เขาคือตรีทศ ปัจจภาคย์...บุรุษผู้เกลียดชังเธอสุดขั้วหัวใจ แม้เมื่อยามต้องร่วมทางเดินเดียวกันในระยะเวลาหนึ่งปี เขาก็ไม่เคย ‘ใจดี’ กับเธอเลยสักครั้ง เขาก้าวเท้าพรวดเดียวมายืนตรงหน้า ใกล้มากพอที่ลมหายใจร้อนผ่าวจะรินรดบนหน้าผากเกลี้ยงเกลา สายตาของเข้าจับจ้องเธอแน่วนิ่ง ก่อนกวาดมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าราวกับต้องการสำรวจว่าเธอแต่งกายเหมาะสมคู่ควรกับการเป็นภรรยาของเขาหรือไม่ แต่ใครจะรู้...เจ้าสาวที่ใครๆ อิจฉา ยามนี้ต้องกล้ำกลืนฝืนทน และเก็บกดรอยน้ำตาไว้ในก้นบึ้งของหัวใจอย่างสุดความสามารถเพียงใด! พรนภัสแตะปลายนิ้วบนแหวนที่สวมอยู่บนนิ้วนางข้างซ้าย แหวนที่ไม่มีความสำคัญอันใด นอกเสียจากเป็นหลักประกันว่าเขาจะได้มรดกทั้งหมดจากผู้เป็นบิดา!
สายฝนเทกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย ยังผลให้พื้นดินเฉอะแฉะจนคนที่กำลัง ก้มหน้าก้มตาเดินโดยมีร่มคันเล็กอยู่ในมือต้องคอยระวังไม่ให้ดินโคลนกระเด็นขึ้นมาเปื้อนกางเกงขาสามส่วนตัวเก่ง ตรงด้านหน้าห่างออกไปสามสี่วาเป็นป้ายรถเมล์ที่มีผู้คนจำนวนมากเข้าไปยืนแออัดยัดเยียดหลบสายฝน บ้างก็รอคอยเวลาให้ฝนหยุดจึงออกเดินต่อ บ้างก็คอยรถเมล์อย่างใจจดใจจ่อ บ้างก็รอให้ใครสักคนมารับ
หากมีอยู่คนหนึ่งที่ไม่ได้รอทั้งสามอย่างนั้นเลย แต่รอ...สิ่งที่มีค่าที่สุดในหัวใจ
รอ...อย่างไม่รู้ว่าจุดสิ้นสุดการรอคอยนั้นจะเป็นดั่งใจหวังหรือไม่
รอ...ด้วยหัวใจอดทนอย่างไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต
...ขอเพียงได้หัวใจที่เปี่ยมด้วยความรักกลับคืนมา หากทว่า...สิ่งที่เขาหวังช่างยากจะเอื้อมมือคว้า
หัวใจของผู้หญิงคนนั้นเปลี่ยนไปแล้ว เธอกลายเป็น...ใครอีกคนที่เขาไม่ รู้จัก
...ไม่ใช่พรนภัส...เด็กสาวตัวน้อยที่เทิดทูนบูชาเขาตลอดมา
...ไม่ใช่พรนภัส...ที่ยอมเป็นลูกไล่เขา ให้เขาบังคับขู่เข็ญได้ตามใจชอบ
...ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว...
ร่างสูงสาวเท้าออกมาเบื้องหน้า ยอมให้สายฝนโหมกระหน่ำเข้าใส่เรือนร่างกำยำ โดยไม่สนใจว่าตัวเองจะเปียกปอนสักเพียงใด
“ฟ้า...” เสียงแหบห้าวเอื้อนเอ่ยชื่อนั้นอย่างอ่อนหวาน หากคนถูกเรียกกลับเงยหน้าจากพื้นแล้วมองสบดวงตาสีดำสนิทของคนตรงหน้าอย่างเฉยเมย
...ไร้ความรู้สึก
...ไร้ความทรงจำ
...และไร้เยื่อใย
“ได้โปรด...” เขากระซิบเสียงแหบพร่า รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบโคลงเคลง และหัวใจเจ็บปวดราวกับมีใครเอามีดมากรีดลงบนมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“กลับไปเถอะค่ะ ไม่ว่าคุณจะรอฉันอีกกี่เดือนหรืออีกกี่ปี ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ...อีกแล้ว”
สุ้มเสียงหวานห่างเหิน แข็งกระด้าง มิใช่เสียงของพรนภัสที่แสนอ่อนแออีกต่อไป
“อย่าเจอกันอีกเลยค่ะ” เธอเอ่ยลาด้วยคำพูดที่ทำให้คนฟังแทบล้มทั้งยืน
“ฟ้า ให้โอกาสฉันบ้าง” เขาหันไปมองแผ่นหลังของเธอ พูดเสียงสั่นเครือ “แค่ครั้งเดียว ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้เธอต้องร้องไห้อีก”
พรนภัสไม่ได้หันมา เธอเพียงยืนอย่างสงบนิ่ง กระทั่งรถเมล์มาถึงก็เดินจากเขาไปอย่างไร้เยื่อใย
จากตรงที่เขายืนอยู่ ยังพอมองเห็นเสี้ยวหน้าด้านข้างของพรนภัส เธอนั่งอยู่ริมหน้าต่างตามองตรงไปข้างหน้าแน่วนิ่ง สีหน้าเช่นนั้นบอกชัดว่าเธอพร้อมที่จะอยู่โดยไม่มีเขา ขณะที่เขากลับโหยหาไขว่คว้าเธอกลับมาอยู่เคียงข้างกันทุกลมหายใจเข้าออก
ชายหนุ่มรู้สึกถึงเข็มนับพันเล่มที่กำลังทิ่มแทงหัวใจของตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนบอบช้ำ
เรื่องนี้จะโทษใครได้ ในเมื่อเขาเป็นคนทำให้ทุกอย่างพังทลายลงด้วยน้ำมือของตนเอง
พระพรหมให้โอกาสเขาและเธอได้รู้จักกัน แต่เขากลับไม่เห็นคุณค่า...จากพรหมลิขิตสีหวาน เขากลับจับพู่กันละเลงสีดำทับลงไปแทน กว่าจะรู้ตัวว่าได้ปล่อยให้ของมีค่าที่สุดในชีวิตหลุดลอยไป ก็สายเสียแล้ว
...สายเกินกว่าจะคว้าความรักในวันวานกลับคืน
วันวานผันผ่านเนิ่นนานนัก
ความทรงจำสูญสิ้นมลายหาย
ความผูกพันกลบฝังลึกสุดใจ
แม้ชีพวายอย่าได้หมาย
คว้าหัวใจ...กลับคืน
คว้าหัวใจ...กลับคืน ...
อีกไม่กี่วันเธอก็จะบินไปเรียนต่อที่อังกฤษแล้ว ทว่าเหตุการณ์กลับพลิกผันในคืนเดียว นอกจากจะไม่ได้บินไปอังกฤษ ยังได้สามีมาหนึ่งคน เธอตั้งใจจะไปคลอดเสียที่อังกฤษ รอจนลูกโตสักหน่อยค่อยกลับมา ทว่าพ่อของลูกขัดขวางเธอตั้งแต่เธอยังไม่ทันก้าวพ้นประตูด้วยซ้ำ 'เรามาแต่งงานกัน' เขาใช้น้ำเสียงราวกับเจรจาตกลงเรื่องธุรกิจ นี่มิใช่การแต่งงานด้วยความรัก เขาเพียงต้องการลูก ส่วนเธอแต่งเพราะความจำเป็น ทว่าในใจส่วนลึกเธอรู้ดีว่าแท้จริงแล้วเธอยอมแต่งงานกับเขาเพราะเหตุผลเพียงอย่างเดียว
เขาฝากรอยมลทินไว้บนเรือนร่างของหล่อนด้วยความแค้น หล่อนยอมชดใช้ความผิดนั้นด้วยหัวใจแตกสลาย หล่อนคิดว่าชาตินี้คงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ทว่าโชคชะตากลับกลั่นแกล้ง เมื่อหล่อนตั้งใจจะหลบไปอยู่เงียบๆ กับลูกน้อยเพียงสองคน ณ ที่แห่งหนึ่ง ณ ที่นั้นหล่อนได้พบกับเขา คนที่หล่อนทั้งรักและชิงชัง อะไรก็ไม่แย่เท่า เด็กน้อยที่เกาะกุมมือหล่อนอยู่ เป็นลูกของเขา! คนที่ชิงชังหล่อนหมดหัวใจ!
“รุ้ง...” เห็นสายตาวิงวอนของเขา สายรุ้งก็อดยอกย้อนไม่ได้...นับว่าเป็นครั้งแรกที่หล่อนใช้สุ้มเสียงประชดประชัน และเคียดขึ้งเช่นนี้ “ทำไมคะ? พี่กรไม่อยากหย่าเพราะยังกอบโกยไม่พองั้นเหรอคะ?!” “รุ้ง!” เขาอุทานเรียกหล่อนอย่างตกใจไม่น้อยกับถ้อยคำที่เปล่งออกมาจากเรียวปากอิ่มเต็ม “พี่กรจะเอาอะไรจากรุ้งอีก! รุ้งไม่มีอะไรจะให้ ไม่อยากให้แล้ว!” สายรุ้งสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อสามีกระชากกระเป๋าจากมือของหล่อนแล้วโยนไปส่งๆ มันกระแทกกับผนังก่อนเสื้อผ้าบางชุดในกระเป๋าจะร่วงหล่นลงมากระจัดกระจาย
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"