โชคชะตาพัดพา ศรา เข้ามาในเส้นทางชีวิตของเกสร หนุ่มดิบเถื่อนจากป่าดง มาเจอสาวสวยเปรี้ยวจี๊ด สาวมองหนุ่มเป็น อสูร ตัวร้าย และเขาก็เต้นระบำรอบตัวเธอ คนสองคนถูกเหวี่ยงเข้าไปในเส้นทางของการแต่งงาน จาก บังเอิญ เป็น ผูกพัน เมื่อต่างมีปม และปูมหลังครอบครัวที่แหว่งวิ่น พวกเขาเริ่มเห็นใจกันเข้าใจกันพร้อมจะสร้างครอบครัวใหม่ เกสร จับมือ ศรา เริ่มร่ายระบำรำฟ้อน ไปด้วยกัน อสูรตัวนั้นก็เป็นได้เพียง อสูรในหัวใจเกสร...ที่ทำให้ครอบครัวเติมเต็ม
ผู้หญิงสาวคนนั้นมีเสน่ห์ดึงดูดสายตาได้เมื่อเขาเห็นหล่อนเดินผ่านไปในระยะที่เรียกได้ว่าใกล้ชิดมาก กลิ่นหอมโชยมาเข้าเข้าจมูก กลิ่นที่แตกต่างจากกลิ่นเหล้า...กลิ่นบรรยากาศของร้านเหล้า ที่ยกระดับจากร้านอาเฮียรินถนนมาเป็นห้องหับที่จัดตกแต่งด้วยบรรยากาศที่ดี อย่างที่นี่แต่งไว้เหมือนย้อนสมัยกลับคืนไปสู่กลิ่นไอของอเมริกายุคตื่นทอง
และผู้หญิงที่เพิ่งเดินผ่านไป หล่อนช่างแต่งตัวได้เข้ากับบรรยากาศของร้านดีแท้ๆ เหมือนคาวบอยสาว...สวมหมวกปีกก้างแสนเท่อีกด้วย
“เกสร...”
เสียงบอกเหมือนเขายังจ้องเอาอย่างสนใจแบบนั้น
“อะไรนะ” เขาหันกลับมาถามคู่สนทนา...หนุ่มลูกครึ่งหน้าตาออกเป็นฝรั่งเต็มร้อย แต่พูดไทยได้ชัดหากไม่เห็นตัวก็คงไม่มีใครยอมเชื่อว่านี่เป็นลิ้นฝรั่ง
“ชื่อเกสร”
บอกพร้อมกับยิ้มอย่างเข้าใจเป็นอันดี “สนใช่ไหม”
“ดูเท่ดี”
“เกสรเป็นผู้หญิงคนดัง”
“ชื่อเชย” เขาออกความเห็นบ้าง ผู้หญิงอย่างหล่อนน่าจะมีชื่อที่ดึงดูดมากกว่าชื่อเกสร...แต่ก็สั้นเรียกง่ายดีไม่เยิ่นเย่อ “ทำไม่รู้จัก”
“ก็บอกแล้วว่าเป็นคนดัง คนที่มาที่นี่รู้จักเกสรกันดีทั้งนั้น เธอเก่ง...มีฝีมือ และความสามารถเฉพาะตัวสูงอีกด้วย เสียอย่างเดียว หยิ่งเหลือร้าย...เห็นอย่างนั้นเถอะเธอไม่ชอบสุงสิงกับใครนะ”
แต่ผู้ชายล้อมหล่อนกันเป็นฝูง...ศราต้องใช้คำว่าฝูง...ถึงจะจำกัดความสิ่งที่เขามองไปเห็นนั้นได้ ถูงต้องใกล้ความจริงที่สุด หล่อนเป็นเหมือนเดือนในหมู่ดาว...หัวเราะของหล่อนดูแจ่มใส แม้จะไม่ได้เข้าไปใกล้เขาตระหนักได้ฉับพลันถึงเสน่ห์ของหล่อนยามแย้มปากออกหัวเราะ มันราวกับทำให้โลกสว่างขึ้นได้ อีกอย่างเพราะในนี้แสงสว่างมีจำกัดอยู่ด้วย
“คุณสนใจเธอมากนะ”
“ผู้ชายคนไหนไม่สนใจผู้หญิง...” ศราตอบยิ้มๆ เขายังเป็นผู้ชายปกติ ยังมีเลือดเนื้อมีหัวใจให้ไหวหวั่นไปได้กับเสน่ห์ดึงดูดเย้ายวนใจ “แต่คงจะได้แค่สน...เพราะเธออยู่ไกลแสนไกล...คนแปลกหน้า”
แล้วหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับหล่อนอีกมากนัก เพียงจดจำชื่อของหล่อนได้ จำท่วงทีมีเสน่ห์ของหล่อนได้ เพราะเขามีเพื่อนที่ดีนั่งสนทนา มีแก้วเหล้าที่เติมเต็มด้วยเหล้าดีๆ สำหรับเวลาพักผ่อนของเขาที่หาได้ยากเย็นนัก สิ่งใดจะเป็นสุขกว่านี้ไปได้อีก
ทุกวันนี้ศรายังเป็นหนุ่มโสด...แต่ไม่ใช่จะ “สด” เสียเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายที่ยังเห็นความนุ่มนวลสวยงามของผู้หญิง และยังรู้ต่อด้วยความซาบซึ้งอันปั่นป่วนด้วยว่าชายกับหญิงคือความสวยงามที่ธรรมชาติประทานมาให้อย่างกลมกลืนที่สุดอีกด้วย
เขายังไม่กล้าจะเลือกผู้หญิงเป็นเพื่อนร่วมทางของชีวิตเพราะหน้าที่การงานที่มากมายและถิ่นที่อยู่ห่างไกลความเจริญออกไปยังหัวเมืองนั้น เขาไม่แน่ใจว่าจะมีผู้หญิงสักกี่คนยินดีที่จะไปใช้ชีวิตกับเขาที่นั่นได้
ชายที่รุมล้อมหล่อนแยกย้ายกันไปหมดแล้ว เหลืออยู่ตามลำพังแค่หล่อนกับชายอีกคนหนึ่ง ชายร่างสูงใหญ่แข็งแรงเขาเป็นคนหนุ่มวัยต้นสามสิบ ไม่ใช่หนุ่มหล่อเหลา แต่เป็นหนุ่มที่หน้าตาจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดี เกสรชอบเขา...และเขาก็ชอบหล่อนด้วย วัดจากความสัมพันธ์ที่ดำเนินมาด้วยดีเกือบจะสองปีเข้าไปแล้ว รอแต่เวลาที่เขาจะขอแต่งงานด้วย เกสรเชื่อว่าเขาจะต้องขอ
แต่คืนนี้เขาไม่เบิกบานเอาเสียเลย
และเกสรก็จับความรู้สึกของเขาได้หลังจากดื่มเหล้าไปแล้วแก้วหนึ่ง หล่อนรอให้เขาพูดขึ้นมาก่อนว่าเขามีเรื่องคับข้องใจหรือไม่ แต่เขาก็ไม่ยอมพูดตราบจนหล่อนต้องเริ่มต้น
“คุณมีอะไรในใจ”
“หือ...” เขาถาม แน่นอนว่าเขาไม่ได้ยินว่าหล่อนถามอะไร เกสรยิ่งสงสัยนัก เขาดูแปลกไปจริงๆ นั่นแหละ
“คุณเหม่อๆ นะ วันนี้ไม่เอาใจมาด้วยรึ”
“เอามา...ไม่เคยเอาไปทิ้งไว้ที่อื่น” เขาจ้องมองเฉพาะดวงหน้าหล่อนอย่างแน่แน่ว เกสรเป็นผู้หญิงสวยเข้มข็ง...แน่นอนว่าเขามองหล่อนครั้งใดปรารถนาในกายเขามันเดือดระอุ...และพล่านไปทั่งทุกเส้นเลือด ยากจะดับลงได้โดยง่าย แต่สองปี...มันนานโขอยู่ แต่เขาไม่เคยพาหล่อนไป “นอน” ได้เลยสักหน เห็นเกสรเป็นผู้หญิงเปรี้ยว แต่หล่อนกลับรักนวลสงวนตัวเป็นที่สุด...หล่อนเคยบอกกับเขาว่า
“จะมอบตัวให้ ก็อยากจะให้ถูกต้องตามประเพณีนะคะ เกสรชอบที่จะให้มันสวยงาม เกสรถูกเลี้ยงมาในครอบครัวที่ยึดถือจารีตประเพณี...หล่อนมักจะเรียกแทนตัวเองกับเขาว่า “เกสร”
อ่อนหวาน และอบอุ่นนุ่มนวลอย่างไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงมาดเปรี้ยวจี๊ด เมื่อดูจากลักษณะภายนอกอย่างหล่อนจะให้ความรู้สึกนุ่มลึกได้ถึงเพียงนั้น
คืนนี้เขามีความต้องการในตัวเกสรเป็นอันมาก บางทีเขาอาจจะล่วงเกินหล่อนด้วยเรี่ยวแรงของผู้ชายที่แข็งแรงกว่า...เพราะรู้ว่าเขาอาจจะต้องสูญเสียเกสรไปไกลแสนไกล หากเพียงแต่หล่อนระแคะระคายว่า...เขากำลังถูกพ่อ แม่จับหมั้นหมายกับหญิงคนหนึ่ง หญิงที่ร่ำรวยล้น...หญิงที่พ่อแม่เขาเห็นว่าจะเอาเงินมาต่อเงินเพื่อการค้าที่เป็นปึกแผ่น...เกสรไม่ใช่ผู้หญิงจากครอบครัวร่ำรวย ครอบครัวของหล่อนคือครอบครัวคนระดับกลางพอมีพอกิน และไม่ได้ทำการค้าอันใดอีกด้วย พ่อกับแม่ไม่เคยบังคับเขามาก่อน แต่คราวนี้เป็นคำขอร้องที่เขาอึดอัดอยู่
เพราะเขาก็อยู่ในวงการธุรกิจ เขาต้องการเงินทุนแน่นหนาป็นทุนที่จะขยับขยายธุรกิจได้
เขาไม่ได้รักหญิงคนนั้น แต่เขาก็ยินดีจะแต่งงานกับหล่อน เชิดชูยกย่องหล่อนให้เป็นเมียแต่ง เป็นแม่ของลูก แต่เขาก็ยังต้องการเกสรไว้เคียงข้างกายอีกคนหนึ่ง มีทางเดียวที่จะได้ตัวเกสรเอาไว้ นั่นคือผูกมัดหล่อนเสียก่อน...เมื่อเกสรเป็นของเขาแล้ว ถึงเขาจะต้องแต่งงาน เกสรก็ยังจะต้องเป็นของเขา
นางบำเรอ...ที่เกสรจะได้เป็น แล้วเขาก็จะให้คำสัญญาสุภาพบุรุษกับหล่อนว่าเขาจะไม่ทอดทิ้งหล่อน จะรักหล่อนมากกว่าจะรักเมียแต่งผู้ร่ำรวยของเขา เกสรเป็นผู้หญิงที่ยังยึดติดกับจารีตประเพณีดังที่หล่อนบอกย้ำอยู่ทุกบ่อย เกสรจะไปไหนไม่รอดอีกหากตกเป็นของเขาแล้ว
นึกแล้วรินทร์คมก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม กระดกทีละแก้วเดียวให้เหล้าหมดไม่มีเหลือ มันไม่ใช่วิสัยการดื่มของเขาที่เกสรคุ้นเคย หล่อนจึงจับตามองเขา...แน่ใจว่าเขามีเรื่องตกค้างอยู่ในใจ
“รินทร์...”
จับมือเขาไว้ก่อนที่เขาจะยกแก้วเหล้าขึ้นอีก หลังจากเติมเหล้าลงจนเต็มปรี่
“อย่าเพิ่งดื่ม พูดกันก่อน” น้ำเสียงของหล่อนอ่อนโยนนัก
“มีอะไรก็บอกเกสรซิ”
“บอกแล้ว เกสรจะช่วยผมได้แค่ไหนเชียว”
“พูดอย่างนี้ดูถูกกันนี่นา”
“จริงๆ นะ เกสรช่วยผมไม่ได้ ถ้าผมบอก เกสรอาจจะด่าผมเปิดเปิง”
เกสรพูดจาไพเราะอ่อนหวานได้ดีเท่าๆ กับยามโกรธที่หล่อนจะหาคำด่าทอมาได้เผ็ดร้อนนัก...มีทั้งภาคของนางฟ้าและนางแม่มดร้ายที่หล่อนเองก็เคยยอมรับอย่างหน้าชื่นว่านั่นคือหล่อน
“บอกมาซิ สัญญาว่าจะไม่ด่า”
หล่อนให้สัญญา แต่รินทร์คมก็ยังมองหล่อนอย่างกริ่งเกรงอยู่นั่นเอง
“สัญญาก็เป็นสัญญาซิ รินทร์”
หล่อนอายุยี่สิบห้า...เด็กกว่าเขาห้าปี แต่เกสรไม่เคยเรียกเขาว่า “พี่” แต่มีน้ำเสียงเรียกขานเขาอย่างอบอุ่นและรักใคร่ว่า “รินทร์” เฉยๆ
“บอกมาเลย เกสรกำลังฟังอยู่”
“เกสร...ผมอยากนอนกับคุณ”
“อะไร”
เกสรเสียงหลงเกือบจะไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
“ผมอยากนอนกับเกสร”
ถ้าชีวิตเติบโตขึ้นมาด้วยความเจ็บแค้น วันนี้เขาก็เต็มไปด้วยความแค้นในทุกอณูของชีวิต ภายใต้ท่าทีสงบ นิ่งเงียบ และแข็งกร้าวประดุจหินผาของ "ศิลา"... แต่ภายในใจเขานั้น กลับระอุคุกรุ่นไปด้วยไฟแค้นที่รอวันชำระสะสาง! อสูรตนนี้ ผ่านวันเวลาแห่งความเคียดแค้นชิงชัง และพร้อมที่จะเริงไฟแล้ว...และสำหรับเธอ "มินตา"...สาวน้อยผู้อ่อนเยาว์ต่อโลกแห่งความเคียดแค้นชิงชัง ไฟแห่งอสูรครั้งนี้ มันน่าหวาดผวาสำหรับเธอแค่ไหน เพราะมันเป็นไฟแค้น ที่หลอมรวมมากับไฟแห่งปรารถนา...
(นิยายทำละคร เกมเสน่หา) เพราะเย่อหยิ่ง ถือตัว และเหยียดทุกคนที่ต่ำต้อยกว่า จึงทำให้ใครๆ ก็มองว่าเธอ "ร้ายกาจ" แต่ทว่า...นั่นเพราะเธอร้ายกาจจริงๆ หรือเพราะเธอสร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา เพียงเพราะเธอกำลังเผชิญกับปัญหาบ้านแตก! และความรัก ความเป็นหนึ่งในครอบครัวถูกแย่งชิงจาก "เขา" ผู้เป็น "คนนอก" ครอบครัว เพราะเขาได้รับความไว้วางใจและเชื่อมั่นจากครอบครัวของเธอมากกว่าเธอเสียอีก เธอจึงเกลียดเขาอย่างมากมาย และต้องกดเขาไว้ให้เป็นเพียง "เด็กในบ้าน" อย่าให้เขาเข้ามาชุบมือเปิบ ฮุบทุกอย่างในบ้านของเธอ และเมื่อเธอค้นพบว่า เขาหลงรักเธอ และหมายปองดอกฟ้าอย่างเธอ เธอจึงวางแผนขุดหลุมล่อ วาง บ่วงเสน่หา เพียงเพื่อให้เขาพบกับความผิดหวังและทุกข์ทรมาน โดยที่ไม่รู้เลยว่า เธอเองต่างหาก...ที่จะตกอยู่ในบ่วงเสน่หาที่วางไว้เอง!
กี่ครั้งกี่หน ก็แพ้ก็พ่าย ผู้ชายไม่เคยซื่อสัตย์ ชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศ รูปโฉม กะรัต เทพทัต ไม่อาจนำมาทระนงได้ กี่คราที่ต้องแก้มือใหม่ ถูกตราหน้า ประณามว่าสามผัว มิหนำซ้ำหนสุดท้าย เมื่อเขาตายจากไปมิได้จบกันแค่นั้น แต่ สายน้ำผึ้ง เพื่อนสนิท คบกันมา 12 ปี กลับกลายเป็นเพื่อนสนิท คิดคด อุ้มท้องเยาะเย้ยว่าเป็นเมียหลวง ส่วนเธอคือเมียน้อย กะรัต ผู้แสนฉลาดเลิศล้ำ เฝ้าตรวจสอบปัญหาชีวิตแล้วพลันคิดได้ เธอไม่เคยจับผู้ชายคนไหน ตีตรา ขึ้นทะเบียน เป็นสามีถูกต้องตามกฎหมาย ครานี้ เห็นทีจะต้องให้ถูกต้องครบถ้วนกระบวนความ พิศุทธิ์ หนุ่มผู้ดี ผู้เกิดมาเป็นอภิชาตบุตรเกินหน้าพ่อแม่ เธอพบว่าเขาเหมาะสมยิ่งอนิจจา... กะรัต เธอมองข้ามสิ่งสำคัญของการครองเรือน เธอลืมความรักแล้วเธอจะรู้ว่าหนนี้ ผู้ชายหรือเธอกันแน่ที่ผิด การตีตราด้วยทะเบียน มันเป็นยันต์ป้องกันชีวิตคู่แตกร้าวได้หรือไม่
จากเด็กหญิงเล็กๆ ที่ได้รับการปลุกปั้นขึ้นมาเป็นนักร้องเสียงทองสุดสวยแห่งยุค พิจิกา โลดแล่นไปตามจังหวะเสียงเพลงจนถึงจุดสุดยอดในชีวิต และเส้นทางนั้นก็ไม่ได้งดงามเสมอไปเมื่อ สุวิชา ชายหนุ่มรูปงามก้าวผ่านมา เขาไม่ได้เป็นเทพบุตรสำหรับเธอ แต่เป็นมารร้ายที่ทำให้เธอตระหนกตกใจสุดขีด เขาทำให้จังหวะเพลงชีวิตของเธอผิดเพี้ยนไป กว่าเธอจะรู้ว่ามารร้ายมีหัวใจรักมั่นคง...ก็เกือบจะสายเกินไป
ชาวัน หนุ่มหล่อ รวย เอาแต่ใจตัวเอง และไม่เคยสนใจความรู้สึกของใครมาก่อน ต้องจำยอมรับผิดชอบ รุ้งทอง หญิงสาวที่ความจำเสื่อมเพราะเขาเป็นต้นเหตุ ชาวันรับสมอ้างเป็นสามีของรุ้งทอง ด้วยเหตุนี้รุ้งทองจึงถือสิทธิ์ว่าเป็น “เมีย” โดยที่ชาวันเองไม่มีทางขัดขืน เพราะหัวใจเขาไปอยู่ในมือของเธอ หัวใจของอสูรตัวแสบ...นามชาวัน ฉายา “ชาละวัน” ไอ้เข้ตัวเอ้ ยอมสยบในอุ้งมือของสาวน้อย รุ้งทอง อย่างหมดลาย
ลูกพ่อ...ไอ้ขวัญ ที่ไม่มีความคิดนอกจากมัวเมาราคะแล้วทำให้เขาเกิด สกาว...แม่ที่ร่ำลือไปทั่วหลายหมู่บ้านดังในตำบลว่าสวย แต่ร่านเสน่ห์... ยาย...ศรีนวลผู้ดีจอมปลอม แต่ใจร้ายหมายจะทุบตีเขาถึงตาย และย่า...ผกาที่เป็นกะหรี่เก่า ...ชีวิตบัดซบฉิบหาย... ภานุกร บอกตัวเองเช่นนั้น ไม่มีพ่อเป็นแบบอย่างชีวิต ไม่มีอกแม่ให้ซุกอุ่นไอ เติบโตมาในมือคนอื่น หาก สกาว เป็นนางแม่มดร้ายกาจตั้งแต่วัย 16 สกาวก็ได้ให้กำเนิด อสูรร้ายอย่างเขา หนุ่มหล่อ มีปมเต็มสี่ห้องหัวใจ ร้ายมาร้ายกลับ ไม่มีหัวใจให้กับใครอย่างแท้จริง จนมาเจอกับ แม่สาวแพว พิชญา อสูรร้ายสงบลง แต่จริงๆ แล้ว แพว พิชญา ก็มีความละม้ายเหมือน สกาว แต่เป็นภาคนางฟ้า มาทำให้อสูรได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง ด้วยคำพูดที่ว่า ผมไม่อาจจะสาบาน เพราะผมไม่เชื่อมั่นแต่หากเชื่อในตัวผม... ก็คงจะเชื่อในคำพูดผม...ผมจะทำในสิ่งที่ดีที่สุด...เพื่อคุณ...”
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน