................ วินาทีที่ได้เห็นรอยยิ้มของลูกสาว หัวใจเขาเต้นแรงมาก ความรู้สึกหม่นเศร้า เคว้งคว้างท่ามกลางความหนาวเหน็บถูกปัดออกมาจากจิตใจจนสิ้นเมื่อได้พบหน้ากัญญาพัชรด้วยตาตัวเอง หนูน้อยวัยสี่ขวบเดินมาหาชายร่างสูงใหญ่ด้วยความรู้สึกที่บอกในใจว่า ต้องเดินไปหา “สวัสดีค่ะ มาหาใครคะ” เสียงหวานใสเหลือเกิน... สิงหนาทพูดอยู่ในใจเมื่อได้ยินเสียงแรกของลูกสาว เขาก้มมองดูเด็กหญิงหน้าตาราวกับตุ๊กตา ผิวขาวอมชมพู รูปร่างอวบน่าฟัดน่ากอด สวมใส่ชุดคอจีนสีขาวฟ้า ใบหน้าหนูน้อยชวนมองยิ่งนัก ตาโต แก้มป่อง ริมฝีปากแดงอมชมพู เขาย่อตัวลงให้ความสูงอยู่ระดับเดียวกับกัญญาพัชร “ขอกอดหน่อยได้ไหมครับ” สิงหนาทพูดกับลูกเสียงหวานมาก กัญญาภรณ์กับชุติมาสั่งสอนเสมอว่า อย่าเข้าใกล้คนแปลกหน้า ใครที่น้องขนมไม่รู้จักชวนไปไหนอย่าไป ให้กินอะไรก็อย่ากิน ซึ่งหนูน้อยเชื่อฟังมาตลอด ทว่าครั้งนี้กัญญาพัขรกลับละเมิดคำสั่งสอนมารดา “ได้ค่ะ” กัญญาพัชรกางมือออกไปทางด้านข้าง ยิ้มเต็มใบหน้า ราวกับว่าต้องการอ้อมกอดจากเขาเช่นกัน สิงหนาทไม่รอช้ารั้งร่างอวบของลูกสาวไว้ในอ้อมแขน กระชับแน่นประหนึ่งกลัวว่าร่างนี้จะสลายแล้วรู้ตัวว่า เขาอยู่ในความฝัน ไม่ใช่ฝัน...มันคือเรื่องจริง เนื้อนุ่มนิ่มที่เขากอด หัวใจของหนูน้อยที่แนบกับอก สิงหนาทรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจ ความอุ่นจากเรือนกายตอกย้ำว่า เขาได้พบลูกแล้ว น้ำตาเขาปริ่มขอบตาก่อนปล่อยมันลงมาเคลียแก้มอย่างไม่คิดจะกลั้น เป็นน้ำตาแห่งความดีใจ เป็นความดีใจที่รอคอยมานานสี่ปี คนเป็นพ่อค่อยๆ ดันร่างลูกสาว ลูบหัวหนูน้อยเบามือ “คุณลุนร้อนไห้ทำไมคะ โอ๋ๆ ไม่ร้อนนะคะ” สิงหนาทยิ้มกับคำพูดของลูกสาว แล้วยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อกัญญาพัชรกอดปลอด “ไม่ต้องร้อนนะคะ โอ๋ๆ” “ลุงไม่ร้องแล้วครับ ลุงไม่ร้องแล้ว ขอบใจน้องขนมนะครับที่ปลอบลุง” สิงหนาทปาดน้ำตาทิ้ง ยิ้มให้บุตรสาวสุดน่ารัก “แม่อยู่ไหมครับ แม่แพรน่ะครับ” “แม่ไม่อยู่ค่ะ” “แม่ไปไหนครับ” “แม่ไปหาผัวใหม่” เด็กวัยสี่ขวบตอบเสียงใส ยิ้มแป้น แต่คนได้รับคำตอบกลับยิ้มไม่ออก “ไปไหนนะครับ” สิงหนาทถามซ้ำ “แม่ไปหาผัวใหม่ น้ายูบอกว่าผัวเก่าแม่เฮงซวยค่ะ” น้องขนมตอบตามที่ชุติมาบอก ไม่รู้ความหมายในคำพูดที่เอ่ยออกไป โดยไม่รู้ว่า คำตอบของตนนั้นกำลังทำให้เสือร้ายโมโห “หนอย...ห่างผัวไม่กี่ปี ริอยากมีผัวใหม่ ฝันไปเถอะ” โรมานซ์
“พี่แพรแน่ใจนะว่าจะทำแบบนี้” ชุติมาถามลูกพี่ลูกน้องเพื่อความแน่ใจ
“แน่ใจสิ แกรีบถ่ายรูปน้องขนมเถอะ” คุณแม่มือใหม่ที่เพิ่งคลอดลูกได้สามวันบอกชุติมาที่หยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนถ่ายรูปหลานสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม แก้มยุ้ยที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงข้างร่างมารดา “ถ่ายเยอะๆ เลยนะ”
ชุติมาทำตามที่กัญญาภรณ์สั่ง เธอถ่ายน้องขนมหรือเด็กหญิงกัญญาพัชรหลายมุมร่วมยี่สิบกว่าภาพ เมื่อถ่ายเสร็จก็ส่งให้คุณแม่ยังสาวดู
“พอใจไหมพี่แพร”
“ดีมาก เราขึ้นรถก่อนค่อยส่งไปให้เขาดู”
เขา...ที่ว่านี้คือ สิงหนาท สามีของกัญญาภรณ์และเป็นพ่อของน้องขนม “ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวไม่ทันรถ”
กัญญาภรณ์อุ้มลูกสาวไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม ก่อนก้าวลงจากเตียง สองพี่น้องพากันเดินไปยังลิฟต์โดยสาร และเมื่อมาถึงชั้นล่างของโรงพยาบาล ทั้งสองเดินไปยังลานจอดรถ หลังจากเข้านั่งประจำที่ กัญญาภรณ์รีบส่งรูปภาพของน้องขนมไปยังไลน์ของสิงหนาท พร้อมกับส่งข้อความตามไป
“เอารูปลูกไว้ดูต่างหน้านะ ขอบคุณที่เป็นพ่อพันธ์ให้ฉัน ลูกของเราน่ารักมาก ฉันจะเลี้ยงน้องขนมให้ดีที่สุด ลาก่อน...ผัวเฮงซวย”
กัญญาภรณ์มองภาพถ่ายและข้อความที่ถูกส่งไป เธอไม่รอให้สิงหานาทอ่าน จัดการบล็อกเขาทันที แต่ก็สามารถมองเห็นได้ว่า เขาได้อ่านข้อความหรือไม่ แล้วมั่นใจว่า สิงหนาทจะต้องคลั่งถึงขีดสุด
แค่คิด...ความสะใจก็บังเกิด
ขณะที่รถกำลังแล่นไปตามถนน คุณแม่มือใหม่มองออกไปนอกหน้าต่างรถ นึกถึงเรื่องราวในอดีตที่มีทั้งสุขและทุกข์ นึกถึงวันแรกที่อยู่กับสิงหนาท วันนั้นเป็นวันที่เธอไม่มีทางลืมได้ลง เช่นเดียวกับวันนี้ วันที่ตัดสินใจจากเขามา เพราะไม่เช่นนั้นเขาจะพรากลูกเธอไป ซึ่งเป็นเรื่องที่กัญญาภรณ์ยอมไม่ได้ เธอจึงต้องชิงลูกมาจากเขาเสียก่อน ไม่ว่าต่อไปภายภาคหน้าจะลำบากมากแค่ไหน เธอก็จะเลี้ยงกัญญาพัชรให้ดีที่สุด เท่าที่สองมือแม่นี้จะทำเพื่อลูกได้
เด็กนักเรียนชั้นอนุบาลกำลังทำกิจกรรมอยู่ในสนาม วันนี้คุณครูพาเด็กๆ มาออกกำลังกายและเรียนรู้เรื่องการปลูกต้นไม้ แต่ด้วยความเป็นเด็กจึงวิ่งเล่นกันเสียส่วนใหญ่
“โอ๊ย!” เสียงร้องเจ็บดังจากปากเด็กหญิงรสสุคนธ์หรือน้องหวาน ที่ถูกเด็กชายอัศวินหรือโด่งแกล้งด้วยการดึงหางเปียแรงๆ จนอีกฝ่ายหน้าหงาย และไม่เพียงแค่ร้องเจ็บ น้องหวานยังร้องไห้อีกด้วย
“โด่ง เธอแกล้งหวานทำไม” คนถามเดินมาหาเพื่อนที่ถูกแกล้ง และถามหัวโจก นำตัวมาขวางร่างน้องหวาน ปกป้องเพื่อนเต็มที่ แม้ว่าเด็กชายยศวินจะตัวใหญ่กว่า ทว่ากัญญาพัชรก็ไม่กลัว
“ก็อยากแกล้ง” โด่งตอบกวน
“เธอเป็นผู้ชายนะ รังแกผู้หญิงไม่ดี แม่บอกว่าผู้ชายที่รังแกผู้หญิงเป็นผู้ชายไม่ดี” เด็กหญิงกัญญาพัชรหรือน้องขนมต่อว่าเพื่อน
“แล้วมายุ่งอะไรด้วย เราไม่ได้แกล้งเธอซะหน่อย”
“เราช่วยหวาน หวานเป็นเพื่อนเรา เธอห้ามแกล้งหวานอีกนะ ถ้าแกล้งอีกเจอดีแน่”
หนูน้อยน้องขนมบอกอัศวินที่ลอยหน้าลอยตาไม่เชื่อฟัง
“เราจะแกล้ง แกล้งเธอด้วย”
พูดจบก็ผลักหัวไหล่กัญญาพัชร แต่หารู้ไม่ว่า คนที่อัศวินกำลังแกล้งไม่เหมือนรสสุคนธ์ที่ยอมให้แกล้งง่ายๆ กัญญาพัชรผลักอัศวินและใช้กำปั้นน้อยๆ ชกไปที่หน้า แม้ว่าน้ำหนักในการชกจะไม่แรงมาก แต่ก็ทำให้อัศวินร้องไห้จ้า วิ่งไปฟ้องครู
“น้องขนมแกล้งโด่งทำไมครับ” นิรมลเดินมาพร้อมกับอัศวินที่ตอนนี้สะอื้นไห้
“โด่งมาแกล้งน้อนขนมก่อนค่ะ แล้วก็แกล้งหวานด้วย หวานก็ร้องไห้” กัญญาพัชรบอกคุณครู
“ใช่ค่ะคุณครู โด่งแกล้งหนูค่ะ แล้วก็แกล้งขนมด้วยค่ะ” น้องหวานพูดเสริม
“โด่งทำอย่างนั้นหรือเปล่าครับ” ครูถามโด่งที่พยักหน้า “เป็นเพื่อนกันอย่าแกล้งกันนะครับ ต้องรักกัน ช่วยเหลือกัน โด่งทำผิดโด่งต้องขอโทษขนมกับหวานนะครับ”
“เราขอโทษ” น้องโด่งเอ่ยเสียงเบา กัญญาพัชรยิ้มเอื้อมมือมาจับมือโด่ง
“เราไปเล่นกันเถอะ” ความเป็นเด็กยังไม่รู้เรื่องรู้ราว เมื่อกี้ยังทะเลาะกัน ตอนนี้พากันไปวิ่งเล่นในสนามรวมกับเพื่อนๆ นิรมลยิ้มเมื่อเห็นความไร้เดียงสาของนักเรียนที่ตนดูแล โดยเฉพาะกัญญาพัชรที่มีความแสบและความน่ารักไปในตัว เป็นเด็กหญิงที่ไม่ให้ใครมารังแก และไม่เคยไปรังแกใครก่อน แถมยังชกและเตะเก่งด้วย เธอเคยถามว่าใครสอน คำตอบที่ได้คือ มารดา
ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น...
มือถือยี่ห้อดังถูกวางอยู่ตรงขาตั้งมือถือที่ปรับระดับได้สี่ระดับความสูงถึงสองเมตร เจ้าของมือถือกดตั้งระบบถ่ายวิดีโอไว้ ก่อนรีบวิ่งมายืนประจำที่เตรียมตัวถ่ายวิดีโอพร้อมกับกัญญาภรณ์และกัญญาพัชรหลานสาว
“พร้อมนะ...ไป” กัญญาภรณ์บอกชุติมาและกัญญาพัชรลูกสาว จากนั้นเสียงเพลงก็ดังขึ้น ทั้งสามกำลังร้องเพลงโคฟเวอร์เพลงยอดฮิตที่ดาราและคนดังต่างพากันทำคลิปลงยูทูป นั่นคือเพลงซุปเปอร์วาเลนไทน์ ศิลปินสามสาววง ซุปเปอร์วาเลนไทน์
สองสาวหนึ่งเด็กหญิงร้องและเต้นท่าเต้นตามที่ซักซ้อมไว้ จนมาถึงท่อนสำคัญของเพลง ทั้งสามก็ผลัดกันร้องทีละคน เริ่มจากเด็กหญิงกัญญา-พัชรวัยสี่ขวบ สวมชุดเดรสยีนลายการ์ตูน ผมหยักศกยาวเลยบ่ามาเล็กน้อยถูกเกล้าสูงมีที่คาดผมมงกุฎสวมไว้กลางศีรษะ ปล่อยผมหน้าม้าไว้เช่นเคย กัญญาภรณ์ยืนอยู่ข้างซ้าย ส่วนชุติมายืนอยู่ข้างขวา
“เจนค่ะเจนค่ะ หนูชื่อเจนมากับนุ่นและก็มากับโบว์”
เด็กหญิงตัวน้อยเต้นไปตามท่วงท่าที่ชุติมาสอน ตามองมือถือและยิ้มอย่างมีความสุขก่อนส่ายสะบัดไปตามจังหวะ มืออูมๆ ทำท่าทางถูอยู่ตรงบริเวณแก้มทั้งสองข้างอย่างน่ารัก
เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าสวย สรีระหน้าฟัดของ พลอยพัตรา ทำให้ เฟอเดอริค มอโร อยากจะคว้าตัวเธอมาเป็นดอกไม้บนเตียงของเขาทันที คนเจ้าเล่ห์และเจ้าบุญทุ่มอย่างเขาจึงทำทุกอย่างที่จะได้ดอกไม้ดอกนี้มาเชยชม
"ฮือๆ .. ทำไมทำอย่างนี้กับรุ้ง ทำไมต้องเป็นเดียร์ ทำไม?" ความรู้สึกเสียงใจของหทัยชนกจะน้อยกว่านี้ หากคนที่เป็นภรรยาน้อยของสามีไม่ใช่เกวลิน...เพื่อนรักของเธอ
"คนอย่างเธอความเจ็บปวดแค่นี้มันยังน้อยเกินไป เธอต้องเจ็บเหมือนกับที่มินามิเจ็บ และต้องเจ็บยิ่งกว่าหลายร้อยเท่า ฉันจะทำให้เธอตายอย่างช้าๆ แต่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส เธอจะไม่ได้ยินหรือสัมผัสกับความอ่อนโยนเมตตาจากฉัน สิ่งที่ฉันจะมอบให้เธอมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น จำใส่กะโหลกไว้" เรียวเหวี่ยงร่างงามไปที่เตียงนอนอย่างแรง มือหนาจับที่ข้อเท้าของเธอไว้แน่นเมื่อรู้ว่าเธอกำลังกระเถิบตัวหนี "หนีสิ หนีเลย ถ้าเธอหนี คนที่ตายเป็นคนแรกคือแม่ของเธอ ฉันจะให้แม่เธอตายเหมือนหมูเหมือนหมาข้างถนน เหมือนกับที่เธอฆ่าแม่ของฉัน" ดวงตาเขาเปล่งแสงแรงกล้าของความอาฆาต เมื่อนึกถึงข้อนี้อยากจะฆ่าหญิงสาวตรงหน้าให้ตายตามมารดาและคนที่เขารัก แต่ความตายอาจจะไม่ทำให้เขาสะใจ นอกจากกระกระทำต่อไปนี้ที่สะใจเขามากที่สุด ทรรศิกาหยุดดิ้นรนขัดขืน เขาจึงปล่อยข้อเท้าของเธอให้เป็นอิสระ จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าเธอ ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อนึกถึงมารดา ทำให้เธอก้มหน้ารับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น เรื่องที่คุณน่าจะสน
ความอิจฉาน้องสาวต่างมารดาคือจุดเริ่มต้นของแผนการ “ชิงไอศูรย์” มาเป็นของตน เธอจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมง่ายๆ คือวางยานอนหลับเขา พอตื่นขึ้นมาก็จะติ๋งต่างว่า เขากับเธอมีอะไรกัน ทว่าแผนเกิดผิดพลาด ยาที่ผสมในไวน์กลับเป็นยาปลุกเซ็กซ์ ผลที่ออกมาคือ ไอศูรย์มีความสัมพันธ์ทางกายกับเธอจริงๆ ในที่สุด ชเนตตีได้แต่งงานกับเขาตามตั้งใจ ทว่าผลที่ออกมา ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้ “เนยใส่อะไรในแก้วไวน์ของพี่ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่มีวันอยู่ในสภาพแบบนี้” เขาถามอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ เสียงที่ถามเข้มห้วน ใบหน้ายังคงเรียบตึง สายตาถมึงทึงใส่ร่างอวบที่ย่นคอหนีน้ำเสียงแผดกร้าว “ตอบพี่มา” “ใส่อะไร เนยไม่รู้เรื่อง…ฮือ…พี่เจย์ทำผิดแล้วอย่ามาโทษว่าเนยวางยาพี่นะ…ฮือ” เธอยังคงปากแข็งต่อไป หลบสายตาแข็งกร้าวพัลวัน
“ว้าย!!..” เธอร้องได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ปากของหยาดน้ำค้างจะถูกมือใหญ่ของใครบางคนปิดเอาไว้ ลำแขนอีกข้างรัดร่างน้อยไว้แน่น ก่อนจะลากไปที่พุ่มไม้รกข้างทาง “อย่าดิ้น อย่าร้อง ไม่งั้นจะจับปล้ำมันตรงนี้แหละ” เสียงที่พูดชิดเรียวหูสะอาด ทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร..เหมันต์ วิเศษเดโช เขาดันร่างเล็กให้แผ่นหลังแนบชิดกับต้นไม้ใหญ่ขนาดสี่คนโอบ ใช้ลำแขนกักร่างบางเอาไว้ “ปล่อยนะ” หญิงสาวพูดเสียงเบาทว่าหนักแน่น เธอไม่กล้าพูดเสียงดังมาก เพราะกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะได้ยิน “ไปกล่อมพ่อหรือกล่อมลูกมาล่ะ ถึงได้อ้อยอิ่งเป็นชั่วโมงแบบนี้” น้ำเสียงของเหมันต์เขียวเหมือนกับใบหน้าที่เขียวคล้ำด้วยความโกรธ “มันเรื่องของฉัน..คุณไม่เกี่ยว..เราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว คุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้วนี่ จะมาเอาอะไรกับฉันอีก ปล่อยนะ ฉันจะกลับที่พัก” หยาดน้ำค้างพยายามดิ้นรนหนีพันธนาการที่รัดร่างอยู่ แต่ทว่าลำแขนของเขานั้นหาได้คลายออกไม่ ยิ่งรัดแน่นมากกว่าเก่า เมื่อได้ยินวลีของเธอ “ทำไมผมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อน้ำค้างเป็นเมียของผม..เป็นเมีย หรือว่าจำไม่ได้ว่าเราสองคนมีความสุขกันมากแค่ไหน” เขาเท้าความหนหลังให้เธอได้ฟัง ฝ่ายหญิงนิ่งเงียบกับคำพูดของเขา เธอไม่เถียงว่ามีความสุขมากแค่ไหนเวลาได้อยู่ใกล้ชิดกับเรือนกายที่แสนแข็งแรงและอบอุ่น หากแต่ความทุกข์และความเสียใจที่เธอได้รับนั้นมันก็มากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือว่าความทุกข์ เธอก็ไม่มีวันลืมเช่นกัน และไม่มีทางจะกลับไปจมกับความทุกข์อีกแล้ว “ฉันไม่ใช่เมียคุณ..ถ้าคุณคิดว่าการที่เรามีอะไรกันแล้วฉันจะเป็นเมียคุณ พี่ว่านก็ต้องเป็นสามีของฉันเหมือนกัน” หยาดน้ำค้างคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด วิธีที่เขาไม่มีทางมายุ่งเกี่ยวกับเธออีก อ้อมแขนที่รัดร่างนิ่มคลายออกโดยอัตโนมัติ หัวใจของคนที่ฟังเต้นเร็ว ดวงตาคมเข้มสีดำเรืองแสงในความมืดที่โรยตัวไปทั่วบริเวณ บ่งบอกอะไรหลายอย่างในแววตา เสียใจ ไม่คาดฝัน ไม่แน่ใจ
จะกี่หมัดก็ไม่หวั่น กี่ยกก็ไม่กลัว เธอจะ Knock Out ด้วยหัวใจติดปลายนวม ภัทรียายินดีสานต่อค่ายมวยและรับผิดชอบหนี้สินรุงรังต่อจากพ่อซึ่งเสียชีวิต แต่ ณ วันนี้หนี้สินสามปีที่ผัดผ่อนมาตลอดทำให้เธอมืดแปดด้าน ไม่ว่าความหวังแสนริบหรี่แค่ไหน เธอก็คว้าไว้อย่างไม่รอช้า ไม่เว้นแม้แต่การเป็นภรรยาหลอกๆ ต่อให้ต้องโดนแม่สามีดูถูกทุกขณะ น้องสาวสามีจ้องเหยียดชาติกำเนิดทุกครั้งที่เจอหน้า ภัทรียาก็ไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย เพราะเธอคือ... ‘มะปราง ลูกจ่าดาบ ศิษย์จอมทอง’ นักมวยสาวหุ่นกระชากใจหนุ่มๆ หากไม่เพราะกำลังจะถูกแม่จับคลุมถุงชน ธัชธรรมจึงต้องเลือกใช้วิธีสิ้นคิด จ้างนักมวยสาวหมัดหนักที่กำลังร้อนเงินมาเป็นภรรยากำมะลอ จดทะเบียนจริง อยู่ด้วยกันจริง...และทำท่าว่าจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน รออีกอย่างเดียวเท่านั้น... รอให้สะใภ้กำมะลอยอมเป็นภรรยาตัวจริงของเศรษฐีหนุ่มหล่อ
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"