ซุนลี่เป็นหนึ่งเกรียงไกร แผ่นดินยิ่งยงไพศาล ใต้หล้าสยบชั่วกาล ว่านอี้ครองราชย์...ประชาร่มเย็น ว่านอี้ครองราชย์...ประชาร่มเย็น คำนี้มีความจริงเจือจางอยู่กี่มากน้อยกันแน่? เรื่องเหล่านี้คงเป็นเพียงบทเรียนในวังหลังที่จารึกให้คนท่องจำ ไปอย่างสูญเปล่า เพราะสำหรับตัวนางแล้ว คำกล่าวนี้ดูห่างไกลความจริง จนสุดหล้าทีเดียว
ซุนลี่เป็นหนึ่งเกรียงไกร
แผ่นดินยิ่งยงไพศาล
ใต้หล้าสยบชั่วกาล
ว่านอี้ครองราชย์...ประชาร่มเย็น
ว่านอี้ครองราชย์...ประชาร่มเย็น
คำนี้มีความจริงเจือจางอยู่กี่มากน้อยกันแน่?
เรื่องเหล่านี้คงเป็นเพียงบทเรียนในวังหลังที่จารึกให้คนท่องจำ
ไปอย่างสูญเปล่า เพราะสำหรับตัวนางแล้ว คำกล่าวนี้ดูห่างไกลความจริง
จนสุดหล้าทีเดียว
ปีนี้ซุนหนิงเฟิ่งมีอายุครบสิบเจ็ดพอดี แต่นางยังคงถูกเก็บตัวให้อยู่แต่ในวัง แม้ผ่านพิธีปักปิ่นและรับตราตั้ง กลายเป็นองค์หญิงที่มีราชทินนามอย่างเป็นทางการแล้ว แต่สถานะของนางก็มิอาจเรียกได้ว่าสามารถลืมตา
อ้าปาก
ทุกวันนี้เบี้ยหวัดที่ได้จากทางกองคลังหลวงก็ไม่ได้มากพอที่จะบำรุงรักษาตำหนักให้อยู่ในสภาพดีสักเท่าใดนัก เครื่องเรือนและข้าวของเครื่องใช้ของนางจึงเก่าโทรม จนหญิงสาวคิดว่ามันอาจจะย่ำแย่กว่าทรัพย์สมบัติของขุนนางในราชสำนักบางคนเสียอีก
แต่จะให้ทำอย่างไรได้เล่า...นางเป็นเพียงองค์หญิงท้ายวัง องค์หญิงที่แม้แต่ตัวบิดาผู้ให้กำเนิดก็ไม่อาจพูดได้เต็มปาก ว่าอยากให้นางลืมตาดูโลกหรือไม่ เนื่องจากตัวนางเป็นบุตรสาวที่บิดา ซึ่งก็คือจักรพรรดิองค์ปัจจุบันอย่างซุนว่านอี้ไม่เคยเหลียวแล
ซุนหนิงเฟิ่งแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าหน้าตาของบิดาตนเป็นเช่นไร เพราะนับตั้งแต่นางลืมตาดูโลกก็ถูกบิดาทอดทิ้งไปแล้ว เนื่องจากในวันที่มารดาอย่างสือเถียนชิงกุ้ยเฟยคลอดนางออกมา กุ้ยเฟยก็ได้ตายจากไปทันที
นับแต่นั้นบิดาก็มองนางเป็นเสมือนศัตรูมาโดยตลอด ซุนหนิงเฟิ่งเป็นองค์หญิงที่ไม่ได้รับความเอาใจใส่ มีเพียงแม่นมเก่าแก่ที่ติดตามมารดาเข้าวังมาช่วยเลี้ยงดูเท่านั้น
หลายปีต่อมา นางเติบโตขึ้นอย่างยากลำบาก แม้จะได้ร่ำเรียนร่วมกับบรรดาพี่น้องในสำนักเรียนของวังหลวงก็มักจะถูกกลั่นแกล้งเสมอ เนื่องด้วยไม่มีมารดาปกป้อง
ซุนหนิงเฟิ่งมีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในเรื่องนี้ตลอดมา แต่ก็ไม่กล้าจะเปิดเผยความรู้สึก หญิงสาวได้แต่ซ่อนงำความเจ็บช้ำเหล่านั้นไว้ในอก ตักเตือนตนเองว่าเป็นเพียงสุนัขตัวหนึ่งที่วังหลวงชุบเลี้ยงไว้เท่านั้น
เป็นสุนัขที่มีที่ซุกหัวนอน และมีข้าวให้กิน แต่ก็ไร้ซึ่งการดูแลเอาใจใส่ ทุกวันนี้นางยังต้องจัดการซ่อมแซมเสื้อผ้าด้วยตนเองด้วยซ้ำ เนื่องจากไม่ได้รับการจัดสรรข้าวของต่างๆ มาถึงมือสักพักแล้ว
ส่วนเรื่องอาหารการกิน แม้จะมีให้กิน แต่ก็เป็นของเก่าเก็บเย็นชืดที่เหมือนให้กินพอประทังหิว และไม่ให้ต้องอดตาย จนกลายเป็นวิญญาณร่อนเร่เท่านั้น
แต่มาคิดดูแล้ว นางคิดว่าบางทีความตายอาจจะสุขสบายกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ได้
หญิงสาวนั่งเหม่อมองไปรอบกาย ตำหนักท้ายวังแห่งนี้ย่ำแย่กว่าตำหนักเดิมที่มารดาของนางเคยอยู่เสียอีก แต่สาเหตุที่ต้องย้ายมาก็เพราะบิดาของนางจะนำตำหนักที่นางเคยอยู่มาตั้งแต่เกิดไปบูรณะใหม่ เพื่อให้เจ้าของใหม่อย่างสนมคนโปรดที่เพิ่งเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นกุ้ยเฟยเมื่อ
ไม่นานมานี้เข้าไปอยู่แทน
ทว่าเรื่องนั้นซุนหนิงเฟิ่งทนได้ เพราะนางคิดว่าจะอยู่ที่ใดในวังหลวงที่มีเพียงกำแพงอิฐแดงล้อมรอบก็มีค่าไม่ต่าง นางยังคงเป็นเสมือนสุนัข
ตัวหนึ่งที่ไร้เจ้านายปกป้องอยู่วันยังค่ำ
“องค์หญิงซุนหนิงเฟิ่ง โปรดออกมารับราชโองการ”
เสียงของขันทีอาวุโสผู้หนึ่งดังมาจากหน้าประตูที่เปิดแง้มให้ลมสามารถผ่านเข้ามาได้ เนื่องจากตัวหน้าต่างของตำหนักท้ายวังนั้นชำรุดเสียหายจนเปิดได้ไม่กว้างพอ
วันนี้อากาศภายนอกก็ร้อนอบอ้าวมากด้วย นางจึงอยากเปิดประตูแง้มไว้ เพื่อให้ลมสามารถไหลเวียน และถ่ายเทได้สะดวก
“องค์หญิง...” เสียงเรียกจากด้านนอกดังเข้ามาอีก และคราวนี้
หญิงสาวก็ลุกขึ้นยืน พลางละสายตาจากภาพเขียนอักษรที่เป็นโคลงกลอนชื่นชมในตัวของบิดาของนาง แล้วมองไปทางด้านหน้า
ชีวิตของลิลลี่เป็นชีวิตที่ใครหลาย ๆ คนใฝ่ฝันอยาจะเป็นแบบเธอ แต่คนอื่นไม่เคยรู้เลยว่ามันโดดเดี่ยวมากแค่ไหน เกิดในตระกูลหมื่นล้านครอบครัวค่อย ๆ จากไปทีละคน อายุเพียงยี่สิบอาชายผู้ที่เป็นญาติผู้ใหญ่คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ดวลจากไป ลิลลี่ ลลิลิล จึงกลายเป็นทายามเพียงคนเดียวของตระกูล มีแล้วอย่างไรสุดท้ายคนเราต้องจากไป มีเงินหมื่นล้านยื้อชีวิตใครไม่ได้สักคน ลิลลี่ในวัยยี่สิบปีเธอรู้ว่าธุรกิจของตระกูลไม่อาจสานต่อได้ ขายหุ้นให้คนอื่นรอรับเพียงเงินปันผลก็เพียงพอ ยี่สิบสามเรียนจบปริญญาตรีด้านแฟชั่นก่อนเรียนต่อปริญาเอก ปริญญาโท ในปีที่สามสิบของชีวิตลิลลี่ประสบความสำเร็จในด้านดีไซเนอร์ เป็นดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียง ยังไม่ทันได้ใช้ชีวิตหลังเรียนจบก็เสียชีวิตจากความเครียดที่สะสมมาตลอด คิดว่าหลังความตายคงจะถูกบรรพบุรุษสาปแช่งที่ดูแลตระกูลไม่ได้ ใครจะรู้ว่าลืมตาแล้วจะมาอยู่ในร่างของคนอื่น วันที่เจ็ดเดือนมกราคมปี 1980 ลิลลี่ตื่นขึ้นในในร่างของลูกสาวคนโตของบ้านฉิน ฉินเสี่ยวหราน มีน้องสาวหนึ่งคน พ่อเป็นทหารหารเพิ่งได้รับเลื่อนขั้นเป้นพันตรี แม่เป็นหญิงในชนบท ฉินเสี่ยวหรานเป็นนักเรียนมัธยมปลายชั้นปีสุดท้าย ส่วนฉินเสี่ยวหลิงเป็นนักเรียนมัธยมต้นชั้นปีสุดท้ายที่จะขึ้นมัธยมปลาย
แป้งร่ำสาวใหญ่วัยสี่สิบ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยงานจนกระทั่งเพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีใครเคียงข้าง หลังจากทบทวนชีวิตดีแล้วจึงยื่นขอลาออกจากบริษัท และนับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยน ระบบเส็งเคร็งนี่คืออะไร!
เป็นเพียงขยะไร้ค่าของตระกูลจะสู้หลานชายสุดที่รักของคุณปู่ได้อย่างไร ติณณ์เดินออกจากตระกูลไปยังประเทศเกรย์ดัชตามคำบอกเล่าของเพื่อนสาว แต่เข้าประเทศเขาวันแรกดันปากดีใส่องค์รัชทายาทจนโดนหมายหัว
แป้งร่ำสาวใหญ่วัยสี่สิบ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยงานจนกระทั่งเพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีใครเคียงข้าง หลังจากทบทวนชีวิตดีแล้วจึงยื่นขอลาออกจากบริษัท และนับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยน ระบบเส็งเคร็งนี่คืออะไร! .
อดีตที่ยากจน แม่เลี้ยงสามีที่เอาเปรียบบ้านใหญ่ บ้านรอง ของพวกเธอต้องชดใช้!
ตายด้วยเงื้อมมือของเพื่อนร่วมสาขา เนเน่ เนตรนภา จึงทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบหนาวที่ป่วยตาย นามเซี่ยซูเหยา มีบิดา พี่สาว พี่ชายที่เป็นห่วงนางมากกว่าสิ่งใด
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"