S1 (สองแฝดตัวแสบ) ลูกสาวของเมียใหม่พ่อน่ารักดีว่ะ ดูอ่อนแอน่าแกล้งดี…3P
S1 (สองแฝดตัวแสบ) ลูกสาวของเมียใหม่พ่อน่ารักดีว่ะ ดูอ่อนแอน่าแกล้งดี…3P
• ACTION •
“ย้ายออกไปแล้วก็ดูแลลูกดีๆ ล่ะสั่งสอนกันดีๆ ระวังเถอะ เดี๋ยวลูกมึงมันจะได้ผัวไวตามแม่มัน…ผัวตายไม่เท่าไหร่ก็มีผัวใหม่ซะแล้ว”
เสียงป้าเจ้าของห้องรูหนูที่สองแม่ลูกเช่าอยู่พูดขึ้นกระแนะกระแหน สาววัยกลางคนที่เสียสามีที่คบกันมาสิบปีไป ซึ่งพ่อของเด็กสาวนั้นก็ได้จากไปนานเกือบปีแล้ว ซึ่งตอนนี้ที่บ้านเช่าแห่งนี้ก็มีแค่โบนิตา ‘นิต้า’ และหญิงอีกคนที่เธอเรียกว่าแม่มานานถึงสิบปี ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาทำหน้าที่นี้แทนแม่แท้ๆ ของเธอ เมื่อสิบปีก่อนหลังจากที่แม่แท้ๆ ของเธอเสียไป
“ถ้าพูดเพราะหวังดีจริงๆ ก็ขอบใจนะจ๊ะ” เสียงหญิงสาววัยสี่สิบปีพูดตอบกลับเสียงนิ่ง ใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ก่อนจะจูงมือลูกสาววัยสิบแปดเข้าไปด้านในห้องเพื่อเก็บของสำคัญเท่าที่มีอยู่และเตรียมตัวย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังใหม่
ภายในห้อง…
“แม่ไม่ต้องฟังคำพูดของป้าเขานะ นิต้ารู้ว่าแม่รักพ่อ” เสียงหวานของเด็กสาว พูดด้วยท่าทางนุ่มนวลและอ่อนโยนเพื่อบอกกับแม่เลี้ยงที่แสนดีของเธอ เมื่อเห็นว่าน้ำใสเริ่มเอ่อคลอขึ้นที่ดวงตาของเธอผู้ที่เธอเรียกว่าแม่
ถึงแม้ว่าเธอจะตัดสินใจมีครอบครัวใหม่อีกครั้ง เธอก็ไม่เคยคิดจะทิ้งสาวน้อยคนนี้ที่เธอเรียกว่าลูกสาวไปเลยถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ลูกที่ตนให้กำเนิด แต่เธอก็รักและเอ็นดูนิต้าเหมือนลูกแท้ๆ ด้วยความน่ารักและเป็นเด็กดีของนิต้า อีกทั้งเด็กสาวยังไม่มีใครให้เป็นที่พึ่งพานอกจากเธอ “แม่รู้ค่ะ แค่หนูเข้าใจแม่ แค่นั้นก็พอแล้วล่ะ”
นาวีร์ (วี) ผู้เป็นแม่ดึงร่างเล็กของสาวน้อยเข้ามากอด เพื่อเพิ่มพลังความอบอุ่นและกำลังใจสู้ให้กับตัวเอง เพราะการตัดสินใจมีครอบครัวใหม่ครั้งนี้ เธอก็เลือกทำมันเพราะอยากให้เธอรวมถึงนิต้านั้นมีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นกว่าจากเดิมที่เป็นอยู่ตอนนี้ เพราะว่าการอดมื้อกินมื้อมันน่ากลัวกว่าที่ใครหลายคนคิด..
เช้าวันรุ่งขึ้น…
รถตู้อัลพาร์ดคันหรูสีขาว ขับเข้ามาจอดที่หน้าห้องแถวเก่าๆ ในเขตชุมชนแออัด เพื่อมารับสาวสวยทั้งสองออกจากที่แห่งนี้ไปยังชีวิตใหม่ที่ศิวิไลกว่า และแม้ว่าที่แห่งนี้จะอยู่ในเมืองหลวงก็ตาม แต่ความเหลื่อมล้ำในระหว่างพื้นที่ก็มีอย่างเห็นได้ชัด ราวกับโลกคนละใบแบ่งชนชั้นกันอย่างชัดเจน
“มาเองเลยเหรอคะ?” เสียงหญิงสาววัยกลางคนพูดถามกับสามีใหม่ เศรษฐีร้อยล้านที่เดินทางมารับเธอกับลูกสาวถึงที่ซอมซ่อแห่งนี้ด้วยตัวเอง
“ก็ฉันตั้งใจจะมารับอยู่แล้วไง ..ว่าแต่นี่นิต้า ลูกสาวที่เคยเล่าให้ฟังใช่ไหม?” คุณลวิตร์ หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบหกปีเอ่ยถามกับภรรยาใหม่ พรางใช้ตามองไปที่เด็กสาวน่าตาน่ารักจิ้มลิ้ม ที่ยืนแอบอยู่ด้านหลังของเธอด้วยท่าทางอ่อนแอขี้กลัว
“ใช่ค่ะ นิต้าเธอเป็นเด็กขี้กลัวน่ะค่ะ …แต่ว่าเธอเป็นเด็กน่ารักนะคะ แล้วก็นิสัยดีไม่ดื้อไม่ซนด้วยค่ะ”
“ไม่ต้องกลัวฉันนะหนูนิต้า ฉันจะเป็นพ่อให้หนูเอง …ต่อไปเรียกฉันว่าป๊านะ” ท่าทางใจดีและดูอบอุ่นนั้นของเขาทำให้สาวน้อยเริ่มคลายความกลัวลงและเริ่มกล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมองชายร่างสูงใหญ่คนที่กำลังพูดคุยกับเธออยู่ “เราไปกันเลยดีไหม?”
“ค่ะ”
ผมได้รู้เรื่องราวของสองสาวมาบ้างแล้วในส่วนหนึ่ง ซึ่งตัวผมเองก็เสียภรรยาไปได้เกือบปีแล้วเช่นกัน และจากที่ผมได้ยินมา ชีวิตของพวกเธอก็น่าสงสารมากจริงๆ จนผมไม่อาจที่จะเมินเฉยต่อสาวสวยแสนดี ที่ต้องเลี้ยงลูกสาวที่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเธอโดยลำพังในที่ซอมซ่อแห่งนี้ได้ ผมอยากที่จะมอบโอกาสที่ดีให้กับเธอสองแม่ลูกโดยการพาทั้งคู่เข้าไปเป็นส่วนนึงกับครอบครัวของผม เพื่อเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไป…
เพนท์เฮ้าส์ชั้นบน สุดหรูใจกลางเมือง…
ที่นี่เป็นที่พักของสามเสือพ่อลูกที่อาศัยอยู่ด้วยกัน แต่ตอนนี้ ที่แห่งนี้จะไม่ได้มีเพียงแค่พวกเขาอาศัยอยู่เหมือนก่อนอีกแล้ว…
“นี่เหรอเมียใหม่ป๊า?” เสียงชายหนุ่มที่ใส่เสื้อฮูทสีดำยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมองมาที่สองแม่ลูก สมาชิกใหม่ที่พ่อของตนเพิ่งพาเข้ามาที่บ้าน ด้วยใบหน้าสะลึมสะลือเพราะถูกงัดขึ้นจากที่นอน เมื่อไม่กี่นาทีก่อน
“ใช่… คนนี้ชื่อเลิฟลูกชายแฝดคนโตที่ฉันเคยเล่าให้ฟังไง ส่วนอีกคนนั่นชื่อเลอแปงเป็นแฝดคนน้อง” คุณพ่อพูดแนะนำลูกชายของเขาทั้งสองคนให้กับทั้งสองสาวได้ทำความรู้จัก
“พาเข้าบ้านแบบนี้ ป๊าคงจะจริงจังสินะครับ” เสียงเลอแปงชายหนุ่มใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตร พูดถามกับพ่อของเขา ถึงแม้ว่าจะรู้เรื่องเจ้าชู้ผู้หญิงเยอะของพ่อมาบ้าง แต่เขาก็ไม่เคยเห็นพ่อพาผู้หญิงที่ไหนเข้าบ้านเลย ตั้งแต่แม่ของตนจากไป
“ฝากตัวด้วยนะคะ” แม่ของสาวน้อยพูดขึ้นบอกกับสองหนุ่มลูกชายเจ้าของบ้าน เพื่อหวังว่าพวกเขาและเธอจะสามารถอยู่ร่วมกัน และเป็นครอบครัวเดียวกันได้
“ที่ปลุกผมขึ้นมา เพราะแค่อยากจะให้รู้จักเมียใหม่ป๊า แล้วก็… เด็กคนนี้ใช่ไหม” เลิฟพูดพร้อมกับมองไปที่เด็กสาวอีกคนที่ยืนหลบหน้าหลบตาอยู่ทางด้านหลังของเมียใหม่ของพ่อตน
ท่าทางนิ่งขรึมและดูลึกลับน่ากลัวนั้น ทำให้เด็กสาวไม่กล้าที่จะเงยหน้ามองคนที่ยืนจ้องเธออยู่ได้เลย แต่กลับกันชายอีกคนนั้นดูให้ความสนใจกับเธอมากๆ แถมยังส่งยิ้มเป็นมิตรให้เธออีกด้วย และถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีน่าตาที่ละม้ายคล้ายคลึงกัน แต่ลุคของทั้งคู่ก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เลิฟเขาดูเป็นคนที่นิ่งดุ ลึกลับและเก็บตัว แต่กับเลอแปงนั้นเขาดูเป็นคนที่อัธยาศัยดีเข้ากับคนง่าย
“ส่วนนี่ นิต้า เธอเป็นลูกสาวของวี เมียใหม่ป๊า อย่าแกล้งน้องล่ะเข้าใจไหม?” คนเป็นพ่อพูดเตือนเพราะรู้จักนิสัยของลูกชายดีว่าดื้อและแสบแค่ไหน
“ผมต้องเรียกเธอว่าแม่ด้วยไหม?” เลิฟเอ่ยถามพ่อของตนหน้านิ่ง
“ไม่ต้องก็ได้นะคะ” วีเธอพูดอย่างเกรงใจ
“ก็แล้วแต่พวกแกสิ..” คนเป็นพ่อพูดขึ้น
“เข้าใจแล้วครับ ยินดีต้อนรับเข้าบ้านนะครับ …แม่” เลิฟพูดจบก็เดินกลับเข้าห้องนอนไป และเขาก็ไม่ได้แสดงว่าต้องการต่อต้านหรือดีใจที่มีเธอสองคนมาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้านแต่อย่างใด เพราะคนเก็บตัวแบบเขานั้นไม่ใช่คนที่สนใจโลกภายนอกอยู่แล้ว ซึ่งการมีเมียใหม่หรือลูกใหม่ของพ่อเขา ก็ไม่ได้กระทบกับความรู้สึกหรือการใช้ชีวิตของเขาเลยสักนิด
--------------------------------------------------------------------------
[ติดตามตอนต่อไป] - [Follow the next episode]
[-กดใจ -เพิ่มเข้าชั้น -คอมเมนท์ให้กำลังใจ และฝากกดติดตามไรท์ด้วยนะครับ🙏]
S2(ต่อจากเรื่อง ไอมาเฟียนั่นเมียกู) เรื่องราวความรักของคู่ยูมิ และโจอิ น้องชายตัวแสบของโจดิน
U7 - ฉันเพิ่งมารู้ว่าเด็กที่ฉันถูกว่าจ้างให้อุ้มบุญ เป็นลูกของแฟนเก่าที่เลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน… (ผู้ชายที่เขาไม่เคยรักฉัน)
เพื่อนของผมดันหาเด็กสาวมาเป็นติวเตอร์ให้ แถมเธอก็กำลังแตกเนื้อสาวซะด้วย ( ความใสซื่อของเธอทำให้ผมสับสนเรื่องตามไปง้อเมียที่เมืองนอกแล้วทำไงดี )
คู่หมั้นของ ‘โจดิน’ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ดันเป็น ’ยูมิ’ แฟนสาวผู้อ่อนแอของ ’นิเณอ’ หญิงแกร่งใจกล้า และบุคลิกของเธอมันก็ดันเข้าตาเขาเต็มๆ จนอยากได้เธอมาเป็นเมียแทน…
เมื่อภัทราได้ทะลุมิติเข้าไปอยู่ในร่างของเจียงอันเล่อ ตัวละครในนิยายเรื่อง "ชะตารักพันธนาการ" ภารกิจปกป้องหานอี้หลง พระรองของเรื่องแต่เป็นชายในดวงใจของเธอก็เริ่มต้นขึ้น
หลังจากแต่งงานมาสามปี ฮั่วเป่ยอวี๋ไม่เพียงแต่เย็นชากับเสิ่นเจียงหนานเท่านั้น แต่ยังคบชู้ ทำให้เสิ่นเจียงหนานผิดหวังมาก เขาก็แค่ชายเจ้าชู้นี่เอง หลังจากหย่ากันอย่างเด็ดขาด เธอก็มุ่งหน้าไปทำงาน ในฐานะนักออกแบบชั้นนำ แพทย์ผู้อัศจรรย์ และแฮ็กเกอร์เก่งๆ เธอเชี่ยวชาญหลายๆ ด้านและกลายเป็นเจ้าหญิงที่ทุกคนชื่นชมและเป็นที่ต้องการ ในที่สุด ฮั่วเป่ยอวี๋ก็ตระหนักถึงสิ่งที่เขาสูญเสียไปและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาชนะใจเธอ แต่เขากลับเห็นเธอจัดงานแต่งงานแห่งศตวรรษร่วมกับชายอีกคน เมื่องานแต่งงานของคนสองคนถูกถ่ายทอดสดบนป้ายโฆษณาที่ใหญ่ที่สุดในโลก-- เผ๋ยเหยียนหลี่สวมแหวนให้เธอ และประกาศให้โลกได้รับรู้อย่างท่วมท้น "เสิ่นเจียงหนานเป็นภรรยาของผมและเธอเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับผม ใครกล้ามาแตะต้อง ต้องเจดีแน่!"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน "คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม"
นายพายุ ศิระภาคิณ อายุสามสิบปี นักธุรกิจหนุ่มประธานบริษัทส่งออกผ้าไทย วีรกรรมที่เขาทำไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อน กำลังจะย้อนกลับมา เมื่อนางสาวแพรไหม โภสิกุล ดีไซเนอร์สาวอายุยี่สิบเก้าปี ได้ปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่เธอนั้นหายออกไปจากมหาวิทยาลัย กว่าสิบปี โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งทำให้ท่านประธานหนุ่มเริ่มอยากรู้ชีวิตของเธอ เมื่อครั้งหนึ่งเรือนร่างอันบอบบางอรชรเคยหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับเขามาแล้ว ถ้าหากเขาต้องการสานสัมพันธ์กับเธออีกครั้ง มันก็ไม่แปลกหากเธอนั้นยังโสดแพรไหมจะยังต้องการเขาอยู่หรือไม่ ในเมื่อเธอคิดว่าพายุนั้นเป็นแค่ผู้ชายที่พรากความบริสุทธิ์ไปจากเธอเท่านั้น ซึ่งเวลานี้เธอก็ยังคงมองเขาในด้านลบอยู่ดี แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเป็นสิบปีแล้วก็ตาม "แม่ของหนูชื่ออะไร ตอนนี้อยู่ที่ไหน บอกฉันได้ไหม" พายุถามพร้อมกับจ้องลงไปที่ดวงตาแป๋วของเด็กหญิงตรงหน้า เมื่อเขามั่นใจว่าสายตาจะไม่โกหก "แม่ของหนูชื่อแพรไหม!" เด็กหญิงพูดออกมา พร้อมกับจ้องสายตาคมของผู้เป็นบิดาอย่างไม่กะพริบตา เพื่อยืนยันว่าเธอนั้นไม่ได้โกหก “ฮ่ะ!” พายุอุทานออกมาเสียงดัง ขณะที่หัวใจของเขานั้นเต้นแรง ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจที่สุดในชีวิต "ถ้าคุณไม่เชื่อ พาหนูไปตรวจดีเอ็นเอก็ได้นะคะ" เด็กหญิงพูดออกมาพร้อมกับมีใบหน้าที่เศร้าหม่น เมื่อเธอคิดว่าบิดาคงไม่เชื่อในสิ่งที่เธอนั้นพูดออกมา "ไม่จำเป็น!" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็ง เพื่อยืนกรานที่จะตรวจดีเอ็นเอ จนทำให้คนฟังนั้นหวาดกลัว เพราะใยไหมคิดว่าบิดานั้นไม่เชื่อใจเธอ "หนูขอโทษที่มารบกวน หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" ใยไหมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอยกมือขึ้นไหว้ผู้เป็นบิดาอย่างนอบน้อม ประหนึ่งว่าจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้วในชีวิตนี้ เมื่อเธอได้สัญญากับผู้เป็นมารดาเอาไว้ หากถูกปฏิเสธแล้วไซร้ จะขอกลับไปไม่กลับมาหาชายตรงหน้าอีกเลยตราบชั่วชีวิต "แล้วหนูจะไปไหน นั่งลงก่อนสิ" พายุพูดพร้อมกับจับร่างเล็กของลูกสาวนั่งลงข้าง ๆ อีกครั้ง "ที่บอกว่าไม่จำเป็น นั่นเป็นเพราะว่าพ่อเชื่อว่าหนูเป็นลูกของพ่อโดยไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอ!" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ใยไหมไม่รอช้าโผเข้าไปกอดผู้เป็นบิดาอีกครั้งในทันที ก่อนจะร้องไห้ออกมาเพราะความดีใจ "ไม่ร้องนะครับคนเก่งของพ่อ" พายุพูดพร้อมทั้งเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่แก้มใสของลูกสาวออกจนสิ้น ในขณะที่ตัวของเขาเองก็น้ำตาคลอเช่นกัน "หนูขอเรียกพ่อว่าคุณป๋านะคะ" เสียงเจี๊ยวจ๊าวพูดออกมาอย่างรื่นหู คุณป๋าที่เด็กหญิงพูดนั้น ทำให้พายุอดที่จะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจไม่ได้ "ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ทำไมถึงต้องเรียกพ่อว่าคุณป๋าด้วยละ หืม" พายุเอ่ยถามลูกสาวออกมา ขณะที่เขายังคงกอดเด็กหญิงเอาไว้ ด้วยความรักความผูกพันของสายใยระหว่างพ่อลูก ที่มันพันผูกจนมาสามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ "มาดาม ไม่ชอบให้หนูมีพ่อ หนูก็จะมีคุณป๋าแทนยังไงล่ะคะ" คำตอบของลูกสาวทำให้พายุยิ้มไม่หุบครั้งแล้วครั้งเล่า เธอช่างเป็นเด็กฉลาดและร่าเริง ผิดกับแพรไหมมารดาของเธอ ที่ชอบทำหน้าเหมือนแบกโลกทั้งใบเอาไว้ตลอดเวลา "ทำไมถึงเรียกแม่ว่ามาดาม ตอนนี้แม่แต่งงานไปแล้วหรือยัง" เวลานี้พายุลุ้นคำตอบจากลูกสาว หรือแพรไหมจะแต่งงานกับฝรั่งตาน้ำข้าวไปแล้ว ใยไหมถึงได้เรียกเธอว่ามาดาม "แม่ยังไม่มีใคร มีแค่ลุงดนัยที่ชอบมาข้องแวะ แต่หนูไม่ชอบเขาเลย เพราะเขาชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมาดามอยู่เรื่อย" คำตอบของลูกสาวช่างอิ่มเอมใจ เมื่อแพรไหมไม่มีใครเขาก็พร้อมจะสานสัมพันธ์ แต่งานนี้คงจะยากหากผู้ชายคนนั้นมาข้องแวะ แต่เขามีลูกสาวที่ยืนเคียงข้างแล้วจะกลัวอะไร "ถ้าพ่ออยากจะจีบแม่ต้องทำยังไง" "โอ้! เจ๋งเป้งมากค่ะคุณป๋า เดี๋ยวหนูจะช่วยเอง" ใยไหมพูดออกมาด้วยความดีใจ นั่นคือสิ่งที่เธอปรารถนามาแสนนาน อยากให้บิดามารดาได้ลงเอยกันสักที "ลูกรับปากพ่อแล้วน๊า... " พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่ารัก "แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อนค่ะ คุณป๋า" ใยไหม ผละออกจากอกกว้างของผู้เป็นบิดา พร้อมกับหยิบคุกกี้ตรงหน้าเข้าปาก "หิวหรือยัง ไปทานข้าวก่อนดีไหม" พายุเอ่ยถามออกมาด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นลูกสาวนั้นหยิบคุกกี้เข้าปากคำโต "เดี๋ยวค่อยไปทานก็ได้ค่ะ แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อน เรื่องที่หนูเป็นลูกสาวของคุณป๋า ห้ามให้ใครรู้ ทุกอย่างจะเป็นความลับระหว่างเราได้ไหมคะ" พายุทำหน้าสงสัยกลับไปให้เด็กหญิง เธอกำลังคิดจะทำอะไร ใครหลายคนคงดีใจหากได้เป็นลูกสาวของท่านประธาน "ทำไมเป็นลูกสาวพ่อมันไม่ดีตรงไหนเหรอ ลูกถึงไม่อยากให้ใครรู้" พายุเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความน้อยใจ เมื่อลูกสาวไม่อยากให้ใครรับรู้ว่าเขาเป็นบิดาของเธอ "เป็นลูกสาวของป๋าดีที่สุดแล้ว แต่หนูไม่อยากให้ใครมองมาดามในทางไม่ดี ทุกคนต้องรู้แน่ สาเหตุที่มาดามต้องออกจากมหา'ลัยกลางคัน" คำบอกเล่าของใยไหมเป็นเหมือนดังคมหอก ที่ทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจของพายุ เด็กหญิงตรงหน้าช่างมีความคิดแบบผู้ใหญ่ เธอถูกเลี้ยงมาแบบไหนทำไมถึงได้ฉลาดอย่างนี้ แพรไหมคงดูแลอบรมลูกสาวมาอย่างดี ต่างจากเขาผู้เป็นบิดาที่ไม่เคยได้เหลียวแล "พ่อขอโทษนะ ที่ไม่เคยได้ดูแลหนูเลย ต่อจากนี้ไปพ่อจะไม่ทิ้งหนูกับแม่ให้อยู่กันตามลำพังอีกแล้ว" คำพูดของผู้เป็นบิดากำลังทำให้เด็กหญิงหัวใจพองโต เธอดีใจที่ผู้เป็นพายุไม่ปฏิเสธ แถมเขายังคิดที่จะสานสัมพันธ์กับมาดามของเธออีกครั้ง คงไม่มีอะไรทำให้เด็กหญิงมีความสุขเท่าสิ่งนี้มาก่อนเลยในชีวิต "ก่อนอื่นคุณป๋า ต้องจีบมาดามให้ติดก่อน หนูบอกเลยว่างานหิน มาดามดื้อจะตาย ขนาดลุงดนัยตามจีบหลายปี มาดามยังปฏิเสธทุกครั้ง แต่ลุงดนัยก็ตื้ออยู่ได้" ใยไหมพูดพร้อมกับทำหน้างอ ออกมาได้อย่างน่ารัก "ป๋ามีลูกสาวคอยช่วยจะกลัวอะไร ไปทานข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวป๋าจะไปส่งที่บ้าน" พายุพูดออกมาด้วยสายตาที่มีความหวัง เขาคงไม่ต้องใช้นักสืบ ในเมื่อโชคชะตากำหนดให้หญิงสาวเดินเข้ามาในชีวิตของเขาเอง แถมอยู่ดี ๆ ก็ได้ลูกสาวมาหนึ่งคน ที่น่ารักซะจนทำให้เขานั้นอยากไว้หนวด
เนื้อตัวเต้นเร่าเตลิดเพลิดไปตามสัมผัสร้อนแรง เธอบังคับให้หยุดคิดถึงคนอื่นนอกจากคุณวายุ แต่เมื่อริมฝีปากของวายุแตะเข้ากับกลีบกาย พร้อมทั้งตวัดลิ้นเลียไปทั่วซอกหลืบ กลีบเนื้อบอบบางแต่อวบอูมของ 'หมูชมพู' จึงกระดิกแอ่นหยัดบั้นท้ายกระดกซอกหลืบสวนทางกับเรียวลิ้นของวายุ "คุณอุ่น และหอมมากหมูชมพู" พรรณชมพูส่ายวนโคกเนินที่เบียดบดไปกับริมฝีปากหนา ลิ้นของเขาปาดไปมาบนติ่งกระสันเหมือนกับปาดหน้าเค้ก เธอดิ้นพรวดพราดกัดริมฝีปากจนเบี้ยวไปข้างหนึ่ง ลิ้นสากๆ ห่อม้วนชำแรกเข้าไปในร่องสาวอันชุ่มฉ่ำ เมื่อนั้นริมฝีปากที่ถูกกัดจะห้อเลือดก็แยกอ้า พรรณชมพูเผลอกรีดร้องครวญครางถึงใครบางคน ที่จมอยู่ในห้วงความคิดไม่เคยเลือนหาย "อ๊า พี่เสือ" วายุผงกหัวขึ้นมองคนที่กำลังแอ่นลำคอและลำตัวทอดโค้ง แววตาของเขาไหววาบเป็นไฟ และเขาก็กัดกลีบกายบางๆ สีชมพูจนหมูชมพูของเขาสะดุ้งเฮือกสุดตัว "อ๊ะ เฮือก" เธอถูกกัด
© 2018-now MeghaBook
บนสุด