ความรักมีได้แค่เพียงสองคน แล้วเหตุใดท่านถึงต้องเป็นคนที่สามเสมอ ต้องเจ็บซ้ำเพราะนางอยู่ทุกภพทุกชาติเรื่อยมา เป็นข้าได้หรือไม่ ให้ข้าผู้นี้โอบกอดหัวใจของท่านไว้
บทนำ
เฒ่าจันทราปรายตามองลูกศิษย์คนโปรด เขารักและเอ็นดูนางมากกว่าเทพธิดาคนอื่นๆ ในวังเย่ว์เหล่า วังของเฒ่าจันทราผู้กุมชะตาความรักของมนุษย์ทุกคนเอาไว้ ไม่คิดเลยว่าเทพธิดาที่ค่อยถักทอสายใยแห่งด้ายแดง ผูกความรักและวาสนาของมนุษย์จะกลายเป็นผู้ที่ลงมือทำลายวาสนาของผู้อื่นด้วยตนเอง
"หงเหม่ย เจ้ารู้ความผิดของตัวเองหรือไม่ว่าเจ้าทำสิ่งใดลงไป"
"ข้าทราบ แต่ถ้าหากย้อนกลับไปได้ข้าก็ยังคงเลือกทางเดิม"
"เจ้ามืดบอดจริงๆ ข้าผิดหวังในตัวเจ้า" เฒ่าจันทราส่ายหัว มาถึงขนาดนี้นางยังจะดื้อดึงอยู่อีก กว่าเขาจะรู้ว่านางทำสิ่งใดลงไป ทุกอย่างก็เลยเถิดเกินจะแก้ไขเสียแล้ว หากเขาพบรู้เรื่องก่อนคงจะพอช่วยเหลือนางได้บ้าง แต่เรื่องราวที่นางก่อในครั้งนี้รู้ถึงหูเง๊กเซียนฮองเต้แล้ว บทลงโทษของผู้ที่แหกกฏสวรรค์มีเพียงประหารชีวิตทำลายดวงวิญญาณที่แท่นประหารเซียนเท่านั้น ความผิดของนางเขาไม่รู้จะช่วยนางแก้ไขอย่างไร
"แล้วทำไมต้องเป็นหลงเจียนกั๋ว เหตุใดเขาถึงต้องผิดหวังในรักซ้ำๆ ทุกภพชาติเพราะนาง ข้าผิดหรือที่อยากให้เขาสมหวังสักครั้ง" เทพธิดาหงเหม่ยยกสองมือขึ้นจับกรงเขย่าสุดแรงด้วยน้ำตานองหน้านางเป็นเทพธิดาอยู่ในวังเย่ว์เหล่ามาหลายหมื่นปี เฝ้ามองความรักของมนุษย์มามายมาก แต่ทำไมเขาถึงได้ไม่เคยสมหวังเลยสักครั้ง นางเฝ้ามองหลงเจี้ยนกั๋วมาหลายภพแล้ว ไม่ว่ากี่ภพๆ เขาก็มักจะหลงรักหลิวชิงชิง ไม่ว่าจะมีสตรีอื่นใดมาแทรก เขาก็ปักใจรักเพียงนางผู้เดียว ความรักมีได้แค่เพียงสองคน แล้วทำไมเขาถึงต้องเป็นคนที่สามเสมอ ต้องเจ็บซ้ำเพราะนางอยู่ทุกภพทุกชาติเรื่อยมา แล้วข้าผิดหรือที่อยากโอบกอดเขาไว้มอบความรักให้เขา ให้เขาได้สมหวังกับนางที่เป็นที่รักเพียงสักครั้ง
"เฮ้อ อย่างไรเจ้าก็ผิดอยู่ดีหงเหม่ย เจ้ามีหน้าที่ดูแลด้ายแดง แต่เจ้ากลับทำผิดเสียเอง ข้าคงช่วยอะไรเจ้าไม่ได้ เจ้าทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ"
"ข้าน้อมรับ เมื่อใด ข้าต้องถูกประหารเมื่อไรท่านอาจารย์" นางถูกจับตัวกลับมาขนาดนี้ คงทำได้แค่เพียงก้มหน้ารับโทษทัณฑ์
"พรุ่งนี้รุ่งสาง" เฒ่าจันทราไม่อาจทนมองสภาพน่าเวทนาขอนางได้อีกต่อไป เขาหมุนกายเตรียมจะออกจากคุก
"อาจารย์ข้าอยากขอท่านเป็นครั้งสุดท้าย" นางเอ่ยยื้อชายชราเอาไว้
"ข้าไม่อาจขออภัยโทษจากเง๊กเซียนได้เจ้าก็รู้ดี" เฒ่าจันทร์ทราบอกปัด
หงเหม่ยส่ายหัว "ข้าไม่ได้อยากขอชีวิต ข้าเพียงอยากได้เครื่องเขียนและกระดาษจำนวนหนึ่งเท่านั้น"
หึ ชีวิตหรือนางจะขอไปทำไม หากต้องถูกจองจำเอาไว้เช่นนี้ ต้องรับรู้เรื่องราวต่อจากนี้ของหลงเจี้ยงกั๋ว ต้องรู้ว่าเขาต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานเพราะหลิวชิงชิงโดยที่นางทำได้เพียงแค่เฝ้ามองอยู่ห่างเหมือนที่ผ่านมา นางคงทำเช่นนั้นไม่ได้อีกแล้ว แค่เพียงเห็นน้ำตาของเขา ใจนางก็ปวดร้าวเจียนจะขาด
เฒ่าจันทราหันไปพยักหน้าตอบรับ สิ่งที่นางของใช่ว่าจะให้ไม่ได้
หงเหม่ยรับพู่กันและถาดฝนหมึกมา นางค่อยๆ จรดพู่กันบรรจงเขียนเส้นสายกลายเป็นตัวอักษร แม้ความรักของนางจะจบลงเพียงเท่านี้ แต่นางอยากบันทึกเรื่องราวระหว่างเขาและนางเอาไว้ตราบนานเท่านาน
ผ่านไปหลายชั่วยามทุกครั้งที่หงเหม่ยจรดพู่กันลงบนกระดาษ น้ำตาหยดหนึ่งหยดก็ตกลงสู่กระดาษ จนตอนนี้นางแทบจะไม่มีน้ำตาให้ไหลอีกแล้ว
"หลงเจี้ยนกั๋ว ความรักของท่านและข้าผู้อื่นไม่ยินดีแล้วอย่างไร ผิดกฎสวรรค์แล้วอย่างไร แต่ข้าผู้นี้จะทำให้ความรักของท่านและข้าถูกเล่าขานไปจนกว่ามนุษย์จะดับสูญสิ้นไปจากโลกนี้" หงเหม่ยยกพู่กันขึ้นจากกระดาษ หลังจากลากเส้นอักษรตัวสุดท้าย มือบางจับกระดาษทุกแผ่นมาเรียงรวมกัน นางใช้พลังเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่ รวมกระดาษทั้งหมดเป็นเล่มเดียวกัน
"ปิ่นหงส์" นางอ่านชื่อหนังสือเล่มนั้นแผ่วเบา
เลือกสามีผิดคิดจนตัวตาย!เป็นเช่นไรรู้ก็เมื่อสายไปเสียแล้ว ลูกต้องตายจาก พ่อแม่พี่ชายพลัดพราก ด้วยหน้าที่ของเขาในฐานะเจ้าเมือง ช่วยชีวิตทุกคนไว้ได้ เว้นแต่นาง เว้นแต่ครอบครัวของนาง
โปรยปราย ผู้คนเกลียดชังข้า แต่กลับมิมีผู้ใดรู้เบื้องหลังว่าแท้จริงแล้วข้าต้องโหดร้ายเช่นนี้เป็นเพราะผู้ใด แทงมีดใส่อกคนรักของข้า สังหารตระกูลข้าจนสิ้นแม้แต่เด็กทารกก็มิเว้น ข้าต้องยืนยิ้มแล้วเอ่ยว่า ไม่เป็นไร ข้าให้อภัย นั่นคงมีเพียงพระโพธิสัตว์เสียแล้วมิใช่ข้าคนนี้ คนที่พวกเจ้าหวาดกลัวยิ่งกว่าภูตผี
นางเคยเป็นดั่งดอกบัวขาว บริสุทธิ์ผุดผ่องมองแล้วสบายตา แต่เขาและน้องสาวต่างมารดาของนางกลับมาแต้มหมึกดำลงบนบัวขาวดอกนี้
นางเกิดมาขาพิการแต่หาได้ไร้ใจไม่ มีเพียงคนผู้นั้นที่ไร้หัวใจยิ่งกว่านาง เขามาหลอกให้นางหลงรักแล้วถอนหมั้นอย่างเลือดเย็น หลังนางตายจากไปแล้วยังใช้ความเห็นอกเห็นใจของพี่ชายนางเพื่อหาประโยชน์เข้าตัว โชคดีสวรรค์ไม่ปล่อยให้คนชั่วลอยนวล กลับมาครานี้ ในเมื่อพวกมันรักกันมากนัก ก็เชิญรักกันไปได้เลย ชายชั่วเช่นนี้คิดจนตัวตายก็ไม่เอามาเป็นสามีเด็ดขาด!
ท่านช่างใจดำยิ่งนัก ท่านกับข้าเปรียบดั่งเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ ข้าเชื่อว่าสักวันท่านจะกลับมาเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับข้า แต่ใยท่านจึงพาสตรีอื่นกลับมา แล้วถอนหมั้นข้าอย่างไร้เยื่อใย
เพราะรักนางจึงยอมทุกอย่าง แต่สุดท้ายเขากลับมอบความรักให้สตรีอื่น ในเมื่อเดินมาจนถึงสุดทางแล้วนางก็ไม่คิดจะยื้อไว้อีกต่อไป ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว ส่วนข้าจะเดินจากไปพร้อมกับบุตรในครรภ์
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"