แก้วแหวนเงินทองเธอช๊อบชอบ แต่ไม่อยากได้คนซื้อให้ต้องทำยังไง พอจะหนีเขาก็เปย์มาให้เป็นสิบล้อ แล้วแบบนี้จะหนีพ้นไหม
"ผู้หญิงเชี้_อะไรวะ! ร้องไห้ก็สวย มีขี้มูกก็น่ารัก คนห่าอะไรน่าจับมาทำเมียจริงๆ เว้ย!..."
ยืนมองอยู่นานแล้ว ตอนแรกตั้งใจจะเดินเลยผ่านไป แต่ที่ต้องหยุดเพราะได้ยินเธอตะโกนด่ากับลมทะเลข้างหน้า จึงต้องหยุดชะงักฟัง จะหาว่าสอดรู้สอดเห็นก็ไม่เชิง ยิ่งเธอตัวเล็กกลมกลึง อวบอิ่ม แถมใบหน้าสวยราวกับตุ๊กตาของเมืองฝรั่งที่เคยพบเห็น ยิ่งทำให้ดูน่ารักไปใหญ่
เท้าใหญ่ก้าวมาหยุดยืนห่างจากเจ้าหล่อนเพียงไม่กี่ก้าว จะว่าน้ำตากับน้ำมูกของเธอบดบังตาเธอเหรอ ถึงไม่รู้ว่ามีผู้ชายหล่อมาดแมนยืนยิ้มขำเธออยู่ตรงนี้
"อึก! ไอ้เชี้_ ไอ้เลว ไอ้เปรตผู้ดีหน้าเงือก ไอ้...."
ร่างใหญ่สะดุ้งโหยงกับคำด่าของเธอ ก็ดูเอาเถอะยกมือเช็ดน้ำหูน้ำตา แถมน้ำมูกก็ไหลเข้าปาก โอ้ย! ผู้หญิงเชี้_อะไรน่ารักแบบแปลกๆ
คนร้องไห้ได้แต่ตะโกนด่ากับทะเลข้างหน้า น้ำตาก็ไหลไม่หยุด แถมน้ำมูกก็ไหล แต่หาสนใจไม่ ตอนนี้เธออยากด่าอยากระบายกับท้องฟ้า อากาศ สายลมเบื้องหน้ามากกว่า
"ขี้มูกคงจะหวานน่าดู เห็นไหลเข้าปากแลบลิ้นกินท่าจะอร่อยน่าดู ผู้หญิงแปลกประหลาดเชี้_ๆ น่ารักเชี้_ๆ โอ้ย! ไอ้คมอยากชิมขี้มูกเธอจังแม่ดุ๊กดิ๊กตัวกลม คงจะหวานๆ เค็มๆ น่าดู ดูเธอแล้วฉันหิวเลยว่ะ!"
หนุ่มใหญ่มองทุกการกระทำ อิริยาบถของผู้หญิงแปลกประหลาดที่ตนตั้งชื่อให้เธอเมื่อกี้ว่า "ดุ๊กดิ๊กตัวกลม" ก็ดูเอาเถอะหุ่นกลม แขนขาสั้น แก้มป่อง ดูดุ๊กดิ๊กน่าเลี้ยงเป็นเมีย
ยิ่งมองยิ่งอยากรู้จักแม่คนตัวเล็กร้องไห้ขี้มูกโป่ง เท้าใหญ่จึงก้าวเดินไปหาหญิงสาวอย่างอัตโนมัติ ด้วยความอยากรู้จักจึงยื่นมือไปสะกิดแขนเธอเบาๆ แล้วก็ได้ผล เมื่อเธอยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาของตนและตวัดสายตากลมโตมามองเขาด้วยความไม่พอใจ
“มีอะไรคุณ?” เสียงแข็งถูกเปล่งออกมาจากปากรูปกระจับสีชมพูของเจ้าของมัน
“เฮ้ย! ไม่มีอะไรก็สะกิดไม่ได้เหรอคนสวย” ตอนตีรวนกวนประสาท เดาก็รู้ว่าทำไมถึงมาร้องไห้อยู่ริมทะเล เห็นมานักต่อนักแล้วไอ้อาการแบบนี้ คงไม่พ้นอกหักมาแน่ๆ
“ฉันสวยแล้วทำไมไอ้หน้าเงือกนั่นทิ้งฉันไป อึก!” นั่นไงจะรู้ไหมว่าตัวเองได้พูดสะกิดปมของคนตรงหน้าเข้าให้แล้ว
“เป็นห่าอะไรอีกเนี่ย อุวะ! ร้องไห้แล้วเซ็กซี่ชะมัดเว้ย!”
หน้าเล็กๆ จิ้มลิ้มเวลาร้องไห้แล้วมันทำให้มีแรงดึงดูดแปลกๆ ก็อย่างว่าแหละ เธอสวยแปลก ดูการแต่งเนื้อแต่งตัวก็ปกติเหมือนหญิงสาวทั่วไป แต่หน้านี่สิสวยแปลกก็คือไม่ได้แต่งเติมอะไรเลยไม่แปลกได้ไง แถมน้ำมูกจะกรุณาเช็ดออกก็ดี ดูสิมันไหล่เข้าปากเธออีกแล้ว ‘โอ้ย! กูอยากดูดปากยัยคนนี้จริงเว้ย!’ กู่ร้องในใจด้วยความคึกคะนอง
“ก็คุณพูดเหมือนไอ้หน้าเงือกนั่น มันก็ชมฉันว่าสวย แต่มันก็ทิ้งฉัน ไอ้เวรระยำ ไอ้ชาติปลวก อึก! ไอ้...”
“นั่นคำด่าเหรอคนสวย” ยังพูดไม่สุดประโยค ก็ถูกถามแทรกขึ้น ไม่ให้ถามได้ยังไง คำด่าแต่ละคำมันตลกมากกว่าจะทำให้เจ็บปวด ไม่มีใครสอนให้เธอด่าใครรึไงกันเนี่ย
“ฮือๆ อย่าเรียกฉันว่าคนสวย มันทำให้ฉันคิดถึงไอ้เวรระยำนั่น อึก!”
กลืนก้อนสะอื้นลงคอ พร้อมกับยกมือขึ้นปาดคราบน้ำตาข้างแก้มออก แต่ลืมปาดเช็ดน้ำมูกที่ยังคงไหลเข้าปากตนออก เห็นมีน้ำมูกไหลไม่หยุด แถมจมูกแดง ไม่ใช่เพราะร้องไห้หรอกนะ แต่เธอเป็นหวัดมาหลายวันแล้วไม่หายสักที ยิ่งมาร้องไห้มันยิ่งทำให้น้ำมูกไหลไม่หยุดแบบที่เห็นนี่แหละ
“งั้นชื่ออะไร ไม่ดีกว่าดุ๊กดิ๊กน่ารักดี เหมาะกับคุณนะ ผมมองรวมๆ แล้วคุณดุ๊กดิ๊กเหมือนอะไรนะ...”
“หมา! จะบอกฉันว่าเหมือนหมาก็พูดมาเถอะไอ้หน้าโจร”
เจ้าหล่อนเอ่ยแทรกขึ้นอย่างรู้ความหมาย ก็มีอย่างที่ไหนมาหาว่าเธอดุ๊กดิ๊กเหมือนหมา แถมคนอะไรหน้าตาอย่างกับโจรป่า แต่งตัวก็กางเกงยีนขาดๆ เก่าๆ เสื้อก็เสื้อยืดตัวรุ่ยๆ เฮ้อ! ผู้ชายขี้ครอกที่ไหนเนี่ย แล้วทำไมเธอต้องมาเสียเวลากับผู้ชายเนื้อตัวมอมแมมสกปรกแบบนี้ด้วย หน้าก็มีแต่หนวดเครารกรุงรัง เห็นแล้วหงุดหงิดชะมัด
“เชี้_แล้วไหมดุ๊กดิ๊ก ฉันหล่อขนาดนี้เธอยังมองไม่เห็นอีกเหรอ เดี๋ยวพ่อจับเลียกินขี้มูกเลยนิ”
เขารึอุตส่าห์ภาคภูมิใจในความหล่อตัวเอง แม้จะมีหนวดเคราเจ้าหล่อนก็น่าจะมองทะลุความสง่างามที่ถูกซุกซ่อนไว้บ้าง คิดแล้วก็น่าขัน แม่นางน้อยคนนี้ไม่รู้จักเขาเหรอ เขาออกจะเป็นที่ปรารถนาของสาวๆ จะว่าไปเขาหล่อเลือกได้แหละ เลือกได้และอยากได้ดุ๊กดิ๊กเป็นเมียแล้วสิ คนอะไรสวยทุกอิริยาบถ สวยประหลาด
“ไอ้หน้าโจร! ไอ้แก่! ขี้มูกฉันฉันกินได้คนเดียว”
หล่อนชี้หน้าด่าคนแปลกหน้าที่ทำให้เสียเวลาสนทนาด้วย มือน้อยๆ ยกขึ้นเล็ดน้ำมูกของตัวเองออก เปรอะเปื้อนแก้มสวยผสมกับคราบน้ำตา ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาสังเกตจับจ้องใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างพิจารณา ยังไงชายคนนี้ก็ดูมีอายุกว่าตนแน่ๆ ฉะนั้นเธอเรียกเขาแบบนั้นถูกแล้ว
“เยอะไปแล้วแม่คุณ เยอะไปแล้ว อย่างฉันเขาไม่เรียกว่าแก่ เขาเรียกว่าอยู่นาน”
ยอมไม่ได้ จะด่าว่าเป็นอะไรก็ยอม แต่ว่า ‘แก่’ เขารับไม่ได้ แบบนี้มันต้องจูบสั่งสอน ใช่ต้องจูบ แล้วก็เร็วเท่าความคิด รวบร่างเล็กเขามาปะทะอกแกร่งตน
“อร้ายยยย....จะทำอะไรไอ้เชี้_”
“เดี๋ยวก็รู้ดุ๊กดิ๊ก”
มือใหญ่จับคางเล็กเชยขึ้น แล้วปากหนาร้อนของเขาก็ไม่รอช้าจะบดขยี้ปากอิ่มสีชมพูระเรื่อนั้น ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากเล็กอย่างต้องการค้นหาความหวานของเจ้าหล่อน ยิ่งได้รู้ว่าคนตัวเล็กจูบไม่เป็นก็ยิ่งชอบใจ จนเขาต้องดูดดึงลิ้นของเธอเล่น ก่อนจะผละอกมาเยาะเย้ยอย่างผู้มีชัย
“อ่า! เพิ่งเคยจูบเหรอดุ๊กดิ๊ก”
ถามพลางตวัดลิ้นไล่เลียแก้มของเธอ แล้วนั่นแหละคือสิ่งที่เขาต้องการแต่แรกคือน้ำมูกของเธอ จะว่ารังเกียจเหรอไม่เลย ไม่รู้ทำไมถึงอยากชิมน้ำมูกของเจ้าหล่อนนัก คนอะไรหวานทั้งน้ำมูก แม้จะเค็มนิดหน่อยแต่มันก็กลมกล่อมได้รสดีเหมือนกันนะ
“อ่า! ใช้ได้เลยนะ ดีกว่าขี้มูกฉันอีก”
เจ้าหล่อนหอบหายใจถี่แหงนมองคนตัวสูงที่กอดตัวเองไว้ด้วยความมึนงง นั่นเมื่อกี้เขาเลียแก้มเธอ แล้วที่บอกว่าใช้ได้มันคือน้ำมูกของเธอ ผู้ชายอะไรน่าขยะแขยง สิ้นดี ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ แล้วทำไมต้องยอมให้กอดด้วย
“ไอ้เชี้_ ปล่อยฉันนะ นะ...นายกล้าดียังไงมาจูบฉัน”
“ชูว์! ครั้งแรกสินะ ไม่เป็นไรฉันไม่ถือ ฉันจะสอนเธอเองแม่คนสวยของฉัน แล้วร้องไห้ทำไมฮึ”
ยังคงกอดรั้งร่างเล็กไว้ ก็จะให้พูดยังไงดีเนื้อตัวของเธอช่างนุ่มนิ่ม แถมกลิ่นตัวก็หอม คิดแล้วก็ก้มลงสูดดมแก้มนวลอีกครั้ง แม้เจ้าหล่อนจะเบือนหน้าหนีแต่ก็จะหอมแก้มอีกครั้ง
“อี้! เอาหนวดเคราสกปรกออกไปจากแก้มฉันนะ อี้! ขยะแขยง”
ดิ้นไม่หลุดได้แต่ต่อว่าอีกฝ่าย เกิดมาไม่เคยพ่ายต่อผู้ชายคนไหนเลย ขนาดแฟนคบกันมา 7 ปีก็ยังไม่เคยได้ทำถึงขนาดนี้ มากสุดแค่จับมือ แล้วไอ้แก่นี่เป็นใคร ทำไมถึงกล้าดีขนาดนี้
“นายหัว นายหัวจะกลับรึยังครับ”
อติคมยังไม่ทันได้แกล้งสาวเจ้าอีกก็มีเสียงแมลงมากวนเสียแล้ว จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่สมหวังลูกน้องคนสนิท สนิทจนบางครั้งไม่อยากสนิท พอพูดเล่นด้วยหน่อยมันก็เล่นใหญ่ทุกที เหมือนตอนนี้ไงไม่รู้จักเวลาล่ำเวลามาขัดขวาง มาขัดตอนคนจะได้เมียเนี่ยนะ คิดแล้วก็อยากไปเตะปากมอมๆ ของมันจริงๆ
“เออ! กูจะไปเดี๋ยวนี้แหละ เดี๋ยวกูจะหักเงินเดือนมึงเลยไอ้หวัง”
ตะโกนตอบลูกน้องก่อนจะหันมาก้มมองคนตัวเล็กที่ตอนมีอาการเหมือนคนเมากาว ก็ไม่เมาได้ไงเธอคงงงละสิว่าใครนายหัว ไม่บอกหรอกปล่อยให้งง ยังไงก็ต้องได้เจอกัน ฮึฮึ
“กลับก่อนนะดุ๊กดิ๊ก ขอบคุณสำหรับจูบแรกที่รอมอบให้ฉันนะ ส่วนขี้มูกเธอรสชาติหวานเค็มถือว่าใช้ได้ ส่วนแก้มก็นุ่มนิ่มดี สรุปเลยว่าฉันชอบ ครั้งหน้าเป็นเมียพี่นะน้องสาว....” ปล่อยร่างเล็กให้เป็นอิสระ แล้วเดินจากไป แต่เดินไปได้ไม่ไกลก็ต้องวิ่งกลับมาหาคนยืนงงสับสน แล้วดึงเข้ามาจูบปากอิ่มอีกครั้ง
“อะ! อือ!” ร่างเล็กครางอู้อี้ในลำคอ มือเล็กตีอกแกร่งด้วยความรังเกียจปากโสโครกและลิ้นสกปรกของคนตัวโต
“อืม! หวานจริงจูบที่สอง จองแล้วนะ เจอครั้งหน้าเตรียมตัวแก้ผ้าเลยอีหนู ออ! อย่าลืมคิดถึงว่าที่ผัวนะดุ๊กดิ๊ก” แล้วครั้งนี้เขาก็จากไปจริงๆ ไม่กลับมา
เจ้าหล่อนมองตามแผนหลังกว้างไปด้วยความมึนงง ไม่เข้าใจว่าเมื่อกี้มันฝันรึว่าความจริง มือเล็กยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเอง ก่อนจะเอามือทั้งสองข้างมากุมแก้มนวลของตัวเองด้วยความโกรธ
“ไอ้เลว! ไอ้หน้าหนวด! แกกับฉันถ้าเจอกันอีกฉันเอาแกตายแน่! ”
หล่อนหมายมาดแค้นเพียงลำพัง ก่อนจะเช็ดคาบน้ำตาและน้ำมูกของตนที่ยังคงไหลไม่หยุด พอเช็ดน้ำมูกก็ทำให้เขินอายไม่ได้ ก็เมื่อกี้ผู้ชายถ่อยคนนั้นเขาเลียกิน้ำมูกของเธอ คิดแล้วก็จะอ้วก
นิยายเรื่องนี้เป็นแนวท่านประธานคลั่งรักค่ะ “ลูคัส” กับ “ปิ่นปัก” มาลุ้นไปกับความรักของท่านประธานขี้หวงกับเมียเด็กจอมเย็นชากันนะคะ
เกือบหนึ่งพันปีที่เฝ้ามอบถวายชีวิตของตัวเองคอยรับใช้นายท่านนาสูร และเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกอนาคตตัวเอง เขากลับเคว้งคว้างเดินไม่ถูก และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อโชคชะตาส่งเด็กน้อยตัวเล็กอายุไม่กี่เดือนมาให้เขาได้ดูแล ‘เดหลี’ เขาดูแลเด็กน้อยไม่ต่างจากลูก แม้จะรู้ดีว่าอนาคตเด็กคนนี้จะเปลี่ยนชีวิตของตัวเอง ‘พาที’ นั่งใช้ความคิดอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่นของบ้านที่ตนเองและเดหลีอาศัยอยู่ด้วยกัน เพลานี้เด็กน้อยอายุเจ็ดขวบ เผลอแป๊บเดียวจากเด็กน้อยงอแงเอาแต่ใจ นอนตัวแดงแบเบาะ ตอนนี้รู้ความและขี้อ้อนมาก “คุณพาทีคะ คุณพาทีคะ” “หืม! เด็กน้อย” คนถูกเรียกหันมาหาเจ้าของเสียงเล็กสดใสของหนูน้อยวัยเจ็ดขวบ “แต่งงานคืออะไรคะ?” หนูน้อยเกาะแขนของผู้เปรียบเสมือนพ่อของตนเอง “คือคนสองคนรักกัน แล้วก็แต่งงานกัน เดี๋ยวโตขึ้นเดหลีก็จะเข้าใจเอง” พาทีลูบหัวหนูน้อยหน้ากลมที่แนบแขนตัวเองและกำลังแหงนเงยหน้าขึ้นมองจ้องหน้าตัวเอง เหมือนเขาที่กำลังก้มมองหน้ากลมๆ อ้วนๆ ของหนูน้อย “งั้นโตขึ้นเดหลีจะแต่งงาน และคุณพาทีต้องแต่งงานกับเดหลีด้วยนะคะ” “แต่งงานน่ะแต่งได้ แต่กับฉันไม่ได้เดหลี” “ทำไมไม่ได้คะ เดหลีรักคุณพาที ถ้าไม่แต่งกับคุณพาทีจะให้หนูแต่งกับใครคะ” หนูน้อยเจ็ดขวบตอบอย่างฉะฉาน ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจความหมายของคำว่า ‘รัก’ และ ‘แต่งงาน’ “โตขึ้นเธอจะรู้เองเดหลี ตอนนี้ได้เวลานอนแล้วนะ ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวฉันเอานมร้อนไปให้ดื่มก่อนนอนนะ” “อุ้มค่ะ” หนูน้อยยอมผละแขนสั้นๆ ที่กอดแขนใหญ่ออกมากางให้อีกฝ่ายอุ้มตัวเองกลับห้องนอน พาทียกยิ้มเอ็นดูท่าทางของหนูน้อยแล้วก็ช้อนอุ้มเด็กน้อยขึ้นแนบอกแล้วลุกขึ้นจากโซฟาพาเดินกลับห้องนอนด้วยเวลานี้ดึกมากแล้ว
“อ่ะ...อื้อ” เธอเบิกตากว้างในความมืดสลัวเมื่อรู้ว่าตอนนี้ตัวเองถูกคุกคามยามดึก “ชูว์! ฉันเองเด็กน้อย” เขายกมือมาปิดปากเธอพร้อมบอกให้รู้ว่าคือเขา “คุณนาสูร” “ใช่ ฉันเอง ก็บอกแล้วไงว่าเจอกัน” “ฟ้าอยู่” “เธอไม่ตื่นหรอก” เขาบอกตอบกลับ “แต่ไม่ได้นะคะ เราจะ...” “ทำไมจะไม่ได้ ก็ฉันหิวมาหลายวันแล้วน้อง เธอก็รู้ว่าฉันต้องการเธอมากแค่ไหน” เขารีบบอกสวนกลับโดยที่เธอยังพูดไม่สุดประโยคความ “พรุ่งนี้ฟ้าก็กลับแล้ว” เธอบอกพร้อมดันเขาไปนอนข้างๆ ตัวเองที่ยังมีพื้นที่ว่างอยู่ “ไม่มีพรุ่งนี้ทั้งนั้น ฉันต้องการวันนี้เด็กน้อย ขอเถอะนะ เพื่อนเธอไม่มีทางตื่นถ้าฉันไม่สั่งให้ตื่น เรามามีความสุขกันเถอะนะ ฉันรู้ว่าเธอเองก็โหยหาฉัน” มือใหญ่สอดเข้าไปในใต้ผ้าห่มแล้วบีบเคล้นเต้าของเธอ “อ่ะ...อื้อ คะ...คุณนาสูร ยะ...อย่าทำแบบนี้ค่ะ น้องอาย ถึงฟ้าจะไม่ตื่น แต่ฟ้าก็นอนอยู่ข้างๆ นะคะ” พึ่บ! แล้วผ้าห่มที่เธอแบ่งกันกับเพื่อนห่มนั้นก็ถูกถลกดึงรั้งขึ้นไปคลุมหัวของฟ้าใสทันที --- สวัสดีนักอ่านทุกคนค่ะ ณิการ์ขอฝากรูปเล่มนิยายเรื่อง “นาสูร” ภายใต้นามปากกา “ยักษ์” ด้วยนะคะ เป็นเรื่องราวของยักษ์ที่มาอายุนับพันกว่าปีกับมนุษย์สาวคนหนึ่ง แน่นอนว่าเป็นนิยายแฟนตาซีอีโรติกค่ะเรื่องนี้ “นาสูร” เป็นยักษ์ที่หิวกามมาก กินดุมาก เขาไม่สนใจเนื้อเท่ากับลีลารักบนเตียง และ “พุดซ้อน” ก็สนองตัณหาของเขาได้ดีทีเดียว แล้วเขาทั้งสองจะรักกันได้ยังไง เมื่อทั้งสองต่างแตกต่างกัน มาลุ้นไปกับความรักของยักษ์และมนุษย์ด้วยกันนะคะ
เรื่อง “มังกรกัณฐ์” นามปากกา “ยักษ์” ภาคต่อ “นาสูร” ด้วยนะคะ นิยายชุดนี้จะมี 3 เรื่องนะคะ นาสูร(อีบุ๊กพร้อมโหลด),มังกรกัณฐ์(อีบุ๊กพร้อมโหลด) และกลืนกิน(กำลังเขียน) วันนี้ฝากเรื่อง “มังกรกัณฐ์” ด้วยนะคะ เป็นเรื่องของลุกชายพ่อนาสูรมาลุ้นไปกับความรักความหื่นและความเอาแต่ใจของหนุ่มลูกครึ่งยักษ์กันนะคะ
“ไอ้พร้อม ไอ้ห่า มึงมันหยาบเกินคน มึงไม่เป็นลูกผู้ชาย” “ก่อนจะว่าแบบนั้น มึงดูเอ็นกูยัง มึงดูเอ็นกูแข็งร้อนขนาดนี้ มึงยังปากดีว่ากูไม่เป็นลูกผู้ชายอีกเหรอ”
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคนสองคนไม่เคยเจอกัน ไม่เคยรู้จักกัน แต่ต้องมาแต่งงานกัน แน่นอนว่าการคลุมถุงชนครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะคนแก่ทั้งสองที่ให้คำมั่นสัญญากัน พวกเขาที่เป็นหลานจึงจำต้องแต่งงานกัน "น่านน้ำ" หนุ่มเจ้าของไร่กาแฟ กับสาวมั่น "พิมพ์มาดา" ที่ต้องมาเจอกัน ทั้งสองไม่ใช่คนที่จะเชื่อฟังใครง่ายๆ ต่างคนต่างดื้อ และการคลุมถุงชนครั้งนี้จะต้องไม่เกิดขึ้น แล้วเรื่องราววุ่นวายจึงเกิดขึ้น หนี....ใช่ต้องหนีเท่านั้น....แต่หนีไปไงมาไงมา "รัก" กันได้ไง ที่สำคัญหนีไปหนีมามาเจอพ่อคน "เซ็กส์จัด" ใช่ค่ะว่าที่เจ้าบ่าวของเธอเซ็กส์จัดจนต้องยอมแพ้....และเธอก็ชอบความหื่น ห่าม ถ่อย ของคนที่ชังหน้าแบบไม่รู้ตัว......และน่านน้ำก็หลงเจ้าสาวจอมดื้อแบบไม่ตั้งใจรักเช่นกัน...... ------------ “นายทำบ้าอะไรของนาย” “ลงโทษเมีย” น้ำคำห้วนๆ ตอบกลับทันควัน พร้อมกับจ้องหน้าสวยที่ตอนนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจในตัวเขาอยู่ในที แล้วเรื่องอะไรเขาต้องสนใจสายตาเกลียดชังที่หล่อนส่งมาให้ด้วยเล่า ในเมื่อพิมพ์มาดาเป็นของเขาและต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นายน่าน” เธอสั่งเสียงแข็งไม่ยอมเช่นกัน พร้อมดิ้นหนีจากแรงกดของบุรุษที่คร่อมเหนือตัวเองอยู่ในตอนนี้ เขาบังคับให้เธอพิงไปกับพนักโซฟาและตัวเขาก็คร่อมกักร่างเธอไว้ โดยมีสองมือใหญ่กดหัวไหล่เธอให้อิงพิงไปกับพนักเก้าอี้ สองมือทุบตีไปกับหน้าอกแกร่งแต่เหมือนกับว่าทุบกำแพงหินผาเจ็บมือเสียแรงเปล่า “ทำไมฉันต้องปล่อยด้วย เธอคิดยังไงถึงไปคบกับไอ้ปลัดธนูนั่นทั้งๆ ที่มีฉันเป็นผัวทั้งคน หรือฉันคนเดียวไม่พอฮึดา” โน้มหน้าลงไปเอ่ยข้างหูเธอพร้อมกับกัดดึงหูเธอแรงๆ ด้วยความโมโห “โอ๊ย! ฉันเจ็บนะไอ้ซาดิสม์!” “ก็กัดให้เจ็บ ถ้าไม่เจ็บจะกัดทำไมวะ บอกฉันมาไปถึงไหนต่อไหนกับมันแล้ว” เงียบ! ปากช่างเจรจาของสาวจอมพยศเม้มแน่นไม่ปริปากตอบเมื่อเขาถาม และนั่นยิ่งกระตุ้นไฟโทสะในอกของน่านน้ำไปใหญ่ “ฉันถามเธออยู่ทำไมไม่ตอบ” เขากระชากเสียงถามเธอดังกว่าเดิม และครั้งนี้ก็บีบหัวไหล่ของเธอที่กดไปกับพนักโซฟาด้วย “เจ็บนะเว้ย! นายมันบ้าไปแล้วนายน่าน นายมันคนซาดิสม์ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันเจ็บ” ทุบตีแขนของเขาให้นำพามือที่บีบหัวไหล่ตัวเองออก ตอนนี้ดวงตาสวยสดใสได้อาบล้นไปด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บปวด เมื่อเขาไม่ยอมปล่อยมือจากหัวไหล่แต่เขากลับทำตรงกันข้ามคือบีบแรงกว่าเดิม “ฉันไม่ใจอ่อนกับน้ำตาของผู้หญิงอย่างเธอหรอกนะดา อย่ามาบีบน้ำตาปัญญาอ่อนต่อหน้าฉัน” น้ำเสียงเฉียบขาดเอ่ยขึ้นพร้อมกับผละมือข้างขวามาบีบคางเล็กของเธอให้แหงนเงยเชิดหน้าขึ้นสบตาตนเอง แล้วเขาก็โน้มลงไปบดขยี้ปากอวบอิ่มสีระเรื่อที่เม้มแน่นของหล่อนจริงๆ ในเมื่อไม่ยอมพูดไม่ยอมตอบเขาก็ไม่คิดจะสนใจแล้ว เพราะตอนนี้สิ่งที่ต้องการคือการทำให้พิมพ์มาดาจำ จำว่าร่างกายของหล่อนคือของเขา นายน่านน้ำไม่ใช่ของใครอื่นที่ไหน ผู้ชายหน้าไหนก็ห้ามแตะ เพราะเนี่ยคือสมบัติของเขา ถ้าเขาไม่ยกให้ใครหน้าไหนก็ห้ามพาหล่อนหนี “อ่ะ อื้อ.....
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มจนฉันต้องลดหนังสือในมือลงชะเง้อคอมองไปที่ถนน “เสียงท่อรถแบบนี้ ผ่านด่านตรวจมาได้ยังไงวะ?” ความรู้สึกแรกหลังได้ยินเสียงแสบหู ท่อไอเสียที่ถูกตัดแต่งเพิ่มเสียงให้ดังมากขึ้น จนทำให้คนที่ได้ยินเกิดความรำคาญ และฉันเป็นหนึ่งในหลายคนที่เบ้ปากร้องยี๋ แต่ฉันอาจจะอาการหนักกว่าคนอื่นนิดหน่อยก็ได้ เพราะฉันกำลังติดพันกับหนังสือนวนิยายที่เพิ่งได้มา มันเป็นหนังสือนิยายทำมือของนักเขียนท่านหนึ่งแต่ติดเรท ที่ฉันพยายามหลบๆ อ่าน เพราะบางทีสายตาของคนอื่นตอนที่มองปกหนังสือก็ทำให้ฉันหงุดหงิดเล็กๆ ฉันคิดในใจทุกครั้งหากสายตาคนเหล่านั้นพุ่งตรงมาที่หนังสือในมือฉัน ฉันซื้อมาด้วยสตางค์ที่หาได้ ไม่ได้ไปใครขโมยใครมา แล้วทำไมล่ะ ความชอบส่วนตัวของฉันจึงไปขัดตาคนอื่น จบเรื่องนั้นกันก่อนเถอะค่ะ เรามาว่ากันต่อด้วยเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น ไอ้รถบิ้กไบค์คันนั้นดันมาจอดใกล้ๆ แปลที่ฉันนอนซุ่มอ่านหนังสือเล่มโปรดอยู่นี่สิ!!
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"