ร้อยแก้วเติบโตในซ่องโสมม ชีวิตของเธอต่ำเตี้ยและน่าขยะแขยง ทุกค่ำเช้าต้องซ่อนตัวอยู่หลังซ่อง ทำตัวมอมแมมเพื่อไม่ให้สะดุดตาใครต่อใคร แต่แล้วนรกก็ไม่ยอมปล่อยมือ เมื่อค่ำคืนหนึ่งเธอถูกส่งตัวไปให้กับบุรุษงามผู้มีนัยน์ตาสีเขียวมรกตพร่าผลาญพรหมจรรย์จนยับเยิน หยดเลือดพรหมจารีที่คู่นอนหน้าหวานทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้าบนผ้าปูเตียง ทำให้ช่องท้องของมหาเศรษฐีแสนล้านอย่างจาคอฟเกิดรูกลวงขนาดใหญ่ โทสะร้ายแล่นพล่านไปทั้งร่าง เธอไม่ใช่โสเภณีอย่างที่เขาเข้าใจ แต่นั่นยังไม่น่าโมโหเท่ากับการถูกโสเภณีฟันแล้วทิ้ง แถมแม่คุณยังไม่ยอมรับค่าตัวอีกต่างหาก หกเดือนต่อมาเรื่องเหมือนจะจบ แต่ร้อยแก้วกลับรู้สึกว่ามันเพิ่งจะเริ่มต้นมากกว่า เมื่อเธอมาเจอผู้ชายบั้นเอวดุคนนั้นอีกครั้งในฐานะเจ้านายจอมเนี๊ยบ แม้จะโชคดีเล็กน้อยที่เขาทำเหมือนไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน แต่ทำไม๊ทำไม... ปากบอกไม่รู้จัก แต่เขาขยันชวนเธอ ทบทวนความหลังบ่อยเหลือเกิน! “บอส... ทำอย่างนี้ไม่ได้นะคะ” กลิ่นหอมสะอาดสะอ้านจากเรือนกายทรงพละกำลังของจาคอฟที่โชยมาเข้าจมูก ทำให้ช่องท้องของร้อยแก้วปั่นป่วนราวกับมีพายุร้ายซ่อนอยู่ “ทำไมจะทำไม่ได้” “แต่เรา... ไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะ” “เกือบสิบครั้งในคืนนั้น มันยืนยันอะไรไม่ได้เลยหรือ” “บะ... บอส... จำได้ด้วยเหรอคะ...” ลูกกะตาของร้อยแก้วแทบถลนออกมาจากเบ้า “เธอคิดว่าฉันจะลืมผู้หญิงที่ฟันฉันจนยับเยินได้ง่ายๆ หรือไง ร้อยแก้ว” ริมฝีปากหยักสวยที่เคยสัมผัสไปทั่วทุกตารางนิ้วของกายสาวยกสูงขึ้นเป็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม “ฉันเป็นของเธอแล้ว ดังนั้นเธอต้องรับผิดชอบ!”
ดวงหน้ารูปไข่ถูกผงถ่านป้ายเป็นปื้นยาวจนสองแก้มเปื้อนเปรอะสีดำสกปรก ดวงตากลมโตที่ถูกล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอนหวานฉ่ำถูกปิดบังความงดงามเอาไว้ด้วยแว่นตาหนาเตอะ กลีบปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อที่อยู่ใต้ปลายจมูกโด่งเชิดถูกตกแต่งด้วยสีขาวจนซีดเซียวไม่ต่างจากคนเป็นโรคร้าย ฟันขาวสะอาดมีสีดำติดเอาไว้หลายจุด หาความน่ามองไม่เจอเลย
ร้อยแก้วมองใบหน้าของตนเองที่สะท้อนออกมาจากกระจกเงาภายในห้องพักคับแคบด้วยความเศร้าหมอง ความอัปลักษณ์ที่ต้องสร้างขึ้นทุกเมื่อเชื่อวันตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อสาว ทำให้หล่อนรู้สึกไม่ต่างจากตกอยู่ในขุมนรก
แม้ว่าที่นี่จะให้ข้าวให้น้ำให้ที่ซุกหัวนอน แต่หล่อนก็ต้องเอาแรงกายเข้าแลกเพื่ออาหารประทังชีวิต ทุกคนที่นี่ล้วนต่างวนเวียนอยู่ในกลิ่นคาวของน้ำกาม
ตั้งแต่จำความได้ หล่อนก็เห็นผู้หญิงที่นี่แต่งเนื้อแต่งตัววับแวม และก็ออกไปนั่งในตู้กระจก รอให้ผู้ชายทุกเพศทุกวัยที่กระเป๋าหนักชี้นิ้วเลือก ก่อนจะหอบหิ้วกันขึ้นไปชั้นสอง ซึ่งแบ่งเอาไว้เป็นห้องพักให้แขกได้ขึ้นสวรรค์
ผู้หญิงจำนวนมากสมัครใจที่จะก้าวเท้าเข้ามาในวังวนโสมมนี้ แต่บางคนก็ถูกหลอกลวงให้มาขายตัว หล่อนยังจำเหตุการณ์เมื่อแปดปีก่อนได้เป็นอย่างดี ผู้หญิงผิวขาวถูกเฆี่ยนตีในห้องพักเพื่อให้ยอมออกไปรับแขก จำได้ว่าตอนนั้นหล่อนขึ้นไปทำความสะอาดพอดี และพยายามจะช่วยแล้ว แต่ก็ถูกพวกแมงดาในซ่องชี้หน้าข่มขู่เอาไว้ ด้วยความที่ยังเป็นเด็ก ทำให้หล่อนช่วยผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ จนกระทั่งหลายวันต่อมา หล่อนก็เห็นพี่สาวคนนั้นออกไปรับแขกเช่นเดียวกับผู้หญิงคนอื่น
มันคือความอัปยศยิ่งนัก ที่พวกผู้ชายหากินโดยใช้ผู้หญิงเป็นเครื่องมือ หล่อนไม่เคยชินกับเรื่องราวแบบนี้เลย แม้ว่าจะคลุกคลีอยู่กับมันมาเนิ่นนาน
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้ร้อยแก้วรีบมองตัวเองในกระจกอีกครั้งเพื่อเช็กความเรียบร้อยของตนเอง และเมื่อพบว่าตัวเองอัปลักษณ์พอแล้วจึงเดินไปเปิดประตู
ผู้หญิงผิวขาวที่เคยถูกเฆี่ยนตีเพื่อให้ออกไปรับแขกเมื่อแปดปีก่อนยืนอยู่ตรงหน้าของหล่อน และมิ่งหล้าก็คือชื่อของผู้หญิงคนนั้น คนคนเดียวที่ให้ความช่วยเหลือหล่อนตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“พี่หล้า...”
มิ่งหล้ากวาดตามองใบหน้าของร้อยแก้วอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก่อนจะก้าวเข้ามาภายในห้อง พร้อมกับดึงบานประตูให้ปิดสนิทลง และลงกลอนอย่างแน่นหนา จากนั้นก็ดึงร่างอรชรของหล่อนให้กลับไปที่หน้ากระจกเงาอีกครั้ง
“สีดำยังไม่ทั่วหน้าเลยน้องแก้ว เดี๋ยวคนอื่นก็จับได้หรอก”
แล้วมิ่งหล้าก็จัดการเอาผงถ่านละเลงใบหน้าของร้อยแก้วเพิ่มเติมสักพักก็หยุดมือ และมอง
“ต้องดำแบบนี้ ไม่อย่างนั้นน้องแก้วจะไม่รอด เข้าใจที่พี่พูดใช่ไหม”
“ขอบคุณพี่หล้ามากค่ะ ที่คอยช่วยเหลือแก้ว” หล่อนมองมิ่งหล้าอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ
มิ่งหล้ายกมือขึ้นตบบ่าของร้อยแก้วเบาๆ “พี่ไม่อยากให้เด็กสาวบริสุทธิ์อย่างน้องแก้ว ต้องมาแปดเปื้อนราคีแบบพี่ มันทรมานมากที่ต้องนอนกับผู้ชายกักขฬะพวกนั้น”
“เราหนีไปจากที่นี่กันเถอะค่ะ”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนบอกความต้องการกับมิ่งหล้า แต่ทุกครั้งก็ไม่เคยมองเห็นทางรอด
“น้องแก้วก็รู้ว่าเราไปไหนไม่ได้ ขนาดน้องแก้วอยากเรียนหนังสือ ยังต้องเรียนทางไปรษณีย์เลย ไปสอบก็ต้องให้แมงดาตามไปคุม เห็นไหมว่าเราไม่มีทางหนีไปไหนได้”
มิ่งหล้าถอนใจออกมาอย่างอับจนหนทาง เพราะหล่อนเคยพยายามหนีแล้ว แต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้งไป และแต่ละครั้งที่ถูกจับมาได้ พวกแมงดาก็ซ้อมหล่อนปางตาย
“นี่เราจะไม่มีทางออกไปจากที่นี่ได้เลยเหรอจ๊ะพี่หล้า”
ร้อยแก้วกะพริบตาไล่หยาดน้ำตา เพราะเกรงว่าสีดำบนใบหน้าจะจางลงไป
“ทางเดียวที่เราจะไปจากที่นี่ได้ นั่นก็คือ... ต้องมีแขกซื้อเรา แต่จะมีผู้ชายคนไหนยอมจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อโสเภณีอย่างเราล่ะ ไม่มีหรอก”
“แต่แก้วจะพยายาม... ยังไงซะแก้วก็จะต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ เราไปด้วยกันนะพี่หล้า”
มิ่งหล้ายิ้มบางๆ เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่ร้อยแก้วหวังมันไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะถึงแม้ที่นี่จะเปลี่ยนจากซ่องมาเป็นภัตตาคารแล้ว แต่ก็ยังมีแอบแฝงการขายบริการเอาไว้เหมือนเดิม
“น้องแก้ว ออกไปทำความสะอาดเถอะ แล้วระวังอย่าให้น้ำโดนหน้านะ ไม่อย่างนั้นน้องแก้วจะเดือดร้อน”
“ค่ะ พี่หล้า”
มิ่งหล้าฝืนยิ้มเศร้าหมอง ขณะเดินนำร้อยแก้วออกไปจากห้องพัก เดินไปตามทางแคบๆ ที่แบ่งเอาไว้ให้พนักงานได้อยู่อาศัย
“อ้อ พี่ลืมบอกแก้วไป คืนนี้ที่นี่จะมีลูกค้าระดับไฮเอ็นมาใช้บริการ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีผู้หญิงถูกเรียกไปรับใช้ น้องแก้วก็เข้าที่พักเร็วๆ นะ แล้วก็ห้ามออกมาเด็ดขาด”
“ขอบคุณพี่หล้ามากจ้ะที่เตือนแก้ว”
“งั้นพี่ไปเสิร์ฟอาหารก่อนนะ แวบมานานเดี๋ยวถูกเล่นงานเอา”
“จ้ะพี่หล้า”
ร้อยแก้วยืนมองร่างอวบอัดของมิ่งหล้าที่รีบย่ำเท้าเดินจากไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าใจ เมื่อไหร่ผู้หญิงทุกคนที่นี่จะได้อิสรภาพเสียที
หญิงสาวถอนใจออกมาแรงๆ ขณะย่ำเท้าเดินตรงไปยังด้านหลังของภัตตาคาร เพราะงานที่ตนเองได้รับมอบหมายอยู่ที่นั่น
“นังแก้ว แกนี่มาช้าตลอดเลยนะ เห็นไหมว่าในครัวยุ่งแค่ไหน”
ป้าสมศรีส่งเสียงตำหนิทันทีเมื่อเห็นหล่อนเดินเข้ามาภายในห้องครัว
“เอ่อ... แก้วขอโทษค่ะ”
“มึงก็ขอโทษทุกทีนั่นแหละ ตั้งกี่ปีมาแล้วก็พูดแต่คำเนี้ย”
ป้าแม่ครัวใหญ่พูดอย่างเบื่อหน่าย หล่อนทำได้แค่ก้มหน้าไร้โอกาสโต้แย้ง
“มาๆ เลย มาช่วยล้างหม้อนี่ เดี๋ยวจะต้องเคี่ยวน้ำซุป”
“จ้ะป้า”
หล่อนก้มหน้าก้มตาทำตามคำสั่ง ในขณะที่ภายในห้องครัวเกิดเสียงสนทนาขึ้นเมื่อบัวคำ สาวน้อยคนหนึ่งเดินเข้ามา
“นี่แกรู้ไหมว่าคืนนี้จะมีมหาเศรษฐีมาใช้บริการที่นี่”
“จริงเหรอนังบัว”
“จริงสิ กูจะหลอกมึงทำไมอีเอื้อง แล้วเขาก็ร่ำลือกันว่าหล่อมากด้วยนะโว้ย”
สองสาวที่เมื่อก่อนเคยทำหน้าที่รับแขกอยู่หน้าร้าน แต่ตอนนี้สภาพร่างกายอวบอ้วนจึงถูกปลดระวางมาทำงานในห้องครัวแทน
“ว้า! เสียดายจัง ถ้าเป็นเมื่อก่อน เราสองคนจะต้องได้รับเลือกไปปรนนิบัติแน่ๆ”
“พวกมึงเลิกพล่ามได้แล้ว อ้วนยังกับหมูตอนยังจะมีหน้าอยากจะไปปรนนิบัติแขกอีก มานี่... มาหั่นคะน้าให้กูนี่ กูจะต้องรีบใช้ เร็วเข้า” ป้าสมศรีพูดขึ้นอย่างหมั่นไส้
“แหม ป้าศรีก็... ฉันฝันบ้างไม่ได้หรือไงล่ะ” เอื้องฟ้าตัดพ้อหญิงวัยกลางคนที่รูปร่างอ้วนไม่แพ้กันเสียงออดอ้อน
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"
หลัวเจิง ผู้ตกจากที่สูงกลายเป็นทาสที่ต่ำต้อย มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาพบวิธีฝึกในตัวเองให้กลายเป็นอาวุธโดยบังเอิญ สงครามการต่อสู้เริ่มขึ้นทันที และพึ่งพาความเชื่ออันแรงกล้าในการไม่ยอมจำนน เขาพยายามแก้แค้นและไล่ตามความฝันอันยิ่งใหญ่ นักรบจากชาติพันธุ์ต่าง ๆ ต่อสู้เพื่อความเป็นเจ้าโลกและโลกก็ปั่นป่วน อาศัยร่างกายที่เปรียบได้กับอาวุธวิเศษ หลัวเจิงเอาชนะศัตรูจำนวนมากบนเส้นทางสู่ความเป็นอมตะ ในที่สุดเขาจะทำสำเร็จหรือไม่?
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"