อดีตที่ยากจน แม่เลี้ยงสามีที่เอาเปรียบบ้านใหญ่ บ้านรอง ของพวกเธอต้องชดใช้!
อดีตที่ยากจน แม่เลี้ยงสามีที่เอาเปรียบบ้านใหญ่ บ้านรอง ของพวกเธอต้องชดใช้!
บรรยากาศภายในห้องทำงานเย็นเฉียบท่ามกลางอากาศภายนอกที่ร้อนระอุ
“อีกแค่ 10 วันเองเหอเสี่ยวหง” หญิงสาวพึมพัมกับตัวเองหลังเปิดดูปฏิทินประจำปีที่ตั้งไว้บนโต๊ะทำงาน
อีกแค่สิบวันก็จะถึงวันเกิดที่เธอเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ เป็นเวลาเกือบสามสิบปีที่รอคอยมันใกล้จะมาถึงแล้ว
เหอเสี่ยวหงใช้มือที่ถือปากกาเช็ดน้ำตาที่กำลังจะไหล “ฉันใกล้จะได้กลับไปหาทุกคนแล้ว” เธอยิ้มอย่างยินดี
ก๊อก! ก๊อก!
‘คุณเหอคะ! หยาดฟ้าเองค่ะ’
“เข้ามา!”
เสียงรองเท้าส้นสูงกระแทกกับพื้นห้องดังขึ้น ทำให้เหอเสี่ยวหงที่เหม่ออยู่ เงยหน้าขึ้นมองคนที่เดินเข้ามาภายในห้อง
“มีอะไร” เหอเสี่ยวหงถามเสียงเรียบ พลางก้มหน้าอ่านเอกสารต่อ
“กลีเซอรีนจำนวน 10,000,000 ก้อน ขี้ผึ้งสีขาวจำนวน 3,000,000 ก้อน เทียนคละสีจำนวน 5,000,000 เล่ม หยาดได้สั่งซื้อจากโรงงานให้ไปส่งที่สวนแล้วนะคะ ไม่เกิน 2 วัน ทางโรงงานน่าจะส่งถึง” หยาดฟ้าที่ก้มหน้าอ่านใบเสร็จเงยหน้าขึ้นบอกแล้วพูดต่อ
“แล้วก็ของที่คุณเหอซื้อมันเป็นจำนวนมาก ทางโรงงานเลยแถมน้ำมันรำข้าวกับน้ำมันมะพร้าวให้ชนิดละ 1,000 ลิตรค่ะ” ว่าจบก็ยื่นใบเสร็จให้ผู้เป็นเจ้านาย
เหอเสี่ยวหงปิดแฟ้มเอกสารแล้วหยิบใบเสร็จขึ้นตรวจก่อนจะถามต่อ “อืม แล้ววันนี้มีอะไรอีกไหม”
“อ๋อ! เมื่อกี้คุณนายเหอให้เลขาโทรมานัดคุณเหอ ไปกินข้าวกับครอบครัวที่ร้านคุณเหอหลินหลินค่ะ” หยาดฟ้าเอ่ยรายงาน
“ฮึ คุณแม่อยากเจอลูกสาวนอกคอกคนนี้ด้วยหรือยังไง” เหอเสี่ยวหงหลุดขำด้วยใบหน้าที่นิ่ง
หยาดฟ้าเห็นท่าทีไม่ดีจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “แล้วคุณเหอต้องการสั่งอะไรเพิ่มไหมคะ หยาดจะได้ไปเตรียมให้”
“เธอไปพักเถอะ เย็นนี้ฉันคงจะต้องเข้าห้างไปซื้อของสักหน่อย” หลังว่าจบก็เปิดแฟ้มเอกสารขึ้นมาอ่าน
“ได้เลยค่ะ ถ้ามีอะไรโทรเรียกหยาดได้ตลอดเลยนะคะ”
“อือ บอกให้คนงานที่ไร่เอารถไปจอดรอหลังห้างเลยนะ”
“ได้เลยค่ะ ฉันจะโทรบอกหัวหน้าคนงาน”
เสียงประตูปิดลงพร้อมกับเหอเสี่ยวหงที่วางปากกา ก่อนที่เธอจะหลับตาลงแล้วเอนตัวพิงเก้าอี้ตัวโปรด
เหอเสี่ยวหงเป็นลูกสาวคนโตของท่านายพลทหารยศใหญ่และคุณนายร้านเพชรชื่อดัง ปีนี้เหอเสี่ยวหงจะอายุครบสามสิบปีแล้ว เธอมีน้องสาวที่อายุห่างกันเป็นสิบ ๆ ปี ชื่อเหอหลินหลิน ปีนี้หล่อนก็เพิ่งจะยี่สิบปีเหมือนกัน แต่หล่อนนั้นเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของคนเป็นพ่อและแม่ ช่างแตกต่างกับเหอเสี่ยวหงผู้เป็นพี่สาว
แต่ก่อนในตอนที่เหอเสี่ยวหงยังเด็ก พ่อของเธอยังเป็นเพียงพลทหารตัวเล็ก ๆ ในกองทัพ และแม่ของเธอก็เป็นเพียงพนักงานในร้านเพชรที่เป็นของแม่เธอในปัจจุบัน จึงทำให้ไม่มีเวลาดูลูกสาวคนโต เหอเสี่ยวหงจึงถูกส่งให้ไปอยู่กับผู้เป็นย่าตั้งแต่จำความได้
และเมื่อเหอเสี่ยวมีอายุสิบขวบ มีแม่เฒ่าชรามาอ้างว่าเป็นหมอดูมาทำนายว่าลูกสาวผู้หนึ่งจะเป็นใหญ่ และลูกสาวอีกคนจะเป็นน้อย ซึ่งในเวลานั้นครอบครัวของเหอเสี่ยวหงยังไม่เชื่อมากนัก แต่แล้วพอผ่านไปสองเดือนคุณนายเหอกลับตั้งครรภ์ขึ้นมาอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่หลังจากคลอดเหอเสี่ยวหง คุณนายเหอไม่มีท่าทีว่าจะตั้งครรภ์อีกครั้ง
และเมื่อคุณนายเหอตั้งครรภ์ได้ห้าเดือน ท่านนายพลเหอที่เป็นเพียงทหารปลายแถว กลับได้รับโอกาสให้ขึ้นเป็นทหารยศสูง จึงทำให้ท่านทั้งสองเชื่อว่าเด็กในท้องจะขึ้นเป็นใหญ่ ลูกสาวคนโตที่ละเลยอยู่แล้วยิ่งละเลยไปอีก ยิ่งเมื่อคลอดลูกสาวคนเล็กออกมาผู้เป็นเจ้านายของคุณนายเหอก็ย้ายตามสามีไปอยู่ต่างประเทศ ร้านเพชรเล็ก ๆ จึงถูกยกให้คนสนิทที่ทำงานมาตั้งแต่ที่เปิดร้านอย่างคุณนายเหอ
ยิ่งพอมีหน้ามีตาในสังคม ไม่ต้องคอยวิ่ง คอยเดินตามหัวหน้า ทำให้ทั้งสองมีเวลาว่างจากการทำงาน
มาเลี้ยงเหอหลินหลิน ส่วนเหอเสี่ยวหงที่อายุครบสิบปีก็ถูกส่งกลับไปให้ผู้เป็นย่าเลี้ยง ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะมาอยู่กับพ่อแม่ไม่กี่ปี
เมื่อเหอเสี่ยวหงอายุได้ยี่สิบปีคุณย่าเหอก็เสียชีวิตลงด้วยโรคชรา ตอนนั้นเหอเสี่ยวหงที่เรียนมัธยมควบคู่ปริญญาตรีเพิ่งจะจบพอดี จากที่ต้องพักผ่อนก่อนทำงานเป็นปี สองปี ก็ต้องมาบริหารไร่หลายร้อยหมู่ ในนามทายาทคนเดียวของคุณย่าเหอ
นายพลเหอกับคุณนายเหอที่คิดว่าจะได้รับมรดกจากผู้เป็นแม่ก็รีบไปเรียกหาทนายผู้จัดการมรดกทันที แต่แล้วก็ทำให้ตกใจเพราะคุณย่าเหอยกทุกอย่างให้กับเหอเสี่ยวหง และให้เงินสดเหอหลินหลินผู้เป็นหลานสาวอีกคนเพียงหนึ่งแสนหยวน
เมื่อชื่อผู้รับมรดกมีเพียงเหอเสี่ยวหง เธอก็ถูกบิดามารดาต่อว่า ที่เป่าหูคุณย่าเหอให้ยกทรัพย์สินทุกอย่างให้คนเดียว ทั้ง ๆ ที่เหอเสี่ยวหงไม่รับรู้อะไรในส่วนนี้เลย
ต่างจากเหอหลินหลินที่แทบจะกระโดดดีใจที่ได้เงินเป็นแสนหยวน
และแล้วเวลาล่วงเลยมาหลายสิบปีก็ทำให้นายพลเหอกับคุณนายเหอรู้ซึ้งกันเลยว่าใครเป็นใหญ่ ใครเป็นน้อย เหอหลินหลินที่ทุกคนภูมิใจนักหนาได้ขอเงินไปเปิดร้านอาหาร ลูกสาวสุดรักสุดหวงขอทั้งทีทำไมจะไม่ให้ล่ะ แต่ผ่านไปไม่ถึงเดือนเหอหลินหลินก็ได้กลับมาขอเงินไปอีกหลายล้านหยวน ซึ่งหากคนขอเป็นลูกสาวคนโตอย่างเหอเสี่ยวหงทั้งสองคงจะไม่ให้ แต่นี่เป็นเหอหลินหลินลูกสาวที่ไม่กล้าขัดใจ
ยังไม่พอ! เมื่อลูกสาวที่พวกเขาทะนุถนอมมาอย่างดีกลับตั้งครรภ์ขึ้นมาในวัยยังไม่ถึงสิบแปดปี ยิ่งพ่อของเด็กเป็นวัยรุ่นเสเพลกินเหล้าข้างบ้านก็ทำให้พวกเขาแทบกระอักเลือด
เหอหลินหลินที่เรียนยังไม่จบมัธยมปลายจึงต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน ทั้งนายพลเหอกับคุณนายเหอจึงต้องแบกหน้ามาขอให้เหอเสี่ยวหง
ลูกสาวที่พวกเขาแทบจะไม่ได้เลี้ยง เซ็นรับลูกของน้องสาวเป็นลูกบุญธรรม เพราะต้องการส่งเหอหลินหลินเรียนแพทย์ แต่เพราะกลัวจะมีประวัติไม่ดี ซึ่งเหอเสี่ยวหงก็ปฏิเสธ
นายพลเหอกับคุณนายเหอที่บังคับลูกสาวคนโตไม่ได้ก็ต้องกลับบ้านมือเปล่า พอกลับมาถึงบ้านเห็นลูกสาวสุดที่รักท้องป่องก็ต้องคิดหนัก ลูกสาวคนโตที่พวกเขาละเลยกลับได้ดิบได้ดี แต่ลูกสาวที่เลี้ยงมาอย่างดีกลับกำลังแย่ลง
เงินเกือบสี่ล้านหยวนที่เหอหลินหลินได้ขอไปตอนแรกและบอกจะเปิดร้านอาหาร หล่อนเอาไปปรนเปรอให้ผู้ชายจนหมดตัว! เงินสี่ล้านหยวนหายวับไปกับตา ไหนจะไม่รับผิดชอบลูกสาวกับหลานในท้องอีก
เหอหลินหลินกลัวว่าจะถูกด่าจึงไม่กล้าบอกว่าตั้งครรภ์ พอเรื่องแดงขึ้นมาก็ไม่สามารถเอาเด็กออกได้แล้ว เพราะคนเป็นแม่จะเป็นอันตราย นายพลเหอกับคุณนายเหอจึงต้องให้ลูกสาวเก็บหลานเอาไว้ แต่ตอนนี้เงินที่บ้านเหลือไม่ถึงหนึ่งแสนหยวนเลย
นายพลเหอไม่มีทางเลือกจึงเช่าร้านอาหารที่กำลังจะเจ๊งให้ลูกสาวดูแล แต่เขาคงจะลืมไปว่าลูกสาวของตัวเองเป็นคนแบบไหน ต้องจ่ายค่าเช่า ค่าพนักงาน รายได้ที่ได้มาในแต่ละวันไม่เพียงพอให้หล่อนใช้จ่าย
คุณนายเหอจึงหาทางมาพบลูกสาวคนโตที่กำลังเป็นนักธุรกิจที่กำลังเติบโต เพื่อให้เหอเสี่ยวหงเอาเสี่ยวตงผู้เป็นหลานชายมาเลี้ยง อีกอย่างถ้าเหอเสี่ยวหงเสียชีวิตอย่างน้อยมรดกก็ต้องถูกส่งให้หลานชายที่รับเลี้ยงอยู่แล้ว แต่ก็ถูกเหอเสี่ยวหงปฏิเสธอยู่ดี
ก๊อก! ก๊อก
‘คุณเหอคะ! คุณนายเหอโทรมาค่ะ!”
เหอเสี่ยวหงยกยิ้ม ทั้งสองคนรักเหอหลินหลินมาก เมื่อลูกสาวสุดที่รักไม่มีเงินใช้ก็ต้องบากหน้าไปหายืมเงิน แต่อีกไม่กี่วันต้องหาเงินจ่ายดอกเบี้ยเงินที่มีมันก็ไม่พอ ทางเลือกสุดท้ายจึงต้องเข้าหาเหอเสี่ยวหง
“ไม่ต้องรับ!” เหอเสี่ยวหงตะโกนลั่นห้องทำงาน
จริง ๆ แล้วเหอเสี่ยวคือคนปี1960 ในเวลานั้นเธอแท้งลูกเพราะถูกแม่เลี้ยงสามีโขกสับ เพราะสามีของเธอที่ทำงานเป็นยามในอำเภอถูกส่งไปทำงานที่มณฑลอื่น พ่อสามีก็เสียแล้ว แม่เลี้ยงสามีจึงได้ใจ
เหอเสี่ยวหงเป็นคนรักลูกกับสามีมาก พอรู้ตัวว่าแท้งลูกก็เอาหัวโขกเตียงเตาเสียชีวิต นี่คงจะเป็นตราบาปของเธอที่ทำให้ไม่ลืมเรื่องราวในชาติก่อน
เหอเสี่ยวหงได้เกิดใหม่ในเด็กที่ต้องออกจากท้องแม่ เธอเกิดมาโดยใช้ชื่อและแซ่เดียวกับชาติก่อน ไหนจะเกิดมาพร้อมกับของวิเศษอย่างมิติ
ตึก! ตึก!
“คุณหยาด!”
“เฮ้ย! ตกใจหมด”
เหอเสี่ยวหงหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นท่าทางตกใจของเลขาคนสนิท เธอหยิบเอกสารที่เซ็นมาวางให้กับหล่อนพร้อมบอกว่าจะออกจากบริษัทแล้ว
“ฉันจะไปแล้วนะคะ”
“จะไปแล้วเหรอคะ” หล่อนรีบลุกจากเก้าอี้ที่นั่ง “หยาดขอตัวเก็บของก่อน” อาจเพราะมีเอกสารหลายอย่างที่สำคัญ เหอเสี่ยวหงจึงได้เห็นภาพวุ่นวายตรงหน้าที่เห็นแทบจะทุกวัน
“งั้นฉันจะไปรอที่รถนะ” ก่อนจะเดินตรงไปยังลิฟท์
“รอด้วยค่าาาา”
เหอเสี่ยวหงหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข หยาดฟ้าเป็นลูกสาวคนสนิทของคุณย่าเหอ เมื่อแม่ของหล่อนป่วยและเสียชีวิต จึงถูกคุณย่าเหอรับหล่อนเป็นหลานบุญธรรม
ทั้งเหอเสี่ยวหงและหยาดฟ้ามีอายุเท่ากัน ทั้งสองจึงสนิทสนมกันและคุยกันได้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะความลับของเหอเสี่ยวหงที่หยาดฟ้าบังเอิญได้รู้ เหอเสี่ยวหงจึงต้องบอกหล่อน แต่หล่อนก็เก็บเป็นความลับมาตลอด
ปรื้น ปรื้น ปรื้นนน
เสียงรถยนต์ รถเครื่องดังขึ้นในเวลาเลิกงานของชาวออฟฟิศ เหอเสี่ยวหงที่นั่งข้างคนขับเหม่อมองข้างนอกอย่างไร้จุดหมาย ทั้ง ๆ ที่มันเต็มไปด้วยกลุ่มควัน
“ยัยหง หง เสี่ยว… หงหง ยัยหง!” เสียงตะโกนของหยาดฟ้าดังลั่นรถยนต์
“อะไรยัยฟ้า!” เหอเสี่ยวหงสะดุ้งตกใจ
ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานทั้งสองคนจึงพูดกันด้วยความสนิทสนม ต่างจากเวลาทำงานเพราะหยาดฟ้าเป็นลูกน้องจึงต้องให้เกียรติเจ้านาย หากมีคนอื่นมาว่าหล่อนตีตนเสมอนาย เหอเสี่ยวหงจะมีปัญหา
“ของที่เตรียมไว้แล้วมีอะไรบ้าง” เรื่องการที่เธอต้องย้อนกลับอดีตที่ผ่านมา หยาดฟ้าก็รู้เช่นกัน!
“ก็มียาสามัญประจำบ้านแล้วก็ยาสำคัญที่ต้องใช้ ผักผลไม้หลายสิบอย่าง สบู่ผลไม้รวมตระกูลเบอร์รีแล้วก็แยกหลายสิบล้านก้อน จักรเย็บผ้าเครื่องเล็ก 10 ตัว จักรยานที่แกไปเอฟมาหลายเดือนก่อน 10 คัน กล่องใส่อาหาร แก้วพลาสติก กะละมัง หม้อดิน หม้อเหล็ก กระทะ” เหอเสี่ยวหงบอกรายการบางส่วนที่จำได้ บางอย่างก็ถูกเธอเก็บใส่มิติเป็นสิบ ๆ ปี เธอจำได้ก็เก่งเกินไปแล้ว
“โห้! แกสบายเลยสิ” หยาดฟ้าอุทาน
เหอเสี่ยวหงหัวเราะ “ก็ตอนนั้นมันลำบากมาก พอมีโอกาสใครไม่อยากคว้าไว้ล่ะ”
“อ๋อจริงสิ ฉันสั่งผลไม้ตระกูลเบอร์รีทั้งแบบสดแล้วก็แห้งจากต่างประเทศมาให้ด้วย แต่ไม่แน่ใจว่าจะได้เยอะมากไหมเพราะเขาบอกของตีกลับเยอะมากต้องจำกัด” หยาดฟ้าว่าพลางเลี้ยวรถหาที่จอด
เหอเสี่ยวหงที่เห็นว่าเพื่อนจอดรถแล้วก็เอ่ยบอก “ถ้าลุงฟ่านมาแล้วก็บอกให้แกขึ้นไปรอเลย”
ชีวิตของลิลลี่เป็นชีวิตที่ใครหลาย ๆ คนใฝ่ฝันอยาจะเป็นแบบเธอ แต่คนอื่นไม่เคยรู้เลยว่ามันโดดเดี่ยวมากแค่ไหน เกิดในตระกูลหมื่นล้านครอบครัวค่อย ๆ จากไปทีละคน อายุเพียงยี่สิบอาชายผู้ที่เป็นญาติผู้ใหญ่คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ดวลจากไป ลิลลี่ ลลิลิล จึงกลายเป็นทายามเพียงคนเดียวของตระกูล มีแล้วอย่างไรสุดท้ายคนเราต้องจากไป มีเงินหมื่นล้านยื้อชีวิตใครไม่ได้สักคน ลิลลี่ในวัยยี่สิบปีเธอรู้ว่าธุรกิจของตระกูลไม่อาจสานต่อได้ ขายหุ้นให้คนอื่นรอรับเพียงเงินปันผลก็เพียงพอ ยี่สิบสามเรียนจบปริญญาตรีด้านแฟชั่นก่อนเรียนต่อปริญาเอก ปริญญาโท ในปีที่สามสิบของชีวิตลิลลี่ประสบความสำเร็จในด้านดีไซเนอร์ เป็นดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียง ยังไม่ทันได้ใช้ชีวิตหลังเรียนจบก็เสียชีวิตจากความเครียดที่สะสมมาตลอด คิดว่าหลังความตายคงจะถูกบรรพบุรุษสาปแช่งที่ดูแลตระกูลไม่ได้ ใครจะรู้ว่าลืมตาแล้วจะมาอยู่ในร่างของคนอื่น วันที่เจ็ดเดือนมกราคมปี 1980 ลิลลี่ตื่นขึ้นในในร่างของลูกสาวคนโตของบ้านฉิน ฉินเสี่ยวหราน มีน้องสาวหนึ่งคน พ่อเป็นทหารหารเพิ่งได้รับเลื่อนขั้นเป้นพันตรี แม่เป็นหญิงในชนบท ฉินเสี่ยวหรานเป็นนักเรียนมัธยมปลายชั้นปีสุดท้าย ส่วนฉินเสี่ยวหลิงเป็นนักเรียนมัธยมต้นชั้นปีสุดท้ายที่จะขึ้นมัธยมปลาย
แป้งร่ำสาวใหญ่วัยสี่สิบ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยงานจนกระทั่งเพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีใครเคียงข้าง หลังจากทบทวนชีวิตดีแล้วจึงยื่นขอลาออกจากบริษัท และนับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยน ระบบเส็งเคร็งนี่คืออะไร!
เป็นเพียงขยะไร้ค่าของตระกูลจะสู้หลานชายสุดที่รักของคุณปู่ได้อย่างไร ติณณ์เดินออกจากตระกูลไปยังประเทศเกรย์ดัชตามคำบอกเล่าของเพื่อนสาว แต่เข้าประเทศเขาวันแรกดันปากดีใส่องค์รัชทายาทจนโดนหมายหัว
แป้งร่ำสาวใหญ่วัยสี่สิบ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยงานจนกระทั่งเพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีใครเคียงข้าง หลังจากทบทวนชีวิตดีแล้วจึงยื่นขอลาออกจากบริษัท และนับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยน ระบบเส็งเคร็งนี่คืออะไร! .
ซุนลี่เป็นหนึ่งเกรียงไกร แผ่นดินยิ่งยงไพศาล ใต้หล้าสยบชั่วกาล ว่านอี้ครองราชย์...ประชาร่มเย็น ว่านอี้ครองราชย์...ประชาร่มเย็น คำนี้มีความจริงเจือจางอยู่กี่มากน้อยกันแน่? เรื่องเหล่านี้คงเป็นเพียงบทเรียนในวังหลังที่จารึกให้คนท่องจำ ไปอย่างสูญเปล่า เพราะสำหรับตัวนางแล้ว คำกล่าวนี้ดูห่างไกลความจริง จนสุดหล้าทีเดียว
ตายด้วยเงื้อมมือของเพื่อนร่วมสาขา เนเน่ เนตรนภา จึงทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบหนาวที่ป่วยตาย นามเซี่ยซูเหยา มีบิดา พี่สาว พี่ชายที่เป็นห่วงนางมากกว่าสิ่งใด
นายพายุ ศิระภาคิณ อายุสามสิบปี นักธุรกิจหนุ่มประธานบริษัทส่งออกผ้าไทย วีรกรรมที่เขาทำไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อน กำลังจะย้อนกลับมา เมื่อนางสาวแพรไหม โภสิกุล ดีไซเนอร์สาวอายุยี่สิบเก้าปี ได้ปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่เธอนั้นหายออกไปจากมหาวิทยาลัย กว่าสิบปี โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งทำให้ท่านประธานหนุ่มเริ่มอยากรู้ชีวิตของเธอ เมื่อครั้งหนึ่งเรือนร่างอันบอบบางอรชรเคยหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับเขามาแล้ว ถ้าหากเขาต้องการสานสัมพันธ์กับเธออีกครั้ง มันก็ไม่แปลกหากเธอนั้นยังโสดแพรไหมจะยังต้องการเขาอยู่หรือไม่ ในเมื่อเธอคิดว่าพายุนั้นเป็นแค่ผู้ชายที่พรากความบริสุทธิ์ไปจากเธอเท่านั้น ซึ่งเวลานี้เธอก็ยังคงมองเขาในด้านลบอยู่ดี แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเป็นสิบปีแล้วก็ตาม "แม่ของหนูชื่ออะไร ตอนนี้อยู่ที่ไหน บอกฉันได้ไหม" พายุถามพร้อมกับจ้องลงไปที่ดวงตาแป๋วของเด็กหญิงตรงหน้า เมื่อเขามั่นใจว่าสายตาจะไม่โกหก "แม่ของหนูชื่อแพรไหม!" เด็กหญิงพูดออกมา พร้อมกับจ้องสายตาคมของผู้เป็นบิดาอย่างไม่กะพริบตา เพื่อยืนยันว่าเธอนั้นไม่ได้โกหก “ฮ่ะ!” พายุอุทานออกมาเสียงดัง ขณะที่หัวใจของเขานั้นเต้นแรง ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจที่สุดในชีวิต "ถ้าคุณไม่เชื่อ พาหนูไปตรวจดีเอ็นเอก็ได้นะคะ" เด็กหญิงพูดออกมาพร้อมกับมีใบหน้าที่เศร้าหม่น เมื่อเธอคิดว่าบิดาคงไม่เชื่อในสิ่งที่เธอนั้นพูดออกมา "ไม่จำเป็น!" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็ง เพื่อยืนกรานที่จะตรวจดีเอ็นเอ จนทำให้คนฟังนั้นหวาดกลัว เพราะใยไหมคิดว่าบิดานั้นไม่เชื่อใจเธอ "หนูขอโทษที่มารบกวน หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" ใยไหมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอยกมือขึ้นไหว้ผู้เป็นบิดาอย่างนอบน้อม ประหนึ่งว่าจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้วในชีวิตนี้ เมื่อเธอได้สัญญากับผู้เป็นมารดาเอาไว้ หากถูกปฏิเสธแล้วไซร้ จะขอกลับไปไม่กลับมาหาชายตรงหน้าอีกเลยตราบชั่วชีวิต "แล้วหนูจะไปไหน นั่งลงก่อนสิ" พายุพูดพร้อมกับจับร่างเล็กของลูกสาวนั่งลงข้าง ๆ อีกครั้ง "ที่บอกว่าไม่จำเป็น นั่นเป็นเพราะว่าพ่อเชื่อว่าหนูเป็นลูกของพ่อโดยไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอ!" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ใยไหมไม่รอช้าโผเข้าไปกอดผู้เป็นบิดาอีกครั้งในทันที ก่อนจะร้องไห้ออกมาเพราะความดีใจ "ไม่ร้องนะครับคนเก่งของพ่อ" พายุพูดพร้อมทั้งเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่แก้มใสของลูกสาวออกจนสิ้น ในขณะที่ตัวของเขาเองก็น้ำตาคลอเช่นกัน "หนูขอเรียกพ่อว่าคุณป๋านะคะ" เสียงเจี๊ยวจ๊าวพูดออกมาอย่างรื่นหู คุณป๋าที่เด็กหญิงพูดนั้น ทำให้พายุอดที่จะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจไม่ได้ "ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ทำไมถึงต้องเรียกพ่อว่าคุณป๋าด้วยละ หืม" พายุเอ่ยถามลูกสาวออกมา ขณะที่เขายังคงกอดเด็กหญิงเอาไว้ ด้วยความรักความผูกพันของสายใยระหว่างพ่อลูก ที่มันพันผูกจนมาสามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ "มาดาม ไม่ชอบให้หนูมีพ่อ หนูก็จะมีคุณป๋าแทนยังไงล่ะคะ" คำตอบของลูกสาวทำให้พายุยิ้มไม่หุบครั้งแล้วครั้งเล่า เธอช่างเป็นเด็กฉลาดและร่าเริง ผิดกับแพรไหมมารดาของเธอ ที่ชอบทำหน้าเหมือนแบกโลกทั้งใบเอาไว้ตลอดเวลา "ทำไมถึงเรียกแม่ว่ามาดาม ตอนนี้แม่แต่งงานไปแล้วหรือยัง" เวลานี้พายุลุ้นคำตอบจากลูกสาว หรือแพรไหมจะแต่งงานกับฝรั่งตาน้ำข้าวไปแล้ว ใยไหมถึงได้เรียกเธอว่ามาดาม "แม่ยังไม่มีใคร มีแค่ลุงดนัยที่ชอบมาข้องแวะ แต่หนูไม่ชอบเขาเลย เพราะเขาชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมาดามอยู่เรื่อย" คำตอบของลูกสาวช่างอิ่มเอมใจ เมื่อแพรไหมไม่มีใครเขาก็พร้อมจะสานสัมพันธ์ แต่งานนี้คงจะยากหากผู้ชายคนนั้นมาข้องแวะ แต่เขามีลูกสาวที่ยืนเคียงข้างแล้วจะกลัวอะไร "ถ้าพ่ออยากจะจีบแม่ต้องทำยังไง" "โอ้! เจ๋งเป้งมากค่ะคุณป๋า เดี๋ยวหนูจะช่วยเอง" ใยไหมพูดออกมาด้วยความดีใจ นั่นคือสิ่งที่เธอปรารถนามาแสนนาน อยากให้บิดามารดาได้ลงเอยกันสักที "ลูกรับปากพ่อแล้วน๊า... " พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่ารัก "แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อนค่ะ คุณป๋า" ใยไหม ผละออกจากอกกว้างของผู้เป็นบิดา พร้อมกับหยิบคุกกี้ตรงหน้าเข้าปาก "หิวหรือยัง ไปทานข้าวก่อนดีไหม" พายุเอ่ยถามออกมาด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นลูกสาวนั้นหยิบคุกกี้เข้าปากคำโต "เดี๋ยวค่อยไปทานก็ได้ค่ะ แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อน เรื่องที่หนูเป็นลูกสาวของคุณป๋า ห้ามให้ใครรู้ ทุกอย่างจะเป็นความลับระหว่างเราได้ไหมคะ" พายุทำหน้าสงสัยกลับไปให้เด็กหญิง เธอกำลังคิดจะทำอะไร ใครหลายคนคงดีใจหากได้เป็นลูกสาวของท่านประธาน "ทำไมเป็นลูกสาวพ่อมันไม่ดีตรงไหนเหรอ ลูกถึงไม่อยากให้ใครรู้" พายุเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความน้อยใจ เมื่อลูกสาวไม่อยากให้ใครรับรู้ว่าเขาเป็นบิดาของเธอ "เป็นลูกสาวของป๋าดีที่สุดแล้ว แต่หนูไม่อยากให้ใครมองมาดามในทางไม่ดี ทุกคนต้องรู้แน่ สาเหตุที่มาดามต้องออกจากมหา'ลัยกลางคัน" คำบอกเล่าของใยไหมเป็นเหมือนดังคมหอก ที่ทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจของพายุ เด็กหญิงตรงหน้าช่างมีความคิดแบบผู้ใหญ่ เธอถูกเลี้ยงมาแบบไหนทำไมถึงได้ฉลาดอย่างนี้ แพรไหมคงดูแลอบรมลูกสาวมาอย่างดี ต่างจากเขาผู้เป็นบิดาที่ไม่เคยได้เหลียวแล "พ่อขอโทษนะ ที่ไม่เคยได้ดูแลหนูเลย ต่อจากนี้ไปพ่อจะไม่ทิ้งหนูกับแม่ให้อยู่กันตามลำพังอีกแล้ว" คำพูดของผู้เป็นบิดากำลังทำให้เด็กหญิงหัวใจพองโต เธอดีใจที่ผู้เป็นพายุไม่ปฏิเสธ แถมเขายังคิดที่จะสานสัมพันธ์กับมาดามของเธออีกครั้ง คงไม่มีอะไรทำให้เด็กหญิงมีความสุขเท่าสิ่งนี้มาก่อนเลยในชีวิต "ก่อนอื่นคุณป๋า ต้องจีบมาดามให้ติดก่อน หนูบอกเลยว่างานหิน มาดามดื้อจะตาย ขนาดลุงดนัยตามจีบหลายปี มาดามยังปฏิเสธทุกครั้ง แต่ลุงดนัยก็ตื้ออยู่ได้" ใยไหมพูดพร้อมกับทำหน้างอ ออกมาได้อย่างน่ารัก "ป๋ามีลูกสาวคอยช่วยจะกลัวอะไร ไปทานข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวป๋าจะไปส่งที่บ้าน" พายุพูดออกมาด้วยสายตาที่มีความหวัง เขาคงไม่ต้องใช้นักสืบ ในเมื่อโชคชะตากำหนดให้หญิงสาวเดินเข้ามาในชีวิตของเขาเอง แถมอยู่ดี ๆ ก็ได้ลูกสาวมาหนึ่งคน ที่น่ารักซะจนทำให้เขานั้นอยากไว้หนวด
"ท่านครับ คนยังไม่ตาย ต้องการชนอีกทีไหมครับ" "จัดการเลย" เสิ่นอันหยูซึ่งกำลังจมอยู่ในกองเลือด ได้ยินคำสั่งของสามีกับหู เธอกับเขาไม่เคยเป็นสามีภรรยาที่แท้จริง และด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่เคยมีลูก อย่างไรก็ตาม การแต่งงานที่ไม่มีบุตรทำให้แม่สามีกล่าวหาว่าเสิ่นอันหยูมีบุตรยาก ตอนนี้ สามีของเธอไม่เพียงนอกใจเธอเท่านั้น แต่เขาต้องการให้เธอตายด้วย! เขาก็หย่ากับเธอได้ แต่นี่เขาพยายามจะฆ่าเธอ... ในวันที่หย่ากัน เสิ่นอันหยูที่เคยรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิดนั้นก็แต่งงานกับชายอีกคนหนึ่งทันที สามีคนที่สองของเธอเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในเมือง เธอสาบานว่าจะใช้อำนาจของเขาให้เป็นประโยชน์และแก้แค้นคนที่เคยทำร้ายเธอ! เดิมทีการแต่งงานของพวกเขาในครั้งนี้ควรเป็นเพียงข้อตกลงที่หาประโยชน์สำหรับทั้งสองฝ่ายเท่านั้น แต่สุดท้าย เธอกลับถูกชายที่ดื้อรั้นคนนี้ตรึงไว้กับกำแพง "เอาจริงเลยได้ไหม ผมอยากอยู่กับคุณตลอดไป"
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"
โปรยปราย... เมื่ออยากให้มหาเศรษฐีนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่าง ‘ปวีร์’ ช่วยให้ ‘พิมพ์พิศา’ หลุดพ้นจากสภาพของสาวค้าบริการอย่างไม่สมยอม ไหนจะ ‘พ่อเลี้ยง’ บ้ากามที่จ้องคุกคามพรหมจรรย์ หญิงสาวบริสุทธิ์จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อ ‘จับ’ เขาไว้ให้อยู่หมัด ด้วยรู้ว่าอิทธิพลของเขาจะช่วยคุ้มภัยให้เธอไปตลอดกาล แต่นักธุรกิจทุกกระเบียดอย่างเขา จะช่วยใครย่อมต้องมีข้อแลกเปลี่ยนบางอย่าง... ข้อนั้นพิมพ์พิศารู้ดี แต่ไม่รู้เลยว่า... เพียงเพื่อแลกกับอิสรภาพ เธอจะต้องมีทายาทให้เขา +++++++++++++++
เพราะเพื่อน..เธอจึงต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ เป็นเหตุให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอแอบชอบ ในขณะเดียวกัน เธอเองก็คิดว่าเขาเป็นเกย์ เพราะสถานการณ์บางอย่างเช่นกัน แล้วความวุ่นวายก็บังเกิด เมื่อเธอดัน…หลงรักเกย์ ‘ฮื่อ! เป็นเกย์นะเว้ยไม่ได้เป็นหวัด รักษาวันเดียวจะหายได้ไง สู้ต่อไปศิศิรา ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตน เพราะงั้นฉันก็ยังมีหวัง เฮ้อ! อย่างมากก็แค่ผิดหวังล่ะน่า’ ***“สาบานได้ว่าครั้งนี้ผมจะไม่หยุด จนกว่าเรา…จะเป็นของกันและกัน” เขาบอกก่อนจะผละลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะที่สองมือค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อ สองตาก็ยังไม่ยอมเลื่อนไปจากเรือนร่างขาวโพลนตรงหน้า และไอ้สายตาคมกล้าประหนึ่งเสือรอตะครุบเหยื่อของเขาก็ทำให้เธอหนาวๆ ร้อนๆ บอกไม่ถูก “ไม่! เราพวกเดียวกัน เรากินกันไม่ได้” เธอพยายามเตือนสติ เพราะคิดว่าเขาอาจจะกำลังขาดสติ “แต่ผมเคยกินคุณแล้ว แล้วผมก็ชอบกินคุณ” เขาพูดพลางหลุบตามองไปที่แพนตี้ของเธอ ทำเอาเจ้าของแพนตี้ทำตาโต ไม่แน่ใจในคำว่ากินของเขา ที่สำคัญ…กะๆ กินอะไร “มะหมายความว่าไง”
มิรา กนกชนากาญจน์ดีไชเนอร์ชื่อก้องโลกของห้องเสื้อแบรนด์ดังจากมิลาน อดีตทายาทมหาเศรษฐีคนเดียวของเจ้าสัวปราณ เธอกลับมาบ้านในรอบสิบสองปีหลังจากถูกยื่นคำขาดจากท่านเจ้าสัวว่าจะยกทุกอย่างให้ปถวีกับหลานสาวฝาแฝดของเธอมิราจำต้องพับเก็บความโกรธและทิฐิมานะเอาไว้ รีบกลับมาทวงคืนมรดกหลายพันล้านคืน เธอจะไม่ยอมให้ใครฮุบสมบัติที่เป็นของเธอไปอย่างเด็ดขาด ไม่แม้แต่จะยอมให้สักเศษเสียวกระเด็นไปถึงทายาทนอกสายเลือดอย่างเขา เหมืองปราณปุราอดีตเหมืองใหญ่ที่สุดของเมืองกาญจน์ที่ล่มสลายลงหลายสิบปีถูกกลับมารื้อพื้นขึ้นมาอีกครั้งจากน้ำมือของ “ปถวี”เขาพลิกพื้นผืนดินที่ปล่อยทิ้งร้างมานานให้กลายเป็นฟาร์มปศุสัตว์ครบวงจร ขยายไร่จากสองพันไร่ให้เป็นห้าพันไร่ภายในระยะเวลาเจ็ดปี “ไม่แต่งก็ได้...แต่สมบัติจะถูกแบ่งตามพินัยกรรม” ชายชราบอกด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ “ไม่ได้! หนูไม่ยอมให้สมบัติไปตกอยู่ในมือปลิงเปลือกทองอย่างหมอนั่นเด็ดขาด” “ถ้าอย่างนั้นแกก็ต้องแต่ง ปู่ให้เลือกว่าจะจดทะเบียนกันเงียบๆ หรือ จัดพิธีใหญ่โตที่สุดแต่ไม่ต้องจดทะเบียนก็ได้”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด