หญิงสาวมองไปรอบตัวอย่างหวาดๆ รอบข้างเป็นไร่มันสำปะหลังที่แทบจะมองไม่เห็นบ้านเรือน หลังไร่มันสำปะหลังออกไปอีกไกลตามเส้นทางลูกรัง มองเห็นเนินเขาอยู่ลิบๆ ถ้าเธอเดาไม่ผิด นั่นคงจะเป็นที่ตั้งของเหมืองนิลดี แน่นอนว่าหญิงสาวจะไม่เดินเข้าไปแน่ๆ เพราะท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัดอย่างเมืองไทย
เธอคงเดินเข้าไปไม่ถึงกิโลเมตรก็คงเป็นลมสลบอยู่ข้างทางเป็นแน่ คิดๆ ไปก็โมโหรถโดยสารประจำทาง ที่โอ้เอ้อืดอาด แถมยังวิ่งช้ายังกับเต่าคลานจนทำให้เธอมาไม่ตรงกับเวลานัด คิดไปคิดว่าหญิงสาวก็พาลไปถึงคนนัดว่ารู้ทั้งรู้ว่าหลานสาวจะมาหา เหตุใดจึงไม่รอ รู้ทั้งรู้ว่าเธอ ไม่มีที่พึ่งอีกแล้ว
ในขณะที่เธอหันรีหันขวางว่าจะตัดสินใจทำยังไงดีกับชีวิต รถจิ๊บคนเก่าที่มีชายหนุ่มผิวคร้ามเข้มสวมหมวกคาวบอยปีกกว้างขับเข้ามาจอดใกล้ๆ ฝุ่นกระจายอยู่รอบตัวเธออีกครั้ง หญิงสาวรีบยกมือปาดเหงื่อที่เลอะไปด้วยฝุ่นออก ทำให้ใบหน้าขะมุกขะมอมไปกันใหญ่
“จะไปไหนเหรอ?”
เสียงห้ามทรงอำนาจตะโกนถามมาอย่างใจดี
“จะเข้าไปในเหมืองนิลดีค่ะ มีนขอไปด้วยได้ไหมคะลุง”
“ขึ้นมาสิ”
คำตอบง่ายๆ นั้นทำให้หญิงสาวยิ้มกว้างแล้วกระโดดขึ้นรถทันที
“มีนชื่อมีน หรือมีนาค่ะ พ่อบอกว่าเกิดเดือนมีนาเลยตั้งชื่อนี้ ลุงทำงานที่เหมืองหรือคะ แล้วลุงชื่ออะไร?”
พอขึ้นรถได้ หญิงสาวก็ชวนคุยทันทีตามประสาเด็กร่าเริงและอยู่ตัวคนเดียวจนต้องอาศัยการเข้าหาผู้ใหญ่ให้ได้รับความเมตตาเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง
“ฉันชื่ออาร์ม”
เขาตอบสั้นๆ ยิ้มมุมปากนิดๆ ทำให้ใบหน้าที่โผล่พ้นหมวกมาครึ่งๆ นั้นดูดีจนน่าสนใจ
“จะเข้าไปในเหมืองทำไมหรือ?”
ชายหนุ่มถามอย่างใจดี
“ไปขออาศัยน้าชบาอยู่ค่ะ”
มีนาอ้อมแอ้มตอบไปอย่างไม่เต็มปากเต็มคำ ไม่รู้ว่าจะบอกความจริงชายหนุ่มอย่างไรดี เพราะการมาอยู่กับน้าชบา มันมีเงื่อนไขที่ดูพิลึกพิลั่น เกินกว่าเด็กสาวคนหนึ่งจะเดินทางมา
“แล้วนี่เดินทางมาจากไหน”
“มีนอยู่กรุงเทพฯค่ะ พอพ่อตาย แม่มีสามีใหม่ มีนอยู่กับย่า นี่ย่าก็เพิ่งตายไป พอไปอยู่แม่ พ่อเลี้ยงก็ทำท่าจะเข้าหา น้าชบารู้เข้าเลยให้หนูมาอยู่ด้วย”
หญิงสาวเล่ายาว เหมือนระบายความในใจ อีกอย่างชายหนุ่มที่ขับรถอยู่นี้ก็ดูเป็นผู้ใหญ่ใจดีรับฟังเธออย่างไม่รำคาญ
“จบอะไรมาล่ะ”
เสียงนั้นเจือไปด้วยความเวทนา
“มีนจบบัญชีมาค่ะ อยากเรียนต่อ แต่ไม่มีใครส่งแล้ว จะออกมาอยู่เอง ส่งตัวเองเรียน ไปสมัครงานเสิร์ฟ ก็ฟาดขี้เมาที่มันจับก้นจนหัวแตก เจ้าของร้านก็เลยไล่ออก”
“อ้อ..”
น้ำเสียงนั้นเจือด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ
“แล้วนี่นัดชบาไว้กี่โมงล่ะ เขาไม่ได้บอกหรือว่าทางเข้าเหมืองมันไกล”
“บอกค่ะ น้าบอกว่าจะขี่มอเตอร์ไซค์มารับ แต่ว่านัดไว้ตอนเที่ยง ไอ้รถโดยสารนั่นแหละ มันช้าจนเลยเวลา น้าชบาเลยไม่ได้อยู่รอ”
ด้วยความซื่อ ตรงไปตรงมาของเด็กสาวที่อยู่ข้างๆ ถามอะไรตอบหมด ตอบเกินกว่าที่อยากรู้ ทำให้เขารู้สึกเอ็นดูขึ้นมา ลักษณะท่าทางก็ปราดเปรียวคล่องแคล่ว นี่คงยังไม่รู้ว่าใบหน้าเขลอะเลอะไปด้วยฝุ่นเป็นคราบๆ ยิ่งมานั่งโกรกลมบนรถจิ๊ป คราบไคลค่อยๆ แห้งลง เหลือเป็นร่องรอยชัดเจน
“ลุงยังไม่ได้บอกมีนเลยว่า ลุงทำงานอะไรที่เหมืองนี้หรือคะ ลุงฝากงานให้มีนได้ไหม? มีนไม่ทำอะไรอย่างที่น้าชบาบอกเลยค่ะ”
น้ำเสียงเธออ้อนเต็มที่ ครั้งนี้เล่นเอาชายหนุ่มยิ้มกว้างขึ้นมาทันที
“ฉันก็ทำหลายอย่างนะ เยอะแยะมากมาย เพราะงานมันมีให้ทำอยู่ตลอดเวลา”
“เจ้าของเหมืองใช้งานลุงหนักขนาดนั้นเหลือหรือคะ?”
หญิงสาวนึกสยองในใจ
“จะว่าหนักก็หนัก เพราะเวลาคนอื่นพัก ฉันก็แทบจะไม่ได้พัก”
“โอ๊ย ตายแล้ว เจ้านายลุงนี่ใจร้ายจัง ลุงแก่ขนาดนี้ยังใช้งานแทบไม่ได้พักเลยเหรอ?”