ขณะที่ฝูงชนโห่ร้องยินดี โทรศัพท์ของฉันก็สั่นพร้อมกับข้อความจากเขา “ขอโทษนะ เราเลิกกันเถอะ”
เมื่อฉันกลับไปเผชิญหน้ากับพวกเขาที่บ้าน พวกเขาก็ยอมรับความจริง การตามหาฉันเจอเป็นความผิดพลาด ฉันเป็นแค่ความน่าอับอายที่พวกเขาต้องจัดการ และการยกเจสันให้คริสก็ถือว่าเป็นบุญคุณแล้ว
เพื่อปิดปากฉัน น้องสาวฉันทิ้งตัวลงจากบันไดแล้วกรีดร้องว่าฉันผลักเธอ พ่อทุบตีฉันแล้วโยนฉันออกมาที่ถนนเหมือนขยะชิ้นหนึ่ง
ขณะที่ฉันนอนสะบักสะบอมอยู่บนทางเท้า พ่อแม่ก็บอกตำรวจที่มาถึงว่าฉันเป็นคนทำร้ายร่างกาย พวกเขาอยากจะลบฉันให้หายไป แต่พวกเขากำลังจะได้รู้ว่าตัวเองเพิ่งก่อสงครามขึ้นมาต่างหาก
บทที่ 1
ความทรงจำตอนที่ฉันหลงทางมันเลือนลาง เป็นภาพหมุนวนสับสนของแสงไฟสว่างจ้ากับเสียงดังอึกทึกจากสวนสนุก ตอนนั้นฉันสี่ขวบ สิบปีต่อมา ชีวิตของฉันคือสถานสงเคราะห์ คือบ้านที่ไม่ใช่บ้านหลายหลังและท่าทีที่เย็นชายิ่งกว่าเดิม แล้วพวกเขาก็ตามหาฉันเจอ ครอบครัวของฉัน
ครอบครัววัฒนากุล
สองสามเดือนแรก ฉันต้องคอยระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ฉันโหยหาความรักที่ฉันเฝ้าจินตนาการถึงมาตลอดสิบปี ฉันเอาเงินทุกบาททุกสตางค์ที่หามาได้จากงานสองแห่งของฉันให้พวกเขา หวังว่าจะซื้อใจพวกเขาได้ พวกเขาเรียกมันว่า ‘ส่วนที่ฉันต้องช่วยครอบครัว’ เป็นการตอบแทนที่พวกเขาอุตส่าห์ตามหาฉันมาหลายปี
คริส น้องสาวฝาแฝดของฉัน ไม่ต้องช่วยอะไรเลย เธอคือลูกรักคนโปรด คนที่ไม่เคยหลงหายไปไหน เธอเรียนมหาวิทยาลัยชั้นนำ อนาคตของเธอสดใสเท่าๆ กับที่อนาคตของฉันมืดมน
ฉันเคยคิดว่าในชีวิตฉันมีเรื่องดีๆ อยู่บ้าง เจสัน แฟนของฉัน เขาใจดี หรืออย่างน้อยฉันก็เคยคิดแบบนั้น เขาจับมือฉันแล้วบอกว่าอดีตของฉันไม่สำคัญ
คืนนี้ ฉันมารับจ้างจัดเลี้ยงในงานปาร์ตี้หรูหราในสวน เป็นงานของครอบครัวที่เจสันรู้จัก พวกคนรวยเก่าที่มีเงินและรอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบ พ่อแม่ของฉันเองก็อยู่ที่นี่ กำลังพูดคุยสังสรรค์กับคนอื่นอย่างง่ายดาย ฉันเห็นพวกเขากำลังหัวเราะอยู่กับพ่อแม่ของเจสัน เป็นภาพครอบครัวชนชั้นกลางที่ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ
ส่วนฉันอยู่เบื้องหลัง เป็นเหมือนวิญญาณในชุดยูนิฟอร์มสีขาวดำ คอยเติมแชมเปญให้แก้วไม่เคยพร่อง ฉันพยายามสบตาเจสัน แต่ดูเหมือนเขาจะหลบหน้าฉัน ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่มก่อตัวขึ้นในท้อง
แล้วฉันก็หลบไปหลังพุ่มไม้ใหญ่ที่ตัดแต่งอย่างดีเพื่อหยิบแก้วเพิ่ม และฉันก็ได้ยินเสียงของพวกเขา คุณอลิสา แม่ของฉัน น้ำเสียงของท่านเบาและเหมือนกำลังสมรู้ร่วมคิดอะไรบางอย่าง
“เจสันเป็นเด็กดีจริงๆ เลยนะ มีความทะเยอทะยาน เหมาะกับหนูคริสของเราที่สุด”
ฉันตัวแข็งทื่อ ถาดแก้วที่หนักอึ้งในมือพลันรู้สึกเบาหวิว
“ตอนแรกเขาก็ลังเลนิดหน่อย” ผู้พันอาทิตย์ พ่อของฉันพูดขึ้น เสียงทุ้มต่ำ “กังวลเรื่อง... ภาพลักษณ์น่ะ”
“แน่นอนค่ะ” คุณหญิงศิริวัฒน์ แม่ของเจสันพูดเสริม “แต่เราก็เกลี้ยกล่อมเขาได้ หนูคริสเป็นลูกสะใภ้ที่เราอยากได้มาตลอด ดูดี มาจากครอบครัวที่ดี”
ครอบครัวของฉันเอง แต่พวกเขาไม่ได้พูดถึงฉัน
“แล้วเฟย์ล่ะ?” พ่อของเจสันถาม น้ำเสียงมีความกังวลเล็กน้อย
คุณอลิสาหัวเราะ เสียงเหมือนน้ำแข็งกระทบกัน “โอ๊ย ไม่ต้องห่วงเรื่องเฟย์หรอกค่ะ ชีวิตแก... ลำบากมาเยอะ เดี๋ยวแกก็เข้าใจเอง แกไม่ค่อยเหมาะกับครอบครัวอย่างพวกคุณเท่าไหร่หรอก ปมในอดีตจากสถานสงเคราะห์มันเยอะ”
“มันดีที่สุดแล้ว” ผู้พันอาทิตย์กล่าวสรุปด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “เจสันรู้ว่าคริสคือตัวเลือกที่ถูกต้อง เขาแค่ทำในสิ่งที่จำเป็นเพื่ออนาคตของตัวเอง”
โลกทั้งใบหมุนคว้าง ลมหายใจฉันติดขัดอยู่ในลำคอ ฉันขยับตัวไม่ได้ ทำได้แค่ฟังพวกเขาตกลงรายละเอียดเรื่องการหาคนมาแทนที่ฉัน
ไม่กี่นาทีต่อมา เสียงดนตรีเบาลง เจสันเดินไปกลางลานเฉลียง ในมือถือไมโครโฟน เขายิ้ม เป็นรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี ซึ่งตอนนี้ฉันเห็นแล้วว่ามันกลวงโบ๋สิ้นดี พ่อกับแม่ของฉันยืนอยู่ข้างๆ เขา ใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
คริสเดินระหงไปอยู่ข้างๆ เขา ชุดของเธอระยิบระยับอยู่ใต้แสงไฟในงานเลี้ยง เธอดูเหมือนฉันทุกอย่าง แต่เป็นเวอร์ชันที่สมบูรณ์แบบ ไม่แตกสลาย
“คริสครับ” เจสันเริ่มพูด เสียงของเขาดังก้องผ่านลำโพงให้ทุกคนได้ยิน เขาคุกเข่าลง “แต่งงานกับผมนะ”
เสียงฮือฮาดังขึ้นในหมู่แขก ตามมาด้วยเสียงปรบมือดังกึกก้อง ฉันยืนอยู่หลังพุ่มไม้ ตัวแข็งทื่อ มองดูชีวิตของฉันพังทลายลงต่อหน้าคนแปลกหน้าที่ยิ้มแย้มเป็นร้อยคน
มือของฉันเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ถาดในมือลื่นหลุด แก้วแตกกระจายเกลื่อนบนพื้นหิน เสียงของมันถูกกลบด้วยเสียงเฉลิมฉลอง
ไม่มีใครสังเกตเห็น
ทุกคนกำลังโห่ร้องยินดีให้คริส ให้เจสัน ให้คู่รักที่สมบูรณ์แบบ พ่อแม่ของฉันสวมกอดกับพ่อแม่ของเจสัน คริสยื่นมือออกไป เพชรเม็ดโตบนนิ้วส่องประกายกระทบแสง
โทรศัพท์ในกระเป๋าฉันสั่น ข้อความจากเจสัน
‘ขอโทษนะเฟย์ เราเลิกกันเถอะ พ่อแม่พี่คิดว่านี่คือทางที่ดีที่สุดแล้ว’
แค่นั้น สิบคำที่ลบประวัติศาสตร์ของเราให้หายไป
ฉันหันหลังแล้ววิ่ง ฉันไม่รู้ว่ากำลังจะไปไหน ฉันแค่วิ่ง หนีจากเสียงหัวเราะ หนีจากโลกที่สมบูรณ์แบบและปรุงแต่งของพวกเขา ชุดยูนิฟอร์มสีขาวดำให้ความรู้สึกเหมือนกรงขัง
ในที่สุดฉันก็กลับมาถึงบ้าน บ้านของพวกเขา หลายชั่วโมงต่อมา กุญแจของฉันขูดกับรูกุญแจ ห้องนั่งเล่นมืดสนิท แต่ฉันได้ยินเสียงร่าเริงของพวกเขาดังมาจากในครัว
พวกเขาเดินออกมาที่โถงทางเดิน ใบหน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์แชมเปญและชัยชนะ
“มาแล้วเหรอ” คุณอลิสาพูด รอยยิ้มของท่านมาไม่ถึงดวงตา “พลาดเรื่องน่าตื่นเต้นไปหมดเลยนะ”
คริสไม่ได้อยู่กับพวกเขา เธอคงยังฉลองอยู่กับคู่หมั้นคนใหม่
ฉันมองใบหน้าที่มีความสุขของพวกเขา การหักหลังที่เลือดเย็นและสมบูรณ์แบบขนาดนี้
“หนูขอเงินคืน” ฉันพูด เสียงเบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบ
รอยยิ้มของผู้พันอาทิตย์หายไป “แกพูดว่าอะไรนะ?”
“หนูขอเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เคยให้ไป คืนมาให้หมด สำหรับค่าเทอมของคริส สำหรับรถของเธอ สำหรับบ้านหลังนี้” เสียงของฉันดังขึ้น “หนูต้องการเงินคืน”
คุณอลิสาสบถ “อย่ามาไร้สาระน่าเฟย์ นั่นมันส่วนที่แกต้องช่วยครอบครัว”
“ครอบครัวแบบไหนกันคะ?” ฉันถาม เสียงหัวเราะขมขื่นหลุดออกมาจากปาก “ครอบครัวที่ขายลูกกินเพื่อแลกกับรุ่นที่ดีกว่าเหรอ?”
“แกกำลังเล่นละคร” ผู้พันอาทิตย์พูด พลางก้าวเข้ามาข้างหน้า เขาเป็นคนตัวใหญ่ และเขาก็ใช้ขนาดตัวเพื่อข่มขู่ “แกไม่เคยเหมาะกับเจสัน เราทำเพื่อแกนะ”
“ทำเพื่อหนูเหรอคะ?” ฉันทวนคำ คำพูดนั้นรสชาติเหมือนยาพิษ “พวกคุณทำลายชีวิตหนู”
“แกมันพังมาตั้งแต่ก่อนเราจะเจอแล้ว” คุณอลิสาพูด เสียงแหลมและโหดร้าย “เราให้บ้านแกอยู่ เราให้นามสกุลแกใช้ แกควรจะสำนึกบุญคุณนะ”
“สำนึกบุญคุณเหรอคะ? เรื่องอะไร? ที่ต้องมาเป็นม้างานให้พวกคุณเหรอ? ที่ต้องนอนในห้องเล็กที่สุดในขณะที่คริสได้ชุดห้องนอนใหม่ทุกปีเหรอ?”
“คริสสมควรได้รับมัน!” คุณอลิสาตวาด “น้องเป็นความภาคภูมิใจของเราตลอดมา แต่แกเป็นเครื่องย้ำเตือนถึงความผิดพลาดตลอดเวลา”
“ความผิดพลาดที่ทำหนูหายเหรอคะ?”
“ความผิดพลาดที่ตามหาแกเจอต่างหาก” ผู้พันอาทิตย์พูดเสียงเรียบ
คำพูดนั้นกระทบฉันแรงยิ่งกว่าถูกตบ ฉันเคยยึดติดกับความหวังว่าลึกๆ แล้วพวกเขารักฉัน ที่พวกเขาเป็นแบบนี้ก็แค่... มีข้อบกพร่อง แต่ที่นี่ไม่มีความรัก มีแต่ความไม่พอใจและการคำนวณผลประโยชน์
ฉันนึกถึงบางอย่างที่นักสังคมสงเคราะห์เคยบอกฉันตอนที่ตามหาพวกเขาเจอ รายงานของตำรวจบอกว่าการค้นหาสิ้นสุดลงหลังจากผ่านไปสองปี พวกเขาเดินหน้าต่อไปแล้ว พวกเขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ ชีวิตที่สมบูรณ์แบบกับลูกสาวคนเดียวที่สมบูรณ์แบบ การตามหาฉันเจอในอีกสิบปีต่อมาเป็นแค่ความไม่สะดวกที่พวกเขาต้องจัดการ
ตลอดหลายปีที่ฉันเฝ้าฝันถึงพวกเขา พวกเขากลับใช้เวลาลืมฉัน
ความโกรธที่อัดอั้นมานานหลายปีก็ระเบิดออกมาราวกับภูเขาไฟ มันเป็นไฟร้อนแรงที่ชำระล้าง เผาไหม้ความหวังอันน่าสมเพชสุดท้ายของฉันจนหมดสิ้น
“พวกคุณไม่ได้ตามหาหนู” ฉันพูด เสียงสั่นเทาด้วยความเดือดดาล “พวกคุณเลิกหาหลังจากผ่านไปแค่สองปี”
ใบหน้าของคุณอลิสาซีดเผือด “ใครบอกแก?”
“มันไม่สำคัญหรอกค่ะ” ฉันพูด เสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งและแตกสลายดังออกมาจากอก “หนูรู้ พวกคุณทิ้งให้หนูไปเน่าตาย”
“เราทำในสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว” คุณอลิสาพูด เลิกเสแสร้ง ใบหน้าของท่านกลายเป็นหน้ากากแห่งความโกรธเกรี้ยวที่เย็นชา “คริสต้องการชีวิตปกติ น้องไม่จำเป็นต้องมีเงาของพี่สาวที่หายไปมาคอยหลอกหลอน”
“พวกคุณก็เลยยกชีวิตหนูให้น้อง” ฉันกระซิบ “ยกแฟนของหนูให้น้อง”
“น้องเหมาะกับเขามากกว่า” ผู้พันอาทิตย์พูดง่ายๆ ราวกับว่ามันเป็นธุรกรรมทางธุรกิจ “มันยกระดับครอบครัว แกควรจะดีใจกับน้องสาวแกนะ”
ดีใจ พวกเขาอยากให้ฉันดีใจ
ฉันมองคนสองคนที่ร่วมสายเลือดกับฉัน พวกเขาไม่ใช่พ่อแม่ พวกเขาคือเจ้าของชีวิตฉัน และพวกเขาเพิ่งจะแลกฉันกับของชิ้นใหม่