ฉันไม่เคยคิดว่า "ความลับ" ที่พูดในวันนั้น จะทำลายชีวิตฉันจนย่อยยับ ฉันไม่เคยคิดว่า "เพื่อนรัก" ที่ฉันไว้ใจที่สุด จะกลายเป็นเพื่อนร้ายที่สุด ฉันไม่รู้ตัวเลยว่า "ความรัก" ได้ก่อตัวขึ้นท่ามกลางเรื่องราวต่าง ๆ ที่ฉันไม่เคยคาดคิดว่ามันจะเกิด แต่เสมือนว่าโลกไม่ได้หมุนไปข้างหน้า เมื่อ "ความลับและเพื่อนรักในอดีต" ย้อนกลับมาปั่นป่วนปัจจุบัน ในช่วงเวลาที่ "คนแปลกหน้าปรากฏตัวพร้อมความรัก" ฉันควรทำยังไงเมื่ออดีตร้ายที่ฝังรากลึกในใจมาเนิ่นนาน กลับมาหลอกหลอนหัวใจอีกครั้ง........
ตู้ดดดด.....(1)
ตู้ดดดด.....(2)
ตามตำราเมตตามหานิยม ว่าด้วยอาชีพ พนักงานรับโทรศัพท์
กฎเหล็กข้อที่ 1 : อย่าให้โทรศัพท์ดังเกินสองครั้ง
'สวัสดีค่ะ ดิฉัน คชาภา สุรดิษฐ์ พนักงานหมายเลข 454321 ยินดีให้บริการค่ะ'
กฎเหล็กข้อที่ 2 : พูดให้ช้าและชัด อักขระอย่าได้ตกหล่น
'ข้อมูลของคุณสาวิกาได้ถูกส่งให้ฝ่ายเทคนิคเรียบร้อยแล้ว ดิฉันขออนุญาตโอนสายให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรุณารอสายซักครู่ค่ะ'
กฎเหล็กข้อที่ 3 : ขานชื่อลูกค้าทุกครั้ง เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับความสำคัญ
'ขอบพระคุณที่ไว้วางใจและเชื่อมั่นในบริการของเราค่ะ'
กฎเหล็กข้อสุดท้าย : อย่าวางสายจนกว่าลูกค้าจะตอบรับ
อาชีพพนักงานรับโทรศัพท์ นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เมื่อคุณมีแค่กฎเหล็กสี่ข้อให้รักษา แต่คุณไม่สามารถนับเอาอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ทำไปจนเกษียณได้ เนื่องจากผลข้างเคียงที่อาจทำให้คุณกลายเป็นโรคเครียดสะสมที่นำพาไปสู่โรคซึมเศร้าหากต้องรับมือกับลูกค้ากระเป๋าหนัก อีโก้สูง อารมณ์พุ่งพล่านที่มักยึดหลักการว่า ‘ตัวเองถูกเสมอ’ ซึ่งมีจำนวนสามสิบเปอร์เซ็นต์ของลูกค้าทั้งหมด
อาชีพพนักงานรับโทรศัพท์ นับว่าเป็นบททดสอบจิตใจที่ดี หากคุณผ่านสามปีแรกไปได้ โดยไม่สติแตกไปซะก่อน และนับเป็นความสำเร็จในอาชีพอย่างแท้จริงหากคุณสามารถได้รับการบรรจุเป็นพนักงานประจำภายในหนึ่งปีแรก ดังนั้นไม่แปลกที่อาชีพพนักงานรับโทรศัพท์จะไม่ติดอันดับอาชีพในฝันของใครหลายๆ คน แต่นี่กลับเป็นอาชีพเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัย
ฉันรู้ตัวดีว่าไม่ใช่ผู้หญิงประเภทสะดุดตาสะดุดใจใครต่อใครตั้งแต่แรกเห็น ฉันเป็นผู้หญิงที่ใครเห็นแล้วมักจะไม่หันกลับมามองซ้ำอีก แต่ถึงแม้จะแค่แวบเดียวฉันก็อ่านสายตาของคนเหล่านั้นออก สายตาขุ่นเคืองแฝงความกังวล ราวกับพวกเขาคิดไม่ตกว่าจะแยกขยะอย่างฉันไว้ประเภทไหนดี ฉันไม่ถือสา ตราบใดที่พวกนั้นทิ้งฉันไว้ลำพังและเดินผ่านไป เพราะฉันพอใจที่ถูกมองว่าเป็นคนไร้ตัวตน
แน่นอนว่า การไร้ตัวตนและคอยฝังตัวเองในมุมอับสายตาของคนอื่น ๆ ทำให้ฉันลำบากไม่น้อย ที่สำคัญคือมันไม่ช่วยให้อิ่มท้อง ฉันหลบหน้าคนทั้งโลกไม่ได้ ในเมื่อเงินยังคงเป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิต และอาชีพที่ไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้าหรือจ้องตากับมนุษย์หน้าไหนก็มีให้เลือกไม่มากนัก
นับเป็นโชคดีของฉัน ที่โลกใบนี้อยู่ในยุคสมัยที่ให้ความสำคัญกับการสื่อสารคมนาคมและการบริการ ดังนั้น พนักงานรับโทรศัพท์ จึงเป็นอาชีพที่มีความต้องการสูง แน่นอนว่าไม่ติดอันดับหนึ่งในสามอาชีพในฝันของฉันเมื่อตอนอายุเก้าขวบ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เรื่องยากที่สุด คือ การท่องสูตรคูณแม่สิบสองและการเอาคืนพวกที่ชอบล้อชื่อพ่อ ชีวิตยากขึ้นตามวัยและสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และเรื่องยากที่สุดของเด็กจบใหม่อย่างฉัน คือ หางานทำ
ฉันทำงานให้กับบริษัทนำเข้ารถยนต์หรูแห่งหนึ่ง ที่มีสาขาอยู่ในจังหวัดใหญ่ๆ ของประเทศ ต้องยอมรับว่าการเริ่มต้นด้วยอาชีพ พนักงานรับโทรศัพท์ นั้น ไม่น่าโอ้อวด ไม่มีหน้ามีตาในสังคม และทำเงินได้แค่พอกินพอใช้ แต่ระบบงานไม่ยุ่งยาก ไม่ซับซ้อน แม้จะซ้ำซากจำเจก็ตาม อีกอย่างฉันไม่ได้อยู่ในจุดที่จะเลือกงานได้ เนื่องมาจากสภาพคล่องทางการเงิน สภาพจิตใจและปัญหาพฤติกรรมต่อต้านสังคม ฉันจึงไม่อิดออดที่ต้องถูกบังคับให้นั่งอยู่ในคอกสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ มีแค่คอมพิวเตอร์กับโทรศัพท์เสียบหูเป็นอุปกรณ์เลี้ยงชีพ
ส่วนข้อดีที่ดีสุดของอาชีพนี้ คือ ฉันไม่จำเป็นต้องสานสัมพันธ์กับใคร แม้ต้องตกเป็นที่ระบายอารมณ์ของลูกค้าอารมณ์ร้าย แต่ทุกอย่างจะจบลงเมื่อวางสายและคนแปลกหน้ารายต่อไป ๆ ก็จะเรียงแถวกันเข้ามา ข้อดีรองลงมาคือทำงานเป็นกะ ฉันอยู่ประจำกะดึกเสมอ นั่นหมายความว่าฉันต้องเข้างานตั้งแต่สองทุ่มถึงตีห้าของวันใหม่
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"