“น่าเสียดายจังเอาไว้โอกาสหน้าณิรินต้องไปเที่ยวกับพวกเราบ้างนะ”
“แล้วพวกกิ๊ฟจะไปเที่ยวร้านไหนล่ะ ร้านที่ณิรินทำงานหรือเปล่า”
“ไม่หรอกร้านที่ณิรินทำงานค่าเครื่องดื่มแพงจะตายพวกเราว่าจะไปร้านแถวหน้ามหาลัย”
“กิ๊ฟไปกับใครบ้าง”
“ก็มีกิ๊ฟมีหน่อยแล้วก็ไข่มุกนะพวกเราจะไปกันแค่สามคน”
“เที่ยวให้สนุกนะ ณิรินคงต้องรีบกลับก่อนนี่”
“มันเพิ่งจะบ่ายสามเองนะกว่าผับจะเปิดก็ตั้งสองทุ่มไม่ใช่จะรีบกลับทำไมล่ะ”
“เย็นนี้ณิรินมีออเดอร์น้ำพริกส่งให้กับเจ๊สุนีย์ที่ตลาดน่ะจะรีบกลับไปทำ”
“ถ้ามีโล่รางวัลนักศึกษาที่ขยันทำงานที่สุดกิ๊ฟว่าณิรินต้องได้รางวัลนี้อย่างแน่นอนเลยนะ” อลิษากล่าวชมเพื่อนสนิทที่ขยันทำงานทุกอย่าง
“ไม่ขนาดนั้นหรอกยังมีคนอื่นที่ขยันอีกเยอะ”
“แต่กิ๊ฟว่าณิรินขยันที่สุดแล้วนะตอนเช้าทำแซนด์วิชมาส่งที่ร้านในมหาวิทยาลัย ตอนเย็นยังกลับไปทำน้ำพริกแล้วกลางคืนยังต้องออกไปเป็นเด็กนั่งดริ้งค์อีกจะเอาเงินไปเก็บไว้ที่ไหนเยอะๆ”
“อะไรที่เป็นเงินตอนนี้ณิรินก็ต้องรีบตักตวงไว้ก่อนเพราะถ้าหากขึ้นปีสี่คงไม่ค่อยมีเวลาเราต้องไปฝึกงานกันณิรินอยากเก็บเงินไว้เยอะเยอะ”
“แต่ตอนที่แม่ของณิรินเสียชีวิตณิรินก็ได้เงินค่าประกันชีวิตมาหลายล้านไม่ใช่เหรอทำไมยังทำงานหนักแบบนี้อยู่อีกล่ะ”
“ก็ณิรินไม่รู้นี่ว่าอนาคตข้างหน้ามันเป็นยังไงช่วงนี้ก็ต้องเก็บเงินไว้ก่อน ส่วนเงินที่ได้มาจากแม่ณิรินเอาซื้อสลากไว้แล้วเผื่อจะถูกรางวัลกับเข้าบ้าง”
“รู้จักวางแผนการเงินให้ดีจริงๆ ไม่เหมือนพวกเราเลยยังแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่”
“ต้นทุนชีวิตของคนเรามันต่างกันนี่กิ๊ฟกับเพื่อนๆ มีพ่อแม่มีครอบครัวคอยซัพพอร์ตแต่ตอนนี้ณิรินเหลือใครก็เลยต้องขยันเข้าไว้น่ะ ไม่รู้ว่าเรียนจบแล้วจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะหางานได้ช่วงนี้อะไรที่มันพอเป็นเงินได้ณิรินก็ต้องเอาไว้ก่อนนั่นแหละ พูดง่ายๆ ก็คือณิรินงกนั่นแหละ” ณิรินทร์ญาพูดกับเพื่อนแล้วหัวเราะ
หญิงสาวเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นปีที่สามเธอเรียนในแผนกบัญชีก่อนหน้านี้หญิงสาวเธออาศัยอยู่กับมารดาในบ้านหลังเล็กแต่ เมื่อสองปีก่อนมารดาของเธอก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุแม้จะได้เงินประกันชีวิตมาจากกรมธรรม์ประกันชีวิตของมารดามามาก ถึงหน้าร้านแต่ณิรินทร์ญาก็ยังขยันทำงานเหมือนเดิม
มารดาของเธอเป็นพนักงานทำงานในโรงงานตอนเช้าก็จะทำแซนด์วิชไปส่งกับร้านที่อยู่ในโรงงานและร้านในตลาดและหลังจากกลับจากโรงงานแล้วมารดาของเธอก็ทำน้ำพริกส่งขายที่ตลาดซึ่งมีแม่ค้าเจ้าประจำรับไปขาย
หญิงสาวเรียนรู้การทำงานทุกอย่างมาจากจากมารดาเพราะเคยเป็นลูกมือช่วยอยู่ตลอด
แม้ชีวิตจะไม่ได้ลำบากมากแต่เธอก็มองแล้วว่าการทำงานแบบนี้มันไม่ได้เหนื่อยมากเท่าไหร่นอนพักก็หายแต่การตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองไม่มีเงินในกระเป๋ามันคงจะน่ากลัวกว่ามาก
“ทำงานเยอะขนาดนี้หาเวลาพักบ้างนะ”
“ขอบใจจ้ะ ณิรินขอตัวก่อนนะ เที่ยวให้สนุกล่ะอย่าลืมนะถ้าเมาก็อย่าขับรถกันเอง”
“พวกเราคุยกันแล้วว่าจะไม่ขับรถไปน่ะ ขากลับค่อยเรียกแท็กซี่เอาเพราะคิดว่าต้องเมาแน่”
“ดีแล้วขับรถตอนเมาอันตราย” หญิงสาวเตือนเพราะสาเหตุที่มารดาของเธอเสียชีวิตก็เพราะถูกคนเมาขับรถชนเธอ ก็เลยระมัดระวังในเรื่องนี้เป็นพิเศษ
ถึงแม้จะทำงานกลางคืนเป็นเด็กนั่งดริ๊งค์แต่ณิรินทร์ญาก็ไม่เคยดื่มจนเมาหรือถ้าเมาเธอก็จะให้คนที่ผับขับรถมาส่ง เธอทำงานเป็นเด็กเชียร์แขกหรือที่เรียกว่าเด็กนั่งดริ๊งค์ในผับแห่งหนึ่งแต่ไม่ได้ไปทำงานทุกวันส่วนใหญ่จะไปทำงานแค่คืนวันศุกร์และคืนวันเสาร์
ซึ่งลูกค้าค่อนข้างมากโดยเฉพาะวันศุกร์สิ้นเดือนแบบนี้หญิงสาวก็เลยต้องรีบกลับบ้านเพื่อทำน้ำพริกส่งในตลาดให้เสร็จก่อนจะเข้าไปที่ผับเพื่อเริ่มงานในเวลาสามทุ่ม
เมื่อกลับมาถึงบ้านเธอก็รีบทำน้ำพริกผัดหมูซึ่งแวะซื้อวัตถุดิบทุกอย่างที่ตลาดเมื่อมาถึงก็จัดการหั่นหอมและกระเทียมจากนั้นก็เอาลงไปเจียวจนหอมไปทั่วบ้าน
เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็รอให้เย็นก่อนจะตักใส่กระปุกที่เตรียมไว้จากนั้นติดสติ๊กเกอร์ของร้านบนฝากระปุกเตรียมส่งให้แม่ค้าที่ตลาดในช่วงเช้าของวันเสาร์ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยในเวลาเกือบจะสองทุ่ม
หญิงสาวยังเหลือเวลาอีกนานในการอาบน้ำแต่งตัวเธอหยิบน้ำพริกที่เหลือในชามมานั่งกินกับไข่ต้มจากนั้นก็รีบอาบน้ำแต่งตัวและขับรถเก๋งคันเก่าไปยังผับแห่งหนึ่งซึ่งเข้ามาทำงานที่นี่ตั้งแต่เรียนอยู่ปีหนึ่งเนื่องจากมารดารู้จักกับเจ้าของผับจึงค่อนข้างไว้ใจว่าเธอจะไม่ออกไปกับแขกคนไหน