคือผับสุดหรูใจกลางย่านธุกิจที่มักจะไปผ่อนคลายเป็นประจำ ส่วนคืนนี้จะไปจบที่ไหนก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของคืนนี้
ช่วงค่ำคามินทร์ออกจากบริษัทตรงดิ่งมาที่ผับโดยไม่แวะกลับบ้านก่อนด้วยซ้ำไป ร่างกายของเขามันต้องการแสงสี เหล้าดีๆ บรรยากาศผ่อนคลายและสาวสวยอีกสักคน แค่นั้นก็คงจะทำให้ความเหนื่อยและความเครียดที่สะสมมาหลายเดือนของเขาหายไปเป็นปลิดทิ้ง
ว่ากันว่าคนตายไปแล้วจะกลายเป็นเถ้าถ่าน กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ให้ต้นไม้ใบหญ้า สิ้นสุดวงจรชีวิต ไม่มีวัฏสงสาร ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด ถ้านั่นเป็นความเชื่อในทางวิทยาศาสตร์น่ะนะ สายลมเคยเชื่อแบบนั้น ด้วยเป็นเด็กเรียนด้านวิทยามากระทั่งวันนี้ความคิดของเขาถึงได้เปลี่ยนไป “เจ้าเม่นน้อย ตื่นได้แล้วลูก” นั่นแหละครับ สายลมที่ควรจะตายไปตั้งแต่รถชนกระเด็นอัดเสาไฟฟ้าแม้เดินอยู่บนทางม้าลาย ...เช้านี้กลับได้ยินน้ำเสียงหวาน ๆ ปลุกให้ตื่นแล้วเรียกเขาว่าลูกอีกครั้ง...
❝รัก❞ คำสั้น ๆ ที่ไม่ได้บอกออกไป ทิ้งไว้เพียงจดหมายซองเล็กที่สารภาพความรู้สึกในใจก่อนตาย คนจากไปก็ไปแล้ว... แต่คนรอก็ทรมานมานับสี่ร้อยปี
สนุกมากไหมเรย์! ปั่นหัวพี่สนุกมากไหมครับ? แล้วถ้ายังดื้ออีกระวังน้ำหมดตัว!
ชายบาดเจ็บคนหนึ่งที่ผมช่วยไว้ หนีไปพร้อมหม้อข้าวต้มหมู วันต่อมาผมกลับได้เจอเขาอีกครั้งที่มหาวิทยาลัย มันประหลาด "คืนเดียวแผลหายได้ยังไง คนเดียวกันจริงงั้นเหรอ?"
“อิงฟ้า นี่คือองศา ต่อไปนี้เธอจะมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของลูก ไปไหนมาไหนก็จะไปพร้อมกับลูกยกเว้นแค่เวลานอนหลังจากที่ส่งลูกถึงคฤหาสน์ของเราแล้ว องศาจะต้องกลับบ้านไปและก็จะกลับมาในเช้าวันใหม่เพื่อรอรับลูกไปโรงเรียนแล้วเรียนรู้ธุรกิจ ทำกิจกรรม activity อะไรต่างๆ ก็จะต้องมีเขาไปด้วยตลอด” “แต่พ่อคะ อิงบอกแล้วไงว่าไม่เอาบอดี้การ์ด” “ลูกบอกแค่ว่ายังไงก็ไม่เอาบอดี้การ์ดผู้ชายเด็ดขาด ก็นี่ไงองศา ไม่ใช่ผู้ชาย ก็ตรงตามเงื่อนไขที่เราตกลงกันแบบนี้จะมาโวยวายไม่ได้นะอิงฟ้า” 'ชิ คนอะไรหน้าบูดบึ้งขนาดนั้น ถูกบังคับให้มาเป็นบอดี้การ์ดรึไง ทำให้เหม็นขี้หน้าตั้งแต่แรกเจอเลยจริง ๆ'
“ฟังเรานะ เราบอกว่า เลิกกันเถอะ เราไม่ได้รักเธอแล้ววิน…จบกันแค่นี้นะ” จากเพื่อนสนิทกลายเป็นคนรัก แต่เพราะความห่างเหินบางอย่างทำให้ความสัมพันธ์ของวินเทอร์และอบอุ่นเปลี่ยนไป แม้จะยอมปล่อยมือจนอบอุ่นไปคบใครอื่น ทว่าวินเทอร์กลับยังคงรักฝังใจ เป็นใครคนหนึ่งที่อบอุ่นคอยปรึกษาอยู่เสมอ เพียงแต่... อยู่ในสถานะลับ วินเทอร์เฝ้ามองอบอุ่นอยู่เสมอ ไม่กล้าเปิดเผยตัวตน ไม่กล้าพูดว่ายังรัก ในขณะที่อบอุ่นค้นพบหัวใจตัวเองในวันที่สาย ไม่รู้เลยว่าวินเทอร์จะให้โอกาสเธอได้อีกไหม เพราะเธอรู้ตัวว่าคนผิดคือเธอมาโดยตลอด เป็นเธอที่โยนทิ้งความรักดี ๆ
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง