"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ
กลางดึก
เซิ่งเกอนอนอย่างกระสับกระส่าย
เธอรู้สึกว่าตัวเองถูกคนทับอยู่บนตัว จนเธอแทบจะหายใจไม่ออก
ข้างหูยังมีเสียงลมหายใจหนักหอบ
แล้วเธอก็รู้สึกเจ็บแสบที่ด้านล่าง
หลังจากได้สติ เซิ่งเกอก็ลืมตาขึ้นอย่างตกใจ แลเห็นเงาลาง ๆ ของผู้ชายที่อยู่บนตัวเธอ
“หยุนเหนียน ใช่..... คุณไหม?”
ชายคนนั้นส่งเสียง “อื้ม” ขึ้นมาเบา ๆ ในลำคอ บนตัวคละเคลาไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ หลังจากที่เขาจู่โจมรอบแล้วรอบเล่า ก็ไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ อีก
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เซิ่งเกอก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หลังจากนั้นเธอก็ค่อย ๆ ปล่อยตัวไปตามการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย แล้วก็ส่งเสียงครวญครางในลำคอออกมาโดยไม่รู้ตัว
การจู่โจมรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เธอกัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวด ตัวเธอเหมือนกับจมดิ่งลงไปภายใต้บรรยากาศชวนรักชวนฝัน ราวกับว่าเธอกำลังล่องลอยอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ
หลังจากแต่งงานมาได้สามปี ในที่สุดเฟิงหยุนเหนียนก็ยอมแตะเนื้อต้องตัวเธอสักที!
เนื่องจากเธอเป็นภรรยาที่คุณท่านยัดเยียดให้เขา หลายปีที่ผ่านมานี้เฟิงหยุนเหนียนจึงไม่เคยมองเธอเต็ม ๆ ตาเลย
ครั้งนี้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ที่ทำให้เขาเข้ามาในห้องเธอ
นั้นก็ทำให้เธอก็มีความสุขมาก!
สองชั่วโมงต่อมา เฟิงหยุนเหนียนก็นอนลงบนตัวเธออย่างอ่อนล้าพร้อมกับเสียงครวญคราง แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างเผยให้เห็นรูปร่างที่เพอร์เฟคของเขา
เซิ่งเกอได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นเร็วมาก แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริง แต่กลับเหมือนเป็นความฝัน
หากเป็นความฝันจริง ๆ เธอคงไม่อยากที่จะตื่นตลอดไป
เธอโอบท้ายทอยเขา ราวกับตกอยู่ในความหลงใหล พลางหอบหายใจหลังออกกำลังกายเสร็จ “หยุนเหนียน.....หยุนเหนียน จริง ๆ แล้วฉัน......”
ก่อนที่เธอจะทันได้เอ่ยคำว่า “รักคุณมาก” ออกไป อีกฝ่ายก็พึมพำขึ้นมาด้วยเสียงที่แหบพร่าว่า
“อาหนิง.......”
เซิ่งเกอแข็งเป็นหินไปในทันที
หัวใจของเธอสั่นไหวอย่างรุนแรง เหมือนเลือดทั้งตัวของเธอกำลังไหลย้อนกลับ
อาหนิงเป็นชื่อเล่นของมู่จือหนิง ธอเป็นรักแรกที่เฟิงหยุนเหนียนรักหมดหัวใจ เป็นเพราะฝีมือของคุณท่าน หลายปีมานี้เธอจึงอยู่แต่ต่างประเทศมาตลอด
แต่เมื่อวานนี้มู่จือหนิงกลับมาแล้ว
แถมยังส่งข้อความมาหาเรื่องเธออีกด้วย
“เซิ่งเกอ ฉันกลับมาแล้วนะ ไม่มีที่สำหรับเธอในตระกูลเฟิงอีกแล้ว!”
“ฉันกับอาหยุนรักกันมาตั้งแต่เด็ก เธอคิดจริง ๆ เหรอว่า แค่เธอเข้ามาไม่กี่ปีก็จะมาแทนที่ของฉันได้น่ะ?! ไปให้พ้น กลับไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซะ ที่นั่นต่างหากคือที่ที่เธอควรอยู่”
“เธอไม่รู้เหรอว่าอาหยุนรักฉันมากแค่ไหน แม้ว่าเขาจะนอนอยู่บนเตียงของเธอ แต่เขาต้องเรียกชื่อของฉันอย่างแน่นอน แล้วเธอก็เป็นได้แค่ตัวแทนของฉันเท่านั้น เซิ่งเกอ ความรู้สึกแบบนี้มันคงจะแย่มากเลยใช่ไหมล่ะ?”
ตัวแทนงั้นเหรอ?
เธอเป็นหลานสะใภ้ที่คุณท่านเป็นคนกำหนด เธอเป็นคุณนายเฟิงที่ถูกต้องตามกฎหมาย เธอคือเซิ่งเกอ! เธอไม่ใช่ที่ตัวแทนของใครทั้งนั้น!
ที่ข้าง ๆ หู เฟิงหยุนเหนียนยังพูดขึ้นมาว่า “อาหนิง อาหนิง”
ส่วนข้อความประชดประชันเหล่านั้นก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเธอไม่หยุด มันแสดงให้เห็นว่าเธอหลอกตัวเองมากแค่ไหน!
ทันใดนั้นน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เซิ่งเกอกำมือแน่น พยายามควบคุมตัวที่กำลังสั่นเอาไว้
หลายปีที่ผ่านมา เธอคอยระมัดระวังทำตัวเชื่อฟัง หรือแม้กระทั่งลาออกจากงานมาเพื่อเป็นภรรยาที่ดีของเฟิงหยุนเหนียนด้วยความเต็มใจ
แต่แม่สามี และน้องสาวของสามีคิดว่าเธอเป็นคนที่ไม่มีภูมิหลังที่ดี เป็นพวกที่เกลียดคนจน รักคนรวยมาก จึงพยายามกลั่นแกล้งเธอสารพัด ทำให้เธอต้องอับอาย เธอที่ไม่อยากสร้างปัญหาให้เฟิงหยุนเหนียน จึงต้องกัดฟัน และอดทนกล้ำกลืนอยู่คนเดียว
เพื่อจะได้รับความรักจากเขา การถ่อมตนของเธอมันยังไม่พออีกเหรอ?
ทำไมเธอต้องเอาศักดิ์ศรีสุดท้ายของตัวเองมาให้คนอื่นเหยียบย่ำจนไม่เหลือชิ้นดีแบบนี้ด้วย!
ค่ำคืนนี้ยาวนานเป็นพิเศษ
เซิ่งเกอยังคงลืมตาอยู่ เธอนอนไม่หลับเลยตลอดทั้งคืน
.......
ในเช้าตรู่ของวันต่อมา เฟิงหยุนเหนียนถูกแสงแดดจ้าที่ส่องเข้ามาจากนอกหน้าต่างปลุกให้ตื่น
เขาเอามือนวดขมับไปมา พอเขาลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าเซิ่งเกอกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งโดยหันหลังให้เขาอยู่
จู่ ๆ เรื่องเมื่อคืนก็แวบเข้ามาในหัวของเขา ทำให้เขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ลูกตาสีดำของเขาก็มืดมนขึ้นมาทันที อากาศรอบ ๆ ตัวเขาค่อย ๆ เย็นขึ้นมา
แม้ว่าเซิ่งเกอจะหันหลังให้เขาอยู่ แต่ก็สัมผัสได้ถึงความเป็นปรปักษ์ของฝ่ายชายอย่างชัดเจน
เธอยังคงทาครีมบำรุงผิวต่อไป ราวกับไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น แต่แล้วจู่ ๆ ข้อมือของเธอก็ถูกเขากระชากไปอย่างแรง
ทำให้ครีมบำรุงผิวในมือของเธอตกลงไปที่พื้น ขวดแก้วแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เนื้อครีมสีขาวหกกระจายเต็มพื้น
เซิ่งเกอเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองเขาด้วยความโกรธ แต่เมื่อเธอได้สบตากับลูกตาสีดำที่กำลังแสดงอารมณ์โกรธ และอารมณ์ขยะแขยงของชายคนนั้น หัวใจของเธอก็สั่นอย่างควบคุมไม่อยู่
“คุณคิดว่าคุณใช้วิธีวางยาที่น่ารังเกียจแบบนี้เพื่อทำให้ผมแตะต้องคุณ แล้วคุณจะเป็นคุณนายเฟิงจริง ๆ งั้นเหรอ?”
เฟิงหยุนเหนียนที่ยืนอยู่สูงกว่าจ้องมองมาที่เธอ เขากัดฟันมองเธอตาเขม็ง ส่วนมือก็ยังไม่คลายออก แถมยังกำแน่นขึ้นด้วย
เป็นเพราะใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดออกมา จึงทำให้ดูน่ากลัวเป็นพิเศษ
วางยางั้นเหรอ?
เซิ่งเกอยิ้มทั้งที่หน้าซีดเผือก “ในสายตาคุณ ฉันเป็นผู้หญิงแบบนั้นเหรอไง?”
มุมปากของเฟิงหยุนเหนียนโค้งขึ้นอย่างเย้ยหยัน แววตาของเขาแสดงความรังเกียจออกมาอย่างแรง “ตอนแรกคุณก็ใช้เล่ห์เหลี่ยมกับคุณปู่ไม่ใช่เหรอ คุณถึงทำให้ผมแต่งงานกับคุณได้ แล้วตอนนี้จะมาแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาอะไร”
“ผู้หญิงที่น่ารังเกียจอย่างคุณ เทียบไม่ได้แม้แต่นิ้วเท้าสักนิ้วของอาหนิงเลยด้วยซ้ำ!”
น่ารังเกียจ แสร้งทำเป็นไร้เดียงสา.....
ที่แท้ในความคิดของเขา เธอดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ
ส่วนเรื่องการวางยาอะไรแบบนี้ หากเธอคิดจะทำจริง ๆ เธอคงทำไปตั้งนานแล้ว ทำไมต้องทนทุกข์ใจรอมาจนถึงตอนนี้ด้วย? เฟิงหยุนเหนียนไม่รู้จักเธอเลยจริง ๆ!
มันน่าตลกตรงที่ในช่วงสามปีที่ผ่านมาเธอพยายามที่จะทุ่มเทสุดแรงกายแรงใจ แต่ผลที่ได้กลับย่ำแย่สุด ๆ!
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องฝืนทนอีกต่อไปแล้ว
เซิ่งเกออดทนต่อความเจ็บปวดที่ถูกเขาจับข้อมือไว้แน่น เธอกัดฟัน แล้วก็ออกแรงสุดกำลัง เพื่อสะบัดมือเขาออก
จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น และพูดอย่างหนักแน่นว่า
“เฟิงหยุนเหนียน เราหย่ากันเถอะ”
สำหรับเขาผู้หญิงก็เป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่ เขาไม่เคยมีความรักไม่เคยรักใคร แต่พอได้มาเจอเธอ เพื่อนของน้องสาวเขา ใจที่ด้านชากลับเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง…
เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ฟู่หนานเซียวก็ขจัดความหวาดระแวงและความเย่อหยิ่งให้หมดแล้ว และกอดเมิ่งชิงหนิงอย่างแน่น "กลับมาอยู่กับผมดีมั้ย?" เธอเคยเป็นเลขาของเขา และเป็นคู่นอนของเขาในตอนกลางคืนด้วย ใช้ชีวิตแบบนี้กินเวลาสามปี เมิ่งชิงหนิงทำตามที่เขาบอกโดยตลอด ราวกับสัตว์เลี้ยงที่ว่าง่าย จนกระทั่งฟู่หนานเซียวประกาศว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนอื่น เธอจึงตัดสินใจให้พ้นจากความรักที่ไร้ค่าของตนเองและเตรียมจะจากไป แต่ใครจะไปรู้ว่า มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความพัวพันของเขา การตั้งครรภ์ของเธอ และความโลภของแม่เธอค่อยๆ ผลักเธอลงสู่นรก สุดท้ายก็โดนทรมานอย่างหนัก เมื่อเธอกลับมาในอีกห้าปีต่อมา เธอก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป แต่เขาตกอยู่ในความบ้าคลั่งห้าปี
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ