ด้วยพื้นฐานนิสัยไม่ใช่คนช่างพูด จึงทำเพียงยิ้มน้อยๆตอบไปเท่านั้น แม้จะไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน แต่ทั้งสองเรียนในระดับชั้นเดียวกัน เคยทำกิจกรรมร่วมกันบ่อยครั้ง ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นถึงตอนปลาย
‘ปูนิ่ม’ หรือ ‘อัญจารีย์’ รีบชวน
“ว่างไปนั่งคุยกันก่อนไหมณัช”
รอยยิ้มยังคงประดับอยู่บนใบหน้า ตอบออกไปตามจริง
“เราต้องทำงานน่ะปูนิ่ม”
อัญจารีย์มองเครื่องแบบของอีกฝ่ายที่เป็นชุดสูทเสื้อกางเกงขายาวสีเทาแต่งขอบดำ คลับคล้ายจะเป็นพนักงานในสถานเสริมความงามมีชื่อบนชั้นนั้น ก็พยักหน้าอย่างพอเข้าใจว่าเพื่อนคงปลีกตัวไปนั่งดื่มตามคำชวนไม่ได้ แล้วเลยขอเบอร์โทรศัพท์เพื่อใช้ติดต่อกันก่อนแยกตัวจากมา
หญิงสาวเจ้าของชื่อเล่นปูนิ่ม พาตัวเองลงไปยังด้านล่างสุดของตัวห้างสรรพสินค้า ผ่านทางออกสู่ด้านนอก มองขึ้นไปบนฟ้าตอนนี้เริ่มมืดลงมากกว่าตอนที่มาถึง เหมาะสมกับเวลาที่ล่วงเข้าทุ่มห้าสิบพอดิบพอดี แต่กระนั้นถนนด้านหน้ายังคงคึกคักด้วยยวดยานพาหนะและผู้คนที่เดินขวักไขว่กันอยู่ ยืนรอที่ทางเท้าไม่นาน รถคันหรูสีดำปาดเข้ามาจอดขนาบตรงที่ยืนคอย จึงเปิดประตูขึ้นนั่งที่เบาะด้านข้างคนขับ เจ้าของรถพาสี่ล้อคันงามออกสู่ถนนเบื้องหน้าในทันที
“ตรงเวลามาก...ค่ะคุณนพ”
แสร้งลากเสียงยาวยียวนใส่สารถีรูปงาม ชายรองของบ้านอัศวหาญญ์วรกุล ผู้ซึ่งขึ้นชื่อว่าหน้าตาดีกว่าพี่กว่าน้องที่เหลือ นพรัตน์ประคองพวงมาลัยรถยนต์ เหลือบมองหญิงสาวเบาะด้านข้างถามเนิบๆ
“ได้อะไรมาบ้าง”
“ไม่ได้อะไรเลยคุณนพ กระเป๋าที่ปูนิ่มจองไว้ ร้านไม่ยอมเช็คของก่อน สายมันนะด้ายรุ่ยเชียว ดีที่ปูนิ่มตาไวเห็นเข้าเลยบอกเขาว่าไม่เอาแล้ว แกล้งทำหน้าบึ้งๆด้วยแหละ เท่านั้นเอ๊ง...เขารีบให้ส่วนลดปูนิ่มเลย ส่วนรุ่นใหม่ที่กำลังจะมาอ่ะนะ ปูนิ่มก็ห้าสิบห้าสิบ ไม่ได้ชอบมากเท่าไร ร้านกระซิบบอกส่วนลดแล้วก็เลยว่าอะๆเอาก็ได้ เขาบอกจะรีบส่งมาให้ไม่เกินสามวันนี้ค่ะ”
“ทั้งร้านมีใบเดียว?” เสียงถามแม้ฟังว่าเรียบแต่คนฟังสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังยียวนตน ยิ้มแล้วก็ว่า
“แหม มันก็มีหลายใบอยู่หรอก แต่รุ่นที่ปูนิ่มอยากได้ มันมีใบเดียวไง” บอกจบ เมินออกไปมองด้านนอกรถ ค่อยเอ่ยขึ้นเสียงเบาลงผิดวิสัย “ปูนิ่มเจอเพื่อนด้วยนะคุณนพ”
ชายหนุ่มทิ้งช่วงไปอึดใจใหญ่ๆ กว่าจะถามออกมาได้
“ใคร”
“ณัชชา”
อัญจารีย์ตอบออกไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ ว่าบรรยากาศบนรถอึมครึมลงเล็กน้อย แล้วเลยจ้องอีกฝ่ายนิ่งๆ ถามเขากลับ “คุณนพจำณัชชาได้ไหม คุณห้องเดียวกับเขานี่ เด็กห้องคิงไม่ใช่หรือไง”
ชายหนุ่มเจ้าของรถหรูหัวใจกระตุกวูบขึ้นจังหวะหนึ่งพร้อมสะดุดลมหายใจของตัวเอง ไม่ตอบอะไรอีกฝ่าย เจ้าหล่อนเลยขยับตัวมองหน้าชายหนุ่มจริงจัง หรี่ตาก่อนว่า
“จำไม่ได้จริงอ่ะ แล้วว่าแต่ปูนิ่มความจำสั้น”
ชายรูปงามเจ้าของรถยังคงนิ่ง อัญจารีย์เย้าต่อไม่ยอมให้จบง่ายๆ “ไม่เห็นถามเหมือนทุกทีเวลาปูนิ่มเจอเพื่อนคนอื่นเลยล่ะว่าสวยขึ้นไหม อกตู้มหรือเปล่า ไม่ก็ก้นเด้งมากไหม แปลกนะเนี่ย” ถามจบเอียงคอมองจ้องหน้าด้วยสายตาจับผิด
นพรัตน์ผินหน้าไปมองทางอื่นชั่วคราว ถามให้ตัวเองหลุดพ้นจากอาการน่าสงสัยของหญิงสาวข้างกาย
“สวยไหม”
อัญจารีย์เลยเลิกให้ความสนใจกับท่าทีของชายหนุ่ม ขยับนั่งตัวตรงมองไปที่ถนนด้านหน้า นิ่งคิดครู่เดียว ตอบออกไป
“ถ้าเทียบกับตอนเรียน ปูนิ่มว่าตอนนั้นณัชชาเธอดูน่ารักกว่านี้เยอะเลยนะ เมื่อกี๊ตอนเจอกันเธอก็ดูสวยดีอยู่หรอก แต่แววตาดูซึมๆยังไงไม่รู้ ไม่สดใส ปูนิ่มว่าณัชชาเธอดูผอมไปหน่อยด้วยแหละ”
คนจำใจถามครางรับสั้นๆ “อือม์”
“นี่คุณนพ ไม่อยากเม้าเพื่อน ถึงเธอจะผอมแต่อกเธอตู้มมากเลยนะ”
ว่าจบได้ยินชายหนุ่มทำเสียงอย่างหนึ่งในลำคอ เลยหัวเราะเบาๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนบนหน้าจอไปมาบอกทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่
“ปูนิ่มขอเบอร์มาด้วย กะว่าจะเอาไว้โทรคุยกัน เลี้ยงรุ่นรอบนี้ต้องลากณัชชาไปให้ได้เลยคอยดู”
อัญจารีย์เงียบไปอึดใจเดียว บอกต่ออีกคล้ายระลึกถึงความหลัง
“ณัชชาเนี่ยเป็นคนเดียวในรุ่นมั้งเนอะคุณนพที่ติดต่อไม่ได้เลย เห็นไหมมัวแต่โม้ ลืมถ่ายรูปคู่ด้วยกันเอาไว้เป็นหลักฐาน จะได้เอาไปบอกคนอื่นๆได้ว่าอิฉันพบเพื่อนที่ตามตัวยากสุดแล้วจริงๆ”
“เขายอมหรือไง”
“ยอมอะไรคะคุณนพ ยอมให้ถ่ายรูปอ่ะ”
“อือม์”
“ไม่รู้สิ อิฉันก็เนียนๆไปสิคะ นี่ยังจำได้เลยนะ สมัยนั้นน่ะ ณัชชาเธอคบใครที่ไหน แต่แอบเห็นนะว่ามีคนไปวอแวกับนุ้งณัชเพื่อนน้อยอยู่คนหนึ่ง หึงนะคะรู้ไหม”
อัญจารีย์เรียกฉายาบุคคลที่สามที่เพื่อนคนอื่นตั้งสมญานามให้พร้อมรอยยิ้มแปลกๆบนใบหน้าของเจ้าหล่อน ปรายตามองนพรัตน์อย่างต้องการให้รู้ว่าตนระแคะระคายเรื่องซุบซิบสมัยเรียนมัธยมปลายเช่นกัน
“แล้วไง”
เสียงถามเย็นชาแต่ยอกย้อนคล้ายร้อนตัวของชายหนุ่ม ทำเอาอัญจารีย์ยิ้มกริ่มขึ้นในทันที ว่ากลับด้วยท่าทีสบายอกสบายใจ
“ไม่แล้วไงหรอก ใครจะกล้าแล้วไงกับคุณนพล่ะคะ”
“ชักพูดมากแล้วเนี่ย ลงเลยไหม”
“เอะอะไล่ลงรถตลอด เกลี๊ยดเกลียด”
“เดี๋ยวเตรียมตัวลงเลย ส่งข้างหน้านี่แล้วกัน”
ว่าจบเลื่อนมือเร่งเสียงเพลงลูกกรุงของนักร้องชื่อดังในตำนานบนพวงมาลัยรถยนต์ อัญจารีย์มุ่ยหน้าบ่นพึม “เปลี่ยนเพลงเถอะคุณนพ ฟังอะไรก็ไม่รู้คอนทราสกับคนกับรถมากๆเลย”
ชายหนุ่มเมิน แล้วมองออกไปที่ด้านนอกรถไม่พูดอะไรต่อ จ้องไฟจราจรตรงแยกใหญ่ใจกลางมหานครนิ่งราวกับมันเป็นสิ่งมหัศจรรย์อยู่เป็นนาน พร้อมความทรงจำในอดีตที่วาบผ่านเข้ามาในหัวของเขา พยายามลืมเลือนมันไปหลายครั้งแล้วแต่ก็ทำไม่ได้เลยสักครั้งเดียว