หล่อนปลอมตัวเป็นพี่สาวฝาแฝดที่ตายไปแล้วเพื่อแต่งงานกับกับเขา เจ้าชายหนุ่มรูปงามแห่งดินแดนทะเลทราย แต่เรื่องราวมันคงผ่านไปด้วยดี หากเขาจะไม่จับได้เสียก่อน และลงทัณฑ์หล่อนด้วยเพลิงสวาทร้อนแรงดั่งไฟกัลป์ ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าครั้งนี้จะไม่หลั่งเร็วอย่างครั้งที่แล้ว เพราะต้องการจะทำให้หญิงสาวขึ้นสวรรค์เสียก่อน แต่... แต่ดูเหมือนว่าเขากำลังจะถูกความเสียดเสียวครอบงำอีกแล้ว “โอ้ว... โอ้ว... เจ้าบีบรัดเราแน่นเหลือเกิน” เขากระตุกเกร็งไปทั้งตัว ขณะกำลังกระซวกเอ็นยาวเข้าใส่รูสวาทอย่างบ้าคลั่ง “อ๊า.... ซี๊ดดดด... องค์ชาย... อ๊า...” หล่อนร้อน... ร้อนเหลือเกิน ร้อนไปทั้งตัวโดยเฉพาะในจุดที่กำลังถูกเขาแทงไม่ยั้งอยู่ตอนนี้ เขากระซวกเข้าใส่ถี่ระรัว รุนแรงมากขึ้น มากขึ้น จนกระทั่ง... “อ๊ายยยยยย... กรี๊ดดดด...” หล่อนกระตุกเกร็งไปทั้งร่าง ความสุขมากมายลอยอยู่รอบๆ ตัว เล็บคมจิกบนแผ่นหลังของชายหนุ่มเอาไว้แน่น แน่นจนเลือดของเขาซึมไหล
อาริตา กอบกุล หรือที่เพื่อนๆ เรียกว่า ริต้า หล่อนคือหญิงสาววัยยี่สิบสามปี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐบาลไทย จากนั้นก็เดินทางไปทำงานที่ประเทศรัสเซียในฐานะเชฟอาหารไทย จนกระทั่งได้รับข่าวร้ายว่าพี่สาวฝาแฝดนามว่า มาริสา กอบกุล หรือ แมรี่ ได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตลงกะทันหัน ทั้งๆ ที่ภายในเดือนหน้าจะเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าชายจากประเทศแถบตะวันออกกลาง พระโอรสของสุลต่านองค์ปัจจุบันของประเทศคาร์มาลย์อยู่แล้ว
“ไม่ได้นะคะ ริต้า... ริต้าทำไม่ได้หรอกค่ะ”
หล่อนรีบปฏิเสธ ส่ายหน้าดิก เพราะไม่เห็นด้วยอย่างแรงที่จะต้องสวมรอยหลอกลวงคนอื่น แม้คนๆ นั้นจะเป็นพี่สาวฝาแฝดของตัวเองก็ตาม
“ต้องได้สิริต้า แกต้องทำเพื่อครอบครัวของเรา”
น้าสะใภ้ของหล่อนย้ำหนักแน่น
“แต่ริต้า...”
“ถ้าแกไม่แต่งงานแทนแมรี่ ครอบครัวของเราก็ต้องคืนของหมั้นทั้งหมด แล้วแกคิดว่าเราจะเอาของหมั้นจากไหนมาคืน”
“แล้วของหมั้นไปไหนหมดล่ะคะ ตั้งมากมายก่ายกอง”
“ก็น้าศักดิ์สุดที่รักของแกเอาไปละเลงในบ่อนหมดแล้วน่ะสิ”
หล่อนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ รู้อยู่หรอกว่าน้าชายแท้ๆ ติดการพนัน แต่ไม่คิดว่าจะติดงอมแงมขนาดนี้
“แต่ของหมั้นตั้งมากมายนะคะ ทำไมถึง... หมดเร็วนักล่ะคะ”
“แกไม่ต้องถามให้มากความหรอก เพราะถึงยังไงเราก็ไม่มีของหมั้นไปคืนเจ้าชายอยู่ดี”
“แต่... แต่ริต้าไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยนะคะ ทำไมริต้าจะต้อง... เสียสละตัวเองขนาดนั้นด้วย”
“ถ้าแกไม่เสียสละตัวเอง พวกเราทุกคนก็ต้องเสียสละชีวิตทั้งหมด!”
“น้าดา...”
“นี่มันคือเรื่องจริง และแกก็เป็นเพียงคนเดียวที่จะต่อลมหายใจให้พวกเราได้”
หล่อนทรุดลงนั่งกับโซฟาอย่างอ่อนแรง ความตื่นตกใจและความทรมานซัดเข้าใส่ร่างเต็มแรง มันเกี่ยวกับหล่อนที่ไหนกันล่ะ ของหมั้นจากเจ้าชายอาหรับหล่อนก็ไม่ได้แตะต้อง แล้วทำไมจะต้องเป็นหล่อนด้วยที่จะต้องเสียสละอิสรภาพเพื่อทุกคน
“เป็นตายยังไงริต้าก็ไม่แต่งงานกับใครที่ไหนก็ไม่รู้หรอกค่ะ” ในที่สุดหล่อนก็โพล่งออกไปอย่างเหลืออด
“แกจะเล่นตัวทำไมนักหนา ผู้ชายคนนั้นเป็นถึงเจ้าชายเชียวนะ แกได้ตกแต่งไปก็จะสบายไปทั้งชาติ ทำไมถึงได้เล่นตัวนักนะ!”
“ถึงจะเป็นเจ้าชาย แต่เขาไม่ได้รักริต้านี่คะ คนที่ผู้ชายคนนั้นต้องการแต่งงานด้วยคือพี่แมรี่ ไม่ใช่ริต้า”
“เจ้าชายบ้านั่นแยกไม่ออกหรอก เชื่อน้าสิ”
“น้าดาก็พูดได้นี่คะ ในเมื่อน้าดาไม่ได้เป็นคนที่จะต้องปลอมตัวไปแต่งงาน”
“ถ้าเจ้าชายเอาฉันนะ ฉันนี่จะรีบหย่ากับน้าศักดิ์สุดที่รักของแกเดี๋ยวนี้เลย” ดาริกาพูดเสียงดังอย่างโมโห “แต่แก่ๆ อย่างฉันใครจะมาเอา”
อาริตาถอนใจแรงๆ ยกมือขึ้นกุมขยับ “ริต้าจะพยายามหาเงินมาให้ได้เยอะที่สุดค่ะ เพื่อเจ้าชายอะไรนั่นอาจจะไม่เอาเรื่องพวกเรา”
“เงินไม่รู้กี่ล้าน แกจะไปเอาที่ไหนมา ริต้า”
หล่อนยังไม่รู้เลยว่าจะไปเอาที่ไหน แต่มันก็ยังดีกว่าการก้มหน้ายอมแต่งงานกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้
“ริต้าก็ยังไม่รู้เลยค่ะ”
“นั่นไง แกยังไม่รู้เลยว่าจะไปเอาเงินที่ไหน แล้วแกจะมาพูดว่าจะพยายามได้ยังไง ทางที่ดีนะริต้า แกยอมรับสภาพความเป็นจริงเถอะ แต่งๆ ไป สักพักค่อยหย่าแล้วกลับมาอยู่เมืองไทยเหมือนเดิมมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่”
“แต่ตอนนั้นริต้าก็จะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วนะคะ แล้วจะมีผู้ชายที่ไหนมาสนใจริต้าล่ะ ริต้าไม่เอาด้วยหรอก”
“งั้นก็เตรียมตัวถูกลากไปตัดหัวที่คาร์มาลย์เถอะ!”
น้าสะใภ้ของหล่อนเค้นเสียงโมโหออกมา ก่อนจะสะบัดก้นเดินหนีไป
อาริตากระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ ความเครียดกัดกินอยู่ในใจจนแสนจะทรมาน
“แล้วนี่จะทำยังไงดีนะ จะทำยังไงดี”
หล่อนกำลังคิดหาทางออก แต่น้าสมศักดิ์ก็เดินเมาแอ๋เข้ามาในบ้านเสียก่อน
“น้าศักดิ์ไปดื่มเหล้ามาอีกแล้วเหรอคะ”
สมศักดิ์มองเห็นหลานสาวที่ตัวเองเอามาเลี้ยงตั้งแต่เล็กเพราะพี่สาวป่วยตายกำลังเดินเข้ามาหา
“ริต้าใช่ไหมเนี้ย”
“ก็ริต้าน่ะสิคะ”
หญิงสาวถอนใจแรงๆ และรีบประคองสมศักดิ์ที่ตัวเองรักไม่ต่างจากบิดาไปนั่งบนโซฟา จากนั้นก็ถามขึ้นด้วยความไม่พอใจนัก
“เมื่อไหร่น้าศักดิ์จะเลิกดื่มคะเนี่ย”
“น้าเลิกได้ก็ดีน่ะสิ เหล้ามันอร่อย ดื่มแล้วมีความสุข ริต้าลองไหมล่ะ”
“ไม่ล่ะน้า” หล่อนลุกขึ้นยืน และถอยออกห่าง “ริต้าถามจริงๆ เถอะน้าศักดิ์ เงินค่าสินสอดของพี่แมรี่หายไปไหนหมดเหรอคะ”
สมศักดิ์หัวเราะน้อยๆ ท่าทางเมาแอ๋ “ก็เอาไปต่อทุนในบ่อนน่ะสิ แต่คำนวณเลขพลาดไปหน่อย ก็เลยหมดตัวเหมือนเดิม”
“น้าศักดิ์คะ รู้ไหมคะว่าสินสอดนั่นจะต้องส่งคืนให้เจ้าชายอาหรับน่ะ ไม่อย่างนั้นเราจะเดือดร้อนนะคะ”
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่านังแมรี่พี่สาวของริต้าจะมาด่วนตายกะทันหันแบบนี้” สมศักดิ์พูดไปตามความจริง “ดีนะที่ปิดเรื่องการตายของแมรี่เอาไว้เป็นความลับ ไม่อย่างนั้นคงต้องยกเลิกการแต่งงาน”
“ไม่ใช่แค่ยกเลิกหรอกค่ะ เราต้องคืนสินสอดทั้งหมดด้วย”
“จะเอาที่ไหนมาคืนล่ะริต้า ก็น้าบอกแล้วไงว่าหมดไปในบ่อนแล้ว”
อาริต้ายกมือขึ้นบีบขมับของตัวเองอย่างเคร่งเครียด “แล้วน้าศักดิ์เอาไปเล่นการพนันทำไมล่ะคะ รู้ไหมว่าตอนนี้พวกเรากำลังจะเดือดร้อน”
“จะเดือดร้อนได้ยังไงกัน ก็นังดามันบอกว่าจะเกลี่ยกล่อมให้ริต้าแต่งงานแทนนี่น่า”
คนฟังกำมือแน่น รู้สึกโมโหยิ่งนัก
“ริต้าไม่แต่งค่ะ” หล่อนยืนกรานคำเดิม “ริต้าจะไม่ยอมเสียสละตัวเองแบบนั้นหรอก”
“งั้นริต้าก็คงอยากเห็นน้า... น้าที่เลี้ยงดูริต้ามาอย่างยากลำบากตายใช่ไหมล่ะ”
“ริต้าไม่คุยกับน้าศักดิ์แล้ว ขอตัวนะคะ”
“ริต้า! ถ้าแกไม่ยอมแต่งงานกับเจ้าชายอาหรับ น้าก็จะ... ก็จะ...”
แม้จะเมาแต่สมศักดิ์ก็ยังพอมีสติอยู่บ้าง เขาพยายามหาทางบีบเค้นให้อาริตายอมตกลง
อาริตาเมินหน้าหนี และจะเดินจากไป ก่อนจะต้องชะงัก และหันไปมองสมศักดิ์
“น้าจะวิ่งไปให้รถชนตาย”
หล่อนถอนใจแรงๆ เพราะมั่นใจว่าสมศักดิ์ไม่มีทางทำได้อย่างที่พูดแน่
“ตามสบายเถอะค่ะน้าศักดิ์ ริต้าขอตัวก่อนนะคะ”
เมื่อหลานสาวไม่มีทีท่าว่าจะเชื่อในคำขู่ของตัวเอง สมศักดิ์จึงต้องแสดงให้สมจริงมากกว่าคำพูด เขาวิ่งผ่านหน้าของอาริตาออกไปหน้าบ้าน
“น้าจะตายให้ริต้าดู”
อาริตาไม่สนใจกำลังจะก้าวเข้าไปในห้อง แต่เสียงล้อรถครูดไปกับพื้นถนนที่ดังมาเข้าหู และเสียงดังโครมใหญ่ ทำให้หล่อนต้องหันไปมอง
“น้าศักดิ์!”
สิ่งที่เห็นก็คือร่างของสมศักดิ์นอนจมกองเลือดอยู่บนถนน และรถคันที่ชนก็ขับหนีไปอย่างรวดเร็ว ดาริกาที่อยู่ในครัวรีบวิ่งออกมาเช่นกัน
“ตายแล้ว ศักดิ์... ไอ้ศักดิ์ ทำไมแกถูกรถชน”
อาริตารีบวิ่งเข้าไปประคองร่างชุ่มเลือดของสมศักดิ์ ร้องไห้ด้วยความเสียใจ
“น้าศักดิ์ ริต้าขอโทษ ริต้าขอโทษ... อย่าเป็นอะไรไปนะ น้าศักดิ์...”
“รับ... รับปากกับน้า...” สมศักดิ์พูดเสียงกระตุก มองอาริตาด้วยสายตาวิงวอน
“แต่งงานกับ... เจ้าชาย... แทนแมรี่... รับปากกับน้านะ ริต้า...”
อาริตาเสียใจมากที่เป็นต้นเหตุทำให้สมศักดิ์ถูกรถชน หล่อนจึงจำต้องรับปากอย่างไม่มีทางเลือก
“ค่ะ ได้ค่ะ ริต้าจะแต่งงาน แต่น้าศักดิ์อย่าตายนะ ใจแข็งเอาไว้นะ น้าศักดิ์” หญิงสาวร้องไห้คร่ำครวญด้วยความตื่นตระหนก
“น้าดา โทรเรียกรถพยาบาลสิคะ เร็วเข้าค่ะ น้าศักดิ์เลือดออกมากแล้วค่ะ”
หล่อนหันไปตะโกนบอกดาริกาที่ยืนตัวสั่นอยู่ไม่ไกล จากนั้นก็หันมากอดร่างของสมศักดิ์ และพยายามวิงวอนให้สมศักดิ์ต่อสู้กับความเจ็บปวดให้ได้นานที่สุด
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
หลัวเจิง ผู้ตกจากที่สูงกลายเป็นทาสที่ต่ำต้อย มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาพบวิธีฝึกในตัวเองให้กลายเป็นอาวุธโดยบังเอิญ สงครามการต่อสู้เริ่มขึ้นทันที และพึ่งพาความเชื่ออันแรงกล้าในการไม่ยอมจำนน เขาพยายามแก้แค้นและไล่ตามความฝันอันยิ่งใหญ่ นักรบจากชาติพันธุ์ต่าง ๆ ต่อสู้เพื่อความเป็นเจ้าโลกและโลกก็ปั่นป่วน อาศัยร่างกายที่เปรียบได้กับอาวุธวิเศษ หลัวเจิงเอาชนะศัตรูจำนวนมากบนเส้นทางสู่ความเป็นอมตะ ในที่สุดเขาจะทำสำเร็จหรือไม่?
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"