‘อคิณณ์’ ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนนี้มาก่อน แต่เพราะเห็นเธอออกตัวแรง รุกเขาหนักว่าชอบเขามาตั้งแต่แรกเห็น ทำให้ชายหนุ่มลองทำความรู้จักกับเธอดู โดยไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า ‘นับดาว’ จะมีนิสัยขัดกับภาพลักษณ์สวยหวานที่เขามองเห็นอย่างนี้ เธอใจกล้า มั่นใจในตัวเองสูง เสนอตัวให้เขาอย่างไม่อายฟ้าดิน “พี่อคิณณ์ไม่ต้องชอบหนูก็ได้ค่ะ หนูแค่อยากมีอะไรกับพี่เฉยๆ” ถึงกับอ้าปากค้างไปเลย มาท้าทายไอ้เสืออย่างเขา มีหรือที่จะไม่สนอง? เรื่องมันควรจะจบแค่บนเตียงในคืนนั้น ทว่า...รส กลิ่น และสัมผัสของเธอกลับตราตรึงจนไม่สามารถลืมเลือนไปจากใจ ทุกตารางนิ้วที่พรมจูบไปทั่วเรือนร่างงามคือความหลงใหล... ทุกความใคร่กำหนัดกลับกลายเป็นความเสน่หา... ราวกับสารนิโคตินที่ซึมซาบเข้าสู่กระแสเลือด รู้ตัวอีกที...เขาก็เสพติดเธอจนถอนตัวไม่ขึ้นไปเสียแล้ว เป็นอย่างนี้จะต้องไปพบหมอที่ไหนกันนะ เขาถึงจะเลิกเสพสาวน้อยนิโคตินคนนี้ได้อย่างชะงัด ช่างเป็นเรื่องที่เขาคิดไม่ออกเลย...
เรื่องที่เขาเป็นที่หมายตาของแม่สาวน้อยตรงหน้านั้น ‘อคิณณ์’ รู้แก่ใจอยู่แล้ว เพราะตั้งแต่ได้เจอกับเธอมา เธอก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนใจเขาอย่างออกนอกหน้านอกตา พอเขาคุยด้วยเข้าหน่อย กลายเป็นว่าถูกบอกว่า ‘ชอบ’ ซึ่งๆ หน้าเสียอย่างนั้น ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเขาสักเท่าไร ผู้ชายอย่างเขาที่เรียกได้ว่ามีเพรียบพร้อมทั้งหน้าตา หน้าที่การงาน และฐานะเงินทอง เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่มีผู้หญิงมากหน้าหลายตาเข้าหา เป็นเรื่องชินชาเสียด้วยซ้ำที่ได้ยินคำนี้ซ้ำๆ
เพียงแต่...กับผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขานั้นมันไม่ใช่
ถ้าเขาไม่ได้สนใจหรือมีใจให้ เขาคงปฏิเสธเด็ดขาดไปแล้ว และแน่นอนว่าเธอไม่ได้เป็นคนในสเปกของเขาแม้แต่น้อย รูปร่างหน้าตาเหมือนเด็กมหาวิทยาลัยเพิ่งจบใหม่ ดูเรียบร้อยอ่อนหวาน พูดทีก็ยิ้มที หัวเราะกว้างเวลาตอบคำถามเขา
ผู้หญิงนุ่มนวลแบบนี้ ไม่ใช่ทางเขาเลย อย่างเขาต้องเจอกับผู้หญิงแซ่บๆ เท่านั้น!
เขาก็ปฏิเสธไปตั้งแต่ที่เธอหลุดปากบอกว่าชอบเขานั่นล่ะ ด้วยไม่อยากจะให้ความหวังจนอีกฝ่ายต้องถลำลึกแล้วจะเสียใจเพราะเขาไม่ได้มีใจให้ หากแต่ผู้หญิงคนนี้ช่างดื้อด้านเหลือเกิน นอกจากจะไม่สนใจในสิ่งที่เขาพูดแล้ว ยังจะมีหน้าเอ่ยปากถามเขา...
‘ไปกินข้าวกันไหมคะ ถ้าพี่ไปกินข้าวกับหนูครั้งนึง หนูจะเลิกตอแยพี่เลย’
เขาจะไม่ไปก็ได้ เรื่องอะไรต้องไปด้วย ไม่ได้ชอบเธอนี่นา ทว่าเพราะเธอดันเป็นน้องสาวของเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเสียนี่ ทำให้เขาตัดเยื่อใยอย่างเด็ดขาดไม่ได้ในทีเดียว มิหนำซ้ำเจ้าเพื่อนตัวดียังจะขอร้องให้เขามาอีกด้วย แล้วเขาจะหักหาญน้ำใจได้อย่างไร
‘ครั้งเดียวแล้วเลิกตอแยเลยนะ’
เขาบอกกับเธอว่าอย่างนั้น ตอนนี้ถึงต้องมานั่งเผชิญหน้ากับแม่สาวหน้ากลมที่ยิ้มแฉ่งไม่เลิกตั้งแต่เจอหน้าเขาอย่างนี้
“ยิ้มอะไรนักหนา...นับดาว”
เพราะเห็นหญิงสาวเอาแต่ยิ้ม ไม่พูดอะไรสักที อคิณณ์จึงออกปากถาม น้ำเสียงของเขานิ่งเรียบมากทีเดียว ขณะเดียวกันนั้นมันก็แฝงไปด้วยความรำคาญใจ
“ยิ้มดีใจที่พี่คิณณ์ยอมมากินข้าวกับหนูไงคะ”
พี่คิณณ์...เธอเรียกอย่างสนิทสนม ทำเอาคนถูกเรียกชำเลืองมองเล็กน้อย
“ที่ฉันยอมตกปากรับคำมากินข้าวกับเธอ เป็นเพราะอะไร เธอก็รู้” เขาว่า จะให้เธอตระหนักว่านั่นเป็นเพราะพี่ชายเธอขอร้อง
“หนูรู้ค่ะ” หากแต่นับดาวกลับยิ้มหวาน “เพราะพี่นับเดือนขอให้พี่คิณณ์มา” แล้วก็ว่าตาใส
“ใช่ เพราะไอ้เพชรขอให้มา ไม่อย่างนั้นฉันไม่มาหรอก” อคิณณ์บอกไปตามตรง เขาเป็นคนตรงๆ อย่างนี้แหละ จะว่าใจร้ายก็ได้ ไม่อยากให้ความหวังนี่
“แต่หนูรู้นะว่าไม่ใช่เพราะพี่เพชรขอร้องอย่างเดียว เป็นเพราะเหตุผลอื่นด้วย” นับดาวยังคงยิ้มอยู่
“เหตุผลอะไร” อคิณณ์เริ่มสงสัย อยากรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามคิดอะไร
“ก็...” เธอชะงักไปเล็กน้อย “เพราะหนูบอกว่าถ้าพี่ยอมมากินข้าวกับหนูสักครั้ง หนูจะเลิกตอแย พี่เลยมา” ถึงจะพูดอย่างนี้ แต่น้ำเสียงไม่ได้ระรื่นน้อยลงเลย
“ก็รู้นี่” อคิณณ์ว่าเรียบๆ พลางหยิบบุหรี่จากซองที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาจุดสูบเข้าปอดไปทีหนึ่ง “ฉันไม่อยากให้เธอมาตามตื๊อฉัน เห็นเธอบอกว่าจะหยุดตอแยถ้าฉันยอมมาด้วย ฉันก็เลยมา” เขาย้ำอีกครั้งให้นับดาวจำให้ขึ้นใจ
“หนูรู้ค่ะ แต่ก็ดีใจนะที่ได้มากินข้าวกับพี่ อยากมากินข้าวกับพี่สองต่อสองมานานแล้ว” นับดาวยิ้มหวานอยู่ มือข้างหนึ่งยกขึ้นเท้าคาง มองใบหน้าคร้ามที่กำลังดื่มด่ำกับความขมปร่าของบุหรี่ด้วยความหลงใหล
“แค่ครั้งนี้เท่านั้นแหละ แล้วมันจะไม่มีอีก”
อคิณณ์ทอดถอนหายใจ คนตรงหน้าไม่เห็นจะมีท่าทีว่าจะเลิกตอแยเขาเลย ดูดวงตากลมๆ ที่มองมายังเขาสิ ประกายวาวอย่างมีนัยยะ คงคิดว่าตัวเองยังมีความหวังล่ะสินะ แต่ขอโทษเถอะ เขาบอกว่าไม่ก็คือไม่
หรือต้องบอกกับเธออย่างจริงจังต่อหน้าอีกสักที?
คิดแล้วก็สูบบุหรี่เข้าปอดอีกครั้งหนึ่ง พ่นควันโขมงออกมา ไม่สนว่าคนตรงหน้าจะเหม็นควันจากเขาหรือไม่ ก่อนจะบี้ก้นกรองทิ้งในที่เขี่ยที่วางอยู่บนโต๊ะ
“ฉันว่าเราต้องคุยกันให้ชัดเจนอีกที”
“อะไรเหรอคะ”
“ฉันไม่คิดอะไรกับเธอในเชิงชู้สาว” อคิณณ์ว่า สบดวงตาแป๋วที่ยังจ้องมองเขาอยู่ “แล้วก็ไม่อยากให้เธอตามตื๊อด้วย ฉันมองเธอเป็นแค่น้องสาวของเพื่อนเท่านั้น ตั้งแต่ไหนแต่ไรก็เป็นแบบนี้ ไม่เคยล้ำเส้นไปมากกว่านั้น”
เขาย้ำ นึกถึงอดีตที่ผ่านมา ในสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เขาได้เจอกับนับดาวบ่อยครั้งเวลาไปเที่ยวบ้านของนับเดือน และแน่ล่ะว่านับดาวชอบเขาตั้งแต่ตอนนั้น ทว่าไม่ได้รุกแรงด้วยเธออาจจะยังเด็ก หรือไม่ก็เห็นว่าเขามีผู้หญิงที่ควงไม่ซ้ำหน้าซ้ำตาอยู่แล้ว กระทั่งเขาเรียนจบและแยกย้ายกันไปทำงาน ไม่ได้เจอเพื่อนฝูงหลายปีจนมาเจอกันอีกครั้งที่บ้านของนับเดือน ตอนนั้นล่ะที่นับดาวเริ่มรุกเข้าหาเขา แล้วรุกแรงเสียด้วย
แรงอย่างไร...เริ่มแรกเข้ามาพูดคุยกับเขาก่อน ทั้งคุยต่อหน้า ทั้งคุยผ่านเครื่องมือสื่อสารต่างๆ พอเขาหลวมตัวคุยไปด้วยหน่อยเดียว เท่านั้นแหละ แม่สาวคนนี้ตามติดเขาแจ ไม่ยอมไปไหนเลย วันทั้งวันและทุกวันเอาแต่คอยหยอดคำหวานจีบเขา จนเขาต้องมานั่งอยู่ตรงนี้
“เข้าใจหรือเปล่า”
เขาว่าเขาพูดชัดแล้ว แต่เห็นรอยยิ้มที่ผุดพรายขึ้นมาบนดวงหน้ากลมก็อดจะถามไม่ได้
“เข้าใจค่ะ พึ่คิณณ์พูดชัดแล้ว”
“เข้าใจก็ดี ฉันจะได้ไม่ลำบากใจ เธอเองก็จะได้ไม่เสียเวลาด้วย”
เหมือนจะโล่งใจแต่ไม่ ไม่รู้ทำไมอคิณณ์ถึงได้รู้สึกหวาดระแวงแปลกๆ
เมื่อไรนับดาวจะหยุดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันนะ
“มีอะไรให้ยิ้มมากนักเหรอ”
อดไม่ได้ต้องถามออกมา นับดาวหัวเราะน้อยๆ
เมื่อมนุษย์เพศชายเกิดการวิวัฒนาการทางร่างกาย ผู้ชายกลุ่มหนึ่งจึงสามารถตั้งท้องได้ และเพราะความเมาชนิดหลุดโลกในคืนวันนั้น ‘นภัทร’ เดือนคณะสุดหล่อจึงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความจริงว่าตัวเองจัดการรวบหัวรวบหางลากหลืบคณะอย่าง ‘สิงหา’ ไปมี one night stand เป็นที่เรียบร้อย เรื่องควรจะจบลงแค่นั้น แต่ไม่จบเมื่อชีวิตน้อยๆ ถือกำเนิดขึ้น นภัทรหายตัวไป กลับมาอีกครั้งพร้อมกับข่าวลือประหลาดๆ ก่อนสิงหาจะพบว่าต้นเหตุของข่าวลือคือเด็กหญิงตัวน้อยอย่าง ‘น้องณดา’ ที่สิงหาสงสัยเหลือเกินว่าจะเป็นลูกของเขา “ให้เรียกนายว่าพ่อไม่ได้หรอก น้องณดาไม่ได้ลูกของนาย” “งั้นเรียกป๊ะป๋าก็ได้” “ไม่ได้” “แด๊ดดี้” “นี่...พอเลย” “ดาดา” คำเรียกที่หลุดจากปากของเด็กหญิงตัวน้อยทำเอาคุณพ่อกำมะลอยิ้มหน้าบาน ปฏิบัติการทวงคืนความเป็นพ่อต้องมา ต่อให้นภัทรไม่ยอมรับ งั้นสิงหาก็ขอเข้าทางลูกสาวตัวจิ๋วก็แล้วกัน! รับผมเป็นพ่อของลูกเถอะนะครับ!
เพราะไปตีกับเกรียนคีย์บอร์ดที่บังอาจเอานิยายเธอมาวิจารณ์หยาบๆ คายๆ ว่างานเธอเชิดชูระบอบปิตาธิปไตย ตามมาด้วยการดูแคลนเหยียดหยามทางเพศสภาพอีกหลายอย่าง ทำเอา ‘อาคิรา’ นักเขียนนิยายประโลมโลกถึงกับเลือดเฟมินิสต์ในกายเดือดพล่าน กล้าดียังไงมากล่าวหาเธออย่างนี้ งานเธอถึงจะเป็นงานประโลมโลก แต่ใช่ว่าจะเชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่สักหน่อย! ต้องตามไปตบตีจนกว่าจะชนะ เถียงแพ้รอบนั้น แต่คนไม่แพ้ ตามหาแอคเคาทน์ของคนที่ใช้นามแฝงว่า ‘เวนไตย’ ไปจนเจอเข้ากับตอจังเบ้อเร่อ โดยหารู้ไม่ว่าเวนไตยคนนี้ หาใช่ไอ้เวรตะไลที่ประนามหยามเหยียดแต่อย่างใดไม่ ทว่าเป็นบรรณาธิการหนุ่มผู้คว่ำหวอดในวงการวรรณกรรมสร้างสรรค์สังคมต่างหาก “ฉันจะทำให้ดูว่างานเขียนฉันมันไม่ได้เชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่!” “งั้นก็ลองเขียนมาดู ผมอยากอ่านเหมือนกัน อยากรู้ว่านักเขียนอย่างคุณจะทำได้ดีสักกี่น้ำ” โดนท้าทายมาถึงกับปรี๊ด คอยดูเถอะ เธอจะเอารางวัลมาฟาดหน้าไอ้เวรตะไลนี่ให้ได้เลย!
“ฉันจะเป็นเมียของนายดินค่ะ” ไม่รู้ว่าส้มหล่นหรือโชคร้ายกันแน่ที่จู่ๆ คุณหนู ‘หยาดฟ้า’ ของตระกูลเศรษฐีเมืองกรุงก็มาถวายตัวยอมเป็นเมียของ ‘ไอ้ดิน’ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเสียอย่างนั้น ไอ้ดินค่อนข้างจะงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็จะไม่ให้งงได้อย่างไร เขาไม่รู้จักมัดจี่กับเจ้าหล่อนนี่ จู่ๆ ก็มาบอกว่าจะเป็นเมียเขา เป็นใครก็งงทั้งนั้นแหละ! ก่อนที่เขาจะได้รับรู้ว่าเหตุนี้เกิดขึ้นเพราะหยาดฟ้าถูกบิดาบังคับให้แต่งงาน เธอจึงหนีมาอยู่ที่บ้านพักตากอากาศในต่างจังหวัด และได้เจอกับกุลีหนุ่มที่นี่ ประจวบเหมาะกับที่บิดาของเธอโทรมาคาดคั้นให้เธอกลับไปแต่งงานพอดี เธอถึงได้ลั่นวาจานี้ออกมาให้บิดารู้ว่าเธอมีผู้ชายคนใหม่ที่ยินยอมพร้อมใจจะเป็น ‘เมีย’ ของเขาแล้ว หาใช่ผู้ชายที่บิดาจัดเตรียมมาให้ สำหรับไอ้ดิน นี่คงไม่ใช่ส้มหล่นหรอก เป็นคราวเคราะห์เสียมากกว่า เขาจึงรีบบอกปัดหัวขวิด “ไม่ล่ะครับคุณหนู ผมคงไม่อาจเอื้อมไปเด็ดดอกฟ้าหรอก ผมก็แค่กุลีใช้แรงงานไปวันๆ จะเอาเงินที่ไหนไปเลี้ยงให้คุณหนูอยู่ดีกินดีได้” “ไม่ต้องกินดีอยู่ดีก็ได้ แค่ให้ฉันอยู่ด้วยก็พอ” “ให้อยู่ด้วยก็ไม่ได้ครับ ก็คุณหนูน่ะเป็น...” “เป็นเมียนายดินไงล่ะ” เป็นที่ไหนกัน เขายังไม่ได้ซั่มเธอเลยสักกะยก! ไอ้ดินปวดขมับตุบๆ ขณะที่หยาดฟ้าเชื้อเชิญเขาเป็นการใหญ่ “แล้วนี่มัวรออะไรอยู่ รีบพาฉันเข้าบ้านสิ จะได้ทำอะไรอย่างที่ผัวเมียเขาทำกัน” เธอรู้หรือเปล่าว่าพูดถึงเรื่องอะไรอยู่น่ะ!? ไอ้ดินไม่แน่ใจนัก แต่แวบเดียวก็แน่ใจแล้ว เพราะจู่ๆ หญิงสาวก็ดึงคอเสื้อให้หน้าอกอิ่มล้นทะลักออกมา ไอ้ดินมองจ้องตาไม่กะพริบ ได้สติมาอีกครั้งก็ตอนที่สาวเจ้าเอ่ยปาก “มาสิพี่ดิน มาเอากัน ฟ้าพร้อมจะเป็นเมียพี่แล้ว” ดูพูดจาเข้า เรียกแทนตัวด้วยชื่อ แทนเขาว่าพี่ชวนให้เอ็นดูอีก! โอ๊ย! ไอ้ดินจะบ้าตาย! เห็นทีเขาคงหนีไม่พ้นการถูกยัดเยียดความเป็น ‘ผัว’ ด้วยฝีมือหยาดฟ้าแล้วล่ะ
เพราะอกหักจากคนที่แอบชอบมานาน ทำให้ ‘ภีม’ พาตัวเองไปในที่อโคจรเพื่อที่จะระบายความเศร้าเสียใจออกไปบ้าง หากทว่าในคืนนั้น เขากลับได้พบกับชายแปลกหน้าอย่าง ‘สุดเขต’ ที่บังเอิญเข้ามาพูดคุยด้วย ทั้งสองเกือบจะลงเอยกันด้วยความสัมพันธ์ข้ามคืน หรือที่เรียกกันว่า One night stand หากทว่าก็เกิดเรื่องวุ่นๆ เสียก่อน ก่อนที่ภีมจะพบว่าผู้ชายที่เขาได้เจอในคืนนั้น เป็นคนคนเดียวกับคนที่เขาแอบชอบตกหลุมรัก ให้ตาย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ขณะเดียวกัน ปฏิบัติการ ‘ลัก’ ความรักของภีมก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อสุดเขตไม่สามารถลืมความน่ารักของภีมลงได้เลย เขาต้องเอามาให้ได้ ทั้งตัวภีม และความรักของภีม จะเอามาให้ได้ทั้งหมดเลยคอยดู!
แม้ขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจ ทว่าปีศาจกวางอย่าง ‘ลู่ลู่’ กลับหาได้พิสมัยการระรานมนุษย์สักเท่าไรนัก สะอาดบริสุทธิ์เสียจนแทบจะลุแก่ตบะแล้ว ทว่า... ชีวิตของเขาก็หาได้สงบสุขอีกต่อไปเมื่อนักพรตปราบปีศาจอย่าง ‘เยี่ยนเฉิน’ หนีตายจากการถูกล่าเพราะดันไปต้มตุ๋นชาวบ้านวิ่งทะเล่อทะล่ามาสลบอยู่หน้าถ้ำ ถึงจะเป็นปีศาจแต่ก็หาได้ไร้น้ำใจนัก มอบไมตรีช่วยเหลืออย่างไม่เกี่ยงงอน หากแต่เยี่ยนเฉินกลับตอบแทนบุญคุณด้วยการทำให้ชีวิตของลู่ลู่แปดเปื้อนด้วยมลทิน บีบบังคับให้ปีศาจกวางน้อยรวมหัวในแผนต้มตุ๋นชาวบ้านเพื่อเอาคืน! นักพรตจอมกะล่อนผงาด ใช้ชีวิตอย่างสำราญ ขณะที่ปีศาจน้อยถูกจิกหัวใช้ให้ไประรานชาวบ้านไม่เว้นวัน อะไรไม่ว่า เยี่ยนฉินยังขยันลูบหางเล็กๆ ของเขาเสียเหลือเกิน ไม่รู้หรือไงว่าตรงนั้นน่ะ...มะ...มัน... ...ทำให้ตัวร้อนผะผ่าวนะ! ต้องมีสักวันที่พลั้งเผลอไปมากกว่านี้แน่ สวรรค์! ลู่ลู่ผู้นี้จะหลั่งน้ำตาเป็นสายโลหิตแล้ว!
หากผู้ใดเชื่อว่าทะเลทรายผืนนี้โหดร้าย ผู้นั้นย่อมเชื่อในสิ่งที่ผิด เพราะสิ่งที่โหดร้ายกว่าผืนทะเลทรายแห้งแล้ง คือกองกำลังโจรทะเลทรายของ 'อัลมิราน' ผู้นี้ต่างหาก โหดร้าย...ชั่วช้า...เลวสามานย์ ดูเหมือนจะเป็นคำสร้อยที่พ่วงท้ายชื่อของโจรหนุ่มนามเลื่องลือไปเสียแล้ว แต่เขาจะสนใจสิ่งใดกัน ในเมื่อเขาถูกตราหน้าว่าชั่ว เขาก็จะเป็นคนชั่วให้สมดั่งที่ถูกบีบคั้น เพียงเพื่อให้ได้อัญมณีแห่งสุลต่านมาครอบครอง เขาก็ไม่เกรงกลัวสิ่งใดแล้ว หากแต่หารู้ไม่ว่าสวรรค์จะนำพาให้เขาพบกับอัญมณีมีชีวิตแห่งทะเลทราย...'จามิล' นักระบำร่อนเร่ผู้มีเสน่ห์เย้ายวน เพียงได้ชมระบำทะเลทรายของจามิลแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หัวใจของอัลมิรานก็ถูกครอบครองไปสิ้น โดยหารู้ไม่ว่าตนกำลังก้าวเข้าสู่หุบเหวอเวจีแสนหวานที่จะฉุดคร่าชีวิตเขาไปเสียแล้ว...
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"