หากคุณเชื่อเรื่องความบังเอิญ คุณก็คงเชื่อเรื่อง พรหมลิขิต เช่นกัน ทิศเหนือสะดุดรักแรกพบ และเฝ้ารอคอยการเจอกับเธออีกครั้งและสัญญากับตัวเองจะไม่มีวันปล่อยเธอให้หลุดมือไป
หากคุณเชื่อเรื่องความบังเอิญ คุณก็คงเชื่อเรื่อง พรหมลิขิต เช่นกัน ทิศเหนือสะดุดรักแรกพบ และเฝ้ารอคอยการเจอกับเธออีกครั้งและสัญญากับตัวเองจะไม่มีวันปล่อยเธอให้หลุดมือไป
แรกพบสบสายตาผ่านฝนพร่ำ
คราสองรักหวนคืนเหมันต์โปรย
สายลมพัดกระทบผิวกาย สองเท้าเปลือยเปล่าเหยียบย้ำไปตามเม็ดทรายละเอียดปะทะสายน้ำทะเลซัดเข้าฝั่งก่อนจะย้อนกลับไป เผยให้เห็นเปลือกหอยเล็กที่โผล่พ้นมา ปูเสสวนพากันวิ่งไต่ลงทะเลเมื่อเจอคน
ริมฝีปากอมชมพูคลี่ยิ้มย่อตัวลงนั่งเก็บเปลือยหอยสีชมพูสวยขึ้นมาพิจารณา ก่อนจะหันไปมองแสงอาทิตย์ที่เริ่มสาดส่อง มือเล็กกระชับผ้าคลุมไหล่ ขยับลุกขึ้นเดินไปตามทางก่อนจะหยุดยืนหันหน้าเข้าหาทะเลกว้าง
“ทะเลสวยมากก” อลินดายกมือขึ้น มองเส้นขอบฟ้าสีสวย ไม่มีเค้าพายุร้ายในวันก่อน โชคดีที่เธอเดินทางมาถึงหลังพายุผ่านไปแม้ว่าคลื่นทะเลจะค่อนข้างแรงอยู่บ้าง
“ดีใจที่ชอบ” กวินทร์หยุดยืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาว “เอ่อ อลิน เรา...เรามาเป็นแฟ...”
“เฮ้ย! เด็กตกน้ำ!” อลินดาร้องออกมาพร้อมชี้ไปต้นทาง ก่อนจะวิ่งไปในทะเลอย่างไม่คิดชีวิต เสียงร้องขอให้ช่วยเหลือดังต่อเนื่องพร้อมผู้คนที่เดินเรียบชายหาดพากันสนใจ บ้างก็วิ่งมาช่วยเหลือก่อนที่ครอบครัวเด็กจะตามมาดูแลต่อ
อลินดาเดินไปทางที่พักหลังอีกฝ่ายปลอดภัยแล้ว พร้อมรอยยิ้มดีใจประดับ
“อลิน”
“มีอะไรค่อยคุยกันนะ ฉันหนาวขอไปอาบน้ำก่อน ฮึย” ว่าพร้อมลูบแขนตัวเอง
“เอางั้นก็ได้”
อลินดาส่งยิ้มให้ก่อนเดินหลบเข้าห้องพัก กวินทร์เป็นเพื่อนสมัยเรียนและอีกฝ่ายพยายามตามจีบตลอดครึ่งปี จนกระทั่งวันนี้แหละที่เธอตั้งใจจะตอบรับความรู้สึกของเขา
แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างฝัน ท้องฟ้าที่สดใสสุขสงบเมื่อเช้า กลับกลายมีพายุโหมเข้ามาตอนเย็นแทน อลินดาแต่งชุดสวยมานั่งคอยกวินทร์ในร้านอาหารที่จองเอาไว้ เวลาผ่านไปจากนาที เปลี่ยนไปเป็นชั่วโมง ไร้ร่างอีกฝ่ายมาหา โทรหาก็ไม่รับ สีหน้าที่เปี้ยมไปด้วยความตื่นเต้นเปลี่ยนเป็นกังวล
เดินไปหาอีกฝ่ายที่ห้องแต่เห็นเขาพาผู้หญิงเข้าห้อง เท้าเล็กหยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้องเสียงประสานของชายหญิงที่ได้ยิน ทำให้เธอน้ำตาตก กลับไปร้องไห้ที่ห้องนอนเงียบ ๆ คนเดียว
“อลิน”
อลินดาหันกลับไปเจอกวินทร์เดินมาหา ร่องลอยแดงเป็นจ้ำตามลำคอไม่กี่จุดมันย้ำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เธอที่เฝ้าถามว่าทำไมถึงไม่รอ เสียใจที่รู้สึกดีกับเขาจนเกือบรัก และก็ต้องขอบคุณที่ทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้มั่นคงกับเราเลย แค่อีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นที่เธอจะตอบรับความรู้สึก
“ว่าไง” เธอส่งยิ้มทักทายทว่าสายตานั้นกลับว่างเปล่า
“ขอโทษที่เมื่อคืนเราไม่ได้ไปกินข้าวด้วย”
“ไม่เป็นไร เราก็สั่งมากินที่ห้องเหมือนกัน”
เธอโกหก ก่อนจะหันมองทางอื่นแล้วถอนหายใจ รู้สึกอึดอัดไปทุกอย่างยิ่งเห็นว่าใครเดินเข้ามานั่นอีก
“เอ้า อลิน เธอก็มาด้วยเหรอ”
“นดามาเที่ยวเหรอ แล้วพักที่ไหน”
“อื้อ เราพักที่นี่ เพิ่งมาถึงเมื่อวาน ไปเล่นน้ำด้วยกันไหม” เนตรนดาเดินเข้ามาสอดแขนคล้องกับกวินทร์แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของชัดเจน
เธอมองทั้งคู่ เห็นกวินทร์แกะมือหล่อนออกจากการเกาะกุม
“ไม่ละ ครบกำหนดเช็คเอาท์แล้ว เราว่าจะกลับเลย กรจะอยู่ต่อก็ได้นะ”
“เราก็จะกลับด้วย เรามาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกัน” กวินทร์คว้าข้อมือเธอไว้ ส่งสายตาเสียใจ แต่ถูกเจ้าหล่อนแกะมือออก
เนตรนดาชักสีหน้าไม่พอใจดึงแขนเขาและเอ่ยปากชวน
“กรอยู่เที่ยวกับนิดาก่อนสิ ถ้าอลินรีบกลับก็ปล่อยเขาไปเถอะ จริงสิ ป๊ากับม๊านดาก็มาด้วยนะ บอกว่าอยากเจอกร”
“ไปนะ” เสียงพูดแผ่วเบาเอ่ยลา ก่อนจะหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นเดินไปเช็คเอาท์ออกจากที่นี่ ตลอดหกเดือนที่ถูกตามจีบตามเอาใจ เป็นใครก็ต้องรู้สึกดี แต่เวลาแค่นั้นไม่สามารถพิสูจน์ความซื่อสัตย์ และมั่นคงจากใจคนได้เลย คิดว่าเป็นโชคดีของเธอที่ได้คัดกรองคนออกไป
อลินดากลับไปทำงานและเริ่มรักษาระยะห่างกวินทร์มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นหลังกลับจากเที่ยวทะเลครั้งนั้น กวินทร์เปิดตัวคบหากับเนตรนดา และยังประกาศหมั้นกำหนดแต่งงานที่รวดเร็วจนเธอเองก็ตั้งรับไม่ทัน
“โชคดีแล้วแหละแก ที่หลุดพ้นคนแบบนั้นมาได้” เตยหอมเพื่อนสาวสองพูด
“ฉันแค่เสียใจที่เผลอรู้สึกดี”
“แกจำที่หมอดูทักได้ไหม กับเพื่อนคนนี้ไม่ใช่ แต่หลังจากนี้จะได้เจอคนนั้น และชาตินี้จะได้อยู่ด้วยกัน” เตยหอมเลียนเสียงหมอดูคนนั้นพูดเตือนความจำเธอ
ช่วงต้นปีเธอมีโอกาสไปทำงานกับเตยหอมและกวินทร์ และโดนหมอดูทักเรื่องเนื้อคู่ ตอนแรกก็ไม่เชื่อ แต่ถูกพระท่านทักเรื่องเดิมอีกครั้ง จนมาเกิดเรื่องขึ้นถึงไม่อยากเชื่อแต่ไม่อยากลบหลู่
“ฉันว่าหลังจากนี้แกจะได้เจอเขาอย่างแน่นอน เผลอ ๆ คืนนี้ตกผู้กลับห้องสักคนสิ” เตยหอมพูดทีเล่นทีจริง
“ฉันไม่ใช่แก”
“อุ๊ย! คนนั้นงานดีจัง”
หนี้สินที่พ่อหยิบยืมเอามาลงทุนกับไร่ถึงเวลาที่ต้องส่งทั้งเงินต้นและดอก แต่โชคร้ายที่ปีนั้นขาดทุน ด้วยความรักลูกไม่อยากให้รู้เรื่องนี้จึงปิดไว้ แต่ความลับไม่มีในโลก! อวัสดาที่เพิ่งเรียนจบหมาด ๆ ตั้งใจกลับมาช่วยสืบทอดกิจการของที่บ้านต้องเจอเข้ากับเรื่องไม่คาดคิด เธอต้องหาเงินมาใช้หนี้ภายในหนึ่งเดือน ด้วยจำนวนเงินมากมายทำให้เธอหมดหนทางเลือก จำใจต้องไปคุยกับเจ้าหนี้ให้รู้เรื่อง
ทุกคนมีความชื่นชอบเป็นของตัวเอง แต่เธอที่ชอบและมโนหยามใจพิมพ์ลงเป็นเรื่องราวจนเกิดความเดือดร้อน แต่รสสุคนธ์ก็ได้ชดใช้ให้เขาไปแล้ว ทว่าเรื่องราวไม่จบเมื่อธราธิปรู้ว่าเจ้าหล่อนหอบลูกในท้องหนี
ทศกัณฐ์ หวงความโสด และถูกเข้าใจผิดคิดว่าชอบผู้ชายด้วยกัน จันทร์จิราถูกไหว้วานให้ทำยังไงก็ได้ให้หลานชายของเรืองศักดิ์กลับมาเป็นชายชาตรีอีกครั้ง โดยที่เธอไม่รู้ลยว่ามันเป็นแผน
เมื่ออยู่ๆ เจ้านายที่สาวๆ หมายปองปรากฏกายต่อหน้าแถมยังให้ไปทำงานใกล้ชิด ตำแหน่ง ช่างเสื้อส่วนตัว แต่หน้าที่ของเธอนั่นเหมือนสาวใช้ส่วนตัวเสียนี่สิ แถมยังมีหน้าที่พิเศษที่ทั้งสุขปนซาบซ่านรออยู่อีกด้วย.... “ก็ได้ ฉันยอมหยุด ออกไปซะ แต่ถ้าอยากให้ฉันคลายความทรมานให้ก็ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด”
“จะทำอีกเหรอ ไหนว่าจะอาบน้ำไง” “ช่วงนี้ฤดูหนาว ไม่อาบน้ำก็ไม่เหม็นหรอก” เมื่อพ่อเลี้ยงหนุ่มหล่อเหลาต้องการเพื่อนรักของน้องสาว แผนการรักหื่น ซาบซ่านจึงอุบัติขึ้น เนื้อหาในเรื่องเน้นความหื่นเป็นหลัก พิจารณาก่อนกดซื้อเพราะคุณอาจพลาดความมันส์.....
“ทำอะไรกัน” มัลลิกาได้ยินเสียงลูอิสก็พยายามลุกขึ้นเดินไปหาเขา กำเสื้อเชิ้ตไว้ทั้งสองมือ “กลับมาแล้วเหรอคะ” “คุณดื่มเหรอ” ลูอิสก้มลงดมกลิ่นใกล้ ๆ เธอส่ายหน้าหันไปชี้ทางโดมินิกและอลิส “คุณหมอบอกเป็นยาบำรุงร่างกายค่ะ” ลูอิสมองหน้าเพื่อน คว้าเอวคอดไว้เมื่อเจ้าหล่อนทำท่าจะเซล้มไปทางอื่นให้ขยับมาพิงกายตัว แต่คนเมาดื้อยันมือออกห่างแถมยังใจกล้ากำเสื้อเขาไว้ “จริงไหมคะ” “เรื่องอะไรครับ” ลูอิสควงหญิงสาวไปทางโซฟารั้งเธอให้นั่งบนตัก มัลลิกาแกะมือที่จับเอวขยับขึ้นนั่งคร่อมสอดแขนคล้องลำคอมองหน้าเขาอย่างเรื่อง โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำของเธอกำลังทำให้เก๊กขรึมหลุดภาพลักษณ์ “ก็คุณโดมินิกเล่าว่าคุณแอบซุกกิ๊กไว้ที่บริษัท ที่ให้พลอยอยู่แต่บ้านเพราะตัวเองจะได้มีความสุขส่วนพลอยก็นั่งโง่ ๆ ทำกับข้าวรอสามี รอนอนพร้อมคุณเท่านั้น” เธอชี้ไปทางคนเล่าที่ยกมือขึ้นฉับ ลูอิสมองหน้าเพื่อนอีกฝ่ายรีบลุกขึ้นขยับถอยห่าง “พวกเรากลับก่อนนะ” อลิสลุกขึ้นตามแรงสะกิดส่งยิ้ม “กลับแล้วเหยอ” คนเมาหันไปถามเสียงยาน “แล้วอลิสมาหาใหม่นะคะ” “ค่ะ บ๊ายบาย” มัลลิกาที่เมากรึ่มพยักหน้าโบกมือให้ ก่อนจะหันกลับไปมองหน้าสามีอย่างเอาเรื่อง ลูอิสมองอาการขู่เป็นลูกแมวแล้วยิ้ม ยกมือขึ้นลูบเส้นผมนุ่มความเหนื่อยจากการทำงานถูกเธอช่วยชำระล้างอย่างง่ายดายอยู่ทุกวัน เสียงเตือนข้อความเข้า “อลิสบอกว่าวันนี้เหมาะที่สุดสำหรับการปั๊มลูก ฉันเอาใจช่วยนายนะ” มัลลิกาแย่งมือถือเขาแล้ววางไว้ข้างกาย กุมหน้าคมคายให้หันมาสนใจ “จริงไหมคะ” “เรื่องไหน” ลูอิสถามเธอพร้อมกระเตงร่างหญิงสาวขึ้นเดินออกจากห้องนั่งเล่นตรงไปห้องนอน ทุกจังหวะการเดินมั่นคงหนักแน่น สายตาก็มองหน้าคนเมาแล้วยิ้มอารมณ์ดี ไม่ว่าจะมองอีกกี่ครั้ง มัลลิกาก็เป็นคนที่สามารถทำให้เขารู้สึกดีโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย “ที่ไม่ยอมให้พลอยไปทำงานเพราะจะได้มีความสุขกับพวกหล่อน” มัลลิกาว่าพรางทำแก้มป่องสอดสองแขนคล้องคอ ลูอิสยิ้มชอบใจที่ได้เห็นอาการคล้ายหึงหวงตนจากเจ้าหล่อน ประตูห้องถูกเปิดและปิดลงพร้อมสองกายเดินเข้ามาด้านใน สะโพกได้รูปถูกวางบนเตียงกายชายกำลังจะถอยออกห่างแต่ถูกแขนที่คล้องคอรั้งไว้ จนเขาต้องตอบเสียงหนักแน่น “ผมมีแค่คุณ”
เมื่อความสัมพันธ์ลับๆ จบลง เพราะเขาต้องไปแต่งงานมีครอบครัว หล่อนจึงต้องหอบใจช้ำๆ และอีกชีวิตหนึ่งในครรภ์เดินจากไปอย่างไม่มีทางเลือก “ทำไมโลกมันกลมแบบนี้คะคุณภูมิ... ทำไมเราต้องเจอกันอีกด้วยคะ... ฮือออ” มือเล็กยกขึ้นปิดหน้าร่ำไห้ปิ่มจะขาดใจ ร่างกายสั่นเทิ้มน่าเวทนา การได้พบเจอกับภูมิระพีอีกครั้ง มันยิ่งทำให้แผลใจหัวใจขยายใหญ่มากยิ่งขึ้น นี่หล่อนจะทำยังไงดี... จะรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ยังไง แล้วไหนจะยังลูกชายอีก หากภูมิระพีรู้ว่าหล่อนมีลูกของเขาติดท้องมา เขาอาจจะทำยังไง จะแย่งลูกไปจากหล่อนไหม
เมื่อย้อนเวลามาอยู่ในยุคโบราณที่ผู้ชายล้วนมีสามภรรยาสี่อนุ จื่อรั่วอิงจึงมองหาบุรุษที่จะทำให้นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและได้รู้ว่ามีอ๋องผู้หนึ่งไร้ภรรยาและตาบอดเขาคือคนไม่มีใครเอา"สวรรค์ให้ทางรอดข้าแล้ว" นิยายเรื่องนี้เป็นแนวสุขนิยม ปมเบา ๆ ไม่หนัก นะคะ พระเอกมีเมียเดียว พระเอกสายซึนคลั่งรักนางเอกแต่ไม่รู้ตัว นางเองจอมตื๊อเพื่อทำให้สามีรักสามีหลงขนความฮามาพร้อม ๆ กับบ่าวรับใช้และครอบครัว แนวขบขัน สายฮา สายตลกไม่ควรพลาดค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"
เมื่อภัทราได้ทะลุมิติเข้าไปอยู่ในร่างของเจียงอันเล่อ ตัวละครในนิยายเรื่อง "ชะตารักพันธนาการ" ภารกิจปกป้องหานอี้หลง พระรองของเรื่องแต่เป็นชายในดวงใจของเธอก็เริ่มต้นขึ้น
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด