เมื่อเด็กสาวที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมาตลอดยี่สิบเอ็ดปีโตเป็นสาวสวยสะพรั่ง เขาจึงตัดสินใจหนี... แต่สุดท้ายแล้วเขาหรือจะหนีหัวใจตัวเองพ้น ยิ่งได้รับรู้ว่า ‘ลูกพุทรา’ กำลังจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตน ‘พ่อเลี้ยง’ ที่หลงรักเธอมาตลอดหรือจะยอมปล่อยนกน้อยให้หลุดจากกรงทอง! คำนิยามของท้องฟ้า... อาจคือความอิสระ สายน้ำ... อาจหมายถึงความรัก ไม่ว่าจะเป็นน้ำหรือความรัก เป็นสิ่งที่ขาดไปเสียไม่ได้ สิ่งที่ลืมตาตื่นมาก็จะต้องใช้มัน ต้องอยู่กับมันในทุก ๆ วัน ไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถมีชีวิตรอดหากปราศจากน้ำ แม้แต่ตัวของเขาเองที่พยายามละ เลิก ทิ้ง ลาจากน้ำโดยไม่สนใจว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่ นี่เขากำลังคิดถึงใคร...? เด็กน้อยในความดูแลงั้นหรือ? ยี่สิบเอ็ดปีแล้วที่พี่ชายของเขา ปองกานต์ได้หาภาระลูกมหึมามาให้ต้องรับภาระดูแลเด็กสาวมาจนถึงทุกวันนี้ หลังจากที่ได้รับรู้ความจริงจากภรรยาว่าลูกสาวที่เลี้ยงมากับมือไม่ใช่ลูกของตัวเอง ต้นกล้าแข็งแรงได้รับการรดน้ำและพรวดดินเป็นอย่างดีเติบโตเป็นต้นไม้งาม ผลิดอกออกผลมีรากฐานมั่นคงจนเขาไม่ต้องห่วงอะไร กระทั่งเสียงโทรศัพท์สั่นดังจากข้างหู ‘พุทรามีแฟนแล้วนะคะ พ่อเลี้ยง... พี่รหัสชื่อธามไท กำลังจะย้ายไปอยู่ด้วยกัน’ ร่างสูงลุกพรวดขึ้นกำโทรศัพท์แน่นยังกับว่าจะบีบมันให้แหลกคามือ ทะเลสีมรกตสดสวยละเลงด้วยเปลวเพลิงแห่งโทสะลึกลงไปในดวงตาของเขาเอง “จะมีผัวเป็นตัวเป็นตน ไม่คิดบอกพ่อเลี้ยงเลยสักคำงั้นหรือ? พุทรา...!”
คนนี้พ่อเลี้ยงขอ
Chapter 1
ร่างอ้อนแอ้นอรชรในชุดนักศึกษากระโปรงพลีทจีบรอบความยาวคลุมข้อเท้า ปกปิดเรียวขาขาวไว้อย่างมิดชิดย่ำก้าวไปข้างหน้า นัยน์ตาคู่สวยเศร้าหมองมองพื้นหินอ่อนบนทางเดินที่เชื่อมต่อกันระหว่างตึกเรียงราย
มือเย็นเฉียบทั้งสองของเธอกำลังกอดกุมอุปกรณ์การเรียนอิเล็กทรอนิกส์และกระเป๋าผ้าใบโปรดไว้แน่น ๆ เพื่อซึมซับความสดใสร่าเริงของสาววัยใสไว้ให้มากที่สุดในเวลาที่เธอยังอยู่ในสถานที่แห่งนี้
มหาวิทยาลัย...
เมื่อใดที่ก้าวขาออกไปแล้วคงไม่ได้มีชีวิตเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ ไม่ได้เที่ยวเล่น เดินห้างสรรพสินค้า หรือไปรวมกลุ่มกับใคร เพราะเธอดันมีธุระประปรังที่นับว่าเป็นเรื่องจุกจิกอยู่มากมาย...
ใช่ว่าเธอไม่มีเวลาขนาดนั้นเมื่อธุรกิจกำลังไปได้สวย ปรายลดาแค่กำลังสนใจเรื่องหาเงินมากกว่าเรื่องเรียน จึงตั้งใจจะตรงกลับบ้านไปทำงานของตนต่อ ไม่ทันได้รู้ตัวว่ามีบางคนกำลังตามหาตัวเธออย่างบ้าคลั่ง
“พุทรา! แกจะไปไหน?” เสียงแหลมปรี้ด รองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาดจึงหยุดก้าวลงแล้วหันกลับไปหาเพื่อนที่ดึงรั้งต้นแขนของเธอไว้เบา ๆ ด้วยสีหน้าขุ่นเคืองใจ
“งานของหญิงแย้ม แกทำเสร็จหรือยัง?”
“เดี๋ยววันนี้ฉันทำให้นะปริม” ในน้ำเสียงแผ่วลงตอบหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน ความเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอนุบาล เธอรู้ว่านัชชาไม่ได้อยากมาจิก เพราะเพื่อนคนนี้มีอะไรก็ช่วยเหลือกันมาตลอด
“อาทิตย์ที่แล้วแกก็พูดแบบนี้ แกผลัดไปเรื่อย ๆ กี่ทีละ”
“ฉันก็ทำไปบ้างแล้วป่ะ แค่ยังไม่เสร็จ อย่าเร่งสิ”
“ไม่เร่งแล้วมันจะเสร็จไหมล่ะ? งานเดดไลน์พรุ่งนี้นะ ไม่งั้นหญิงแย้มเอาตาย แกก็รู้ว่าแม่ไม่หักคะแนนอย่างเดียว จะได้ทำเพิ่มอีกสามเล่มไปเป็นของไหว้ท่านแม่ แล้วฉันจะไม่มีเวลาไปช้อปปิ้งด้วย”
คำสั่งเรื่องเวลาส่งงานอาจารย์สุดโหดผู้ได้รับฉายาว่า ‘คุณหญิงแย้ม’ คือคำขาดบาดคอตาย! นักศึกษาระดับชั้นปีที่สามเทอมสุดท้ายคงไม่มีใครอยากถูกตัดคะแนนแล้วยังต้องทำงานเพิ่ม ใช่เพียงเท่านั้น ใคร ๆ ก็อยากจะได้ใบปริญญาตัวเลขสวย ๆ ไปให้พ่อแม่ที่บ้านได้ชื่นชมในเร็ววัน
“ฉันทำงานด้วยนะเว้ย เห็นใจบ้างดิปริม บ้านฉันไม่ได้รวยอย่างแก อยากได้อะไรก็ได้ ขนาดมาเรียนฉันยังต้องนั่งรถเมล์มา”
“แกก็พูดไปเรื่อย พูดยังกับว่าฉันรวยคับฟ้า ขับพอร์ชมาเรียนงั้นแหละ”
“แกไม่ได้ขับพอร์ช แต่แกขับบีเอ็มสปอร์ตมาเรียน... คงไม่ต่างมั้งเพื่อน” เบ้ปากประชด ปรายลดาไม่ได้นึกอิจฉาลูกเศรษฐีอย่างนัชชาที่มีคุณแม่เป็นถึงเจ้าแม่ปลากระป๋อง ทั้งขายในประเทศ ส่งออก มีมูลค่าทรัพย์สินรวมกันแล้วทั้งชีวิตของเธอไม่มีวันหาได้
“นั่นมันรถแม่ฉันป่ะ ฉันอุตส่าห์กราบงาม ๆ ขอมาเพื่อขับไปรับไปส่งแก แหม... จะมาทำบ่นอะไร”
“คราวหน้าจะไม่นั่งแล้วล่ะ ฉันว่า... ฉันจะเลิกกินปลากระป๋องไปทั้งชีวิตด้วย”
นัชชาหัวเราะออกมา ยกมือขึ้นป้องปาก รอยยิ้มเลือนหายไปในอีกครู่ “แกเลิกกินปลากระป๋องไม่ได้หรอก ตราบใดที่แกยังไม่รวย... แล้วฉันจะบอกอะไรให้อย่าง ฉันจะไปทำงานกับแก ไปวันนี้ เดี๋ยวนี้ ตอนนี้เลย เพราะฉะนั้น รายงานกลุ่มของเราต้องเสร็จ!”
คำขู่ฟ่อนั้นว่าทำแน่ ปรายลดาถึงกับอ้าปากค้าง เพราะการที่จะให้ลูกผู้ดีอย่างนัชชามาทำงานของเธอคือไลฟ์ขายของ! มันคงขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นยะ ฉันเป็นเพื่อนแก ฉันก็ต้องเห็นใจแกสิ... ไปกันเถอะ ฉันอยากช่วยแกทำงานเต็มแก่ ทำรายงานเสร็จแล้ววันนี้จะได้แต่งตัวสวยสะบัด ขายของเต็มหน้าฟี้ด cf cf เงินเด้งรัว ๆ ให้มือถือมันพังไปเลย”
นัชชายกมือขึ้นหยิกแก้มเพื่อนแรง ๆ จนเจ้าตัวยกมือขึ้นลูบหน้าตาเหยเก แก้มขาวนวลกลายเป็นสีแดงขับใบหน้างามหมดจดให้ดูน่ารักยิ่งขึ้นไปอีก
พูดถึงความสวยของปรายลดาก็คงจะระดับดาวคณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการจัดการการตลาด ผิวขาวผ่องนวลเนียนละเอียดไปทั้งตัวไม่มีแม้รอยแผลเป็น ทรวดทรงองเอวสะโอดสะอง จมูกโด่งเป็นสันงามตามแบบฉบับดารา ริมฝีปากบางกระจับอมแดงชมพูทำให้เธอเปล่งประกายได้ในทุกย่างก้าวเข้ารั้วมหาวิทยาลัย
เบ้าหน้าใสกิ๊ก! แม้ไม่ใช่เด็กเฟรชชี่ปีหนึ่ง... อันที่จริงเด็กปีหนึ่งหลาย ๆ คนดูมีอายุมากกว่าเธอที่อยู่ปีสามเสียอีก
“เออ ไปก็ไป แต่แกต้องเอาส่วนแบ่งของแกไปด้วยนะ ไม่ใช่มาทำงานให้ฉันฟรี ๆ”
“ไม่มีปัญหา ฉันเก็บไว้ทำบุญกับแก ไว้เป็นค่ารายงาน ค่าออกอีเว้นท์งานหน้า” นัชชาผุดรอยยิ้มกว้างเต็มวงหน้า ยกมือขึ้นคล้องควงแขนกันเดินไป
นักศึกษาสาวดาวเดือนประจำคณะไม่มีใครแพ้ใคร คนหนึ่งมีความโฉบเฉี่ยวในตัวด้วยเครื่องสำอางอ่อนรับลิปสติกสีเชอรี่ ขณะที่อีกคนนั้นสวยใสไร้เครื่องสำอาง แค่รองพื้นกันแดดมาเรียน เพราะไม่มีเวลาจะแต่งหน้าแต่งตาเหมือนใครเขา
มันดันไปเสียเวลาตรงที่ต้องใช้ความพยายามในการปกปิดขอบตาคล้ำจัดเพราะอดนอนด้วยรองพื้นอย่างดี เมื่อเด็กปีสามอย่างปรายลดาใช้ชีวิตเหมือนสาววัยสามสิบ! เลิกงานกลับบ้านทำงานบ้านทุกอย่าง ยังต้องทำงานที่เป็นธุรกิจของเธอเอง แม้ว่าจะมีคนส่งเสียงเงินให้โดยไม่มีความจำเป็นต้องทำงานอะไรเลย
นัชชายังชอบที่จะว่าเธออยู่บ่อย ๆ
“ชีวิตปรายลดาอนาถแท้ บ้านก็ไม่ได้จนไม่รู้จะขยันทำงานไปทำไม” บ่นอุบอิบพลางส่ายหน้าไปมา ขณะที่อีกคนไม่ได้ตอบอะไรแต่เพียงเดินเคียงข้างกันไปเงียบ ๆ
ในมหาวิทยาลัยกว้างขวาง นักศึกษาทยอยกันเดินทางกลับบ้าน จำนวนหนึ่งมีรถยนต์ส่วนตัวใช้ บางคนก็มีพ่อแม่มารับ การจราจรจึงเริ่มติดขัด หากวันไหนปรายลดาไม่ได้ติดรถยนต์เพื่อนกลับบ้าน ก็จะต้องนั่งรถเมล์กลับเอง
พักหลังมานี้เธอได้มีโอกาสรู้จักกับรุ่นพี่คนหนึ่ง กลับบ้านทางเดียวกันอยู่บ่อย ๆ เป็นพี่รหัสนิสัยดี มันจึงไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยกับเธอที่ไม่ได้เป็นคนกลับบ้านดึกดื่นอะไร ปัญหาอยู่ตรงที่นัชชาไม่ชอบขี้หน้ารุ่นพี่นี่แหละ...
“เออ... ปริม ฉันมีเรื่องจะ...”
“หลงทางหรือจ๊ะ? สาว ๆ” เสียงทุ้มดังขึ้น ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาขวางหน้าไว้ ให้เพื่อนสาวที่เดินอยู่ข้าง ๆ กันมีสีหน้าไม่พอใจ
“ขอโทษนะคะ พี่ธาม วันนี้พุทราไม่ว่างนะ เพราะว่าปริมจอง วันนี้เป็นวันของปริม เชิญป้ายหน้านะคะ คุณพี่ธาม”
“ไปไหนกัน ให้พี่ไปด้วยสิ?” ถามหน้าระรื่น ตาคมจับจ้องอยู่บนวงหน้าหวานด้วยแววตามากความหมาย เป็นเวลาเดือนกว่า ๆ แล้วที่ธามไทไม่ได้เป็นแค่รุ่นพี่กับปรายลดา ท่าทางอีกคนนั้นจะยังคงไม่รู้
“ไม่ได้ไปกินชาบูแน่ ๆ ค่ะ มันไม่ใช่เรื่องของพี่รหัสด้วยนะคะ”
“มันเป็นเรื่องของพี่รหัสนะครับ ตราบใดที่น้องรหัสเดือดร้อน ไม่สบายใจ แล้วนี่... แฟนพี่ พี่ต้องได้สิทธิ์นั้นก่อน ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก” ในท่าทีว่าได้รับชัยชนะ ร่างสูงแทรกตัวเข้าระหว่างกลางจนแขนที่คล้องควงของคนทั้งสองหลุดออกจากกัน เพื่อที่เขาจะดึงมือของปรายลดามาจับเอาไว้แทน
นัชชาหน้าซีดเผือดเมื่อพบว่าเรื่องที่ได้ยินนั้นเป็นความจริง จากอาการประหม่าของเพื่อนสาวที่ไม่ปฏิเสธมือของชายหนุ่ม
“พุทรา...! อย่าบอกนะว่าแกกับพี่ธาม...”
“ครับ ทำไมครับ?”
เป็นเรื่องทำร้ายจิตใจเพื่อนสนิทที่สุด ตลอดระยะเวลาที่คบกันมาตั้งแต่อนุบาลสองจนเข้ามหาวิทยาลัย! ไม่มีเรื่องใดของปรายลดาที่นัชชาไม่รู้ นัชชาเองก็ไม่เคยปิดบังเรื่องส่วนตัวกับปรายลดา
ริมฝีปากบางเฉียบที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงเชอรี่เม้มเข้าหากันสนิทแน่น หากไม่เป็นเพราะใส่กระโปรงสั้นเหนือเข่าทรงเอขยับตัวลำบากไปสักหน่อย คงจะได้มีหัวร้างข้างแตกกันไปข้าง!
“ไอ้พี่ธาม นังเพื่อนทรยศ แกมีความลับกับฉันได้ยังไง?”
“คือฉัน... เปล่านะแก ก็กำลังจะบอก... แก” ปรายลดาอึก ๆ อัก ๆ กลืนน้ำลายลงคออย่างหวั่นกลัว เมื่อแววตาคู่สวยประกายจัดปรากฏเพลิงโทสะลูกใหญ่ ไม่ต่างไปจากอีกคน
ธามไทไม่เคยชอบขี้หน้าลูกเศรษฐีเอาแต่ใจ อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนคนบ้า เพื่อน ๆ ในกลุ่มเขายังเรียกหล่อนว่า ‘อีปริม’ ลับหลังด้วยซ้ำ มุมปากหนาหยักยิ้มอย่างเย้ยหยัน
“ปริมจะมีปัญญาทำอะไรพี่ได้ล่ะครับ...?”
“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!” สิ้นคำเท่านั้น นัชชาเบิกตากว้างมองคนทั้งสองอย่างโกรธแค้น กระแทกส้นสูงปึงปังไป มือหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายงานแบรนด์เนมออกมาเพื่อส่งข้อความอย่างไม่มีลังเลใจแม้แต่น้อย
‘พุทรามีแฟนแล้วนะคะ พ่อเลี้ยง...’
วันละสามเวลามากกว่าอาหาร เห็นจะเป็น สุรา สุรา สุรา... ท่านอามัวแต่ร่ำสุรา เมื่อใดจะร่ำนารีบ้างเล่า -------------------- “ทำไมเจ้าไม่ลองปรนนิบัติข้าด้วยวิธีอื่น ไม่ดีกว่าหรือ? เจียลี่ งานดูแลความสะอาดให้บ่าวรับใช้ทำไป” “ท่านอาจะให้ข้าทำอะไร?” คำถามเต็มใบหน้าของนาง หวังเฟยถอนหายใจหนัก “เอาเถอะ เจ้ายังเป็นเด็กสาว คงจะไม่รู้เรื่องรู้ราว ให้เจ้าไปว่าจ้างโสเภณีในเมืองมาบำรุงบำเรอข้าดีกว่า” เจียลี่เบิกตากว้างตกใจ นางละล่ำละลักพูด “ไม่ ๆ ท่านอา ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าพอรู้เรื่องราวระหว่างชายหญิง ข้าเคยอ่านตำรากามาด้วย ข้าเพียงเห็นว่าไม่เหมาะ หญิงขาไม่ดีอย่างข้า ไม่คู่ควรกับผู้ดีอย่างท่าน” “อย่างไรถึงจะเหมาะ?” “อย่างไรก็ไม่เหมาะ” ในน้ำเสียงที่แผ่วเบาลงนั้นไม่ได้กระด้างกระเดื่องต่อท่านอา เขาอาจโกรธนางและไล่ตะเพิดนางได้ หลังจากที่เหล้าเข้าปากแล้วเขาจะกลายเป็นคนละคนทีเดียว นางรีบแก้ต่าง “ท่านอาหวังเปรียบดังเทวดาของเจียลี่ผู้แสนต่ำต้อย ข้ามิบังอาจ” “เทวดาบ้าบออะไรของเจ้า เลิกพร่ำเพ้อพรรณนาเรื่องบุญคุณนี่เสียที ท่านอาขี้เมาของเจ้าน่ะ...” ร่างสูงโน้มลงหานาง กระซิบข้างหูทีละคำ “อสุรกายจากขุมนรกทีเดียว” กว่าจะเจียลี่จะเข้าใจท่านอาผู้ไม่ได้ดูแคลนนางเหมือนกับที่ผู้อื่นรังเกียจนาง หัวใจดวงน้อยเต้นเร็วแรง น้ำเสียงสะเทือนอารมณ์ของเขา ยากที่นางจะต้านทาน “ข้าชอบกลิ่นเด็กสาวตัวหอม ๆ อย่างเจ้าซะด้วย”
ธิดาปักษาได้รับความช่วยเหลือจากราชาจิ้งจอกผู้โหดเหี้ยมทารุณ ไยนางกล้าหลอกลวงว่านางเป็นเพียงปักษาธรรมดา...
เพื่อรักษาเกียรติท่านอาจารย์ ไป๋เหม่ยหลานยอมรับโทษทัณฑ์ของสำนักเซียวเหยา ถูกทรมานจนตาย ภพชาติใหม่นี้นางขอเป็นเพียงมนุษย์เดินดิน มิขอเกี่ยวข้องกับท่านอาจารย์อีก ไยท่านจึงกลับมาพัวพันวาสนาชะตาชีวิตนาง...
‘มิตรรักลวงใจ’ เรื่องราวของเพื่อนสนิท คิดคดกับเธอมานานแล้ว ดันมาโพล๊ะเข้าได้ในวันเมามายไร้สติ ได้ลองกินเพื่อนสักคำหนึ่งแล้วก็ต้องมีคำที่สองคำที่สาม คำเดียวจะอิ่มพอได้ไง ----------------------- ‘เรือนใจนายอคิน’ เมื่อหนุ่มนักเฝ้าหนังสือ มาเฝ้ามองหาความรักจากครูสาวทุกวัน หลายคนคงเห็นเขาเอาแต่มองคุณครูสาวมาเป็นปี ๆ ได้ขับรถผ่านไปดูประตูรั้วโรงเรียนหน่อยก็ยังดี...
‘แม่แก้ว’ ลูกสาวเศรษฐีโรงฝิ่นมีความจำเป็นต้องแต่งงานกับ ‘คุณหลวงจัน’ เพื่อรักษาหน้าตาวงศ์ตระกูลและชื่อเสียงของหล่อน ทว่าหลังแต่งงานไปกลับต้องพบกับเรื่องแปลกประหลาด ความลับบางอย่างของคุณหลวงและคุณพระบ้านนี้ ซีรีส์สาปอสุรา มนตร์ตาละวัน มนตร์ตาละวัน ภพคุณหลวง (ภาคพิเศษ) พันวาเสน่หา
Arachné Tailors ‘เพราะบุคลิกภาพที่ดีเริ่มต้นจากเสื้อผ้า’ เป้าหมายสายตาเสื้อผ้าหน้าผมโดนใจ เข้าสโลแกนหน้าร้านบนป้ายตัวเบ้อเริ่ม หลายคนยังได้ยิน ‘ตรึงใจ’ ถูกหัวหน้างานเรียก ตามด้วยเจ้านายหนุ่ม ภายใต้รูปลักษณ์หล่อเหลา เอาการเอางาน ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าของห้องเสื้อสูทชื่อดัง แท้จริงแล้วคือปีศาจแมงมุม! ผู้มาพร้อมสัญญาแห่งความปรารถนา ซึ่งเธอจะต้องเสียสละวิญญาณเข้าแลก และกฎแรงดึงดูดเที่ยงตรงเสมอ... “อ่านก่อนเซ็นนะครับ คุณดาว...” “ด้วยความหวังดี...” คำเตือนถึงสองครั้งสองครา! หญิงสาวก็ยังพลาด จนเกิดแต่เรื่องประหลาด ๆ ยิ่งสัมผัสจากเจ้านายหนุ่มช่างแตกต่างจากใคร เขาแสนอ่อนโยนกับเธอที่เผลอใจเต้นตึกตัก แต่นั่น... ก็จนกระทั่งเรียวปากหนาหยักได้รูปอ้ากว้าง คายเจ้าแมงมุมตัวสีดำออกมา... ให้ตายเหอะ นี่มันยิ่งกว่าหนังสยองขวัญ! อีกหนึ่งผลงานโรมานซ์ทริลเลอร์ แฟนตาซี 18+ ของพันพราย ซีรีส์สาปอสุรา มนตร์ตาละวัน มนตร์ตาละวัน - ภพคุณหลวง - (พีเรียด) พันวาเสน่หา
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"