ว่ากันว่าคนตายไปแล้วจะกลายเป็นเถ้าถ่าน กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ให้ต้นไม้ใบหญ้า สิ้นสุดวงจรชีวิต ไม่มีวัฏสงสาร ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด ถ้านั่นเป็นความเชื่อในทางวิทยาศาสตร์น่ะนะ สายลมเคยเชื่อแบบนั้น ด้วยเป็นเด็กเรียนด้านวิทยามากระทั่งวันนี้ความคิดของเขาถึงได้เปลี่ยนไป “เจ้าเม่นน้อย ตื่นได้แล้วลูก” นั่นแหละครับ สายลมที่ควรจะตายไปตั้งแต่รถชนกระเด็นอัดเสาไฟฟ้าแม้เดินอยู่บนทางม้าลาย ...เช้านี้กลับได้ยินน้ำเสียงหวาน ๆ ปลุกให้ตื่นแล้วเรียกเขาว่าลูกอีกครั้ง...
ว่ากันว่าคนตายไปแล้วจะกลายเป็นเถ้าถ่าน กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ให้ต้นไม้ใบหญ้า สิ้นสุดวงจรชีวิตไม่มีวัฏสงสาร ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด ถ้านั่นเป็นความเชื่อในทางวิทยาศาสตร์น่ะนะ สายลมเคยเชื่อแบบนั้น ด้วยเป็นเด็กเรียนด้านวิทยามา กระทั่งวันนี้ความคิดของเขาถึงได้เปลี่ยนไป
“เจ้าเม่นน้อย ตื่นได้แล้วลูก”
นั่นแหละครับ สายลมที่ควรจะตายไปตั้งแต่รถชนกระเด็นอัดเสาไฟฟ้าแม้เดินอยู่บนทางม้าลาย เช้านี้กลับได้ยินน้ำเสียงหวาน ๆ ปลุกให้ตื่นแล้วเรียกเขาว่าลูกอีกครั้ง ทั้งที่แม่ควรจะตายไปตั้งแต่เมื่อสิบห้าปีก่อนแล้ว แม่ของสายลมเป็นกลุ่มเพศผู้ชายท้องได้ ส่วนพ่อเป็นหนุ่มหล่อหน้าตาดี ครอบครัวของเขาอบอุ่นมากกระทั่งอุบัติเหตุมาพรากชีวิตของคนทั้งสองไป
สายลมกลายเป็นเด็กเก็บตัวนับตั้งแต่นั้นมา เขาใช้ชีวิตอยู่ในโลกของตัวเอง ทำหน้าที่ของตัวเอง พยายามใช้ชีวิตให้ดีที่สุดอย่างที่พ่อกับแม่เคยบอกเอาไว้ เงินประกันชีวิตที่ทั้งสองทิ้งเอาไว้ให้และสมบัติทางฝั่งพ่อ คุณปู่คุณย่าก็ยกให้สายลมทั้งหมด พอให้ได้ใช้ชีวิตสบาย ๆ ไปอีกหลายสิบปี
ทว่าคนที่รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังลงไปหมดแล้วก็แค่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ ไม่มีจุดหมาย แค่อยากทำให้ชีวิตของตนเองเกิดประโยชน์ต่อคนอื่นมากที่สุด ให้สมกับที่พ่อกับแม่อุตส่าห์สร้างเขาขึ้นมา
“ไงเจ้าเม่นน้อย ไม่สบายอีกหรือเปล่าเนี่ย”
พระพายยกมือขึ้นอังหน้าผากเล็กจ้อยของลูกรักที่กำลังนอนทำตาแป๋วอยู่บนที่นอนด้วยความเป็นห่วง แค่ตัวของสายลมไม่ร้อนแล้วก็วางใจ เมื่อคืนเด็กน้อยในชุดเม่นเน่าตัวร้อนมากจนเขากลัวว่าลูกจะช็อก คอยเช็ดตัวให้ตลอดทั้งคืนเพราะไม่มีรถพาไปหาหมอ คิดว่าตอนเช้าจะพาไปไม่คิดว่าไข้จะลดลงเร็วขนาดนี้
“หม่าม้า”
เสียงเล็ก ๆ ร้องเรียกแผ่วเบาก่อนที่หยดน้ำตาจะไหลออกมาอย่างไม่อาจห้าม สายลมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เขาตาย ก็ถูกพามาที่นี่ มาอยู่ในร่างเด็กสามขวบ มาเจอกับคนที่หน้าตาเหมือนแม่อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียง แววตา หรือแม้กระทั่งความรู้สึกคุ้นเคยที่มีต่อกัน มันเหมือนกับว่าเขาได้มาเกิดใหม่ มาเจอกับแม่ที่จากไปนานแล้วอีกครั้ง
เห็นลูกร้องไห้พระพายก็โผเข้ากอดด้วยความตกใจ กลัวว่าลูกจะเจ็บป่วยตรงไหนเพราะสายลมไม่ยอมพูดอะไรนอกจากร้องไห้แล้วกอดเขาเอาไว้แน่น เวลาที่สายลมป่วยก็มักจะเป็นแบบนี้ สามปีที่ผ่านมาแทบไม่พูดจานอกจากส่งเสียงร้องและเรียกชื่อเขาเป็นบางครั้ง เพราะส่วนใหญ่เจ้าตัวเล็กของเขาจะนอนใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ในโรงพยาบาลเสียมากกว่า
“หม่าม้า ฮึก…”
ถ้าหากความฝันของเขาเป็นเรื่องจริงก็หมายความว่ามีใครบางคนให้โอกาสเขา ให้โอกาสได้กลับมาเจอครอบครัวที่ตนเองรักอีกครั้ง แต่ว่าพ่อของเขาไปไหนล่ะ?
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”
มือเรียวตบก้นน้อยดังแปะ ๆ ปลอบโยนลูกน้อย แต่สายลมก็เอาแต่ส่ายหน้าไปมา กอดผู้ให้กำเนิดไว้แน่นด้วยความรู้สึกหวงแหน เขากลัวว่าจะต้องจากกันอีกครั้ง จากกันไปตั้งแต่ที่สายลมยังเป็นเด็ก จากกันทั้งที่ยังไม่ได้บอกลา สุดท้ายก็ร้องไห้จนหลับไปในขณะที่พระพายพาลูกน้อยนั่งรถเมล์ไปหาหมอที่โรงพยาบาล
เมื่อคืนสายลมไข้ขึ้นสูงมาก ถึงตอนนี้จะดูปกติดีแต่คนเป็นแม่ยังไม่วางใจ ร่างกายของสายลมไม่แข็งแรงตั้งแต่เกิดเนื่องจากคลอดก่อนกำหนด อีกทั้งพระพายยังไม่มีเงินทองมากพอที่จะดูแลเด็กน้อยให้ดี ให้ได้รับการรักษาที่ครอบคลุม ได้แต่ประคองอาการไปเรื่อย ๆ เท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้ในตอนนี้
“อือ…หม่าม้า”
พระพายคว้ามือน้อยเอาไว้ไม่ให้สายลมขยี้ตา ก่อนจะโน้มตัวลงจุมพิตกระหม่อมเล็กด้วยความรักใคร่ หมอบอกว่าอาการของสายลมดีขึ้นมากทั้งที่เมื่อคืนยังเป็นไข้สูงอยู่เลย กระนั้นก็นับว่าเป็นข่าวดี
“กลับบ้านไปหาคุณตาดีกว่าเนอะ”
“อื้อ”
สายลมกอดคอผู้เป็นแม่เอาไว้แล้วเหลือบมองโลกใบใหม่ที่ตนเองมาอยู่ก็ไม่ต่างจากโลกเดิมนัก แม่พาขึ้นรถเมล์ร้อน ๆ ก็ไม่ปริปากบ่น เดิมทีสายลมก็เดินทางด้วยรถสาธารณะเองเป็นประจำอยู่แล้วจึงไม่ได้รู้สึกว่าลำบากอะไร แต่ดูเหมือนว่าแม่ของเขาจะไม่ค่อยมีเงินหรือเปล่า บ้านพักก็เก่าเก็บทรุดโทรมทั้งยังเล็กแคบ ต่างจากโลกก่อนโดยสิ้นเชิงเลย
“หม่าม้า ฉายยมหิวนม”
ร่างบางกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะยกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจที่สายลมเริ่มพูดคุยได้เหมือนเด็กทั่ว ๆ ไปบ้างแล้ว แม้ว่าเงินในกระเป๋าจะเหลือไม่ถึงห้าร้อย แม้ว่าพรุ่งนี้จะต้องเอาเงินไปซื้อของมาขายประทังชีวิตไปวัน ๆ แต่พระพายก็ยอมเจียดเงินจำนวนนี้ไปซื้อนมสำหรับเด็กที่ราคาแสนแพงให้ลูกอยู่ดี
มือน้อยจับกล่องนมไว้แน่นดูดเสียงดังฟืดเหมือนเด็กตะกละเรียกความเอ็นดูจากคนแม่ได้ไม่น้อย ก็ตั้งแต่เช้าเขายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยเพราะตื่นมาก็เอาแต่ร้องไห้จนหลับ รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็อยู่โรงพยาบาลโดนคุณหมอฉีดตูดไปแล้ว
“หม่าม้าไม่หิวเหยอ”
“ค่อยกลับไปกินที่บ้านครับ ป่านนี้คุณตาทำกับข้าวรอแล้ว”
“อ้อ”
ริมฝีปากอิ่มเล็กขบเม้มลงเล็กน้อยระหว่างเดินตามการจับจูงของพระพายกลับบ้าน เขาไม่กล้าเอ่ยปากถามว่าคุณพ่อไปไหน ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมายังไม่เห็นอีกคนเลย แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปาก บางทีคุณพ่ออาจจะไปทำงานแล้วเย็นนี้คงกลับมาหาเขาล่ะมั้ง
กับข้าวมื้อแรกหลังจากมาเกิดใหม่ของสายลมเป็นข้าวต้มปลาที่แกะก้างออกอย่างดี กับแครอทหั่นเป็นรูปดอกไม้สวยงาม อยากจะบอกเหลือเกินว่าต่อให้แม่หั่นเป็นลูกเต๋าธรรมดาเขาก็กินได้ ก็เนื้อในเขามันไม่ใช่เด็กสามขวบอยู่แล้วนี่นา
“เดี๋ยวตอนเย็นหม่าม้าต้องไปเปิดร้านที่หน้าปากซอย เม่นน้อยอยู่กับคุณตานะ”
สายลมในชุดเม่นขนฟูเอียงคอมองมารดาตาใส ตอนเช้าก็ขายของ เย็นก็ขายของ กว่าจะเก็บร้านล้างจานแล้วแม่จะได้พักเมื่อไหร่ คุณพ่อก็อีกคนไปไหนก็ไม่รู้ไม่เห็นว่าช่วยกันบ้างเลย สายลมไม่อยากให้มารดาเหนื่อยเพียงคนเดียว
“ยมไปด้วยคับ”
“หือ มีแต่ฝุ่นกับควันอยู่ที่บ้านแหละเดี๋ยวหนูจะไม่สบายนะครับ”
สายลมหันไปทำตาใสออดอ้อนคุณตาแต่ก็ไม่เป็นผล ไม่มีแม้แต่ความเห็นใจให้กับชีวิตน้อย ๆ ที่น่าสงสาร เขาอยากบอกว่าเขาหายดีแล้วแต่ก็เข้าใจในความเป็นห่วงของคนเป็นแม่ ร่างกายนี้ป่วยหนักมานานนมหม่าม้าพระพายจะกังวลก็ไม่แปลกหรอก
คล้อยหลังพระพายออกไปเปิดร้านเตรียมขายของสายลมก็เดินเตาะแตะเข้าไปหาคุณตา เขาอยากรู้ว่าพ่อไปไหนเหตุใดไม่มีใครพูดถึง อีกอย่างหม่าม้าลำบากขนาดนี้ทำไมไม่มาช่วยกันหาเงิน หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาไม่เชื่อหรอกว่าเขามาเกิดใหม่เจอหม่าม้าได้แต่จะไม่เจอปะป๋า ในโลกก่อนเราสามคนอยู่ด้วยกัน โลกใบนี้ก็ต้องได้อยู่ด้วยกันสิ!
“คุณตาทำอะไยเหยอ”
ดวงตาใสแจ๋วมองมือที่เริ่มเหี่ยวย่นตามกาลเวลากำลังเหลาไม้ไผ่อย่างคล่องแคล่ว ในขณะที่เขานั่งอยู่เฉยๆ ยังรู้สึกเสียววูบวาบที่นิ้วมือ มีดคมขนาดนั้นโดนบาดขึ้นมาคงไม่ต้องพูดถึงความฉกรรจ์ของบาดแผลเลย
“เหลาตอก ตอนเช้าพระพายจะได้เอาไปมัดห่อข้าวเหนียวขาย”
“อ้อ หม่าม้าขายข้าวเหนียวไก่ทอดนิเอง”
คุณตาวัตรพยักหน้าตอบหลานชายตัวน้อย ก่อนจะพักมือจากของที่ทำอยู่แบ่งเวลามาเล่นกับหลานบ้าน เห็นหลานอาการดีขึ้นคนเป็นตาย่อมดีใจเป็นธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นลูกชาย หรือหลานชายของเขาล้วนแล้วแต่น่าสงสารด้วยกันทั้งนั้น คนหนึ่งอาภัพรัก ส่วนอีกคนก็อาภัพพ่อ ได้แต่หวังว่าชีวิตของสายลมจะไม่ต้องเจอเรื่องราวที่ซ้ำรอยของพระพายอีก ไม่อย่างนั้นหัวใจของหัวหน้าครอบครัวแบบเขาคงสลายกว่านี้
เสียใจที่ตนเองเป็นแค่คนแก่ไร้ประโยชน์ช่วยอะไรลูกหลานไม่ได้เลย หากว่าเขามีความสามารถมากกว่านี้ หากว่าเก่งและขยันมากกว่านี้ ชีวิตของพระพายกับสายลมจะมาอยู่ในที่แบบนี้ได้อย่างไร
“คุณตาคับ”
เจ้าตัวน้อยโถมตัวเข้ากอดคนเป็นตาอย่างออดอ้อน ทำเอาหัวใจคนแก่เหลวไปหมด ฝ่ามือหยาบกร้านจากการทำงานหนักลูบศีรษะทุยด้วยความอ่อนโยน ได้แต่คิดว่าจะทำอย่างไรให้หลานชายไม่ต้องมีชีวิตที่ลำบากแบบนี้อีก จะทำอย่างไรให้เด็กน้อยมีอนาคตที่สดใสกว่าที่แม่ของของเขามี
“ปะป๋าของฉายยมไปไหนเหยอ”
สายลมเงยหน้าขึ้นมองผู้อาวุโสในขณะที่อีกคนก็ก้มลงมามองเขาอยู่เช่นกัน ตาวัตรเงียบไปชั่วขณะเพราะไม่รู้จะบอกหลานอย่างไร กระทั่งสุดท้ายก็เอ่ยปากในสิ่งที่สายลมไม่อยากได้ยินมากที่สุด
“คุณพ่อของสายลมจากไปนานแล้ว…”
❝รัก❞ คำสั้น ๆ ที่ไม่ได้บอกออกไป ทิ้งไว้เพียงจดหมายซองเล็กที่สารภาพความรู้สึกในใจก่อนตาย คนจากไปก็ไปแล้ว... แต่คนรอก็ทรมานมานับสี่ร้อยปี
สนุกมากไหมเรย์! ปั่นหัวพี่สนุกมากไหมครับ? แล้วถ้ายังดื้ออีกระวังน้ำหมดตัว!
ชายบาดเจ็บคนหนึ่งที่ผมช่วยไว้ หนีไปพร้อมหม้อข้าวต้มหมู วันต่อมาผมกลับได้เจอเขาอีกครั้งที่มหาวิทยาลัย มันประหลาด "คืนเดียวแผลหายได้ยังไง คนเดียวกันจริงงั้นเหรอ?"
ใครจะไปคิดว่าผู้ชายที่วิ่งมาหลบหลังฉัน เพราะหนีสาว ๆ ของตัวเองจะกลายมาเป็นเจ้านายของฉันกันล่ะ แถมยัง... ปากร้าย แต่ยังน้อยไป เจอฉันหน่อยแล้วกัน จะลอกคราบเสือให้สิ้นลายไปเลย “คนอย่างเธอแค่เงินก็พอสินะ งั้นมาเป็นเด็กในการดูแลของฉันสิ” “ฉันยอมทำงานไปจนตายดีกว่าเป็นเด็กของคุณ!” “เธอนี่... ไม่อ่อนโยนเหมือนผู้หญิงคนอื่นเลยนะ” “คนอื่นที่หมายถึงคือผู้หญิงของคุณน่ะเหรอคะ งั้นก็ขอโทษด้วยท่านประธาน ฉันไม่ใช่คนของคุณ ถ้าโหยหาความอ่อนโยนก็ไปหาสาว ๆ ของคุณ! แล้วช่วยเลิกยุ่งกับฉันสักที!”
“อิงฟ้า นี่คือองศา ต่อไปนี้เธอจะมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของลูก ไปไหนมาไหนก็จะไปพร้อมกับลูกยกเว้นแค่เวลานอนหลังจากที่ส่งลูกถึงคฤหาสน์ของเราแล้ว องศาจะต้องกลับบ้านไปและก็จะกลับมาในเช้าวันใหม่เพื่อรอรับลูกไปโรงเรียนแล้วเรียนรู้ธุรกิจ ทำกิจกรรม activity อะไรต่างๆ ก็จะต้องมีเขาไปด้วยตลอด” “แต่พ่อคะ อิงบอกแล้วไงว่าไม่เอาบอดี้การ์ด” “ลูกบอกแค่ว่ายังไงก็ไม่เอาบอดี้การ์ดผู้ชายเด็ดขาด ก็นี่ไงองศา ไม่ใช่ผู้ชาย ก็ตรงตามเงื่อนไขที่เราตกลงกันแบบนี้จะมาโวยวายไม่ได้นะอิงฟ้า” 'ชิ คนอะไรหน้าบูดบึ้งขนาดนั้น ถูกบังคับให้มาเป็นบอดี้การ์ดรึไง ทำให้เหม็นขี้หน้าตั้งแต่แรกเจอเลยจริง ๆ'
“ฟังเรานะ เราบอกว่า เลิกกันเถอะ เราไม่ได้รักเธอแล้ววิน…จบกันแค่นี้นะ” จากเพื่อนสนิทกลายเป็นคนรัก แต่เพราะความห่างเหินบางอย่างทำให้ความสัมพันธ์ของวินเทอร์และอบอุ่นเปลี่ยนไป แม้จะยอมปล่อยมือจนอบอุ่นไปคบใครอื่น ทว่าวินเทอร์กลับยังคงรักฝังใจ เป็นใครคนหนึ่งที่อบอุ่นคอยปรึกษาอยู่เสมอ เพียงแต่... อยู่ในสถานะลับ วินเทอร์เฝ้ามองอบอุ่นอยู่เสมอ ไม่กล้าเปิดเผยตัวตน ไม่กล้าพูดว่ายังรัก ในขณะที่อบอุ่นค้นพบหัวใจตัวเองในวันที่สาย ไม่รู้เลยว่าวินเทอร์จะให้โอกาสเธอได้อีกไหม เพราะเธอรู้ตัวว่าคนผิดคือเธอมาโดยตลอด เป็นเธอที่โยนทิ้งความรักดี ๆ
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง