เธอไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาลบ้า เธอดูสดใสเปล่งปลั่ง กำลังหัวเราะอย่างมีความสุขขณะยืนอยู่ข้างๆ สามีของฉันและลูกชายวัยห้าขวบของพวกเขา ฉันมองผ่านกระจกใส เห็นไอศูรย์ก้มลงจูบเธอ เป็นจูบที่แสนคุ้นเคยและเต็มไปด้วยความรักแบบเดียวกับที่เขาเพิ่งจูบฉันเมื่อเช้านี้
ฉันแอบเข้าไปใกล้ขึ้นและได้ยินบทสนทนาของพวกเขา คำขอของฉันที่อยากไปเที่ยวสวนสนุกในวันเกิดถูกปฏิเสธ เพราะเขาสัญญาไว้แล้วว่าจะเหมาสวนสนุกทั้งสวนให้กับลูกชายของพวกเขา ซึ่งเกิดวันเดียวกับฉัน
“ยัยนั่นซาบซึ้งที่มีครอบครัวจนเราพูดอะไรก็เชื่อไปหมด” ไอศูรย์พูด น้ำเสียงของเขาเจือความเหยียดหยามที่โหดร้ายจนฉันแทบหยุดหายใจ “น่าสมเพชชะมัด”
โลกทั้งใบของฉัน—พ่อแม่ที่แสนดีซึ่งคอยให้เงินทุนสนับสนุนชีวิตลับๆ นี้ สามีผู้ทุ่มเท—เป็นเพียงเรื่องโกหกที่ดำเนินมานานถึงห้าปี ฉันเป็นแค่ตัวตลกที่พวกเขาจับมาเล่นละครตบตา
โทรศัพท์ของฉันสั่น เป็นข้อความจากไอศูรย์ที่ส่งมาขณะที่เขายืนอยู่กับครอบครัวที่แท้จริงของเขา
“เพิ่งประชุมเสร็จ เหนื่อยมากเลย คิดถึงนะ”
คำโกหกง่ายๆ นั่นคือฟางเส้นสุดท้าย พวกเขาคิดว่าฉันเป็นแค่เด็กกำพร้าผู้น่าสงสารที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกกับความรัก และจะควบคุมยังไงก็ได้
พวกเขาคิดผิด และกำลังจะได้รู้ว่าผิดมหันต์แค่ไหน
บทที่ 1
“ฉันยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขาปล่อยนังนั่นไปง่ายๆ” ดีน่าพูดพลางส่ายหัวขณะคนกาแฟของเธอ “หลังจากเรื่องทั้งหมดที่คีรติทำกับเธอ”
ฉันสะดุ้งกับชื่อนั้น ห้าปีแล้ว แต่ยังรู้สึกเหมือนเป็นแผลสด “ดีน่า พอเถอะ”
“ฉันพูดจริงๆ นะ” เธอยืนกราน สัญชาตญาณทนายความของเธอเริ่มทำงาน “หล่อนก็เหมือนน้องสาวเธอ เด็กที่พ่อแม่เธอรับมาเลี้ยงดู ทุ่มเทความรักให้ตั้งหลายปีก่อนที่จะเจอเธอซะอีก แล้วดูสิ่งที่หล่อนทำตอบแทนสิ กล่าวหาว่าเธอขโมยบทหนังของหล่อน แล้วพยายามจะเผาอนาคตในวงการของเธอให้วอดวาย”
ฉันถอนหายใจ ความทรงจำนั้นขมขื่นเหมือนยาที่ต้องกลืนลงคอ คีรติ เด็กในปกครองของพ่อแม่ฉัน ลูกสาวนอกไส้ที่เคยอยู่ในตำแหน่งของฉัน เมื่อฉัน อลินา ทายาทตัวจริงของตระกูลธีรโชติ ถูกพบตัวและได้กลับบ้าน เทพนิยายการกลับคืนสู่ครอบครัวก็พังทลายลงด้วยความริษยาอาฆาตของคีรติ เรื่องอื้อฉาวขโมยผลงานคือสุดยอดผลงานการแก้แค้นของเธอ แต่ครอบครัวของฉันก็ยืนหยัดปกป้องฉัน
“พวกเขาบอกฉันว่าหล่อนสติแตกไปเลยหลังจากความจริงเปิดเผย” ฉันเล่าเรื่องราวที่ฉันยึดถือมาตลอดครึ่งทศวรรษ “พ่อแม่ฉันรู้สึกผิด ท่านเลยจัดการส่งหล่อนไปอยู่สถานบำบัดเอกชนที่ดีที่สุดเพื่อให้ได้รับการรักษา ไอศูรย์ก็เห็นด้วยว่าเป็นทางออกที่มีมนุษยธรรมที่สุดแล้ว หล่อนไปแล้วดีน่า พวกเขาปกป้องฉัน”
ฉันเชื่อพวกเขาอย่างสุดหัวใจ ฉันคืออลินา ธีรโชติ นักเขียนบทภาพยนตร์ที่กำลังสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง ได้กลับมาอยู่กับครอบครัวที่ร่ำรวยซึ่งฉันพลัดพรากไปตั้งแต่เด็ก ฉันมีพ่อแม่ที่รักฉันและสามีที่หล่อเหลาประสบความสำเร็จ ฉันปลอดภัย ฉันเป็นที่รัก เงาของอดีต ทั้งบ้านเด็กกำพร้าและความเหงา ดูห่างไกลออกไปเป็นล้านไมล์ นี่คือโลกความจริงของฉันตอนนี้ มันมั่นคงและเป็นจริง
“แต่ก็นะ” ฉันถอนหายใจ เปลี่ยนเรื่อง “ฉันหวังว่าช่วงนี้ไอศูรย์จะไม่ยุ่งเกินไป ฉันอยากไปสวนสนุกดรีมเวิลด์มากเลย อยากไปแค่วันเดียว ไปทำตัวเป็นเด็กอีกครั้ง” ฉันระบายให้ดีน่าฟัง “วันเกิดฉันใกล้จะถึงแล้ว ฉันส่งข้อความไปหาเขา ถามว่าเราไปกันได้ไหม แต่ไม่ได้บอกนะว่าเป็นของขวัญวันเกิด อยากให้มันเป็นความลับเล็กๆ ของเราสองคน”
ทันใดนั้น ราวกับรู้ใจ โทรศัพท์ของฉันก็สั่นครืดบนโต๊ะ ชื่อของไอศูรย์สว่างวาบขึ้นมาบนหน้าจอ ฉันยิ้มออกมา หัวใจเต้นรัวด้วยความหวัง
คำตอบของเขาสั้นและเย็นชา “ไปไม่ได้ มีโปรเจกต์ด่วนที่บริษัท ช่วงสองสามอาทิตย์นี้จะยุ่งมาก อย่าคิดมากนะ”
ไหล่ของฉันลู่ลง ดีน่าเห็นความผิดหวังบนใบหน้าฉันจึงเอื้อมมือข้ามโต๊ะมาจับมือฉันไว้ สีหน้าของเธอให้กำลังใจ “นี่ ไปหาเขาสิ เดินตรงเข้าไปในออฟฟิศแล้วบอกเขาเลยว่าเป็นคำขอวันเกิดของเธอ ไอศูรย์รักเธอนะ เขาพร้อมจะทิ้งทุกอย่างเพื่อเธอ”
คำพูดของเธอจุดประกายความหวังเล็กๆ ในใจฉัน ฉันอยากจะไปเซอร์ไพรส์เขา หนึ่งชั่วโมงต่อมา ฉันเดินเข้าไปในล็อบบี้ที่ส่องประกายของวิริยะเมดิคอล กรุ๊ป พร้อมกาแฟแก้วโปรดของเขาสองแก้ว พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ล็อบบี้ยิ้มให้อย่างสุภาพ แต่เลขานุการของไอศูรย์กลับหยุดฉันไว้ที่หน้าลิฟต์ รอยยิ้มของเธอดูรู้สึกผิด
“ขอโทษจริงๆ ค่ะคุณอลินา แต่วันนี้ช่วงบ่ายท่านประธานมีนัดส่วนตัวค่ะ ท่านออกไปแล้ว”
“อ้อ” ฉันพยายามซ่อนความผิดหวัง “เขาบอกไหมคะว่าจะไปไหน”
“ท่านอยู่ที่รตี แกลเลอรี่ ฝั่งตะวันตกค่ะ” เธอพูดพลางเช็คตารางนัดของเขา “ท่านไปที่นั่นทุกวันอังคาร”
ความรู้สึกเย็นเยียบแล่นจับขั้วหัวใจ รตี ชื่อนั้นดังก้องอยู่ในหัวของฉัน
ฉันขับรถออกไป มือเกาะพวงมาลัยแน่น ที่อยู่นั้นนำฉันไปยังอาร์ตแกลเลอรี่ที่ทันสมัยและเก๋ไก๋ซึ่งฉันไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน ป้ายเขียนว่า ‘รตี แกลเลอรี่’ วันนี้ไม่ได้เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม แต่ฉันเห็นรถหรูหลายคันจอดอยู่ด้านหน้า หนึ่งในนั้นคือรถของพ่อฉัน
ฉันจอดรถห่างออกไปแล้วเดินเข้าไปใกล้ตัวอาคาร ผ่านหน้าต่างกระจกสูงจากพื้นจรดเพดาน ฉันเห็นภาพที่ดูไม่สมเหตุสมผล แล้วฉันก็เห็นเขา สามีของฉัน ไอศูรย์ เขาไม่ได้อยู่ในชุดสูท เขาอยู่ในชุดลำลอง ใบหน้าประดับรอยยิ้มสบายๆ เป็นรอยยิ้มที่ฉันไม่ได้เห็นมานานหลายปี
เขากำลังให้เด็กชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งขี่คออยู่ เด็กคนนั้นน่าจะอายุราวๆ สี่หรือห้าขวบ เขากำลังหัวเราะคิกคัก มือเล็กๆ ขยำเส้นผมสีเข้มของไอศูรย์
แล้วฉันก็เห็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ พวกเขา มือของเธอวางอยู่บนแขนของไอศูรย์
คีรติ
เธอไม่ได้ตกอับ เธอไม่ได้อยู่ในสถานบำบัด เธอดูสดใสเปล่งปลั่ง อยู่ในชุดผ้าไหม ดูเป็นคุณแม่และภรรยาที่มีความสุขทุกกระเบียดนิ้ว เธอหัวเราะ เป็นเสียงที่ฉันจำได้และรู้สึกสะท้านเยือก แล้วเธอก็เขย่งตัวขึ้นไปจูบแก้มไอศูรย์ เขาหันหน้ามาแล้วจูบตอบที่ริมฝีปาก เป็นจูบที่แสนคุ้นเคยและเต็มไปด้วยความรักแบบเดียวกับที่เขาเพิ่งทำกับฉันเมื่อเช้านี้
ลมหายใจของฉันสะดุด โลกทั้งใบของฉันหมุนคว้าง ฉันเซถอยหลังไปหลบในเงาของประติมากรรมขนาดใหญ่ ร่างกายสั่นเทาไปทั้งตัว
ฉันย่องไปที่ประตูข้างที่แง้มอยู่เล็กน้อย เสียงพูดคุยของพวกเขาลอดออกมา
เด็กชายตัวน้อยที่ชื่อลีโอกำลังตะโกนอย่างตื่นเต้น “แด๊ดดี้สัญญาแล้วนะครับ! วันเกิดลีโอ เราจะไปสวนสนุกกัน!”
น้ำเสียงของไอศูรย์อบอุ่นไปด้วยความรักใคร่ที่บัดนี้ฉันเพิ่งตระหนักว่าฉันไม่เคยได้รับมันอย่างแท้จริง “แน่นอนสิจ๊ะคนเก่ง แด๊ดดี้จองสวนสนุกไว้ทั้งสวนแล้ว มันจะเป็นของลูกทั้งวันเลย”
เลือดในกายฉันเย็นเฉียบ วันเกิดของลีโอ มันคือวันเดียวกับวันเกิดของฉัน ในที่สุดฉันก็เข้าใจ ไอศูรย์ไม่ได้ปฏิเสธคำขอของฉันเพราะเขายุ่ง เขาปฏิเสธเพราะเขาได้สัญญาวันเกิดของฉันให้กับอีกครอบครัวหนึ่งไปแล้ว
“แน่ใจนะคะว่ายัยอลินาไม่สงสัยอะไร” คีรติถาม น้ำเสียงเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ห้าปีมันนานมากเลยนะที่จะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ”
“ยัยนั่นไม่รู้เรื่องอะไรหรอก” ไอศูรย์พูด ความโหดร้ายในน้ำเสียงของเขาเสียดแทงจนฉันแทบหยุดหายใจ “ยัยนั่นซาบซึ้งที่มีครอบครัวจนเราพูดอะไรก็เชื่อไปหมด น่าสมเพชชะมัด”
“น่าสงสารอลินาจัง” คีรติถอนหายใจ เป็นการแสดงความเห็นใจจอมปลอมชั้นครู “ยังอุตส่าห์พูดเรื่องอยากมีลูกกับคุณอยู่เลย”
ไอศูรย์หัวเราะเยาะ “ฉันจะปล่อยให้ผู้หญิงอย่างนั้นมาอุ้มท้องลูกฉันได้ยังไง ฉันสัญญากับเธอแล้วไงคีรติ ว่าลีโอจะเป็นทายาทคนเดียวของเรา พอถึงเวลาที่เหมาะสม ฉันจะบอกยัยนั่นว่าฉันเป็นหมัน แล้วเราก็จะ ‘รับเลี้ยง’ ลีโอ เขาก็จะได้กลับบ้านเราอย่างถาวร”
คีรติซบลงบนอกของเขา ยิ้มอย่างผู้ชนะ
ฉันรู้สึกคลื่นไส้ พ่อแม่ของฉัน พวกเขาก็ร่วมมือด้วย เงินสำหรับชีวิตที่หรูหรานี้ ครอบครัวลับๆ นี้ แกลเลอรี่แห่งนี้—มันมาจากพวกเขา มาจากสมบัติของตระกูลธีรโชติที่ควรจะเป็นของฉัน
โลกทั้งใบของฉัน—พ่อแม่ที่แสนดี สามีผู้ทุ่มเท ความปลอดภัยที่ฉันคิดว่าในที่สุดฉันก็ได้พบเจอหลังจากต้องระหกระเหินในบ้านเด็กกำพร้ามาทั้งชีวิต—เป็นเพียงเวทีละครที่สร้างขึ้นอย่างประณีต และฉันคือตัวตลกที่รับบทนำ โดยไม่รู้เลยว่านักแสดงคนอื่นๆ กำลังหัวเราะเยาะฉันอยู่หลังม่าน
ฉันถอยหลังออกมาอย่างช้าๆ การเคลื่อนไหวแข็งทื่อเหมือนหุ่นยนต์ ฉันขึ้นรถ ร่างกายสั่นสะท้านจนแทบจะบิดกุญแจสตาร์ทรถไม่ไหว โทรศัพท์ของฉันสั่นครืดอยู่บนตัก เป็นข้อความจากไอศูรย์
“เพิ่งประชุมเสร็จ เหนื่อยมากเลย คิดถึงนะ เดี๋ยวเจอกันที่บ้าน”
คำโกหกง่ายๆ ที่พิมพ์ส่งมาขณะที่เขายืนอยู่ข้างครอบครัวที่แท้จริงของเขา คือฟางเส้นสุดท้าย โลกไม่ได้แค่เอียง แต่พังทลายเป็นผุยผงรอบตัวฉัน
ฉันขับรถออกไป ไม่ได้มุ่งหน้ากลับคฤหาสน์ของเรา แต่ไปสู่อนาคตที่พวกเขาควบคุมไม่ได้ ความโศกเศร้าเป็นเหมือนน้ำหนักที่มองไม่เห็น กดทับหน้าอกของฉันจนแทบแหลกสลาย แต่ภายใต้ความเจ็บปวดนั้น ถ่านไฟแห่งความมุ่งมั่นก้อนเล็กๆ ที่แข็งแกร่งก็เริ่มคุโชนขึ้น
พวกเขาคิดว่าฉันน่าสมเพช พวกเขาคิดว่าฉันโง่
พวกเขาคิดผิด และกำลังจะได้รู้ว่าผิดมหันต์แค่ไหน