เพียงสบตาสาวน้อยหน้าหวาน ‘นัยน์ตาชวนฝัน’ ที่อาจหาญตบหน้าซีอีโอผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขา ‘เดวิโก หนึ่งเดียว เวนนิส’ ก็ประกาศก้องกับตัวเองว่า เขาจะต้องลากเจ้าหล่อนเข้าสู่ ‘กรงทอง’ ให้จงได้ ไม่มีวันที่ ‘แม่กวางน้อยด้อยประสบการณ์’ อย่างหล่อนจะต้านทานเจ้าป่า ‘ผู้ชำนาญงานรัก’ อย่างเขาได้ ใครจะคิดว่าวันสุดท้ายของการฝึกงานก่อนจบการศึกษาจะเป็นวันที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล เพียงเพราะเผลอสบตาคมเข้มคู่นั้นเข้าอย่างจัง!! หากฟ้าประทานพรให้เธอขอพรได้หนึ่งข้อ ‘ปรารถนา’ บอกตัวเองอย่างไม่ต้องหยุดคิดว่าพรข้อนั้นที่เธอจะขอคืออะไร เพราะสิ่งเดียวที่เธอจะขอ คือ... ‘ขอให้ผู้ชายบ้าอำนาจ บ้ากามที่จ้องลวนลามเธอคนนี้หายสาบสูญไปซะ’ แต่ยิ่งนานวันเข้า นอกจากฟ้าจะไม่นำพาแล้วยังเหมือนจะเป็นใจหยิบยื่นเนื้อกวางแสนหวานอย่างเธอเข้าปากเสือเสียนี่ เพราะยิ่งเธอพยายามหนีห่างจากเขามากเท่าไร เธอกลับพบว่าตัวเองกลับยิ่งเข้าใกล้เขามากขึ้นเท่านั้น ใกล้เสียจน...เธอสั่นสะท้านไปทั้งกายและใจ “ฉันลงมือปรุงซุปถ้วยนี้ด้วยตัวเองเลยนะ เธอจะไม่ชิมสักหน่อยเหรอ ใช่ว่าใครจะมีวาสนาได้กินฝีมือฉันง่ายๆนะ” “คุณทำคุณก็กินเองสิคะ ฉันไม่ได้ขอร้องให้คุณทำสักหน่อย” “เธอไม่กินงั้นฉันกินเองก็ได้” “เชิญ!” ปรารถนาเบะปากยิ้มหยันพลางขยับกายหมายล้มตัวลงนอน แต่ทว่า... “ว้าย! คุณจะทำอะไรฉัน ปล่อยนะ” “บังเอิญฉันไม่ชอบอะไรที่มันจืดชืดแบบซุปนั่น เลยอยากลองชิมเนื้อกวางอย่างเธอเสียหน่อยว่าจะอร่อยแค่ไหน หึหึ”
“เรื่องคัดเลือกผู้ช่วยเชฟคนใหม่แม่ว่าให้ผู้จัดการสาขาโรงแรมที่เมืองไทยนี่คัดเลือกเองก็ได้นะลูก หรือไม่ก็ผู้จัดการสาจาที่มัลดีฟส์ แม่ไม่เห็นว่าเรื่องแค่นี้ต้องถึงมือลูกของแม่”
“ไม่ได้หรอกครับมัม แขกที่ไปใช้บริการโรงแรมของเราที่มัลดีฟส์เป็นคนระดับไหนมัมก็น่าจะรู้ และเพราะแบบนี้ผมถึงอยากคัดเลือกด้วยตัวเอง”
“ข้อนั้นแม่ก็รู้ แต่แม่ก็ไม่เห็นด้วยอยู่ดี”
“มัมครับ มัมก็รู้ว่าผมให้ความสำคัญกับเรื่องงาน มัมอย่าห้ามเลยครับ ผมตั้งใจเอาไว้แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามแต่ใจลูกเถอะ แต่มีเรื่องหนึ่งที่สำคัญแล้วแม่ก็รอคำตอบจากลูกมานานแล้ว”
เดวิโกถอนหายใจพรืด เขารู้ดีว่ามารดาหมายถึงเรื่องอะไร และแม้จะถูกทักถามอยู่ตลอดเวลา เขาก็หาทางบ่ายเบี่ยงมาเรื่อย แต่มารดาก็ไม่ยอมละความพยายามเช่นกัน
“ปีนี้ลูกก็อายุสามสิบห้าแล้วนะหนึ่งเดียว ลูกยังไม่คิดจะพาใครมาให้แม่ดูตัวบ้างเลยเหรอ”
“โธ่...มัมก็รู้นี่ครับว่าผมงานยุ่งมาก จะเอาเวลาที่ไหนไปคัดเลือกผู้หญิงมาให้มัมล่ะครับ” คนเป็นลูกโอดครวญ เขาอยากให้บิดาอยู่ตรงนี้ด้วยเสียจริงจะได้ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจมารดาออกไปเรื่องอื่น แต่วันนี้เหมือนว่าฟ้าจะไม่เข้าข้างเพราะคุณดิเอโกบิดาของเขาไปดูงานที่เกาะบาหลันอีกหลายวันกว่าจะกลับมา
“อย่ามาอ้างโน่นนี่อ้างนั่นหน่อยเลย ไม่รู้แหละ ถ้าลูกยังไม่พาใครมาให้แม่ดูตัวสักที แม่นี่แหละจะหาผู้หญิงมาให้ลูกดูตัวด้วยตัวแม่เอง”
“มัมครับ มัมก็รู้ว่าผมยังไม่พร้อม”
“แต่ปีนี้ลูกอายุสามสิบห้าแล้วนะ ลูกไม่คิดจะให้แม่ได้ชื่นชมยินดีที่ลูกมีชีวิตครอบครัวที่ดีบ้างเหรอหนึ่งเดียว”
“ผมรู้ครับมัม ผมรู้ว่ามัมรักและเป็นห่วง เอาเป็นว่าถ้าผมได้เจอผู้หญิงที่ดีพร้อม เก่ง แล้วก็น่ารักอย่างมัม ผมจะรีบคว้าตัวเธอมาเป็นสะใภ้ให้มัมทันทีเลย โอเคนะครับ”
เดวิโกสรุปพร้อมขยับเข้ามานั่งโซฟาเดียวกับคุณสุพิชญา วงขาแกร่งสอดเข้าโอบกอดเอวมารดาแล้วหอมฟอดใหญ่ที่พวงแก้มนุ่มหอมอ่อนๆนั้น คนเป็นแม่ค้อนขวับอย่างใจอ่อน ต่อให้บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนจะเติบใหญ่ เก่งกล้าสามารถแค่ไหน เวลาอยู่กับนางก็มักทำตัวออดอ้อนเป็นเด็กชายตัวโตอยู่ร่ำไป
“ผมสัญญาครับมัม ถ้าผมเจอผู้หญิงแบบมัมผมจะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปแน่นอน แต่ตอนนี้ผมต้องไปเตรียมความพร้อมเรื่องคัดเลือกผู้ช่วยเชฟแล้วแหละครับ” ว่าแล้วเดวิโกก็หอมแก้มมารดาหนักๆอีกรอบก่อนรีบลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วก้าวจากไปอย่างรวดเร็วทิ้งให้คุณสำพิชญาได้แต่ถอนหายใจมองตามด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ นางหวังเหลือเกินว่าบุตรชายสุดที่รักจะเจอผู้หญิงที่ว่านั่นในเร็ววัน
*******************************************
สามวันต่อมา ณ โรงแรมชื่อดังกลางใจเมือง...
“โอ๊ย!! แย่จริง จะมาปวดท้องอะไรตอนนี้นะ”
“เป็นอะไรไปน่ะปราง” ปรารถนาร้องถามด้วยความห่วงใยปนกังวลเมื่อเห็นปรางทิพย์เพื่อนสนิทที่มาฝึกงานด้วยกันยืนตัวงอเอามือกุมท้องมีสีหน้าบิดเบี้ยว
อีกไม่กี่นาทีเธอต้องเข้ารับการทดสอบก่อนสิ้นสุดการฝึกงานในวันสุดท้ายแล้ว และการทดสอบครั้งนี้จะเป็นตัวชี้ขาดว่าใครจะได้รับคัดเลือกเข้าทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยเชฟ ซึ่งผู้รับคัดเลือกจะได้ไปทำงานในโรงแรมสาขาที่มัลดีฟส์ และเธอก็วาดหวังไว้ว่าจะเป็นผู้ได้รับการคัดเลือก แต่จู่ๆ ปรางทิพย์บัดดี้ที่จะเป็นผู้ช่วยเธอในการทดสอบครั้งนี้กลับดูมีท่าทีราวกำลังไม่สบายเสียอย่างนั้น
“แย่แล้วกวาง เราไม่ไหวแล้ว ขอโทษนะ เราไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” จบคำปรางทิพย์ก็วิ่งปรื๋อตรงไปเข้าห้องน้ำในส่วนของพนักงานทันทีทิ้งให้ปรารถนายืนหน้าเครียดด้วยความกังวล สาวน้อยภาวนาขอให้บัดดี้ของเธอกลับมาทันการทดสอบ ไม่เช่นนั้นเธอคิดไม่ตกเลยว่าเธอจะแก้ไขสถานการณ์นี้อย่างไร
กริ๊งงง!! กริ๊งงง!!!
เสียงสัญญาณบอกหมดเวลาของผู้เข้ารับการทดสอบก่อนหน้าเธอดังขึ้น และคิวต่อไปที่จะต้องเข้ารับการทดสอบก็คือเธอ แต่เวลานี้บัดดี้ของเธอยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมา ปรารถนาจึงยิ่งเครียดหนักขึ้นหลายเท่าตัว
“ทำไงดีล่ะปรารถนา เธอจะทำยังไงดี” เสียงหวานพึมพำขณะเจ้าของเดินวนไปวนมาเป็นหนูติดจั่น สาวน้อยพยายามตั้งสติบอกตัวเองว่าปรางทิพย์จะต้องกลับมาทันเวลา เธอจะพลาดการทดสอบวันนี้ไม่ได้ เธอจะต้องผ่านมันไปได้
“คนต่อไปเชิญ” เสียงเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมการทดสอบดังมาจากด้านหน้าประตูห้องเก็บตัว ปรารถนาเครียดขมึงจนเกินคำบรรยาย เธอต้องเข้าไปแล้วถึงไม่มีปรางทิพย์เธอก็ต้องเข้ารับการทดสอบ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
คิดดังนั้นสาวน้อยก็สูดหายใจเก็บอากาศเข้าเต็มปอดเรียกความมั่นใจให้กลับคืนมา ก่อนก้าวเดินไปเพื่อเตรียมพร้อมเข้ารับการทดสอบ แต่เพียงขยับเดินไม่กี่ก้าวสาวน้อยก็เกิดอาการวูบคล้ายหน้ามืด สองเท้าแทบขวิดกันด้วยเสีย การทรงตัว
“แย่จริง ทำไมมึนหัวแบบนี้นะ ไม่ได้นะปรารถนา เธอจะเป็นอะไรตอนนี้ไม่ได้” สาวน้อยบอกตัวเองแล้วพยายามตั้งสติมั่น แต่ก็ยากเอาการเพราะอาการมึนศีรษะไม่มีทีท่าจะลดราลง ภาพตรงหน้าคล้ายจะพร่าเลือน แต่เธอก็พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ใส่ใจ
“กวางเธอเป็นอะไรหรือเปล่า เหมือนเธอไม่ค่อยสบายเลยนะ ไหวไหม”
“ไม่เป็นไร เราไหวอยู่” ปรารถนายิ้มบางเบาให้เจ้าของเสียงหวานใสที่ทายทักมาด้วยความห่วงใย สาวน้อยไม่มีเวลาอ้อยอิ่งอีกแล้ว เพราะตอนนี้ภัทรียาออกมาจากการทดสอบแล้ว และแน่นอนเธอก็ต้องเข้าไปแล้วเช่นกัน
“สู้ๆ นะกวาง เธอทำได้อยู่แล้วล่ะ เราเอาใจช่วยนะ”
“ขอบคุณนะ เราต้องไปแล้วล่ะ ขอตัวก่อนนะ” จบคำปรารถนาก็ตั้งท่าจะผละจาก แต่เสียงหวานใสก็ท้วงทักดังมาก่อนที่จะทันได้ขยับตัว
“แล้วปรางล่ะ ไปไหน ไม่ไปเป็นบัดดี้เธอเหรอ”
ปรารถนายิ้มเจื่อนๆ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ปรางท้องเสียน่ะ ไปเข้าห้องน้ำป่านนี้ยังไม่มาเลย”
“ตายจริง แบบนี้เธอก็ต้องเข้าทดสอบคนเดียวน่ะสิกวาง”
“อืม... เราไปก่อนนะ เขาเรียกนานแล้ว” ปรารถนาพยักหน้าตอบแล้วขอตัวเมื่อเห็นผู้คุมสอบส่งสัญญาณเร่งมา สาวน้อยรีบมุ่งตรงไปยังห้องทดสอบ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอจะต้องผ่านมันไปให้ได้
ไม่ถึงห้านาทีสาวน้อยเรือนร่างโปร่งระหงในชุดเครื่องแบบผู้ช่วยเชฟของโรงแรมชื่อดังก็มายืนอยู่หน้าห้องพักสุดหรูระดับท็อปของโรงแรม ความเครียดที่ต้องรับการทดสอบเพียงลำพังไม่ได้ทำให้เธอหวาดหวั่นมากเท่าอาการแปลกประหลาดที่เธอกำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ ปรารถนารู้สึกมึนศีรษะและง่วงงุนจนสมองเบลอไปหมด ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น เธอถึงได้มีอาการไม่ใคร่สบายแบบนี้ หรือว่าเธอเกิดอาการเครียดจนระบบแปรปรวนไปหมด
“ไม่มีเวลามายืนกังวลแล้วปรารถนา เธอต้องฝ่าด่านอรหันต์นี้ไปให้ได้ สู้!!” ปรารถนาบอกตัวเองอีกครั้งพร้อมสูดหายใจเข้าเรียกความกล้า ตั้งสติมั่นแล้วตัดสินใจเคาะประตูห้องพักเผชิญหน้ากับความจริง
‘น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ หวังว่าจะไม่น้อยจนเกินไปสำหรับ 'ผู้ชายขายกล้วย’ อย่างคุณ ขอบคุณค่ำคืนดีๆ ที่น่าจดจำ’ ‘เปลวตะวัน’ ฉุนจัดเมื่อตื่นมาในเช้าวันใหม่หลังผ่านค่ำคืนอัน เร่าร้อนกับแม่สาวไวไฟความเร็วเกิน 5G แล้วพบธนบัตรสีเทา ปึกหนึ่ง พร้อมจดหมายน้อยระบุข้อความถึงเขาชัดเจน!! "ห้าหมื่น! กล้าดียังไงมาตีค่าราคาฉันด้วยเศษเงินแค่นี้” คนอย่างเขาเสียเงินไม่ว่า แต่เสียหน้าไม่ได้! หยามกันขนาดนี้ ต่อให้ต้องควานหาจนไกลสุดขอบฟ้า ต้องจ่ายเงินมหาศาล เขาก็จะตามล่าเธอมาลงทัณฑ์ให้ได้ นั่นคือคำประกาศก้องของ ‘หมอเปลวตะวัน’ ผู้แสนหล่อเหลา เบื้องหน้าเขาคือสูตินรีแพทย์ผู้แสนสุภาพและอ่อนโยนในสายตาคนทั่วไป แต่เบื้องลึกเขามีอีกด้าน ตัวตนที่ไม่มีใครคาดคิด เขาแสนร้าย เร่าร้อน และดุดัน! เธออยากมีลูก แต่ไม่อยากมีสามีผูกมัด ‘หนุมโฮสต์’ ทรงเสน่ห์ ในค่ำคืนนั้นจึงตอบโจทย์ 'พราวชมพู' ไม่คิดว่าการตัดสินใจเลือกคำตอบข้อนี้จะนำความยุ่งยากมาให้มากขนาดนี้ เธอตาถั่วหรือสวรรค์ชังความคิดรั่วๆ ของเธอจึงแกล้งสาปส่งให้ดวงตาเธอฝ้าฟางเข้าใจไปว่าเขาคือ ผู้ชายขายกล้วย' ในคำนิยามของเธอที่นัดหมายเอาไว้ ซ้ำร้ายยังส่งเขามาตามรังควานจนหาความสงบสุขไม่ได้ เธออยากได้แค่ลูก ไม่อยากได้ผัว ใครอยากได้แม่ยกให้ฟรีๆเลยเอ้า!
ว่ากันว่า...First impression จะเกิดขึ้นใน 3 วินาทีแรก ถ้าจะทำให้ใครสักคนประทับใจต้องมัดใจเขาให้ได้ใน 3 วินาทีนั้น!! และเขาจะไม่มีวันลืมเลือน... ซ่า... “โอ๊ะ!” เสียงน้ำสาดซัดเข้าใส่ร่างสูง ดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงร้องอย่างตกใจของชายนิรนามเมื่อจู่ๆก็ถูกใครคนหนึ่งกระโจนขึ้นขี่หลังแล้วใช้กระป๋องครอบศีรษะเขา พร้อมเสียงตะโกนโหวกเหวก “นี่แน่ะเจ้าหัวขโมย!” “ท่านรองฯ!!” “ท่านรองฯ อะไรคะพี่ๆ นี่มันโจรโรคจิตชัดๆ เราต้องจับไอ้หมอนี่ส่งตำรวจนะคะ” “ยู้ดดด... หยุดก่อนหนูช่อ นี่ท่านรองฯ ...รองประธานนะไม่ใช่โจรโรคจิต” “ฮะ!” ช่อมาลีผงะถอย มือน้อยปล่อยท่อนแขนกำยำโดยไว คนถูกเรียก ‘ท่านรองฯ’ ยืนทำหน้าถมึงทึง จ้องมองมาด้วยสายตาดุดัน “ตามฉันไปที่ห้อง!” โอ้! เจ้าช่อมาลี ช่างกล้า... แบบนี้ 'ท่านรองฯ' คงประทับใจเจ้ามิรู้ลืม... 555 เรื่องแจ้ง: นิยายเรื่องนี้ช่อมาลีเป็นสาวเชียงใหม่ ธัชชาจึงมีสอดแทรกภาษาพื้นเมืองลงไปตามถิ่นเกิดของนางเอกนะคะ ทั้งนี้ธัชชาไม่ใช่คนทางนั้น ภาษาพูดที่ใส่ลงไป ธัชชาปรึกษาจากเพื่อนซึ่งเป็นคนทางนั้น แต่อาจมีบางประโยคที่ธัชชาเขียนเองแต่ลืมถามเพื่อน หากใครอ่านแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่ รีบท้วงมานะคะ จะได้แก้ไขให้ถูกต้อง “ไปกับฉันช่อมาลี ไปเป็นผู้หญิงของภีมวัจน์ ฉันสัญญาว่าเธอจะเป็นผู้หญิงของฉันคนเดียว...ตลอดกาล” “แต่สมภารไม่กินไก่วัดนะคะ” “บังเอิญว่า ฉันไม่ใช่สมภารแล้วเธอก็ไม่ใช่ไก่วัดด้วยสิ” เขาบอกยิ้มๆ ช่อมาลีนิ่งอึ้งจ้องคนตัวโตที่ยามนี้ดวงหน้าคมของเขาโน้มต่ำลง ...ใกล้เข้ามา ...ใกล้เข้ามา ทุกขณะ! “เธอนี่จริงๆเลยนะ ไหนว่าฉันถอดเสื้อแล้วอุจาดตาไง ทำไมตอนนี้ถึงได้กอดแล้วก็ซบอกฉันไม่ยอมปล่อยแบบนี้ล่ะฮึ” ช่อมาลีผงะ! ภีมวัจน์แกล้งคลายวงแขนออกเหมือนจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระ และก่อนที่ช่อมาลีจะทันได้ขยับห่างออกไปอีก เขาก็คว้าเอวคอดรั้งร่างเธอเข้ามากอดแล้วจู่โจมจูบเธอไม่ปล่อยให้ตั้งตัว!
‘กุลสตรี’ หญิงสาวหน้าตาธรรมดาแต่ดวงตาและทรวดทรงของหล่อนนั้นเซ็กซี่เข้าขั้นขยี้ใจหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แบบชะงัด แต่เจ้าหล่อนกลับรักษาพรหมจรรย์ไว้ยิ่งชีพจวบจนกระทั่งอายุย่างเข้าสู่วัย 25 ปี เรื่องวุ่นๆก็เกิดขึ้นเพราะการตัดสินใจอย่างไร้สติของหล่อนเอง “กุลรักพี่ธีร์นะคะ รักมานานแล้ว” “พิสูจน์สิ ...ว่าเธอยังเวอร์จิ้น ถ้าใช่! ฉันจะคบกับเธอ แล้วหยุดที่เธอคนเดียว” กุลสตรีหน้าชา สายตาเขาดูหมิ่นดูแคลนหล่อนเหลือใจ หล่อนไม่เคยอับอายอะไรอย่างนี้มาก่อน นี่หล่อนทำอะไรลงไป ความตื่นตระหนกตกใจ ทำให้หล่อนก้าวผิดพลาดไปหมด อะไรที่วาดหวังวางแผนไว้ หล่อนลืมเลือนหมดสิ้น ...ลืมเลือนถึงขั้นไร้สติ เอ่ยวาจาเหมือนคนไร้สมองให้เขาเหยียดหยาม “ว่าไง...กล้าพิสูจน์ไหมล่ะ” นั่นคือคำท้า ...และหล่อนก็ใจกล้าอย่างไร้สติจริงๆ ความรักทำให้คนตาบอดฉันใด ความอยากเอาชนะและอยากครอบครองก็ทำให้คนขาดสติฉันนั้น กุลสตรีเองก็เช่นกัน หล่อนตัดสินใจทันควัน ...หล่อนจะเป็นคนรักของ ‘ธันเดอร์ ธีร์ เทย์เลอร์’ ...และเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายในชีวิตเขา! ฝากนิยายเรื่องแรกของ 'ธีร์ ธัชชา' ด้วยนะคะ คำเตือนก่อนอ่านนิยายเรื่องนี้ คำเตือน 1 นิสัยและความคิดพระเอกอาจจะดูร้ายเข้าขั้นเลวบริสุทธิ์ แต่ก็นะ...ท้ายสุดก็รักนางเอก คำเตือน 2 นิสัยนางเอก คือ ความมุมานะ ลงว่าตั้งใจทำอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จ แต่อีกนัยคือ ความรั้น! เมื่อรักบดบังคนดวงตามืดมิด ความคิดและความรู้สึกก็เหมือนตกอยู่ในห้วงมายา ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า... หลอกตัวเองไปวันๆ คำเตือน 3 'พรหมจรรย์แลกรัก' ไม่มีอยู่จริง เพราะในความเป็นจริง ความรักไม่มีอะไรสามารถนำมาแลกเปลี่ยนได้ รักก็คือรัก ไม่รักก็คือไม่รัก แต่ไม่รักสุดท้ายอาจรักก็ได้ (เครดิต ความเห็นจาก นักอ่านท่านหนึ่งในเด้กดี ขอบคุณค่ะ) คำเตือน 4 นิยายเรื่องนี้นักเขียนจินตนาการขึ้นมาเพื่อความบันเทิงและสอดแทรกมุมมองความคิด หากไม่ถูกจริตท่านใดก้ขออภัย
‘พระจันทร์’ นักธุรกิจหนุ่มด้านอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่แห่งภูมิภาคอาเซียน ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะต้องเป็นฝ่ายวิ่งตามผู้หญิง แต่สำหรับ ‘พิมพ์อัปสร’ มัคคุเทศก์สาวแสนธรรมดา เธอกลับพยศเสียจนเขาอยากเอาชนะ และเมื่อเธอกล้าใช้หัวใจของเขาเป็นสะพาน ซ้ำอาจหาญทำร้ายจิตใจน้องสาวผู้เป็นแก้วตาดวงใจของเขา เธอจะต้องได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม!! “ว้าย! นี่คุณจะทำอะไรปล่อยนะ” “กับผมสะดีดสะดิ้ง ทีกับนายทัดเทพคุณกลับยิ้มระรื่นนะพิมพ์” “ปล่อยนะ! บอกให้ปล่อย!” พิมพ์อัปสรณ์ออกคำสั่งด้วยเสียงสั่นสะท้านเพราะรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาจับจิต “ตบผมถึงสองครั้งสองหน คุณคิดว่าผมจะปล่อยคุณง่ายๆ หรือไง” จบคำร่างบางก็ถูกโยนขึ้นเตียงกว้างพร้อมร่างหนาตามติดขึ้นไปทับทาบขึงตรึงจนไม่อาจขยับหนีได้ “กรี๊ดดด... ” “อย่า... ได้โปรด... อย่าทำพิมพ์” เสียงหวานเปลี่ยนมาเป็นร้องขอ เมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าหยุดฟังสักนิด พระจันทร์เหยียดยิ้มเมื่อเห็นแววตื่นตระหนกในดวงตาคู่งาม “ผมปล่อยคุณไปก็โง่น่ะสิพิมพ์ ฮึ!”
ชีวิตของซุปเปอร์สตาร์หนุ่มมีเพียง One night stand เท่านั้น ไม่มีรัก ไม่ผูกพัน ‘คิมฮัน’ ไม่เคยคิดเลยว่ารักแรกพบจะมีอยู่จริง จนกระทั่ง... “ฉันจะมาทำอะไร ยังไงมันก็เรื่องของฉัน” จบคำหญิงสาวก็สะบัดหน้าพรืดหมุนกายขยับจะหลีกหนีกลับเข้าไปในงาน แต่ทว่าเรียวแขนกลมกลึงกลับถูกอีกฝ่ายคว้าไว้เสียก่อน “เอ๊ะ! ปล่อยนะ นายถือดียังไงมาจับแขนฉัน” “แตะนิดแตะหน่อยทำเป็นโวยวาย อยากให้ฉันทำมากกว่านี้ก็บอกมาเถอะน่า ไม่ต้องทำเป็นแกล้งหวงเนื้อหวงตัวหรอก บางทีถ้าเธอบอกมาตรงๆ คืนนี้เราอาจไปสนุกกันต่อก็ได้นะ” เพียะ!! เสียงฝ่ามือกระทบเข้ากับเนื้อข้างแก้มของคิมฮันทันทีที่จบวาจาแสนร้ายกาจนั้น ใบหน้าคมสะบัดตามแรงกระทบ ดาราหนุ่มตกใจไม่น้อย เรียวฟันแข็งแกร่งขบเข้าหากันแน่นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ขุ่นมัว แม้ในใจจะรู้ดีว่านี่คือผลของการใช้วาจาระรานอีกฝ่ายด้วยความคึกคะนอง แต่ทว่าไม่เคยมีใครกระทำกับเขาเยี่ยงนี้มาก่อน ใบหน้าคมสันค่อยๆ หันกลับมา ดวงตาคมวาวโรจน์ราวกับดวงไฟที่ลุกโชนด้วยความโกรธ ร่างบางถูกกระชากเข้าหาอย่างลืมตัว สองแขนถูกรวบไพล่ไปด้านหลังด้วยมือแข็งแรง ศีรษะสวยถูกบังคับให้เงยแหงนขึ้นด้วยมืออีกข้าง ใบหน้าคมโน้มต่ำลงแล้วฉกจูบเธออย่างรวดเร็ว... เธอ... จะทำอย่างไร เมื่ออยู่ๆ ผู้ชายที่ชื่อ ‘คิมฮัน’ ก็เข้ามาวิ่งวุ่นวายอยู่ในใจตลอดเวลา ยิ่งหลบหนีก็ยิ่งชิดใกล้... แม้จะปิดบังซ่อนเร้นหัวใจที่อ่อนไหวไว้ภายใต้ท่าทีเย็นชา แต่ว่า... จะซ่อนเร้นได้ตลอดไปหรือ ในเมื่อยิ่งหลบซ่อน เขาก็ยิ่งค้นหา เธอยิ่งหนี เขาก็ยิ่งรุก!
‘เตชัส’ หรือ ‘ดาวิเด้ ดิ เฟอร์นันโด’ เครียดขึ้นมาทันทีเพราะ ‘สาวน้อยนัยน์ตากวาง’ ที่เขาต้องตาต้องใจและเกือบเขมือบเจ้าหล่อนคืนนั้นกลายมาเป็น 'น้องสาวต่างมารดา' ของเขา และเพียงเหยียบย่างเข้าสู่อาณาเขต 'คฤหาสน์นราธิบดี' เขาก็พบว่า...นอกจากจะต้องเก็บข่มความรู้สึกในหัวใจของตัวเองเอาไว้แล้ว เขายังต้องรับมือกับความร้ายกาจของใครบางคนที่หวังครอบครองทุกสิ่งอย่างของตระกูล ความลับบางอย่างที่ใครบางคนเก็บซ่อนเอาไว้จะถูกเปิดเผยหรือไม่ เขาและเธอจะก้าวผ่านเรื่องราวบีบคั้นหัวใจนี้ไปได้อย่างไร ประตูแห่งความรักจะถูก 'ปิดตาย' หรือพอจะมีช่องทางใดเป็น 'สะพาน' ให้พวกเขาก้าวข้ามเดิน!
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
เพราะแอบรักกล้าตะวันมากนาน หวันยิหวาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ครองรักกับเขา โดยมีมารดาของเขาเป็นผู้ให้การสนับสนุน แต่สำหรับกล้าตะวันแล้ว หวันยิหวาคือนางมารร้ายที่ทำให้เขากับคนรักต้องเลิกรากัน ดังนั้นทุกวินาทีหลังจากงานวิวาห์นี้จบลง หวันยิหวาจะต้องได้รู้จักกับนรกอเวจีปอยเปตอย่างถ่องแท้เลยทีเดียว “อา... อ๊า...อา...” ลำคอระหงถูกซุกไซ้และดูดเม้ม เสื้อผ้าถูกดึงทึ้งออกไปจากร่างกาย จนในที่สุดก็เปลือยเปล่า กล้าตะวันเลียลงมาที่ไหปลาร้า และมาซบหน้าคลุกเคล้ากับร่องอกอวบ เขาดอมดมกลิ่นสาปสาวอย่างหิวกระหาย ขณะที่ฝ่ามือหนาวางทาบลงกับเต้านมอวบอัดข้างซ้ายของหล่อน “อา... อ๊า... ซี๊ดดดด” หล่อนเผยอปากครางลั่น เมื่อปทุมถันถูกฟอนเฟ้นบีบเคล้าหนักหน่วง ปลายนิ้วแข็งแรงถูไถเม็ดเต่งอย่างเมามัน หล่อนดิ้นเร่าๆ หยัดหน้าอกขึ้นหาสัมผัสจากฝ่ามืออบอุ่นด้วยความกระตือรือร้น
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน