‘วงศวัฒน์’ เกลียดนักผู้หญิงแบบ ‘กรวินท์’ ทำตัวไม่ต่างจาก ‘บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป’ แค่เปลื้องผ้าก็พร้อมกินทันที #คุณชายเนี้ยบ #ยายบะหมี่ #เฮียหมี่ #พี่ทิม #นิยายรักเคล้ากลิ่นขี้วัวและแป้งเน่า ^v^ ‘เคราะห์ร้าย’ ที่มาพร้อม ‘ดวงเนื้อคู่โดดเด่น’ ถุงคลุมใบโตจึงตกใส่กะทันหัน เพราะหล่อนเป็นดวงหงส์คู่มังกร ดวงคู่หนังคู่กระดูก ดวงคู่แท้ ทั้งหมดคงจะดีถ้าหล่อนไม่เป็นลูกสาวฟาร์มโคนม ส่วนเขานั้นเกลียดกลิ่นขี้วัวเข้าไส้!!! เขาจะไม่่มีวันเอาความสกปรกของขี้วัวมาแปดเปื้อนความสะอาดของโรงเส้นก๋วยเตี๋ยวเด็ดขาด!
เวลาค่อนข้างดึก ณ ร้านอาหารกึ่งผับย่านใจกลางเมือง สถานที่สังสรรค์ของเหล่านักธุรกิจและคนหนุ่มสาวที่ต้องการพบปะพูดคุยในบรรยากาศสบายๆ เสมือนนั่งคุยกันอยู่ที่บ้าน มีอาหารเครื่องดื่มบริการ มีบทเพลงเบาๆ ให้นั่งเพลินฟังสบาย แต่บุคคลที่ก้าวเข้ามาใหม่กลับตกเป็นเป้าสายตา โดยเฉพาะสาวๆ ทั่วทั้งร้านแทบจะมองเขาเป็นจุดเดียว
ด้วยเจ้าของร่างสูงมีใบหน้าหล่อจัดแต่เรียบเฉยนั้นเป็นหนึ่งในหนุ่มโสดที่สาวๆ ทั้งอำเภอหมายปอง แต่เขาไม่เคยสนใจใครมากถึงขนาดที่จะสานต่อในวันรุ่งขึ้น
กิตติศัพท์ ‘One Night Stand’ รู้กันในหมู่นักเที่ยว แค่คืนเดียวที่เทพบุตรจะโฉบเหยื่อ จากนั้นจบกัน แม้สาวๆ จะไม่อยากจบก็ตาม แต่วันรุ่งขึ้นเมื่อเจ้าหล่อนกลายเป็นคนแปลกหน้าที่เขาไม่เคยจดจำชื่อของพวกหล่อนได้ คนหน้าม้านก็จำต้องยอมเพราะนั่นคือเงื่อนไขตั้งแต่ก่อนขึ้นเตียง
ทว่านั้นก็เป็นเพียงเรื่องเล่าลือและอวดอ้างกันในกลุ่มสาวๆ ว่าเขาแซ่บมาก แต่หากจะให้ยืนยันว่าใครเคยได้กินเขาบ้างก็ไม่มีใครกล้า นั่นเพราะสังคมในอำเภอไม่ได้กว้าง ใครลูกใครหลานใครย่อมรู้จักกันหมด หากจะป่าวประกาศว่าถูกเขากินไปแล้ว โอกาสที่จะสานสัมพันธ์กับชายคนอื่นย่อมทำได้ยาก เพราะรสนิยมกินข้ามคืนใครเล่าอยากเปิดเผย นั่นจึงทำให้เขายังฮอตในกลุ่มสาวๆ ไม่เลิก
เรือนร่างสูงใหญ่ในเครื่องแต่งกายเนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้าทั้งที่เป็นเวลาค่ำมากแล้ว ทว่าเสื้อเชิ้ตสีเทาเนื้อดีก็ยังเก็บชายไว้ในกางเกงสแล็คยี่ห้อดังแพทเทิร์นหรูอย่างเรียบร้อย เขาก้าวมาหยุดอยู่ด้านในของตัวร้าน ดวงตาคมดุจเหยี่ยวมองหาคนที่นัดก่อนจะหันตามเสียงเรียกของคนที่เข้ามาทัก
‘วงศวัฒน์’ พยักหน้าว่าเข้าใจกับสิ่งที่พนักงานของร้านพูด ก่อนจะพารูปโฉมดุจพระเอกฮ่องกงเดินตามไปยังทิศทางที่พนักงานเดินนำ ไม่มีสักนิดที่จะปรายมองสาวๆ ที่จ้องเขาตาเป็นมัน เพราะค่ำคืนนี้เขามีเรื่องต้องคิดและก็หนักหนาพอดู
แกร๊ก...
แค่ถึงโต๊ะ เจ้าของร่างสูงที่ทรุดลงนั่งก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางล้วงเอาพวงกุญแจรถยนต์ที่มีอู่ตี้เฉียนห้อยอยู่วางลงบนโต๊ะอย่างคนพยายามเก็บกลั้นอารมณ์ที่ใกล้จะระเบิดเต็มที่ ดวงตาคมมีแววขุ่นขึ้นเล็กน้อยตวัดมองเพื่อนๆ ที่มารออยู่ก่อนแล้ว และยังไม่ทันที่เพื่อนจะเอ่ยทักทาย วงศวัฒน์ก็คว้าแก้วเครื่องดื่มที่เพื่อนผสมไว้สาดใส่ลำคอทันที
“เฮ้ย! ไอ้หมี่เบาๆ หน่อย ร้านเขายังไม่ได้ปิดวันนี้หรอกว่ะ มีเหล้าให้มึงกินอีกหลายวัน เฮ้ย! ไอ้นี่ กูพูดแล้วยังไม่หยุดอีก”
‘คิงส์’ สบถห้ามเพื่อนด้วยน้ำเสียงไม่จริงจัง ออกจะแปลกใจด้วยซ้ำ เพราะวงศวัฒน์ไม่เคยมีอารมณ์กรุ่นแบบนี้มาก่อน เขาหันมองเพื่อนอีกสองคนที่มองวงศวัฒน์ด้วยอารมณ์เดียวกัน ก่อนจะสบสายตาพร้อมส่ายหน้า เป็นอันไม่รู้พอกันว่า ‘คุณชายเนี้ยบ’ อารมณ์ขึ้นเพราะเหตุใด เพราะปกติแล้วนั้นคุณชายเนี้ยบก็เนี้ยบสมฉายา
ตั้งแต่เครื่องแต่งกายจนถึงบุคลิก วงศวัฒน์แทบไม่เคยหลุดแอ็คฯ สักครั้ง หากไม่ใช่ตอนล่าเหยื่อเพราะเวลานั้นวงศวัฒน์ก็เสือดีๆ นี่แหละ แค่ปรายตามอง สาวๆ ก็พุ่งความสนใจไปที่พระเอกหน้าหยกกันหมด เพราะหล่อ รวย สะอาด ดูดีตั้งแต่หัวจดปลายเท้า หากวงศวัฒน์สนใจใครเป็นพิเศษก็ไม่เคยพลาด แต่วันนี้คุณชายเนี้ยบกลับหลุดแอ็คติ้ง
“เออว่ะ ไอ้หมี่... นี่ใจคอมึงจะเรียกพวกกูมานั่งดูมึงกินเหล้าเหรอ”
‘ไชโย’ ถามแต่วงศวัฒน์ก็ไม่ตอบ ดวงตาคมยังคงกรุ่นไปด้วยความโกรธ ไชโยจึงพยักหน้าให้ ‘นัท’ ถามบ้าง ในฐานะที่นัทเป็นเพื่อนกับวงศวัฒน์มายาวนานสุด น่าจะเข้าใจอารมณ์คุณชายเนี้ยบได้ดีกว่าเขาและคิงส์
“ไอ้หมี่ มึงเป็นอะไรของมึงวะ มึงเรียกพวกกูมา แล้วมึงไม่พูด เอาแต่แดกเหล้า พวกกูแก้ปัญหาอะไรให้มึงไม่ได้นะโว้ย! เดี๋ยวกูก็ต้องกลับแล้ว มีลงของตอนตีสอง”
นัทถามมองวงศวัฒน์หรือที่เพื่อนๆ เรียกว่า ‘ไอ้หมี่’ นิ่ง เขากล้าพูดคำแรงๆ ใส่วงศวัฒน์เพราะตั้งแต่จำความได้ก็เป็นเพื่อนกันแล้ว เพราะว่าครอบครัวของเขาทำร้านขายของส่งรายใหญ่สุดของอำเภอ ส่วนครอบครัวของวงศวัฒน์เป็นโรงงานทำเส้นหมี่ก่อนจะขยายเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวแทบทุกชนิด เมื่อพ่อแม่ทำธุรกิจที่เอื้อกัน แถมบ้านยังอยู่ติดกันด้วย ลูกๆ ก็เลยได้วิ่งเล่นกันตั้งแต่เด็ก
พอเข้าเรียนอนุบาล พวกเขาถึงได้รู้จักคิงส์ซึ่งเป็นลูกชายเจ้าของเต็นท์รถมือสอง และไชโยลูกชายเจ้าของตลาดสด จากนั้นตั้งแต่เด็กจนโตพวกเขาก็สนิทกันเรื่อยมา เรียน กิน เที่ยว และซนบ้างบางคราว
แต่ที่ซนน้อยกว่าใครเพื่อนก็ไอ้คุณชายเนี้ยบนี่แหละ
“สรุปว่ามึงจะบอกไหม ถ้าไม่บอก พวกกูก็จะได้แดกเหล้าต่อ อีกเดี๋ยวค่อยแยกย้าย มาแดกเหล้าแล้วนั่งหน้าเป็นตูด พวกกูไม่มีอารมณ์ง้อมึงนะโว้ย”
วงศวัฒน์วางแก้วเหล้า ปรายตามองเพื่อนรักทั้งสามคนก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกหลายเฮือกใหญ่ จากนั้นก็ทิ้งตัวนั่งจมลงในโซฟา นั่นทำให้เพื่อนๆ มองหน้ากันเลิ่กลั่กเพราะนี่ไม่ใช่กิริยาที่คุณชายเนี้ยบเคยทำสักครั้ง
“ไอ้หมี่... มึงเป็นอะไร หนักหนาแค่ไหน มึงบอกพวกกูสิวะ” นัทถามและเพื่อนอีกสองคนก็ตื่นตัวเต็มที่
“พวกมึง...” วงศวัฒน์พูดไม่ออก แต่เมื่อเห็นสีหน้าเพื่อนๆ ที่ตั้งใจฟังกันมากนั่นก็ทำให้เขายิ้มออก แม้จะจางมากก็ตามที เพราะเพื่อนเป็นที่พึ่งให้เขาได้เสมอ และเขาก็คาดหวังว่าเพื่อนๆ จะมีทางออกให้เขาแน่
“คลุมถุงชน!”
“เออ... กูถึงได้กลุ้มอยู่นี่ไง”
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."