"ถ้านายยังทำนิสัยแบบนี้ สักวันนายจะไม่เหลือใคร" ร่างเล็กพูดบอกผมออกมาด้วยแววตานิ่งๆ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยและเพรียบพร้อมไปซะทุกอย่าง ถ้าเปรียบเธอเป็นที่สูง ผมก็คงเป็นที่ต่ำ ผมอยากจะไขว่คว้าเธอ แต่มันก็เกินเอื้อม เพราะคนเลวๆ อย่างผมมันไม่มีค่าที่จะคู่ควรกับเธอ "ถ้าฉันเป็นคนดีแล้วเธอจะรักฉันได้มั้ย" ผมลองย้อนถามกลับไป เธอยังคงยืนนิ่งก่อนที่จะเดินออกไปโดยที่ไม่ได้ตอบอะไรผมทั้งนั้น ไม่ว่าผมจะเป็นยังไงสุดท้ายเธอก็ไปอยู่ดี ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว ประโยคนี้มันไม่มีผลอะไรกับชีวิตของผม ไม่ว่าจะทำตัวดีแค่ไหน สุดท้ายก็เหี้ยในสายตาของเธออยู่ดี...
.:ICE PART:.
ผมชื่อ “ไอซ์” เป็นผู้ชายเหี้ยๆ คนหนึ่งที่แอบรักเพื่อนสนิทของตัวเอง เธอกับผมมันช่างแตกต่างกัน ผมยอมรับว่าผมมันไม่เอาไหน แต่ถ้าได้เอาเธอผมก็ไม่หวั่น เวลาผมทำอะไรไม่ดีเธอมักจะคอยเตือนและคอยด่าผมเสมอ หนึ่งคำก็เหี้ย สองคำก็เหี้ย แต่เขาว่ากันว่าผู้หญิงด่าแปลว่าผู้หญิงรัก โอเคถ้างั้นผมให้อภัยเธอ ถึงแม้ว่าผมจะเหี้ย แต่ถ้าได้เลียนี่เล่นซะเพลียเลยนะ
“อยู่กับพี่ ให้ ‘ปี้’ ได้ก่อ”
.:END ICE PART:.
.:SODA PART:.
ฉันชื่อ “โซดา” ฉันเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง ถึงแม้ว่าใครต่อใครจะบอกว่าฉันไม่ธรรมดาก็ตาม และคนที่มักจะพูดแบบนี้อยู่เสมอ เขาก็คือเพื่อนสนิทของฉันเอง เขาคนนั้นเป็นผู้ชาย ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าเรามาสนิทกันได้ยังไง รู้แค่ว่าคบแล้วรู้สึกสบายใจที่สุด มันก็ยังดีกว่าคบเพื่อนผู้หญิงด้วยกัน แล้ววันๆ เอาแต่จ้องจะงาบของเราไปกิน แต่สำหรับเพื่อนคนนี้ เขาไม่เคยคิดจะแย่งอะไรไปจากฉัน มีแต่คอยหยิบยื่นทุกอย่างให้ โดยไม่สนว่าตัวเองจะไม่เหลืออะไร
“เขาคือ ‘เพื่อน’ ที่ดีที่สุดสำหรับฉัน”
.:END SODA PART:.
...น้ำแข็งโซดา ซาบซ่าสุดขั้ว...
.:ICE PART:.
ทุกคนเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้ ซึ่งสิ่งที่ผมเลือกนั้นแม่งก็บัดซบสิ้นดี ผมชื่อ ‘ไอซ์’ ใครๆ ก็รู้จักผมดีว่าเหี้ยแค่ไหน ผมอาศัยอยู่ในห้องแคบๆ ภายในบ้านไม้หลังเก่าแถวสลัม ซึ่งเป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติดทุกชนิด มีหลายคนที่ย้ายมาอยู่แถวนี้แล้วหลงระะเริงไปกับสิ่งเหล่านั้น ถ้าถามว่าผมเป็นแบบนั้นมั้ย? ตอบได้เลยว่า ไม่!
ไม่เหลือเหี้ยอะไรแล้วตอนนี้ เงินทุกบาททุกสตางค์ของผมมันหมดไปกับอบายมุขทุกอย่าง อย่ามาถามว่าผมเสพอะไรบ้าง ถามมาดีกว่าว่าอะไรที่ผมยังไม่เคยเสพ เพราะถ้าให้ผมบอกว่าผมเสพอะไรวันนี้ก็คงจะบอกไม่หมด แม่งยาวยิ่งกว่าแม่น้ำปิงวังยมน่านรวมกันซะอีก
ผมมองไปที่โต๊ะตรงหน้านิ่งๆ ขณะพ่นควันบุหรี่ออกมาลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง กลิ่นเหล้าหรือกลิ่นอะไรต่างๆ ก็ลอยคลุ้งไปทั่ว บ้านผมไม่มียุงหรอก แม่งเมาควันบุหรี่จนตกลงมาตายหมดแล้ว
เห็นไหมว่าอย่างน้อยสิ่งเหี้ยๆ แม่งก็มีอะไรดีๆ ซ่อนอยู่
บนโต๊ะของผมนั้น พื้นที่ทุกตารางนิ้วถูกจับจองไปด้วยยาเสพติดชนิดต่างๆ ผมวางมันไว้อย่างโจ่งแจ้งโดยไม่กลัวว่าใครจะมาเห็น เพราะส่วนมากไม่มีใครเข้ามายุ่งกับผมอยู่แล้ว
“ไอซ์!” นอกจากเธอคนนี้คนเดียว โซดาคือเพื่อนสนิทคนเดียวของผม เธอตะโกนเรียกชื่อผมเสียงดังพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ ผมคีบบุหรี่ออกจากปากแล้วดับมัน โซดายกมือขึ้นปิดจมูก พลางปัดควันบุหรี่ออกห่างตัว
เธอไม่ชอบมัน แต่ผมนี่สิชอบมันยิ่งกว่าอะไร
“มาทำไม” ผมถามขึ้นเสียงนิ่ง พลางมองหน้าเธอไปด้วย วันนี้เธอใส่ชุดนักศึกษามาหาผม คงจะเพิ่งเลิกเรียนแน่ๆ ส่วนตัวผมนั้นไม่เรียนหรอก ผมได้แต่ใช้ชีวิตเสเพลไปวันๆ
สายตาของโซดาไม่ได้มองมาที่ผม เธอมองจ้องไปที่สิ่งเหล่านั้นที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะหันกลับมามองผมด้วยสายตานิ่งๆ
“เมื่อไหร่จะเลิกเสพสักที” เธอถามผมด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“...” แต่ผมก็นั่งเงียบไม่ตอบคำถามของเธอ
“ถามจริงมันดีตรงไหนของพวกนี้เนี่ย” เธอเอ่ยถามออกมาต่อ
“มันฟิน” ผมตอบออกไปสั้นๆ ไม่ได้จะกวนตีน แต่นี่คือความจริงที่อยากจะพูดต่างหาก
“...”
“แล้วมันก็จะเวิ้งๆ หน่อย” ผมพูดออกมาต่อ โซดาเดินขยับเข้ามาใกล้ผมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ พร้อมกับง้างฝ่ามือขึ้น
ผลัวะ!
“เจอแบบนี้ยังเวิ้งอยู่มั้ย” เธอเอ่ยถามออกมา หลังจากที่ฟาดฝ่ามือลงบนศีรษะของผม อยากถามว่านี่มือหรือส้นตีน มันไม่เวิ้งหรอกแต่มันวิ้งมากกว่า
“ทำเหี้ยไรวะ กลับบ้านไปดิ่ ปวดหัวจะกินยา” ผมพูดไล่ออกมาด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่ได้ตะคอกหรืออะไร แค่พูดเล่นๆ แต่ถ้าเธอไปจริงๆ มันก็ดี ผมไม่อยากให้เธอมาเห็นเวลาผมทำเรื่องเลวๆ หรอก แล้วยาที่ผมบอกว่าจะกินนี่ก็ไม่ใช่ยาปกติทั่วไปด้วย แต่เธอก็ยังคงยืนนิ่งพร้อมกับสายตาที่มองมาทางผมอย่างไม่ลดละ
แววตาของเธอมันสื่อให้เห็นว่าอีกสักพักจะมีเรื่องดราม่าตามมา
“ถ้านายยังทำนิสัยแบบนี้ สักวันนายจะไม่เหลือใคร” ร่างเล็กพูดบอกผมออกมาด้วยแววตานิ่งๆ
เห็นหรือเปล่าผมบอกแล้ว
สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็คือมองสบตาเธอนิ่งๆ โดยไม่กล้าขยับปากพูดอะไรออกมา ขณะที่สมองของผมมันกำลังคิดทบทวนกับสิ่งที่เธอพูด โซดาเป็นผู้หญิงที่สวยและเพียบพร้อมไปซะทุกอย่าง ถ้าเปรียบเธอเป็นที่สูง ผมก็คงเป็นที่ต่ำ ผมอยากจะไขว่คว้าเธอ แต่มันก็เกินเอื้อม
เพราะคนเลวๆ อย่างผมมันไม่มีค่าที่จะคู่ควรกับเธอ
“ถ้าฉันเป็นคนดีแล้วเธอจะรักฉันได้มั้ย” ผมลองย้อนถามกลับไป แต่เธอก็ยังคงยืนนิ่ง ก่อนที่จะเดินออกไปโดยที่ไม่ได้ตอบอะไรผมทั้งนั้น
ก็เข้าใจ...ไม่ว่าผมจะเป็นยังไงสุดท้ายเธอก็ไปอยู่ดี
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว ประโยคนี้มันไม่มีผลอะไรกับชีวิตของผม ไม่ว่าจะทำตัวดีแค่ไหน สุดท้ายก็เหี้ยในสายตาของเธออยู่ดี…
ครั้นพอคิดมาถึงตรงนี้ผมก็รู้สึกเครียด จนต้องเอื้อมมือไปหยิบบุหรี่อีกมวนขึ้นมาจุดสูบ ก่อนจะพ่นควันออกมาช้าๆ อย่างเหม่อลอย อยากจะตบปากตัวสักทีสองทีที่พูดอะไรแบบนั้นออกไป
แต่สักพักหนึ่งโซดาก็กลับเข้ามาพร้อมกับถุงก๋วยเตี๋ยวในมือ เธอเดินตรงเข้าไปในครัวก่อนจะกลับมาอีกครั้งพร้อมชามก๋วยเตี๋ยว โซดาใช้มือกวาดสิ่งเสพติดที่อยู่บนโต๊ะไปทางอื่น แล้ววางชามก๋วยเตี๋ยวนั้นลงตรงหน้าผมแทน
“ที่พูดออกมาเมื่อกี้คือนายกำลังเบลอใช่มั้ย งั้นกินอะไรร้อนๆ หน่อยสติจะได้กลับมา” เธอพูดบอก ดวงตาคมของผมหลุบมองชามก๋วยเตี๋ยวสลับกับใบหน้าของเธอ
“ถ้าอยากให้กินก็ปรุงให้ด้วยดิ” หลังจากที่ผมโพล่งออกไปแบบนั้น โซดาจึงเดินเข้าไปในครัวอีกครั้งแล้วกลับออกมาพร้อมเครื่องปรุง เธอใส่ทุกอย่างลงไปจนกระทั่งเหลือขั้นตอนปรุงลำดับสุดท้าย
“ใส่พริกเยอะมั้ย” เธอเงยหน้าขึ้นถามผม ขณะที่มือเล็กก็กำลังจับช้อนและกระปุกพริกป่นอยู่
“เยอะๆ” ผมตอบสั้นๆ อย่างไม่ใส่ใจ จริงๆ ก็กินได้หมดขอแค่เธอทำให้ก็พอ
“งั้นเทหมดเลย” แล้วเธอก็ทำแบบนั้นจริงๆ โซดาตะแคงพริกป่นในกระปุกที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง แล้วเทพรวดเดียวลงในชามก๋วยเตี๋ยวของผมจนหมดกระปุก
“ไหนๆ ปรุงแล้วก็กินเองเลยเถอะ” ผมบอกเธอก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินหนีไป ตอนกินไม่เท่าไหร่ แต่ตอนขี้นี่ดิใครจะมาช่วยผม
.:END ICE PART:.
.:SODA PART:.
หลังจากที่ฉันบังคับให้ไอซ์กินก๋วยเตี๋ยวที่ฉันปรุงได้ ฉันก็เดินออกมาจากบ้านของเขา แล้วตรงไปที่ป้ายรถเมล์เพื่อขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้านของตัวเอง
ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดเท่าไหร่ เขามักจะชอบถามตลอดว่ารักฉันมั้ยๆ รักเหี้ยอะไรของมันฉันก็ไม่รู้ สงสัยไอซ์เบลออย่างที่ฉันว่าจริงๆ นั่นแหละ แต่ถึงแม้ว่าเขาจะทำตัวเหลวแหลกแค่ไหน แต่เขาก็ไม่เคยทำให้ฉันต้องหลั่งน้ำตา
“ลุงคะจอดตรงบ้านหลังนี้เลยค่ะ” ฉันพูดบอกลุงคนขับแท็กซี่ เมื่อรถขับมาถึงหน้าบ้านของตัวเอง ลุงจอดรถตามที่ฉันบอก ก่อนที่ฉันจะยื่นค่าโดยสารให้กับลุง แล้วเปิดประตูก้าวลงจากรถเพื่อเดินเข้าบ้าน
บ้านของฉันค่อนข้างใหญ่โต เพราะฐานะทางบ้านค่อนข้างดี แต่ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะดีไปอีกนานแค่ไหน ทุกอย่างที่ครอบครัวฉันมี ก็เป็นเพราะพ่อของฉันนั่นแหละคือคนที่สร้างมันขึ้นมา แต่ตอนนี้พ่อของฉันไม่อยู่แล้ว ท่านเสียไปตั้งแต่ที่ฉันยังเรียนอยู่มัธยม อีกไม่นานคงจะมีใครสักคนมาทำลายสิ่งที่พ่อฉันสร้างด้วยน้ำพักน้ำแรงของท่าน
“ไปไหนมาโซดา!” และคนที่จะทำลายมันก็อาจจะเป็นแม่ของฉันเองก็ได้
“ไปหาเพื่อนมาค่ะ” ฉันตอบออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ขณะกำลังเดินตรงไปที่บันไดซึ่งแม่ของฉันเองก็กำลังเดินลงมาจากบนนั้น
“เพื่อนคนไหน ใช่ผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า” แม่เอ่ยถามออกมาต่อ ท่านไม่ชอบให้ฉันไปยุ่งกับไอซ์มากเท่าไหร่ เหตุผลมันก็เพราะว่าเขาเป็นคนไม่ดี แต่ความจริงแล้วที่แม่ของฉันไม่ชอบไอซ์ก็เป็นเพราะว่าเขาไม่ได้ร่ำรวยต่างหากล่ะ ที่บอกว่าไม่ดีน่ะมันก็แค่การหาข้ออ้างให้ดูสวยหรู
สำหรับแม่ของฉันต่อให้เลวมากแค่ไหนแม่ก็ไม่สนใจหรอก แม่ฉันสนอย่างเดียวคือขอแค่มีเงินเท่านั้น
“ใช่ค่ะ”
“ฉันบอกแกแล้วใช่มั้ยว่าห้ามไปยุ่งกับมัน! ผู้ชายทำตัวเหลวแหลกอย่างนั้นแกยุ่งเข้าไปได้ยังไงห๊ะ!!” แม่ฉันเป็นพวกชอบดูถูกคนแบบนี้แหละ ถ้าเห็นบ่อยๆ ก็คงจะชินไปเอง คนรอบข้างแม่ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครทำตัวเหลวแหลก บางทีอาจจะหนักกว่าไอซ์เลยด้วยซ้ำ
ยามใดที่ได้กลิ่นหอมของเธอ นิสัยของผมจะกลับกลายเป็นอีกคน... ทั้งชีวิตที่เกิดมา ไม่เคยมีใครแสดงท่าทีรังเกียจฉันได้มากเท่าเขาอีกแล้ว… “คุณมีปัญหาอะไรกับฉันหรือเปล่าคะคุณแซ้งค์” “ใครจะกล้ามีปัญหากับลูกสาวเจ้าพ่ออย่างคุณเอวาได้ล่ะครับ” “ก็คุณไงคะ” .......................................................................................... ฉันต้องรู้สึกยังไงที่จู่ ๆ ก็มีคนบางคนชอบแสดงท่าทีเหมือนรังเกียจ ทุกครั้งที่พยายามเข้าใกล้ เขาก็จะถอยห่าง มองจากดาวอังคารยังรู้ ว่า ‘คุณแซ้งค์’ กำลังไม่ชอบขี้หน้าฉันอย่างแรง แต่บอกไว้ก่อน เราไม่เคยมีเรื่องกัน แล้วทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ไปได้ “บอกเหตุผลมาหน่อยได้มั้ยคะ ว่าทำไมถึงทำเหมือนไม่ชอบฉันนัก” “ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่ผมแค่ไม่อยากอยู่ใกล้คุณ” “แล้วมันทำไม?” “ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง” หลังจากได้รับคำตอบ ฉันก็ไม่เคยเข้าใจในความหมายนั้น กระทั่งคืนหนึ่งได้เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น ซึ่งนี่แหละคือจุดเปลี่ยนความสัมพันธ์ของเราไปตลอดกาล...
ยามใดที่ร่างกายสัมผัสถูกเกสรดอกไม้ นิสัยของผมจะกลับกลายเป็นอีกคน... เพราะความเมามายเป็นเหตุ จึงทำให้ฉันต้องอยู่บนเตียงกับเขาตลอดทั้งค่ำคืนนั้น คิดว่าจะจบ ทว่าเราสองคนกลับหวนมาเจอกันอีกครั้งในวันหนึ่ง “คุณท้องกับผมเหรอ?” “คุณคิดว่าเครื่องตัวเองฟิตสตาร์ทติดง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ?” .......................................................................................... ชีวิตของฉันซวยมากเลยค่ะคุณกิตติคะ ด้วยความที่เพื่อนงอนกับแฟนก็เลยอยู่ช่วยปลอบใจ พร้อมคอยปรามไม่ให้เพื่อนดื่มแอลกอฮอล์จนเมามายไร้สติ แต่จู่ๆ ก็มีนังตัวดีที่ไหนไม่รู้ส่งคลิปคนรักของฉันซึ่งกำลังนัวเนียกับผู้หญิงคนอื่นมาให้ดู ไป ๆ มา ๆ จึงกลับกลายเป็นว่าเพื่อนต้องปลอบใจฉันแทน อาการเจ็บช้ำหัวใจที่จู่โจมเข้ามากะทันหันโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ส่งผลให้ฉันกระดกเหล้าเข้าปากรัว ๆ แบบไม่หยุดยั้ง ยังค่ะ...เรื่องยังไม่จบที่ตรงนั้น แฟนเพื่อนตามมารับเพื่อนกลับบ้าน แต่ก็ยังมีน้ำใจพาฉันขึ้นไปห้องพัก ทว่า...ห้องนั้นดันไม่ใช่ห้องของฉันนี่สิ "คุณเป็นใคร เข้ามาในห้องของผมได้ยังไง ออกไปเดี๋ยวนี้!" ท่าทางของผู้ชายตรงหน้าที่กำลังเอ่ยปากไล่ฉันดูแปลกตา คล้ายกับกำลังระงับอารมณ์บางอย่าง กระนั้นระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายก็ทำให้ฉันไม่อยากสนใจอะไรนอกเสียจากล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าง "อะไร? จะแปลงร่างเหรอ? ไปเล่นที่อื่นไปหนู พี่จะนอน" ความเมาเป็นเหตุสังเกตได้ ตื่นขึ้นมานั่นแหละถึงได้รู้ ว่าตนเองถูก 'คนแปลกหน้า' พรากความบริสุทธิ์ไปเสียแล้ว...
ยามใดที่ดวงอาทิตย์ตกดิน นิสัยของผมจะกลับกลายเป็นอีกคน... ค่ำคืนนั้นเขาช่างเร่าร้อน ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราล้วนไม่ใช่เพราะความรัก... "ขึ้นชื่อว่าคนดูแลชั่วคราว เธอก็จะได้อยู่แค่ในสถานะนั้น อย่าใฝ่สูง" .......................................................................................... ฉันได้รับหน้าที่ให้ดูแล 'ผู้ชายคนหนึ่ง' ทว่าของแถมที่พ่วงติดมาด้วยนั้นคือเรื่องราวน่า 'ประหลาด' ซึ่งเป็นเหตุทำให้ชีวิตของฉันต้องพลิกผันไปตลอดกาล "คุณซานเป็นอะไรหรือเปล่าคะ" การเห็นเจ้านายแสดงท่าทีราวกับทุกข์ทรมานอยู่ตรงหน้า จึงไม่นิ่งนอนใจที่จะเอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วง พร้อมขยับก้าวเข้าไปเพื่อช่วยพยุง "ออกไป!" ทว่าร่างสูงตรงหน้ากลับตะคอกใส่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หนำซ้ำยังสะบัดตัวฉันออกจนเซถลาเกือบล้มลงกระแทกพื้น "ออกไปจากห้องฉัน...เดี๋ยวนี้!!" หากย้อนเวลากลับไปได้ คืนนั้นฉันจะเชื่อฟัง และยอมเดินออกไปจากห้องแต่โดยดี...
ผมไม่เคยคิดว่าการที่ไว้หนวดไว้เครา และทำตัวเซอร์ๆ จะทำให้ใครบางคนต้องร้องไห้เพียงเพราะแค่เห็นหน้า "ฮือ...แม่จ๋าหนูกลัวโจร" เด็กผู้หญิงที่ร้องไห้ในวันนั้น คือคนที่ผมต้องสยบจวบจนถึงทุกวันนี้... ........................................................................ ฉันไม่รู้ว่าเริ่มชอบเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แต่ว่าพอได้ชอบฉันก็ไม่สามารถห้ามความรู้สึกของตัวเองได้อีกเลย... วินาทีแรกที่เจอกัน 'เขา' ทำให้ฉันรู้สึกกลัว แต่พอนานวันเข้า เขากลับเป็นคนที่สอนให้ฉันรู้จักคำว่า 'ความรัก' "ถ้าโตขึ้นแล้วมีผู้ชายมาชอบหนู แด๊ดดี้จะทำยังไงคะ?" "ฆ่ามัน" ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นเอาไว้ในใจ พอโตมาถึงได้รู้ ว่าฉันจะต้องเป็นของแด๊ดคนเดียวตลอดไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม...
"มาโรงพยาบาลวันนี้ป่วยเป็นอะไรอีกล่ะคะ" "พอดีกินข้าวไม่ค่อยได้น่ะครับ" "หืม? มีอาการอาเจียนด้วยหรือเปล่าคะ หรือว่ายังไง" "เปล่าครับ แค่ไม่มีตังค์" "..." "ถ้าคุณพยาบาลไม่รังเกียจ ผมขอฝากท้องไว้สักมื้อนะครับ" "คุณท้องเหรอคะ?" ........................................................................ "ถ้านายทำร้ายฉัน ฉันจะโทรไปฟ้องพี่" ฉันรู้ว่าคำขู่ของตัวเองมันอาจจะไม่ได้ผล เพราะเขาเป็นผู้ชายที่หน้าด้านหน้าทนยิ่งกว่าปูนซีเมนต์ หมายถึงทนมือทนตีนน่ะนะ "ฟ้องมากๆ ระวังโดนตบด้วยปากและกระชากด้วยลิ้นนะ" นอกจากจะเป็นผู้ชายที่กวนตีนแล้ว ความหื่นของเขาก็มีมากเช่นกัน หมดเรี่ยวแรงไปเท่าไหร่แล้วกับผู้ชายพันธ์นี้...โปรดอยู่ให้ห่างแล้วชีวิตจะปลอดภัย
เคยได้ยินคำว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้หรือเปล่า? และฉันก็ไม่ชอบให้ใครมาหากินในที่ของฉัน แต่ 'มัน' เสือกทำ "ไม่ใช่เด็กถิ่นเช็คอินได้เปล่า" ด้วยความที่โชคชะตามันโหดร้าย จึงทำให้เราสองคน 'ได้' กัน ........................................................................ สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดก็คือความเจ้าชู้ แต่แล้ววันหนึ่งฉันกลับกลายทำตัวเป็นแบบนั้นซะเอง เหตุการณ์ที่พบเจอมันบีบบังคับให้ฉันต้องร้าย ต้องแรง และ...อยู่ให้เป็น "นี่ไม่ใช่ที่วิ่งเล่นของเด็ก กลับบ้านไปดูดนมนอนไป๊!" วาจาที่พ่นออกมาจากริมฝีปากหนาเป็นอะไรที่ฉันรังเกียจพอๆ กับการเห็นหน้า 'คนพูด' "ก่อนไป ขอเตะปากทีดิ" เท้าของฉันมันกำลังกระตุก เมื่อหูได้ยินอะไรที่ไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ เขาว่ากันว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เห็นทีว่ามันจะจริง...
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"