รักแรกพบ อาจเกิดขึ้นไม่ง่ายนัก แต่เมื่อได้เกิดกับหัวใจของผู้ชายที่ชื่อพระนาย ชายหนุ่มจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ ขวัญข้าว ดวงใจของเขา ++++ “นายช่วยฉันหน่อย ฉันทรมาน” ขวัญข้าวพร่ำบอกความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคย ความต้องการส่วนลึกดูจะมีอิทธิพล จนทำให้ขวัญข้าวเอ่ยพูดสิ่งนั้นออกไป สติของเธอตอนนี้แทบจะหลุดลอย “ทรมาน คุณเป็นอะไร?” “ไม่รู้... แต่ฉันแค่ต้องการ น่ะ... นาย... ขอร้องทำอะไรก็ได้ ฉัน... ฉัน... ทนไม่... หวะ... ไหว” ขวัญข้าวพูดติดขัดปานจะขาดใจ พูดจบก็หอบเหนื่อย ใบหน้าร้อนผ่าวๆ เพราะความเขินอายที่ตัวเองเป็นฝ่ายเชิญชวนเขาไปตรงๆ ก่อนจะก้มหน้าต่ำมองพื้นห้อง พระนายรั้งใบหน้าของขวัญข้าวให้มองมายังเขา
หลังทราบข่าวว่าพัทธนันท์คลอดลูกแล้ว ขวัญข้าวก็รีบจัดการทุกอย่างทั้งเรื่องเรียน ทั้งเรื่องอื่นๆ กว่าจะได้บินกลับมาเมืองไทยก็ผ่านไปเกือบเดือน ในกระเป๋าตอนนี้จึงเต็มไปด้วยของฝากน่ารักๆ สำหรับเด็กอ่อนสองคนที่เธอหาซื้อมามากที่สุดเท่าที่จะหาได้ เพื่อจะได้นำมาเป็นของฝากหลานๆ ฝาแฝดของเธอ การกลับมาครั้งนี้ทำให้ขวัญข้าวต้องหิ้วของฝากพะรุงพะรัง ผมยาวตรงสีดำขลับก่อนหน้าที่เคยไว้มาหลายปีจนชินตา ตอนนี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นสีบลอนด์แต่ออกโทนน้ำตาล และดัดเป็นลอนอย่างสวยงามยาวสยายอยู่เต็มแผ่นหลัง ใบหน้าหวานยังคงสวยเก๋ตามแบบฉบับสาวเอเชีย
การที่ไปอยู่เมืองนอกคนเดียวนานหลายปี ทำให้ขวัญข้าวที่เคยเรียบร้อยอ่อนหวานนั้นเข้มแข็งขึ้นทั้งกายและใจ มีความมั่นใจกว่าแต่ก่อนมาก ความอ่อนหวานซ่อนเปรี้ยวในตัวเธอเริ่มแสดงออกให้คนอื่นๆ ได้เห็น แต่กว่าที่เธอจะชินกับการใช้ชีวิตต่างบ้านต่างเมือง ก็ต้องปรับตัวนานพอดู ขวัญข้าวก้มหน้าก้มตาเดินออกจากช่องทางผู้โดยสารขาเข้า จนชนกับใครเข้าอย่างจัง ข้าวของในกระเป๋าของเธอหล่นกระจัดกระจายเต็มพื้น และคนที่เธอชนเมื่อครู่กลับใจดีช่วยเก็บของให้โดยที่ขวัญข้าวไม่รู้สึกเอะใจแม้นิดเดียว
“ขะ...ขอโทษค่ะ” ขณะที่กำลังเก็บของขวัญข้าวก็รีบเอ่ยขอโทษ เพราะเธอมัวเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดิน จนชนกับเขาเข้าอย่างไม่ตั้งใจ และเธอชักจะติดประโยคนี้เข้าไปทุกวัน ชินกับการขอโทษคนอื่นก่อนอยู่เรื่อย ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนก็แก้ไม่หายสักที
“ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มตัวสูงผิวแดงดำตรงหน้าเอ่ยบอก ก่อนจะพยักหน้าขอตัว
“เดี๋ยวก่อน” แต่สักพักเสียงทุ้มของใครบางคนก็เอ่ยขึ้น
“คืนกระเป๋าสตางค์ให้คุณผู้หญิงเค้าด้วยซิคุณ” พระนายที่เผอิญหันมาเห็นเหตุการณ์เข้าเอ่ยขึ้น ใจจริงเขาสนใจผู้หญิงตรงหน้า จนต้องเผลอมองเธอตั้งแต่ที่เธอก้าวออกมาจากทางออกของผู้โดยสารขาเข้าประเทศ เขามองเธอแล้วก็แอบยิ้ม ผู้หญิงคนนี้มีอะไรบางอย่างที่น่าดึงดูดสายตาของเขา ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร แต่สิ่งที่เขาเห็นในขณะที่เธอเดินชนกับผู้ชายคนหนึ่งแถมผู้ชายคนนั้นยังมือไวหยิบกระเป๋าสตางค์ของเธอติดดมือไปด้วย เขาจึงกล้าตัดสินว่าชายคนนั้นคงจะเป็นพวกมิจฉาชีพที่หากินกับคนไทย และนักท่องเที่ยวภายในสนามบินเป็นแน่
“กระเป๋าอะไรคุณ” ชายหนุ่มที่ชนกับขวัญข้าวเอ่ยขึ้น พร้อมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่ พระนายเดินเข้าไปคว้ากระเป๋าของขวัญข้าว ออกมาจากเสื้อของผู้ชายตรงหน้าทันที
“กระเป๋าของผู้หญิงคนนี้” พระนายใช้กระเป๋าสตางค์ของขวัญข้าว ตีไปยังหน้าอกของผู้ชายตรงหน้าแรงๆ สามสี่ครั้งจนตัวการเริ่มหน้าซีดที่ถูกจับได้
“เอ๊ะ…นั่นมันกระเป๋าสตางค์ฉันนี่” ขวัญข้าวพูดได้แค่นั้น ผู้ชายตรงหน้าก็รีบวิ่งออกไปทันที เพราะกลัวความผิดที่ก่อขึ้น ถ้าหากเขาถูกจับได้มันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่
“ระวังตัวหน่อยสิคุณ” พระนายยื่นกระเป๋าสตางค์คืนให้ขวัญข้าว ความที่ยืนใกล้กันทำให้เขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมาจากตัวเธอ มันไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมราคาแพง ที่หาซื้อได้ตามห้างในเมืองหลวงซึ่งผู้หญิงในเมืองกรุงส่วนใหญ่ชอบฉีดพรมเพราะคิดว่าหอม แต่สำหรับเขากลับชาชินและเบื่อกลิ่นที่เหมือนๆ กันพวกนั้นเต็มที แต่กับผู้หญิงตรงหน้านั้นมีอะไรที่ต่างออกไป ใบหน้าหวานอมชมพู แม้จะไม่ต้องแต่งแต้มกรีดตาให้หนักอึ้งด้วยเครื่องสำอาง แต่เธอก็ยังน่ามอง
พระนายลอบมองขวัญข้าวตั้งแต่ใบหน้าได้รูปสวย คิ้วดกหนาที่ยังไม่เคยกันคิ้วเลยสักครั้ง แต่มันก็เข้ากับดวงตากลมโตของเธอเหมือนกัน จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากจิ้มลิ้มสีชมพูระเรื่อๆ ผมยาวสยายเป็นลอนสีน้ำตาลสวยงามที่สะดุดตาเขา ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น พระนายแอบสูดดมกลิ่นหอมๆ ของผู้หญิงตรงหน้าเข้าปอดลึกๆ หลายครั้ง แม้จะอดคิดไม่ได้ว่าตัวเขาโรคจิตหรือเปล่าที่ทำแบบนี้ แต่เขากลับห้ามใจไม่ได้ เพราะเขาชอบกลิ่นหอมสดชื่นนี้อย่างบอกไม่ถูก
“ขอบคุณนะคะที่ช่วย” ขวัญข้าวเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะยื่นมือไปรับกระเป๋าสตางค์ของเธอคืนแต่พระนายกลับยื้อไว้
“คุณชื่ออะไร”
“นี่คือวิธีการขอทราบชื่อผู้หญิงของคุณหรือไง” พอได้ยินคำถามว่าเธอชื่ออะไร ขวัญข้าวก็เงยหน้าขึ้นมองผู้ชายตรงหน้าทันที แม้เธอจะยืนเต็มความสูงบวกกับความสูงพิเศษของรองเท้าอีกสองนิ้วครึ่ง เธอก็ยังสูงไม่เท่าผู้ชายตรงหน้าเลยด้วยซ้ำ ถ้าวัดกันจริงๆ เธอคงสูงแค่คิ้วของเขาเท่านั้นเอง พอรู้ว่าตนเองเตี๊ยกว่าผู้ชายตรงหน้า ขวัญข้าวก็ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างเอาเรื่อง
“เปล่า ผมก็แค่ถามไปอย่างนั้นเอง แต่ถ้าคุณไม่สะดวกที่จะบอก ผมก็ไม่เซ้าซี้”
“ไม่สะดวกค่ะ ขอบคุณที่ช่วยเรื่องกระเป๋า ฉันขอตัวก่อน” ขวัญข้าวรีบหยิบกระเป๋าสตางค์มาจากมือพระนาย แม้จะรู้สึกดีที่เขาเข้ามาช่วยเพราะเธอไม่รู้จริงๆ ว่าผู้ชายคนเมื่อกี๊เป็นมิจฉาชีพ แต่อยู่ๆ ผู้ชายคนนี้ก็มาถามชื่อเธอเอาดื้อๆ ขวัญข้าวก็ชักจะไม่ชอบสีหน้าผู้ชายคนนี้เข้าไปด้วย ผู้ชายเป็นแบบนี้เหมือนกันทุกคนหรือเปล่า ขี้หลี คิดว่าตัวเองแน่ไปซะทุกอย่าง
ขวัญข้าวจ้องมองผู้ชายตัวสูงตรงหน้าจนเมื่อยคอ กำลังคิดอยู่ว่าที่บ้านเลี้ยงเขาด้วยยีราฟรึไงถึงได้ตัวสูงขนาดนี้ เพราะเธอนั้นถือว่าเป็นหญิงไทยที่สูงมากคนหนึ่ง แต่พอเจอเขาดูเธอตัวเล็กไปทันที คิ้วก็หนายังกะชินจัง จมูกโด่งรับกับริมฝีปากหยักได้รูป หน้าตามีแต่รอยหนวดเคราเขียวๆ ตัดกับใบหน้าขาวชอบกล แม้จะดูดีแต่ทำไมรวมๆ แล้วเธอรู้สึกไม่ถูกชะตากับเขาสักนิดเดียว ‘สาธุขออย่าให้เจอกันอีกเลย’ ขวัญข้าวได้แต่ภาวนาในใจ ซึ่งแตกต่างกับพระนาย
พอได้กระเป๋าสตางค์คืนมาขวัญข้าวรีบก้าวยาวๆ ให้พ้นไปจากตรงนี้ แต่เธอกลับไม่ได้ออกไปขึ้นรถยังด้านหน้าสนามบิน ขวัญข้าวกลับเข้าไปยังส่วนของผู้โดยสารภายในประเทศอีกครั้ง เพราะเธอต้องนั่งเครื่องบินต่ออีกประมาณชั่วโมงถึงจะเรียกได้ว่ากลับมาถึงบ้านของจริง ส่วนพระนายได้แต่มองด้านหลังเธอเท่านั้น พร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนริมฝีปากหยักได้รูป เพราะไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะไปที่ไหนต่อ
“น่าสนใจ แล้วเราจะได้พบกันอีก” พระนายมองตามหลัง ขวัญข้าวจนเธอลับสายตา ก่อนจะก้าวยาวๆ ไปยังรถที่จอดรอเขาอยู่หน้าสนามบิน เพราะเขามั่นใจว่าจะได้พบผู้หญิงคนนี้อีกครั้งอย่างแน่นอน
ภูตะวัน นายหัวแห่งอาณาจักรยางพาราทางปักษ์ใต้ที่จู่ๆ ก็ถูกมารดาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเกย์ ถึงขนาดไหว้วานลูกน้องของชายหนุ่มให้ตามสืบข่าวแต่ก็ถูกจับได้เสมอๆ เมื่อคนใกล้ตัวถูกจับได้จึงต้องส่งคนไกลตัวเข้าไปทำหน้าที่แทน นั่นจึงทำให้ภูตะวันได้พบกับสาวน้อยที่ชื่อว่านับพันดาว หญิงสาวตัวเล็กผมประบ่าแววตาซุกซนและอยากรู้อยากเห็น ที่จู่ๆ ก็ทำให้หัวใจของนายหัวหนุ่มเต้นด้วยจังหวะแปลกๆ เธอมาเพื่อจับผิดเขา แต่ไปๆ มาๆ กลับเป็นมีใจให้กันอย่างไม่รู้ตัว เพราะมีใจจึงปกป้องได้แม้กระทั่งชีวิต "จูบของนับพอจะทำให้พี่ลืมจูบคุณไมค์ได้ไหมคะ" น้ำเสียงกระเส่าเอ่ยถาม "เหมือนจะยังไม่ได้" คนเจ้าเล่ห์ยิ้มตอบแล้วจูบปากอิ่มอย่างดุดันอีกครั้ง เรียวลิ้นของทั้งคู่ตะหวัดหยอกเย้าสลับดูดเม้มอย่างเป็นจังหวะ ทุกอย่างเกิดขึ้นเนิ่นนานก่อนที่ภูตะวันจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ทั้งคู่สบตากันและกันและนั่นก็คือคำตอบโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไร "นับดีใจจังที่ได้รักพี่" นับพันดาวเอ่ยรับพร้อมกับซุกตัวเข้าหาภูตะวันมากขึ้น ชายหนุ่มปัดปอยผมที่ชื้นด้วยเหงื่อออกจากหน้าผากเธอแล้วจุมพิตหนักๆ อย่างเอาใจ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่หยุดแค่นั้น "อย่ารุ่มร่ามนะคะ พอแล้ว" นับพันดาวตีมือที่เริ่มซุกซนของภูตะวันเบาๆ นอกจากบ้ากามแล้วเขายังบ้าพลังอีกด้วย เธอยังไม่ทันหายเหนื่อยเขาก็จะเริ่มใหม่อีกแล้ว "ยังไม่พอ" เขาว่าอย่างติดตลกพลอยทำให้คนฟังค้อน เขาสูบพลังไปจากเธอจนหมดยังจะบอกว่าไม่พออีกหรือไง สำหรับภูตะวันแล้วเซ็กซ์แต่ล่ะวันแต่ล่ะคืนไม่เคยมีคำว่าครั้งเดียว "คนบ้ากาม" คำพูดของนับพันดาวทำให้คนฟังหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ "มีเมียน่ารักแบบนี้ใครที่ไหนจะอดใจไหว" เพราะเขินอายทำให้นับพันดาวทุบแผงอกของภูตะวันไปแรงๆ ก่อนที่เขาจะทำให้เธอครางกระเส่าออกมาอีกครั้ง ซึ่งนับพันดาวก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด จูบที่อ่อนหวานกลายเป็นเร่าร้อนดุดันชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร
ภูตะวัน นายหัวแห่งอาณาจักรยางพาราทางปักษ์ใต้ที่จู่ๆ ก็ถูกมารดาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเกย์ ถึงขนาดไหว้วานลูกน้องของชายหนุ่มให้ตามสืบข่าวแต่ก็ถูกจับได้เสมอๆ เมื่อคนใกล้ตัวถูกจับได้จึงต้องส่งคนไกลตัวเข้าไปทำหน้าที่แทน นั่นจึงทำให้ภูตะวันได้พบกับสาวน้อยที่ชื่อว่านับพันดาว หญิงสาวตัวเล็กผมประบ่าแววตาซุกซนและอยากรู้อยากเห็น ที่จู่ๆ ก็ทำให้หัวใจของนายหัวหนุ่มเต้นด้วยจังหวะแปลกๆ เธอมาเพื่อจับผิดเขา แต่ไปๆ มาๆ กลับเป็นมีใจให้กันอย่างไม่รู้ตัว เพราะมีใจจึงปกป้องได้แม้กระทั่งชีวิต "จูบของนับพอจะทำให้พี่ลืมจูบคุณไมค์ได้ไหมคะ" น้ำเสียงกระเส่าเอ่ยถาม "เหมือนจะยังไม่ได้" คนเจ้าเล่ห์ยิ้มตอบแล้วจูบปากอิ่มอย่างดุดันอีกครั้ง เรียวลิ้นของทั้งคู่ตะหวัดหยอกเย้าสลับดูดเม้มอย่างเป็นจังหวะ ทุกอย่างเกิดขึ้นเนิ่นนานก่อนที่ภูตะวันจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ทั้งคู่สบตากันและกันและนั่นก็คือคำตอบโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไร "นับดีใจจังที่ได้รักพี่" นับพันดาวเอ่ยรับพร้อมกับซุกตัวเข้าหาภูตะวันมากขึ้น ชายหนุ่มปัดปอยผมที่ชื้นด้วยเหงื่อออกจากหน้าผากเธอแล้วจุมพิตหนักๆ อย่างเอาใจ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่หยุดแค่นั้น "อย่ารุ่มร่ามนะคะ พอแล้ว" นับพันดาวตีมือที่เริ่มซุกซนของภูตะวันเบาๆ นอกจากบ้ากามแล้วเขายังบ้าพลังอีกด้วย เธอยังไม่ทันหายเหนื่อยเขาก็จะเริ่มใหม่อีกแล้ว "ยังไม่พอ" เขาว่าอย่างติดตลกพลอยทำให้คนฟังค้อน เขาสูบพลังไปจากเธอจนหมดยังจะบอกว่าไม่พออีกหรือไง สำหรับภูตะวันแล้วเซ็กซ์แต่ล่ะวันแต่ล่ะคืนไม่เคยมีคำว่าครั้งเดียว "คนบ้ากาม" คำพูดของนับพันดาวทำให้คนฟังหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ "มีเมียน่ารักแบบนี้ใครที่ไหนจะอดใจไหว" เพราะเขินอายทำให้นับพันดาวทุบแผงอกของภูตะวันไปแรงๆ ก่อนที่เขาจะทำให้เธอครางกระเส่าออกมาอีกครั้ง ซึ่งนับพันดาวก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด จูบที่อ่อนหวานกลายเป็นเร่าร้อนดุดันชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร
สวาทรักพ่อเลี้ยงภูเมฆ “นี่คุณจะใจดีจ่ายหนี้แทนณดลอย่างนั้นเหรอ” เพราะไม่พอใจกับการตัดสินใจของเภตราทำให้เสียงของภูเมฆนั้นห้วนไม่น่าฟัง “ฉันจ่ายเพื่อซื้ออิสรภาพของตัวเองต่างหากแล้วค่อยไปเอาคืนผู้ชายห่วยๆ นั่น คุณอยากได้เท่าไหร่ก็ว่ามา” มีหรือที่เภตราจะจ่ายหนี้ให้ณดลกลับกันเธอจะเอาคืนอีกฝ่ายให้สาสมต่างหาก “ผมไม่รับเงินสดไม่รับเช็คหรืออะไรทั้งนั้น สิ่งเดียวที่ผมอยากได้คือแรงและเวลา ถ้าคุณทำตัวดีๆ สามสี่ปีก็น่าจะใช้หนี้ผมได้หมด” “แล้วสิ่งที่คุณทำกับฉันเมื่อคืนมันมีค่าเท่าไหร่ ไม่พอใช้หนี้เลยหรือไง” เภตราเอ่ยถามเสียงสั่นพร้อมกับน้ำตาที่จู่ๆ ก็เอ่อออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง ภูเมฆสบตาที่แดงก่ำของเธอแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่พอ” คำตอบของเขาช่างแสนเลือดเย็นจนทำให้เภตราจุกไปทั้งอกก่อนจะกล้ำกลืนน้ำตาลงคอ เพราะไม่อยากให้มันไหลออกมาประจานตัวเอง ในเมื่อเขาไม่เห็นค่าของมันเธอไปเก็บมาใส่ใจแล้วจะได้อะไร
งานทำบุญครบร้อยวันยังมาไม่ถึงด้วยซ้ำ แต่จู่ๆ อดีตคนรักของน้องสาวก็ประกาศจะแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ แถมเธอคนนั้นยังเคยเป็นอดีตคนรักของเขาอีกด้วย นั่นทำให้คริสบินตรงกลับมาที่เมืองไทยเพื่อสะสางความแค้นให้เขาและน้องผู้จากไป +++++++++++++++++ “คุณ” ลลิตาอุทานออกมาอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าคนที่ยืนกดออดอยู่หน้าบ้านเป็นคริส ชายหนุ่มรู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่นี่ “ขอเข้าไปหน่อย” แขกที่ไม่ได้รับเชิญเอ่ยบอกแต่เจ้าบ้านสาวกลับไม่ยอมทำตามเช่นกัน “ฉันไม่สะดวก คุณมีอะไรก็พูดมาได้เลย” “แน่ใจหรอกว่าจะให้ผมพูดตรงนี้” “แน่ใจ” ลลิตาเชิดหน้าขึ้นสูง เธอต้องเอาชนะผู้ชายคนนี้ให้ได้ จะไม่ยอมให้เขาเห็นความอ่อนแอแน่นอน “โอเค แน่ใจก็แน่ใจ บังเอิญว่าผมยังเก็บคลิปเซ็กซ์ของเราไว้ดูต่างหน้า” “ว่าอะไรนะ!” คำพูดของคริสทำให้ลลิตารู้สึกเย็นวาบไปถึงตัว เพราะอารมณ์ในตอนนั้นมันพาไปเธอจึงยอมให้เขาถ่ายทุกอย่างเก็บไว้ ไม่คิดว่าวันนึงคลิปบ้าๆ นั่นจะตามมาหลอกหลอนเธอ “ได้ยินชัดแล้วนี่” “แต่ฉันลบมันไปแล้วกับมือ” ลลิตามั่นใจว่าเธอลบคลิปที่ว่ากับมือแล้วทำไมคริสถึงยังมีอีกหรือว่าเขาหลอกให้เธอตายใจ “ลบเสียเมื่อไหร่เพราะก่อนหน้านั้นผมสำรองไฟล์ไว้ดูหลายไฟล์ คิดถูกจริงๆ ที่ทำแบบนั้น” “สารเลว” “นอกจากมีคลิปแล้วผมยังเปิดดูมันบ่อยๆ ด้วยนะ คุณไม่อยากดูบทรักของเราหน่อยเราเหรอ” คริสเอ่ยอย่างไม่ไยดีราวกับเรื่องที่เขาทำนั้นเป็นสิ่งปกติ “คุณมาหาฉันเพื่อเอาคลิปอุบาทว์ๆ นั่นมาขู่อย่างนี้นะเหรอ” “ผมไม่ได้ขู่” “แล้วต้องการอะไร” “วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ช่วยหาเวลาให้ผมหน่อย ขอแค่สามวันเท่านั้น” นั่นคือหนึ่งในแผนที่จะทำลายผู้หญิงตรงหน้าของคริส “ถ้าฉันปฏิเสธล่ะคะ” ลลิตาจ้องตาเขากลับมาอย่างไม่กลัวเช่นกัน “คุณก็น่าจะเดาได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง คลิปในมือผมมันคงทำให้คุณดังกระฉ่อนทีเดียวล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มมุมปากพร้อมหัวเราะออกมาเล็กน้อย คำขู่ของเขายังคงได้ผลกับลลิตาเรื่องแบบนี้คนที่เสียหายที่สุดคงเป็นผู้หญิงแบบเธอ “ถ้าคลิปนั่นหลุดขึ้นมา คุณเองก็จะดังกระฉ่อนไปด้วยไม่ใช่หรอ หน้าที่การงานที่คุณโหยหาและสร้างมันของคุณจะพังทลายไปเหมือนกัน” “มันคือเรื่องส่วนตัวฝรั่งเขาไม่แคร์เรื่องนี้หรอกอีกอย่างในคลิปนั้นก็ไม่เห็นหน้าผมด้วยสิ”
คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ยังเวอร์จิ้น! มาแก้ไขปริศนาประโยคนี้กันค๊า โดยแกนนำคือรอยส์ซีอีโอหนุ่มที่ตกหลุมรักลูกน้องคนเก่งที่มีสถานะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างขวัญชีวาเข้าอย่างจัง กระทั่งเธอก็มีเหตุให้ยื่นใบลาออก รอยส์จึงใช้ความเจ้าเล่ห์เข้าล่อหลอกเพื่อให้เธอตกหลุมพราง แต่ดูเหมือนเขาต่างหากที่จะตกหลุมพรางที่ตัวเองขุดไว้เสียเอง ในเมื่อต้องการเรื่องอะไรจะปล่อยเธอไป ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องได้ด้วยกลไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องได้ด้วยคาถา โอมมมม เพี้ยงงงงง
เธอถูกคนใกล้ตัวคิดร้ายและเขาคือเจ้าชายขี่ม้าขาว รวีคือหญิงสาวที่รอดตายจากการถูกลอบฆ่า เธอดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากก้นเหมืองและคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้คือภีม บางคนกล่าวไว้ว่าความรักครั้งนี้ของภีมเกิดขึ้นจากความสงสาร แต่ชายหนุ่มก็พิสูจน์ให้เห็นว่าความรักที่เกิดจากความสงสารนั้นไม่ผิด เขารักเธอ รักผู้หญิงแปลกหน้าที่ใสซื่อและไร้พิษภัย เพราะรักจึงทุ่มเทและเลือกที่จะปกป้อง ใครหน้าไหนก็แตะเธอไม่ได้
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน