เพราะความนึกสนุกของเขาเหล่านั้น ที่มันทำให้ชีวิตและอนาคตของฉันต้องพังทลายลง เรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้น มันเริ่มต้นเพียงเพราะพวกเขาอยากจะเล่นตลกกับชีวิตของฉัน... "สนุกมากมั้ยกับสิ่งที่พวกนายกำลังทำอยู่" ฉันพูดออกมาด้วยน้ำตาที่เอ่อคลอ แต่กลุ่มคนตรงหน้ากลับยกยิ้ม และหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ "อืม ก็สนุกดีนะ" ร่างสูงตรงหน้าพูดออกมาอย่างไม่คิดจะไตร่ตรอง "ความลับไม่น่าแตกเลยเนอะ ไม่งั้นคงจะได้ต่ออีกสักรอบสองรอบ" เขาพูดออกมาโดยไม่สะทกสะท้านอะไร เขาเหมือนคนที่ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีด้วยซ้ำ "เลว!!" ฉันตะคอกออกมาดังลั่น พร้อมกับสะบัดฝ่ามือฟาดลงไปที่แก้มของเขา จนใบหน้าของเขาหันไปตามแรงตบ "ทำแบบนี้ อยากจะได้ผัวเพิ่มหรือไง!"
บทเรียนราคาแพง โลกใบนี้มันจะสอนให้กับเราเอง...
ฉันชื่อโฟกัส ฉันเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่ช่วงวัยกำลังก้าวเข้าสู่รั้วมหาลัย ที่ใครต่อใครก็บอกว่ามันเป็นช่วงชีวิตที่พลิกผันที่สุด
ฉันไม่รู้ว่าต่อไปนี้ฉันจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ฉันรู้เพียงแต่ว่าฉันต้องพยายามสู้กับมันด้วยตัวของฉันเอง
เพราะไม่มีใครที่จะปกป้องฉันได้นอกจากตัวของฉัน…
ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ยังไงฉันก็คงทำมันไม่ได้จริงๆ หรอก เพราะฉันเป็นคนที่อ่อนแอมากๆ อ่อนแอจนครอบครัวของฉันไม่อยากจะปล่อยให้ห่างไกลจากพวกท่านด้วยซ้ำ
ฉันกระชับหนังสือเล่มหนาที่หอบเอาไว้อยู่ในอ้อมกอด พร้อมกับถอดสายตามองออกไปบริเวณรอบๆ มหาลัยที่ฉันสอบติดเข้ามาได้
นักศึกษาทั้งรุ่นพี่และรุ่นเดียวกันต่างหันมองมาทางฉัน ก่อนที่พวกเขาจะหันไปพูดซุบซิบกันแล้วหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ
ฉันก้มมองสำรวจตัวเองอีกครั้ง หลังจากที่ทุกสายตาหันมามองพร้อมกับรอยยิ้มขบขัน
วันนี้ฉันแต่งตัวถูกระเบียบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อนักศึกษาที่พอดีตัว และกระโปรงพลีทที่ยาวจนถึงตาตุ่ม ซึ่งคนที่นั่งหัวเราะฉันอยู่นั้น ต่างก็แต่งตัวไม่ค่อยจะเรียบร้อยกันเท่าไหร่ ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าพวกเขาหัวเราะเยาะอะไรฉันกันมากมาย
ฉันจับแว่นสายตาที่ตัวเองใส่ แล้วเงยหน้าขึ้นมองคนเหล่านั้น แต่ฉันก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรพวกเขาออกไป
ฉันทำได้เพียงแค่เดินห่างออกมาจากตรงนั้นเงียบๆ
ปึก!
“อ๊ะ!” ฉันหลุดเสียงร้องออกมาเล็กน้อย เมื่อฉันเดินไปชนกับใครบางคนเข้าอย่างจัง
“มัวแต่เดินก้มหน้าไม่คิดจะมองทางบ้างหรือไงวะ!” เสียงทุ้มเข้มของผู้ชายตรงหน้าพูดขึ้นมาเสียงดังอย่างหงุดหงิด
“ขะ...ขอโทษค่ะ” ฉันก้มหัวให้เขา แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมอง ตอนนี้สายตาของฉันจึงเห็นเพียงแค่ปลายรองเท้าของเขาเท่านั้น
“จะขอโทษก็เงยหน้าขึ้นมามองหน่อย!” เขายังคงหาเรื่องที่จะต่อว่าฉันไม่หยุด แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็เงยหน้าขึ้นมองเขาช้าๆ
เมื่อสายตาของฉันสบเข้ากับดวงตาคมของเขา มันก็ทำให้ฉันหายใจติดขัดไปชั่วขณะ แต่คนตรงหน้ากลับจ้องมองฉันเพียงนิ่งๆ พร้อมกับไล่สายตามองฉันตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
“เธอเป็นคนชนฉัน เธอก็เก็บของๆ เธอเองละกันนะ...เสียเวลาชะมัด” ชายตรงหน้าพูดบอกอย่างหัวเสีย
“ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับ ก่อนจะก้มลงเก็บของตัวเองอย่างว่าง่าย ถึงแม้ว่าเขาจะหน้าตาดี และดูเพอร์เฟ็กต์ทุกอย่าง แต่นิสัยของเขามันก็แย่เอาการ
ถึงแม้ในหัวของฉันจะคิดตำหนิเขา แต่ฉันก็ไม่กล้าที่จะพูดโต้ตอบอะไรเขากลับไป
ฉันก้มหน้าก้มตาเก็บหนังสือของตัวเอง ที่หล่นกระจัดกระจายอยู่บนพื้นมาหอบเอาไว้อีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ตัวยาวใต้ตึกคณะของตัวเอง
ตลอดเวลาที่ฉันนั่งอยู่ ไม่มีใครเข้ามาพูดคุยกับฉันเลยแม้แต่คนเดียว ซึ่งฉันเองก็ไม่ได้เดินเข้าไปคุยกับใคร เพราะฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว
ฉันกวาดสายตามองเพื่อนรุ่นเดียวกัน ที่นั่งจับกลุ่มคุยอย่างสนุกสนาน พอก้มมองตัวเองที่ไม่มีใครแล้วในใจของฉันมันก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมา
“เฮ้อออ~” ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ บางทีฉันก็เหนื่อยกับตัวเองที่มีนิสัยแบบนี้ ฉันอยากจะเปลี่ยนให้ตัวเองเข้มแข็ง และกล้าขึ้นมากกว่านี้ แต่...มันก็ทำไม่ได้
“น้องปีหนึ่งรวมตัวกันได้แล้วค่ะ!” รุ่นพี่ที่อยู่อีกฟากหนึ่งเดินมาตะโกนบอกรุ่นน้องที่นั่งกันอยู่ ทุกคนต่างพากันลุกเดินไปเข้าแถวตามที่รุ่นพี่บอก รวมถึงฉันเองก็ด้วย
“เธอๆ ชื่อไรอ่ะ” ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉันเอื้อมมือมาสะกิดที่ไหล่ของฉันเบาๆ ฉันจึงหันไปมองเธอช้าๆ พร้อมกับชี้นิ้วเข้าหาตัวเองเพื่อเป็นเชิงถาม
“เธอนั่นแหละ” ผู้หญิงคนนั้นพูดตอบกลับมาพร้อมมุมปากที่กำลังยกยิ้ม ท่าทางดูเป็นคนแรงๆ ของเธอมันทำให้ฉันรู้สึกแปลกใจว่าทำไมเธอถึงอยากจะคุยกับฉัน
“ชื่อโฟกัสค่ะ” ฉันตอบกลับไป เธอเองก็พยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปกระซิบกับเพื่อนที่นั่งอยู่ด้านข้างของเธอ เพราะระยะที่นั่งห่างกันมันมีมากจนเกินไป ฉันถึงได้ยินไม่ชัดว่าพวกเธอคุยอะไรกัน
“ทำไมเธอใส่กระโปรงยาวจัง” เธอคนนั้นหันกลับมาถามฉันอีกครั้ง พร้อมกับแอบกลั้นขำ
“ฉันก็ใส่แบบนี้ปกติอยู่แล้วค่ะ” ฉันตอบกลับ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เข้าใจในท่าทีของเธอก็ตาม
“เธออยากจะมาเป็นเพื่อนกับพวกฉันมั้ย ฉันชื่ออิงค์ ส่วนนี่นับดาว” เธอถามออกมา พร้อมกับแนะนำเพื่อนอีกคนให้ฉันได้รู้จัก ลักษณะและท่าทางของพวกเธอมันทำให้ฉันรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก
“เอ่อ...ค่ะ” ฉันอยากจะปฏิเสธออกไป แต่ฉันก็ไม่กล้าที่จะพูด
“ถ้างั้นเสร็จจากตรงนี้แล้ว เราไปทานข้าวด้วยกันนะ” อิงค์พูดบอกออกมา ฉันเองก็พยักหน้ารับน้อยๆ
ยามใดที่ได้กลิ่นหอมของเธอ นิสัยของผมจะกลับกลายเป็นอีกคน... ทั้งชีวิตที่เกิดมา ไม่เคยมีใครแสดงท่าทีรังเกียจฉันได้มากเท่าเขาอีกแล้ว… “คุณมีปัญหาอะไรกับฉันหรือเปล่าคะคุณแซ้งค์” “ใครจะกล้ามีปัญหากับลูกสาวเจ้าพ่ออย่างคุณเอวาได้ล่ะครับ” “ก็คุณไงคะ” .......................................................................................... ฉันต้องรู้สึกยังไงที่จู่ ๆ ก็มีคนบางคนชอบแสดงท่าทีเหมือนรังเกียจ ทุกครั้งที่พยายามเข้าใกล้ เขาก็จะถอยห่าง มองจากดาวอังคารยังรู้ ว่า ‘คุณแซ้งค์’ กำลังไม่ชอบขี้หน้าฉันอย่างแรง แต่บอกไว้ก่อน เราไม่เคยมีเรื่องกัน แล้วทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ไปได้ “บอกเหตุผลมาหน่อยได้มั้ยคะ ว่าทำไมถึงทำเหมือนไม่ชอบฉันนัก” “ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่ผมแค่ไม่อยากอยู่ใกล้คุณ” “แล้วมันทำไม?” “ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง” หลังจากได้รับคำตอบ ฉันก็ไม่เคยเข้าใจในความหมายนั้น กระทั่งคืนหนึ่งได้เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น ซึ่งนี่แหละคือจุดเปลี่ยนความสัมพันธ์ของเราไปตลอดกาล...
ยามใดที่ร่างกายสัมผัสถูกเกสรดอกไม้ นิสัยของผมจะกลับกลายเป็นอีกคน... เพราะความเมามายเป็นเหตุ จึงทำให้ฉันต้องอยู่บนเตียงกับเขาตลอดทั้งค่ำคืนนั้น คิดว่าจะจบ ทว่าเราสองคนกลับหวนมาเจอกันอีกครั้งในวันหนึ่ง “คุณท้องกับผมเหรอ?” “คุณคิดว่าเครื่องตัวเองฟิตสตาร์ทติดง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ?” .......................................................................................... ชีวิตของฉันซวยมากเลยค่ะคุณกิตติคะ ด้วยความที่เพื่อนงอนกับแฟนก็เลยอยู่ช่วยปลอบใจ พร้อมคอยปรามไม่ให้เพื่อนดื่มแอลกอฮอล์จนเมามายไร้สติ แต่จู่ๆ ก็มีนังตัวดีที่ไหนไม่รู้ส่งคลิปคนรักของฉันซึ่งกำลังนัวเนียกับผู้หญิงคนอื่นมาให้ดู ไป ๆ มา ๆ จึงกลับกลายเป็นว่าเพื่อนต้องปลอบใจฉันแทน อาการเจ็บช้ำหัวใจที่จู่โจมเข้ามากะทันหันโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ส่งผลให้ฉันกระดกเหล้าเข้าปากรัว ๆ แบบไม่หยุดยั้ง ยังค่ะ...เรื่องยังไม่จบที่ตรงนั้น แฟนเพื่อนตามมารับเพื่อนกลับบ้าน แต่ก็ยังมีน้ำใจพาฉันขึ้นไปห้องพัก ทว่า...ห้องนั้นดันไม่ใช่ห้องของฉันนี่สิ "คุณเป็นใคร เข้ามาในห้องของผมได้ยังไง ออกไปเดี๋ยวนี้!" ท่าทางของผู้ชายตรงหน้าที่กำลังเอ่ยปากไล่ฉันดูแปลกตา คล้ายกับกำลังระงับอารมณ์บางอย่าง กระนั้นระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายก็ทำให้ฉันไม่อยากสนใจอะไรนอกเสียจากล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าง "อะไร? จะแปลงร่างเหรอ? ไปเล่นที่อื่นไปหนู พี่จะนอน" ความเมาเป็นเหตุสังเกตได้ ตื่นขึ้นมานั่นแหละถึงได้รู้ ว่าตนเองถูก 'คนแปลกหน้า' พรากความบริสุทธิ์ไปเสียแล้ว...
ยามใดที่ดวงอาทิตย์ตกดิน นิสัยของผมจะกลับกลายเป็นอีกคน... ค่ำคืนนั้นเขาช่างเร่าร้อน ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราล้วนไม่ใช่เพราะความรัก... "ขึ้นชื่อว่าคนดูแลชั่วคราว เธอก็จะได้อยู่แค่ในสถานะนั้น อย่าใฝ่สูง" .......................................................................................... ฉันได้รับหน้าที่ให้ดูแล 'ผู้ชายคนหนึ่ง' ทว่าของแถมที่พ่วงติดมาด้วยนั้นคือเรื่องราวน่า 'ประหลาด' ซึ่งเป็นเหตุทำให้ชีวิตของฉันต้องพลิกผันไปตลอดกาล "คุณซานเป็นอะไรหรือเปล่าคะ" การเห็นเจ้านายแสดงท่าทีราวกับทุกข์ทรมานอยู่ตรงหน้า จึงไม่นิ่งนอนใจที่จะเอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วง พร้อมขยับก้าวเข้าไปเพื่อช่วยพยุง "ออกไป!" ทว่าร่างสูงตรงหน้ากลับตะคอกใส่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หนำซ้ำยังสะบัดตัวฉันออกจนเซถลาเกือบล้มลงกระแทกพื้น "ออกไปจากห้องฉัน...เดี๋ยวนี้!!" หากย้อนเวลากลับไปได้ คืนนั้นฉันจะเชื่อฟัง และยอมเดินออกไปจากห้องแต่โดยดี...
ผมไม่เคยคิดว่าการที่ไว้หนวดไว้เครา และทำตัวเซอร์ๆ จะทำให้ใครบางคนต้องร้องไห้เพียงเพราะแค่เห็นหน้า "ฮือ...แม่จ๋าหนูกลัวโจร" เด็กผู้หญิงที่ร้องไห้ในวันนั้น คือคนที่ผมต้องสยบจวบจนถึงทุกวันนี้... ........................................................................ ฉันไม่รู้ว่าเริ่มชอบเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แต่ว่าพอได้ชอบฉันก็ไม่สามารถห้ามความรู้สึกของตัวเองได้อีกเลย... วินาทีแรกที่เจอกัน 'เขา' ทำให้ฉันรู้สึกกลัว แต่พอนานวันเข้า เขากลับเป็นคนที่สอนให้ฉันรู้จักคำว่า 'ความรัก' "ถ้าโตขึ้นแล้วมีผู้ชายมาชอบหนู แด๊ดดี้จะทำยังไงคะ?" "ฆ่ามัน" ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นเอาไว้ในใจ พอโตมาถึงได้รู้ ว่าฉันจะต้องเป็นของแด๊ดคนเดียวตลอดไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม...
"มาโรงพยาบาลวันนี้ป่วยเป็นอะไรอีกล่ะคะ" "พอดีกินข้าวไม่ค่อยได้น่ะครับ" "หืม? มีอาการอาเจียนด้วยหรือเปล่าคะ หรือว่ายังไง" "เปล่าครับ แค่ไม่มีตังค์" "..." "ถ้าคุณพยาบาลไม่รังเกียจ ผมขอฝากท้องไว้สักมื้อนะครับ" "คุณท้องเหรอคะ?" ........................................................................ "ถ้านายทำร้ายฉัน ฉันจะโทรไปฟ้องพี่" ฉันรู้ว่าคำขู่ของตัวเองมันอาจจะไม่ได้ผล เพราะเขาเป็นผู้ชายที่หน้าด้านหน้าทนยิ่งกว่าปูนซีเมนต์ หมายถึงทนมือทนตีนน่ะนะ "ฟ้องมากๆ ระวังโดนตบด้วยปากและกระชากด้วยลิ้นนะ" นอกจากจะเป็นผู้ชายที่กวนตีนแล้ว ความหื่นของเขาก็มีมากเช่นกัน หมดเรี่ยวแรงไปเท่าไหร่แล้วกับผู้ชายพันธ์นี้...โปรดอยู่ให้ห่างแล้วชีวิตจะปลอดภัย
เคยได้ยินคำว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้หรือเปล่า? และฉันก็ไม่ชอบให้ใครมาหากินในที่ของฉัน แต่ 'มัน' เสือกทำ "ไม่ใช่เด็กถิ่นเช็คอินได้เปล่า" ด้วยความที่โชคชะตามันโหดร้าย จึงทำให้เราสองคน 'ได้' กัน ........................................................................ สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดก็คือความเจ้าชู้ แต่แล้ววันหนึ่งฉันกลับกลายทำตัวเป็นแบบนั้นซะเอง เหตุการณ์ที่พบเจอมันบีบบังคับให้ฉันต้องร้าย ต้องแรง และ...อยู่ให้เป็น "นี่ไม่ใช่ที่วิ่งเล่นของเด็ก กลับบ้านไปดูดนมนอนไป๊!" วาจาที่พ่นออกมาจากริมฝีปากหนาเป็นอะไรที่ฉันรังเกียจพอๆ กับการเห็นหน้า 'คนพูด' "ก่อนไป ขอเตะปากทีดิ" เท้าของฉันมันกำลังกระตุก เมื่อหูได้ยินอะไรที่ไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ เขาว่ากันว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เห็นทีว่ามันจะจริง...
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"